ความคิดเห็นที่ 1 ขอสวัสดีปีใหม่ชาวโยคะนอกเสื่ออย่างเป็นทางการ... บุญรักษาทุกคนนะิครับ.... ว่ากันเรื่องปีใหม่...ปกติชมรมของเราจะมีการตั้งปฏิภาณ ...(มันมีตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย..เออ) ก่อนเริ่มปี ว่าปีนี้  เราคิดจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง... (ปล. หากสมาชิกชมรมไม่รู้ว่าต้องมีการตั้งปฏิภาณตอนต้นปี  ก็ขอแจ้งซะบัดนาว... ว่าให้ทุกคนเขียนมาส่งในกระทู้นี้ครับ...ว่ามุ่งหวังจะทำอะไรให้สำเร็จบ้างในปีนี้...) มาเริ่มจากของผมก่อนแล้วกันนะ แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 12:03:19 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 7 ม.ค. 52 11:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. ผมจะรักและดูแลครอบครัวและคนรอบข้างให้ดี (มาก....ก)และมากกว่าที่เป็นอยู่ 2. ผมตั้งใจจะสอนให้นักเรียนในคลาสผมทุกคน อย่างน้อยที่สุด  เตะขึ้นท่าHand Stand  โดยใช้กำแพงคอยช่วยให้ได้....ฟันธง!!! 3. ผมตั้งใจว่า...จะทำให้นักเรียนทำท่า Backbend ให้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด... 4. จะหางานประจำใหม่ให้ได้ 5. จะพยายามเขียนกระทู้อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง และพยายามจะตีพิมพ์โยคะนอกเสื่อเป็นหนังสือให้จงได้   และจะแบ่งปันความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับโยคะกับผู้คนรอบข้างให้ได้มากที่สุด 6.ผมจะลดน้ำหนัก  (แฟนสั่งมาครับอันนี้....บอกว่าควรจะรู้ตัว....โกรธอ่ะ) เอาหกข้อพอแล้วกัน  เดี๋ยวมากไป จะเหนื่อย...:P แล้วสิ้นปีมาดูกันครับ.... การที่เราคิดจะทำอะไร  แล้วเขียนหรืิอพูดมันออกมากดัง ๆ เป็นเสมือนการย้ำเตือนว่าเราจะทำมันแน่ๆ เหมือนเริ่มก้าวแล้วหนึ่งก้าว เป็นก้าวแรกที่สำคัญ ไม่ืใช่แค่คิดลอย ๆ อยู่ในใจแล้วไม่ได้เริ่มสักที ผมเลยอยากแนะนำให้ทุกคนเขียนมันออกมาครับ... แล้วมาดูกัน  ว่าเราจะทำอย่างที่หวังได้มากน้อย เพียงใด แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 12:10:10 แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 12:02:40 จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 7 ม.ค. 52 12:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทีนี้  ในปีที่ผ่านมา ผมก็ได้มานั่งคิดทบทวน...ว่ามีเรื่องดี ๆ อะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง... บางครั้ง  เรามัวแต่มองจุดมุ่งหวัง... มองหาแต่อะไรๆ ที่เราอยากได้ เราขาด เราไม่มี... ทำให้เรารู้สึกถึงความไม่มี...ตลอดเวลา เหมือนผมถามหลายๆ คนว่า  ข้อดีของเราคืออะไร... น้อยคนมากที่จะตอบข้อดีของตัวเองได้อย่างรวดเร็วและฉะฉาน เพราะเรามักมองสิ่งที่เราขาดไปเสมอ หากเราลองมองย้อนกลับไป นั่งอ่านอีเมล์เก่า ๆ มองเรื่องเก่า ๆ ที่เราได้ทำ ประสบการณ์ที่ผ่านมาในหนึ่งปี  ไม่ว่าดีหรือร้าย... เราก็จะได้ภูมิใจ  ว่าทุกวันนี้เรามีอะไรบ้าง... และพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีและเป็นอยู่ เราจะเห็นคุณค่าของน้ำ ก็ต่อเมื่อน้ำไม่ไหล  การประปาตัดน้ำไฟทิ้ง หากบ้านไม่มีน้ำใช้แค่หนึ่งวัน  ลองคิดดูว่าลำบากแค่ไหน แต่เมื่อเรามีน้ำใช้อยู่ทุกวัน  เรากลับไม่มองไม่เห็นคุณค่า เพียงเพราะเรามักได้มันมาง่ายๆ แล้วก็คิดว่าเราจะหามันได้ง่ายๆ  ในอนาคตเช่นกัน... การฝึกโยคะก็เช่นกัน... หลักของ  Hatha โยคะคือ การใช้ใจบังคับกาย ฝึกดูกาย... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 7 ม.ค. 52 12:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดังนั้นท่าอาสนะต่างๆ  เช่นท่าที่ยาก (Advance postures) หรือท่าที่มีการผูกมัดร่างกาย...(Binding postures) จุดประสงค์อย่างหนึ่งก็เพื่อ"สร้างอุปสรรคในการฝึุก" (create constrain or obstracle, confinement) หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมสร้างอุปสรรคในการฝึุก??? เดี๋ยวมาต่อกันครับ.... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 7 ม.ค. 52 12:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การทำให้ร่างกายเกิดข้อจำกัด  เช่นการผูกจับข้อมือ (Binding) ในท่าก้ม นั่ง หรือ ยืน ก็เพื่อให้เรารู้สึกถึงความหนักอึ้งของพันธะ  ของความผูกมัด "ในความไม่สบายกาย  เราบังคับตัวเองให้หาความสบายในท่าอาสนะ...." ชีวิตประจำวันก็เช่นกัน  ปัญหาและอุปสรรค  ก็ให้เกิดความไม่สบายใจ เพราะทุกข์  เราจึงหาทางออกจากความทุกข์ การสร้างความยาก หรือข้อจำกัดในท่าอาสนะก็เช่นกัน เวลาอยู่ในท่าอาสนะ ในความไม่สบาย... เราพยายามหาทางผ่อนคลายในท่าอาสนะให้ได้มากที่สุด เสมือนเราเจออุปสรรคในชีวิต  เราหาทางแก้ไข  ผ่อนคลายทุกข์ในใจให้ได้มากที่สุด เมื่อเรา ออกจากท่าอาสนะ.... เราก็จะเห็นคุณค่าของการปลดปล่อย  ความอิสระ (Freedom) เพราะเราได้รู้ (Feel) ได้สัมผัส เมื่อร่างกายโดนผูกมัด เรารู้สึกอึดอัดอย่างไร   เมื่อโดนปลดปล่อย  เราก็จะเห็นคุณค่าของความอิสระเฉกเดียวกัน... "ทุกข์จึงเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข" หากเราไม่เคยทุกข์ เราก็จะไม่รู้ว่าความสุขสงบมี ค่าเพียงใด หากเราไม่เคยถูกพันธนาการในท่าอาสนะ...เราก็จะไม่รู้คุณค่าว่าแม้เพียงเรานั่งขัดสมาธิได้  มันมีค่ามากเพียงใด ชาวต่างชาติ บางคนต้องฝึกโยคะนานนับปี เพียงเพื่อให้นั่งท่าขัดสมาธิเพชร (Lotus pose) ได้ หากแม้นเรานั่งขัดสมาธิเพชรได้โดยง่าย เราควรจะดีใจ  มีความสุขกับสิ่งที่เรามี เราเป็น เพราะบางคน แค่นั่งขัดสมาธิเพชร  ก็ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง... การรู้จักยินดีกับสิ่งเล็ก ๆ น้อยน้อยที่เราได้รับ ภูมิใจและพอใจในสิ่งที่เราเป็น เราได้ ชีวิตที่พอเพียง เรียบง่าย... เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราได้รู้จักความสุข ดังนั้นในปีที่ผ่านมา  อยากให้เราลองทบทวน ว่าเกิดอะไรบ้างในชีวิตเรา  ที่ทำให้มันมีคุณค่า มีความหมาย ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น เก็บเอาไว้เป็นกำลังใจให้เราในอนาคต ยินดีกับอุปสรรคที่กำลังจะก้าวเข้ามา เพราะเป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้รู้จักตัวเองดีขึ้น มองเห็นความจริง สัจธรรมแห่งชีวิตได้มากขึ้น และต้อนรับสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาหาเราโดยไม่คาดหวัง และพอใจกับสิ่งที่มีและได้มาแล้ว.... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 7 ม.ค. 52 14:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆ แล้ว  ไม่จำเป็นเลย ที่ต้องทำให้ชีวิตตนเองลำบากเพื่อให้เห็นค่าของความสุขและพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ แต่ธรรมชาติของใจ  มักหลง มักลืม มักแสงหาแต่สิ่งที่เราอยากมี อยากได้ ค้นหาในสิ่งที่เราไม่มี  ไม่จบไม่สิ้น การฝึกโยคะโดยการสร้างอุปสรรคในการฝึก จึงเหมือนเป็นการเตือนใจอย่างหนึ่ง ให้ตระหนักถึงคุณค่าที่เรามี  ยินดีในสิ่งที่เราเป็น เมื่อสุขจะได้สุขอย่างเต็มที่ และไม่หลงลืมว่าเมื่อสุขได้  ก็ทุกข์ได้เฉกเดียวกัน ตระหนักถึงความไม่แน่นอน...ซึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอน ปล. อย่าลืมส่งการบ้านนะครับ ลูกศิษย์ที่รักทั้งหลาย บ๊ายบุย จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 7 ม.ค. 52 14:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีปีใหม่ครับ ครูปอย ปีนี้อยากขอทำความดีกะพ่อแม่มากขึ้นครับ รู้สึกปีที่ผ่านมาไม่ได้เอาใจใส่ท่านทั้งสองมากเท่าที่ควร เท่านี้แหละครับ รอท่านอื่นมาต่อครับ จากคุณ : jumbara (jumbara) - [ 7 ม.ค. 52 17:30:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีปีใหม่ค่ะครูปอยและเพื่อนๆ ปีใหม่นี้ไม่ได้อยากทำอะไรเป็นพิเศษ เพราะคิดว่าในสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเพียงพอและพอเพียงแล้ว ท่าโยคะก็คงมี head stand แต่จะบอกว่า อยากทำให้ได้ในปีนี้ คงไม่ได้แน่ๆ อ่ะ หากคุณร่างกายและจิตใจไม่พร้อม ก็เสร็จกัน เอาเป็นว่าจะพยายามต่อไปค่ะ อิอิ จากคุณ : สาวสยาม - [ 7 ม.ค. 52 19:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นึกว่าจะไม่ได้อ่านเรื่องเขียนโยคะนอกเสื่ออีกซะแล้ว ดังนั้นดิฉันก็แอบเชียร์ข้อ ๕ ก็แล้วกันนะคะ ส่วนดิฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะคล้ายๆกับคุณสาวสยามค่ะว่าสิ่งที่ทำก็ทำด้วยความตั้งใจอย่างดีที่สุดแล้ว และก็ตั้งใจทุกวันว่าจะพยายามไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเพราะการกระทำของเราทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ นมัสเต ขอให้มีความสุขทุกวันนะคะทุกท่าน จากคุณ : กระต่าย - [ 7 ม.ค. 52 21:03:26 A:192.168.0.17 X:192.168.1.127, 119.42.70.134 TicketID:166635 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวหรือใกล้กับโยคะละกันครับ 1 จะฟิตร่างกายให้มากกว่าปีที่ผ่านมา   (หลังจากผ่อนเบามาปี หลังลดน้ำหนักได้ตามเป้า) 2 ลดการฝึกโยคะลงสักนิด (อ้าว!!)..นิดเดียว แล้วเพิ่ม weight trainning   (อยากได้กำลังไหล่ที่ดี ท้องที่ดี กว่านี้ เพืื่อเป้าหมายอะไรบางอย่างในใจ ที่อาจจะไม่มีโอกาสไปถึง) 3 จะพยายามทำ back bending ให้ดีขึ้น ,   หวังว่าจะขึ้นท่า นกยูงรำแพน ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องใช้กำแพง   หวังว่า handstand จะนิ่งได้มากขึ้น แม้ว่าจะต้องอาศัยกำแพงก็ตาม   และอีกอันขอให้ท่าหนุมานมีเค้าลางมากกว่าเดิมอีกหน่อยก็ยังดี อิอิ แค่นี้ก่อนละกัน เห็นด้วยกับครูปอยว่า เยอะข้อไปก็จะเหนื่อยเกิน :P จากคุณ : Mining Old Man - [ 9 ม.ค. 52 11:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาสวัสดีปีใหม่ด้วยคนค่าาาาา เอ๊ะ ข้อหก แฟนสั่งให้ลดน้ำหนัก ครูปอยมียาใจแล้วหรือคะ เป็นใครเอ่ย ไม่เคยเห็นเกริ่นมาก่อนเลย แล้วเมื่อปลาย ธ.๕.ที่ผ่านมาน่ะ ที่ว่ามีนัดกันน่ะค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ สนุกไหม มีรูปมาอวดไหมคะ ขนมหวานได้รับข้อความตอนอยู่เวียดนามค่ะ ตอนนั้นอยากปรี่มาเมืองไทยทันทีเลยค่ะ แต่ทำไม่ได้อ้ะ ของขนมหวานอยากให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้ค่ะ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จนป่านนี้ โลตัสโพสต์ยังไม่ได้สักที อยากมีความอดทนต่อการอยู่ในท่า อยู่กับลมหายใจให้ได้นานกว่านี้ค่ะ มีมาสเตอร์อยู่คนหนึ่งคอยพูดอยู่เสมอว่า No pain no gain ขนมหวานก็คอยกลั้นใจอดทนต่อความเหนื่อย และเมื่อย เจ็บ ตอนฝึกท่าที่ตัวเองไม่ถนัด เอาประโยคนี้ไปพูดที่ทำงานเวลาเพื่อน บ่นไม่อยากทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ เพื่อนบอกว่าชอบประโยคนี้จัง สั้นๆแต่กินใจ ชีวิตก็อย่างนี้แหล่ะค่ะ ไม่เจ็บก็ไม่ได้สิ่งที่ตั้งเป้าไว้ จากคุณ : ขนมหวานเมืองเพชร - [ 9 ม.ค. 52 20:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โว้ววว เฝ้ารออ่านกระทู้ตั้งนานค่ะ และแล้วก็ได้อ่าน สวัสดีปีใหม่ครูปอยและสมาชิกทุกท่านนะคะ เราคิดถึงโยคะมากๆ ไม่ได้เล่นมาหลายเดือน เพราะท้องอยู่ แหะๆๆ ความจริงเห็นมีคนท้องเล่นเหมือนกันในห้องเรียน แต่เราไม่อยากเสี่ยง เพราะเป็นคนชอบใส่เต็มร้อย เวลาทำท่า down facing dog แล้วรู้สึกท้องมันจะยุบไปข้างในเยอะมาก กลัวว่าจะไปเบียดเด็ก คงอีกนานกว่าจะได้กลับไปเล่นอีก ตอนนี้อาศัยอ่านกระทู้ ดูภาพท่าโยคะสวยๆ ไปก่อน ครูปอยและพื่อนเอาท่าโยคะสวยๆ มาลงอีกนะคะ อิ อิ ^ ^ จากคุณ : Pimnattada - [ 10 ม.ค. 52 21:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาทักทายทุกคนอีกรอบ....เดี๋ยวค่อยตอบกระทู้นะครับ... รอเพื่อน ๆ มาโพส new year resolution กันก่อน....อิอิ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 11 ม.ค. 52 19:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หลังคลอดคงกลับมาตัวแข็งเหมือนเดิม แต่สัญญาว่าจะฝึกโยคะต่อ โดยเฉพาะ back bend เปิดหัวใจเยอะๆ (แบบว่า ท่า lord of the dance ยังเป็นด้วงอยู่เลย แหะๆๆ) จากคุณ : Pimnattada - [ 12 ม.ค. 52 18:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ II II นึกไม่ออก...ด้วงกับนาฏราช....อุอุ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 12 ม.ค. 52 21:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาแสดงความยินดีกับคุณพิมค่ะ ที่กำลังจะมีน้อง ขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่ และลูกนะคะ ท้องก็เล่นโยคะได้ค่ะ แถมยังช่วยให้คลอดง่ายด้วยค่ะ (ยังกับเคยคลอดมาก่อน อุอุอุอุ) ทั้งลูกและแม่จะได้มีจิตใจที่มั่นคง สงบทั้งคู่ แหม คุณพิมยังดีนะคะที่ท่าเป็นด้วงแล้ว ของเค้ายังเป็นดักแด้อยู่เลย แย่กว่าอีก จากคุณ : ขนมหวานเมืองเพชร - [ 12 ม.ค. 52 23:44:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถามหน่อยครับ ครูปอย หรือผู้รู้ผู้ไม่รู้ทั้งหลายก็ได้ :) เรื่องสรีระอะครับ ผมสงสัยว่าถ้าโดยพื้นแล้ว คนที่ตัวไม่อ่อนมากเนี่ย ควรฝึกโยคะในแบบไหนอะครับ, หมายถึงในหลายสไตล์ที่เห็นสอนสอนกันอยู่ แล้วแบบดั่งเดิมหรือที่สอนกันในอินเดีย เนี่ยเขาแบ่งประเภทยิบย่อยหรือเปล่า? เพราะตัวผมเองค่อนข้างแข็ง ทีนี่วันไหนที่ต้องบิดตัวมากมาก มันไม่ถูกจริตอะครับ ไม่เหมือนตอนฝึกท่าที่ต้องใช้ strength มากหน่อย อันนั้นเหนื่อยแต่รู้สึกชอบ (รู้ว่าต้องพยายามนะครับ เรื่องบิด เรื่องแ่อ่น แต่ก็อดคิดไ่ม่ได้ว่า ทำแบบที่ชอบให้สุดสุดไปก่อนก็ดี) สรุปว่าเราควรจะหาสไตล์ที่ใช่สำหรับเราหรือเปล่าครับ ผมหมายถึงว่าเน้นไปทางใดทางหนึ่งมากหน่อย (strength และ flexibility) อีกคำถามนะครับ...ถามแบบคนบ้านนอก ไม่เคยรู้จักคลา่สแบบเมืองกรุงอะครับ อยากรู้ว่าเขาสอนกันยังไง มีท่าประจำหรือเปล่า ผมเข้าใจว่า โยคะร้อนก็มี 26 ท่า, อัษฎางค ก็มี step ท่าของตัวเอง แต่ทั่วทั่วไปนี่เป็นแบบไหนครับ? แต่ละครั้งที่สอนนี่ท่าเหมือนกันหรือเปล่า หรือประมาณว่ามีท่าอยู่ราว 50 ท่่า(สมมุตินะครับ) แล้วก็หมุนเวียนสอนคราวละ 10-15 ท่า อะไรประมาณนี้ แล้วมีการจัดท่าอะไรขนาดไหนครับ ...ถามแค่นี้ก่อนครับ แล้วเดี๋ยวมาถามต่อ :) ขอบคุณที่อ่่านและตอบครับผม ;):) จากคุณ : Mining Old Man - [ 13 ม.ค. 52 08:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มารีพลายก่อนหนึ่งรอบ... "jumbara" เยี่ยมครับ...ครอบครัวมาก่อนสิ่งอื่นใด... ยิ่งไปกว่านั้น...ตัวเองต้องมาก่อนครอบครัวด้วยครับ... ไม่ได้บอกว่าให้เห็นแก่ตัว... แต่ก่อนที่เราจะดูแลคนอื่นได้  เราต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน... ความสุข อิ่มเอม ความสมบูรณ์พร้อมจากภายใน จะส่งต่อถึงคนรอบข้าง....ครอบครัว เพื่อน ญาติพี่น้อง เป็นวงกว้างออกไปได้เรื่อย ๆ ครับ... ขอให้สมหวังดังใจนะครับ... "สาวสยาม" อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ครับ...รีบ ๆ ช้า ๆ แล้วจะเห็นผลในเร็ววัน...อิอิ "กระต่าย" ขอบคุณที่ติดตาม  ได้อ่านสมใจแล้วนะครับ... ที่บอกว่าไม่อยากคาดหวัง จริงๆ  หวังได้  แต่อย่า"คาด"ครับ...แล้วจะดีเอง... เหมือนผมบอกให้เขียน New Year Resolution   เพื่อหวังไว้ครับ และตั้งใจทำให้ดีที่สุด... แต่อย่าไปคาดกับความหวังครับ... วาง Expectation :) จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 13 ม.ค. 52 21:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "ขนมหวานเมืองเพชร" เรื่องใจยา ยาใจ...ไม่ขอโบก...อุอุ แต่เรื่อง meeting เจอกันแค่ไม่กี่คนครับ ส่วนใหญ่ไม่ว่าง...มีคนแอบบอกว่าอยากเห็นตัวจริงขนมหวานแหละ.... อิอิ... ส่วนเรื่องความอ่อนตัว..ฝึกสม่ำเสมอเท่านั้นครับ...คือคำตอบสุดท้าย... No pain...Np gain เห็นด้วยครับ เพราะเจ็บจึงรู้จักหาทางเลี่ยงหรือหลีก  ไม่ให้เจ็บ ประสบการณ์จึงเป็นสิ่งวัดความเป็นคน... ผ่านร้อนหนาว  มาเพื่อเรียนรู้  วิธีหลบร้อน...และหาความอบอุ่นในหน้าหนาว... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 13 ม.ค. 52 21:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 "Mining Old Man" หากถามผม...ปกติถ้าร่างกายยืดหยุ่นได้น้อย ต้องวอร์มให้ถึงครับ.... เมื่อร่างกายอบอุ่นพอเพียง...จะเปิดและทำท่าได้ลึกขึ้น... ดังนั้นฝึกแบบใดก็ได้ที่วอร์มร่างกายให้พอเพียง Ashtanga ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะร่างกายเคลื่อนไหวเกือบตลอดเวลา ไม่ได้หมายความว่าฝึก ashtanga แล้วตัวจะแข็งนะครับ แค่ primary series ท่าบิดต่าง ๆ ก็มากพอตัวอยู่ ใช้ความอ่อนตัวค่อนข้างมากเช่นกัน... ยิ่งร่างกายยืดหยุ่นน้อย...ยิ่งต้องฝึกครับ เพื่อให้ความอ่อนตัวมาสมดุลกับความแข็งแรง ไม่ใช่ว่าต้องฝึกท่าแข็งแรงอย่างเดียว... แต่ก่อนจะดัดร่างกายด้วยท่าอ่อนตัว...ต้องวอร์มให้ถึงครับ... ไม่งั้นจะตึง และดัดไปก็เจ็บครับ ที่อินเดียก็มีโยคะหลายแบบครับ... แต่ตะวันตกจะมีแบรนด์มากกว่า คือเอาแบบดังเดิมมาลำดับ จัดรูปแบบใหม่ แล้วตั้งชื่อในแบบของตัวเอง... รูปแบบต่างๆ  ของโยคะ ลองหากระทู้เก่าในคลังกระทู้ดูครับ ผมเคยเขียนถึงไปรอบหนึ่งแล้วครับ.... วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ... บ๊ายบุย... จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 13 ม.ค. 52 21:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับครูปอย จะพยายามวอร์มและฝึกความอ่อนตัวให้มากขึ้น ค้างเรื่องคลาสโยคะในเมืองกรุงอะครับ ใครเรียนยังไง ช่วยตอบที อยากรู้ฮะ "ถามแบบคนบ้านนอก ไม่เคยรู้จักคลา่สแบบเมืองกรุงอะครับ อยากรู้ว่าเขาสอนกันยังไง มีท่าประจำหรือเปล่า ผมเข้าใจว่า โยคะร้อนก็มี 26 ท่า, อัษฎางค ก็มี step ท่าของตัวเอง แต่ทั่วทั่วไปนี่เป็นแบบไหนครับ? แต่ละครั้งที่สอนนี่ท่าเหมือนกันหรือเปล่า หรือประมาณว่ามีท่าอยู่ราว 50 ท่่า(สมมุตินะครับ) แล้วก็หมุนเวียนสอนคราวละ 10-15 ท่า อะไรประมาณนี้ แล้วมีการจัดท่าอะไรขนาดไหนครับ" บายก่อนครับผม จากคุณ : Mining Old Man - [ 14 ม.ค. 52 08:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอาหล่ะครับ ถูกขอร้องแกมบังคับให้มาตอบกระทู้ ก็ตอบคุณ Mining Old Man ดังนี้ครับ เรื่องลักษระของโยคะประเภทต่าง ๆ ลองเข้าไปดูในกระทู้นี้อีกทีนึงครับ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2008/01/L6263714/L6263714.html เรื่องคลาสในสตูดิโอโยคะในกรุงเทพ พอจะแบ่งประเภทสตูดิโอโยคะได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ครับ (จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากจะเขียนเลยเรื่องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าเชียร์กันเอง หรือใส่ร้ายสตูดิโอบางสตูดิโอ) 1. คือแนวตะวันตกครับ แต่จะว่าไปจะเรียกว่าตะวันตกก็ไม่เชิง ต้องเรียกว่าแนวดั้งเดิมของ guru จากอินเดีย ที่ได้รับการยอมรับและนิยมฝึกกันในโลกตะวันตกปัจจุบัน โยคะหลาย ๆ สไตล์ที่ได้รับความนิยมในตะวันตกเช่น Ashtanga, หรือ Iyengar เวลาที่เขาสอนกันในโลกตะวันตก ก็ยังคงยึดตามแบบแผนที่ guru ชาวอินเดียวางไว้อย่างเคร่งครัด โดยไม่มีครูคนไหนบังอาจเปลี่ยนแปลงหลักการสอนของแนวเหล่านี้ตามอำเภอใจ อาจมีแนวที่ครูตะวันตกนำมาดัดแปลงบ้างเช่น Anusara, หรือ Power Vinyasa สตูดิโอโยคะในกลุ่มนี้ตั้งชื่อคลาสว่าเป็นคลาสอะไรก็จะสอนในแนวนั้น ๆ อย่างจริงจังครับ สตูดิโอในกลุ่มนี้จะใช้ครูคนไทยหรือครูตะวันตกที่มีความเข้าใจในโยคะแนวที่ตนสอนอย่างแท้จริง ครูหลายๆ คนได้มีโอกาสเรียนกับ guru ต้นตำรับของโยคะในแนวนั้น หรือได้ประกาศณียบัตรรับรอง จาก guru ต้นตำรับ หรือ Senior teacher ของโยคะในแนวนั้น ๆ แล้ว คลาสของสตูดิโอในกลุ่มนี้จะจัดลำดับความยากง่ายของคลาสไว้ค่อนข้างชัดเจน สตูดิโอโยคะในกรุงเทพที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ Absolute Yoga, Yoga Elements, Dharma Yoga, Iyengar Yoga Bangkok - ทองหล่อ, Ashtanga Yoga Bangkok - อโศก, บ้านครูหนู (แนว Sivananda) - ทองหล่อ, Bikram Yoga Bangkok @ True Yoga Central World 2. แนวอินเดียนอกสายท่าน Krishnamacharya และ Sivananda ซึ่งอาจจะยังไม่ได้เป็นที่นิยมกันมากนักในโลกตะวันตก สตูดิโอกลุ่มนี้ในกรุงเทพจะใช้ครูชาวอินเดียเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ Planet Yoga และ True Yoga สาขาอโศก สไตล์การสอนจะเป็น Hatha Yoga แบบฟรีสไตล์ แล้วแต่ว่าครูแต่ละท่านที่สอนจะถนัดการสอนแบบใด 3. แนวไทย ซึ่งมีทั้งที่เป็นสตูดิโอสอนกันเฉพาะโยคะ หรือครูโยคะที่สอนกันตามฟิตเนสต่าง ๆ โยคะแนวไทยนี้ได้รับอิทธิพลจากแนว Sivananda เป็นหลัก ซึ่งต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยที่ครูชด หัศบำเรอนำ Sivananda yoga มาเผยแพร่ในไทยกว่า 50 ปีแล้ว แต่โยคะที่แนวไทยที่สอนกันปัจจุบันจะว่าไป มีการดัดแปลงกันไปต่าง ๆ นา ๆ จนแทบจะไม่เหลือเค้าของความเป็น Sivananda แล้ว สตูดิโอโยคะในกลุ่มนี้ก็คือสตูดิโอโยคะต่าง ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงใน 2 ข้อแรก และโยคะที่สอนกันตามฟิตเนสต่าง ๆ เรื่องท่าโยคะนั้นครับ ท่าที่เป็น classical จริง ๆ คือมาจากอินเดีย ไม่ใช่ท่าที่คนตะวันตกคิดขึ้นมาใหม่ น่าจะอยู่ในหลักหลายร้อยครับ เมื่อรวมกับท่าที่เพิ่งคิดกันขึ้นมาใหม่ ในช่วง20-30 ปีที่ผ่านมาก็น่าจะถึงพันท่า แนวที่มีการวางลำดับท่าอย่างมีระเบียบแบบแผน เช่น Ashtanga, Bikram (โยคะร้อน) หรือ Sivananda ก็จะสอนตามลำดับท่าที่ guru แต่ละสำนักท่านวางไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง (แต่ก็มีบางสตูฯสอน Ashtanga โดยคิดท่าขึ้นมาเอง โดยคนสอนก็ยังไม่รู้ว่า Ashtanga คืออะไร - เอาแล้ว ไปกัดชาวบ้านอีกแล้ว :) ส่วนโยคะสำนักอื่น ๆ ที่ไม่ได้วางลำดับท่าอย่างเคร่งครัด ก็จะสลับสับเปลี่ยนท่าที่นำมาสอนในแต่ละครั้งครับ ถ้าตอบแล้วคุณ Mining Old Man ยังไม่เห็นภาพคงต้องหาโอกาสมาลองฝึกกับสตูดิโอโยคะต่าง ๆ ที่ผมกล่าวไว้ในกรุงเทพแล้วครับ :) ปล. อ่านแล้วอาจจะมีหลาย ๆ คนหมั่นไส้ในคำตอบของผม ถ้าต้องการจะแสดงความเห็นใด ๆ เพิ่มเติมก็ยินดีนะครับ แต่ถ้าชวนทะเลาะก็ไม่เป็นไรครับ คงไม่ตอบอะไรเพิ่มเติม ปล.2 ถึง จขกท. ตอบให้แล้วนะ แต่ถ้ามีคนตีกันในกระทู้ ไม่รับผิดชอบนะ อิอิ ; ) จากคุณ : Marty X - [ 14 ม.ค. 52 18:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หูย...นึกถึงท่านอยู่เมื่อบ่ายบ่าย เย็นย่ำก็มาตอบแล้ว ขอบคุณหลายหลายครับ (ขอบคุณ คนที่เชิญ คุณ marty x มาตอบด้วย อิอิ) กระจ่างไปอีกระดับหนึ่ง แต่ไม่รู้จะมีโอกาสไปฝึกในเมืองกรุงหรือเปล่าสิ? ที่ผมเรียนคงแบบที่สองมั้งฮะ แต่ว่าท่าเยอะบรม จนจำแทบไม่ได้ เหอเหอ ส่วนใครที่จะมาทะเลาะ (จะมีเหรอ?) ขอนะครับ เีรียนโยคะมาเหมือนกัน ยังไงก็พวกกัน...จะสายไหนก็โยคะ นี่ครับ จากคุณ : Mining Old Man - [ 14 ม.ค. 52 19:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 >p จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 14 ม.ค. 52 20:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อความจากพี่รักน้อยนิดค่ะ "สวัดดีปีไหม่ ครูปอย และทุกคน คิดถึงทุกคนค่ะ ตอนนี้ไม่อยู่บ้านหากกลับไปจะไปคุยมากกว่านี้ค่ะ" ครูปอย ตุ๊กตาสัญญาว่าจะพยายามค่ะ แต่จะไม่บังคับตัวเอง ไม่ได้ปีนี้ ปีหน้ายังมีเน๊าะ อิอิ แต่ท่านักเต้นรำ(จำไม่ได้) ลองดัดหลังตัวเองจนเจ็บ ท่านั้นคงไม่เล่นอีกแล้วล่ะ หุหุ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 52 20:56:05 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 52 20:53:10 จากคุณ : สาวสยาม - [ 14 ม.ค. 52 20:51:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หวัดดีครับ.........รักน้อยนิดกับสาวสยาม... สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ... บุญรักษานะครับ... ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ มา"เพิ่มเติม" จากคุณลุงมาตี้เกี่ยวกับ Sivananda นิดนึงครับ... จริงๆแล้ว Sivananda ไม่ค่อยแพ่หลายในอเมริกาครับ แต่ค่อนข้างแพร่หลายมากในยุโรปและแคนนาดาครับ (แล้วที่มาที่ไปคือ  อเมริกาไม่ให้ Swami Vishunudevananda ย้ายไปหลงหลักปักฐานครับ  ท่านเลยเปลี่ยนมาเป็นที่แคนนาดาแทน เพราะคนที่นั่นนับถือขนาดยกที่ดินให้เป็นที่ตั้งสำนักโยคะแบบแคมป์ปิง...เป็นโยคะแบบวัดป่าครับ...) ตอนนี้ Sivananda มีศูนย์ใหญ่อยู่ที่ออสเตรีย... ซึ่งจะมีการฝึกครูเป็นประจำร่วมกับ Sivananda ในอินเดีย และครูซึ่งแนะนำ Sivananda โยคะให้เป็นที่รู้จักคือ Swami Vishunudevananda ครับ... เป็นศิษย์เอกของครู Sivananda ที่ส่งโยคะไปเผยแพร่ในโลกตะวันตกครับ... แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 52 21:57:24 จากคุณ : เด็กซาปอย (เด็กซาปอย) - [ 14 ม.ค. 52 21:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาต่อกระทู้ใหม่กัน... โอม...ตามมา...ตามมา... อิอิ จากคุณ : เด็กซาปอย - [ 15 ม.ค. 52 21:29:34 ]