ดิฉันเรียนอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษปี 4 เทอมสุดท้าย กำลังจะจบแล้วค่ะ แต่ที่ผ่านมาพอมาคิดดูจริงๆแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเองเท่าไหร่ เพราะอักษรจะเน้นให้คิดเป็น คิดลึก แล้วก็เรียนวรรณคดีอังกฤษมากมาย ซึ่งลึกซึ้งมากก็จริงแต่ก็เอาไปใช้ประกอบอาชีพได้ยาก นอกจากคนที่เก่งมากๆจนไปเป็นนักเขียน นักวิเคราะห์ หรืออาจารย์สอนวรรณคดีได้ แต่ดิฉันไม่เก่งขนาดนั้น แค่ตีความเรื่องได้บ้างแต่ไม่ถนัดเลยจริงๆ จบไปก็คงต้องทำงานเป็นล่ามหรือนักแปลซึ่งก็ไม่ได้ชอบ
จริงๆแล้วจบม.ปลายสายวิทย์มาค่ะ ตอนเอนทรานซ์ก็คิดหลายตลบเหมือนกันว่าจะเรียนแพทย์หรืออักษรดี แต่ตอนนั้นเพิ่งได้สัมผัสปรัชญาใหม่ๆแล้วรู้สึกหลงเสน่ห์วิธีคิดแบบปรัชญาที่คำตอบมันไม่ตายตัวมาก และก็คิดว่าคำถามทางปรัชญามันเป็นสิ่งที่เราควรคิดหาคำตอบ เลยเข้ามาเรียนอักษร
แต่เรียนไปเรียนมาเริ่มรู้สึกว่าไม่ถนัดการคิดอย่างกว้างขวางและสร้างสรรค์เท่าไหร่ แต่ค่อนข้างชอบอะไรที่เป็นแนวปฏิบัติมากกว่า ชอบลงมือทำ ชอบใช้แรงกายด้วยไม่ใช่ใช้สมองอย่างเดียว แล้วเมื่อปีที่แล้วต้องนอนโรงพยาบาลผ่าตัดไส้ติ่ง และมาช่วงนี้คุณป้าเป็นโรคไตต้องพาท่านไปหาหมอบ่อยและก็คอยช่วยดูแล ทำให้ได้เห็นการทำงานของหมอและพยาบาลแล้วรู้สึกศรัทธาในอาชีพที่ช่วยให้คนพ้นจากความเจ็บป่วยทุกข์ทรมานได้ แล้วก็ประทับใจหมอพยาบาลที่ให้บริการดีด้วยใจ พูดคุยให้กำลังใจคนไข้เพราะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้คนไข้มีกำลังใจไข้นมาจริงๆ ตอนนี้เลยอยากจะเบนเข็มชีวิตมาเรียนพยาบาล อาจจะเสียดายสิ่งที่เรียนมา แต่ก็ยังดีกว่าหากเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบและเข้ากับบุคลิกเรามากกว่าแทนที่จะต้องทำงานในสายที่เราไม่ชอบและถนัดไปตลอดชีวิต
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องขอบคุณในความอดทนมากเลยนะคะ แต่อยากจะถามข้อมูลและความเห็นจากคนที่ทำงานด้านพยาบาลหรือที่เกี่ยวข้องดูน่ะค่ะว่า
1. ในกรุงเทพฯ มีมหาวิทยาลัยใดบ้างที่เปิดรับผู้ที่จบปริญญาตรีแล้วเข้าเรียนต่อพยาบาลน่ะค่ะ
2. อยากถามความเป็นว่าถ้าต้องเรียนปนกับรุ่นน้องที่ห่างจากเรา4ปีอย่างนี้ ถ้าเป็นคุณจะรับได้มั้ย จะอายมั้ย แล้วเมื่อจบไปเราก็อายุมากกว่าคนอื่นนี่ มันจะดูแปลกๆมั้ยคะ
ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ
จากคุณ :
eternity_s_sunrise
- [
16 ม.ค. 52 16:43:48
]