ปีนี้เราขอแยกกันอยู่กับแฟนมาหลายครั้งแล้วค่ะ เนื่องจากอยู่กันมานานแต่ไม่มีการคุยเรื่องการแต่งงาน เราอายุ 35 ปีแล้ว แฟนอายุ 31 ปี อยู่กันมา 9 ปี ช่วงแรกอยู่ด้วยกัน แฟนดูแลเราดีมากค่ะ แม้ว่าเงินเดือนจากการเริ่มต้นทำงานไม่มากนัก ตอนนั้นเราทำธุรกิจส่วนตัว มีปัญหาเรื่องการขาดสภาพคล่อง แฟนจะเอาเงินเดือนมาช่วยในเรื่องค่าเช่า หรือค่าใช้จ่ายในบ้าน หรือดูแลเรื่องเราส่งเงินให้พ่อกับแม่บ้างบางเดือน จนเราเลิกทำธุรกิจ อยู่เฉย ๆ แฟนยังให้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเดือนละหมื่น แต่เราก็อยู่เฉย ๆ ไม่นาน เราก็ออกหางานทำ ก็ได้ทำงาน แฟนก็มีรายได้มากขึ้น เดือนละเกือบห้าหมื่นบาท แต่ทำงานหนักมาก เราทำงานได้เดือนละ แปดพันกว่าบาท แฟนเริ่มให้เราออกค่าใช้จ่ายในบ้านด้วย เงินเดือนละหมื่นที่เคยให้ก็งด การเดินทางไปทำงานระยะทางก็ค่อนข้างไกล เรามีรถส่วนตัว แต่แฟนเป็นคนใช้ เราจึงบอกให้แฟนซื้อรถหรือเอารถที่บ้านมาใช้ เพราะบ้านแฟนมีรถหลายคัน ทะเลาะกันเรื่องรถบ่อยมาก ๆ เพราะเราเลิกทำงาน 4 ทุ่ม แฟนไม่มารับหลังเลิกงาน เราต้องขึ้นรถสาธารณะกลับ 4 ต่อ กว่าจะถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ต่อมาเราย้ายงานไปที่ใกล้บ้าน เราต้องเข้าทำงานกะเช้า ตี 5 นั่งรถ 3 ต่อไปทำงาน ( ถึงระยะทางจะใกล้แต่ไม่มีรถสาธารณะผ่าน ) เราก็พูดเรื่องรถอีกครั้งให้แฟนเอารถที่บ้านมาใช้ มาทำงานที่ใหม่ได้เงินเดือนมากกว่าที่เดิม แต่ค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม ที่ทำงานใหม่ต้องซื้อเครื่องสำอางค์เพิ่มขึ้น ใครมาทำงานไม่แต่งหน้าจะโดนตำหนิ ( น้องชายมาทำงานด้วย ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของเราไม่ดีเลย เดือนชนเดือน หรือบางเดือนไม่พอใช้ ) เราเคยเอ่ยปากกับแฟนบ้าง เค้าบอกว่าไม่มี ( ตั้งแต่เราเริ่มทำงาน แฟนไม่เคยให้เงินใช้เลย ) เค้าบอกว่าอยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยกันออกค่าใช้จ่าย เราก็ยอมรับว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แต่เราไม่มีสภาพที่จะออกได้มาก คนเงินเดือนหมื่นนิด ๆ กับคนเงินเดือนเกือบห้าหมื่น มีค่าคอม โบนัสให้อีก เราเริ่มคิดมาก จนสุขภาพเราไม่ดี เราจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ขอรถคืนจากแฟน จนเค้าไปเอารถที่บ้านมาใช้ มีครั้งหนึ่งรถเราเสีย เค้าให้เราไปซื้อของที่โลตัส เราก็ยืมรถเค้าไป เค้าไม่ให้ค่ะ บอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมากับรถ เรารับผิดชอบไม่ไหว ( รถยุโรป ) ตั้งแต่เราขับรถเรามาไม่เคยขับไปมีอุบัติเหตุเลย เราไม่เคยได้ยุ่งกับรถเค้าเลย เราลาออกจากงาน เค้าไม่เคยถามว่ามีเงินไหม ระหว่างการตัดสินใจจะเปิดร้านขายของ ซึ่งช่วงนั้นเราว่างอยู่ ไม่มีเงินใช้ ต้องส่งให้พ่อกับแม่ด้วย ทำให้เราต้องถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำมากินใช้ จนเราตัดสินใจขายของตลาดนัดโดยการใช้รถคันเดิม ( รถเก๋ง ) แฟนช่วยเงินลงทุนมา 13,000 บาท จากนั้นเราลงเอง ข้อจำกัดของรถเล็กคือขนของได้ไม่หมด เราจึงตัดสินใจเอาเงินฝากเรามาดาวน์รถกะบะ ตอนแรกไฟแน้นท์มีปัญหาเพราะเราไม่มีเงินฝากเข้า ออก เพราะเพิ่งเริ่มต้นขายของ ไม่ได้เอาเงินเข้าธนาคาร ไฟแน้นท์ต้องการคนค้ำเราจึงไปพูดกับแฟน เค้าไม่ค้ำให้ค่ะ เค้าบอกว่าทางครอบครัวเค้า แม่ น้อง จะออกรถ เค้ายังไม่ไปค้ำให้เลย เราน้อยใจมากค่ะ ก็เลยถามเค้าตรง ๆ ว่า กลัวเราผ่อนไม่ได้ใช่ไหม กลัวเป็นภาระเค้าใช่ไหม เค้าบอกว่าไม่ใช่ ( แต่มันคืออะไรหล่ะ ตอนเราทำงานเค้าให้เราจดรายละเอียดทุกอย่างว่าวันนี้ใช้จ่ายอะไรไปมั่ง แล้วเอามาให้เค้าดูเวลาเรารบกวนเรื่องเงินเล็กน้อย แต่เราไม่ได้ทำ ) เราขายของตลาดนัด ทำให้เรามีเงินเก็บบ้าง ส่งทางบ้านได้มากกว่าที่ทำงานบริษัทฯ มีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ( สำหรับครอบครัวเรา เราเป็นหลักของบ้าน พ่อกับแม่เป็นชาวนาค่ะ ) จนน้องชายมีปัญหาในการทำงาน เราก็ให้ออกมาขายของด้วยกัน โดยเราเป็นผู้ออกเงินให้ ) ตอนนี้เรา 2 พี่น้องช่วยกันขาย ช่วยกันผ่อนรถ ก็ไปได้เดือน ๆ แบบไม่เดือดร้อนอะไรมาก
จากคุณ :
ถอดLog In มาโพสต์
- [
29 พ.ย. 51 11:30:04
A:124.121.244.90 X: TicketID:195985
]