ความคิดเห็นที่ 1 ก็คนที่เขาเรียนเฉพาะทางต่อเขาก็อยู่ในรร.แพทย์ไงคะ คนที่ไม่อยากเรียนต่อก็ไปอยู่รพ.ตามต่างจังหวัด อยากมาเรียนก็กลับมา สมัครเรียนในรร.แพทย์ต่อไป ทางใครทางมัน เลือกกันเองทั้งนั้น อยู่ในรร.แพทย์ไม่ได้แปลว่าสบายกว่าอยู่ตจว. และก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ทำเอกชน แล้วคนอยู่บ้านนอกก็ทำเอกชน หรือทำคลินิกก็ได้ เลยไม่รู้ว่ามันจะไปเป็นเรื่องเดือดร้อนจนต้องมาแก้ระบบ หรือเรียกร้องความยุติธรรมอะไร คือคิดว่าจขกท.ก็คงติดตามวงการแพทย์มามาก แต่เรื่องนี้สงสัยจะยังไม่เข้าใจจริงๆจังๆนะ ไปศึกษามาใหม่ละกัน แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 52 23:25:29 จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน - [ 31 ม.ค. 52 23:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทีละข้อนะครับ 1.จบแล้วไม่เห็นต้องไปอยู่ตามจังหวัด บางคนเรียนเลย บางคนเรียนต่อ ปุจฉา เพราะเป้าหมายในชีวิตคนไม่เหมือนกันครับ  ถ้าเลือกได้ทุกคนก็อยากอยู่เมืองใหญ่ แต่คนไข้มีอยู่ทั่วประเทศนะครับ  บางคนอยากเรียนต่อให้แม่นขึ้นแล้วค่อยออกไปตรวจ  บางคนอยากรีบออกไปต่างจังหวัดช่วยก่อน ไปตรวจโรคพื้นฐานที่ไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลใหญ่  ซึ่งอย่างหลังนี่ที่ต้องอดหลับอดนอน ก็เพราะจำนวนคนไข้ครับ อำเภอนึงมีประชากร 60000 หมอ 2 คน เป็นเรื่องปกติครับ  เพราะถ้าหมออยากเลือกสบายทุกคน  เลือกอยู่เอกชนหรือโรงพยาบาลใหญ่ทั้งหมด  คนป่วยใครจะรักษาครับ 2.เป็นปัญหาที่การบริหารหรือระบบ ปุจฉา ทั้ง 2 อย่างครับ คนไข้เยอะ หมอน้อย หมอเลยงานหนัก รัฐก็สวัสดิการน้อย แรงจูงใจก็ไม่มี หมอในระบบก็ยิ่งลาออกไปเอกชน หมอที่เหลือก็เลยยิ่งงานหนักเป็นทวีคูณ  คนไข้ก็เลยได้รับการตรวจที่บกพร่องมากขึ้น เพราะแรงงานหมอมีจำกัดเพราะหมอตรวจแบบไม่ได้พัก (ขนาดคอมยังต้องมีปิดเตรื่อง แต่หมอปิดไม่ได้)  ก็เลยฟ้องหมอ พอหมอโดนฟ้องก็ยิ่งลาออกมากขึ้นไปอีก วงจรอุบาทว์ครับ 3.เครือข่ายผู้เสียหายเข้ามาดีหรือไม่  ดีครับ และเวลาเข้ามาก็ต้อง action ให้เกิดผลด้วย เพราะปัญหามาจากรัฐ หมอ คนไข้ สื่อสารมวลชน รวมกัน แต่คนที่โดนด่า โดนฟ้องคือหมอครับ และคนที่ต้องจ่ายก็คือหมออีกอยู่ดี  เพราะเค้ามองคนไข้เป็นฐานเสียง  มองสื่อเป็นกระบอกเสียง  มองรัฐเป็นช้างที่เข็มทิ่มเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึก  เคยเห็นองค์กรมาเรียกร้องสื่อให้ปกปิดใบหน้าผู้ป่วยไหมครับ  เพราะพวกนี้เล่นเป็นครับ ทะเลาะกับสื่อไปเค้าจะยิ่งเสียหาย ทะเลาะกับหมอนี่แหละ 4.เรื่องสื่อทะเลาะแล้วทำไมต้องใช้  ต้องดูครับที่หมอเรียกร้องคืออะไร คือหมอเรียกร้องให้ตรวจสอบข่าว ทั้งที่มา และข้อเท็จจริงก่อนครับ ค่อยลง ไม่ใช่ไปได้ยินอะไรมาก็รีบมาขึ้นหน้าหนึ่ง แล้วใช้คำโดยไม่ดูข้อเท็จจริง เช่นชุ่ย พลาด อะไรพวกนี้ ทั้งที่หลายคดีพอตรวจสอบแล้วกลับเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด แต่หมอเน่าไปเรียบร้อยแล้วในสายตาสังคม  ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอและคนไข้เริ่มเปลี่ยนจากพึ่งพาอาศัย กลายเป็นหวาดระแวงมากขึ้นครับ อันนี้แหละที่พวกหมอเรียกร้อง  ส่วนที่ว่าโฆษณาของเอกชน ต้องดูนะครับว่าเดี๋ยวนี้เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนเป็นนักธุรกิจเกือบทั้งนั้นแล้ว รพ.รามคำแหง-เปาโล-พยาไท เป็นของคุณวิชัย ทองแตง  รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นของแบงค์กรุงเทพ หมอเป็นแค่ลุกจ้างนะครับ บางคนอยู่นานหน่อยก็ได้เศษหุ้น แต่การตัดสินใจอยุ่ที่นักธุรกิจ ซึ่งเค้าลงทุน เค้าก็ต้องหวังกำไร เค้าก็ต้องขยายลูกค้า ก็ต้องใช้สื่อไงครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 31 ม.ค. 52 23:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก็เข้าใจอย่างที่คุณหมอข้างบนมาเล่านะครับ ผมก็เลยสงสัยว่าแล้วหมอบางคนที่ชอบมาอ้างข้อนี้ เขาคิดอะไรกัน ผมเกรงว่า ถ้าผมมีข้อมูลตามที่คุณหมอบอกมา ก็แสดงว่า หมอกลุ่มนี้พยายามจะอ้างให้สังคมเห็นใจ แต่จริงๆ เขาก็เลือกทางของเขาเองได้ ผมก็ทราบนะครับ ว่าคนอยู่บ้านนอกก็ทำเอกชน หรือทำคลินิกก็ได้ แล้วทำไมบอกว่าไม่มีเวลาพักผ่อนละครับ ต้องอยู่เวรในโรงพยาบาลต่อ มันขัดกันหรือเปล่า เพราะเลือกกันเองใช่หรือเปล่าครับ ถ้าเลือกได้ แต่หมอบางท่านก็ดี ที่เลือกคนไข้ ซึ่งผมว่าเขาน่าจะได้รับสิ่งตอบแทนที่ไม่ใช่เงิน แล้วสิ่งนี้ผมว่าจะเป็นเกราะคุ้มกันภัย เขาเลือกเก็บบุญเอาไปชาติหน้าได้ แต่เก็บเงินที่เอาไปใช้ต่อไม่ได้ มีมาก็หมดไปตามเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็ยังสุขใจไม่ใช่หรือ ที่หมอขาด อาจเป็นเพราะมีคนบางคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือเปล่า เพราะเลือกที่สบาย ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนก็หวังเช่นนั้น แต่คนที่ลำบากละ น่าสงสารกว่า แสดงว่า อย่างนี้หมอที่ลำบากควรจะเรียกร้องจากหมอที่รักสบายหรือเปล่า เพราะจะได้ยุติธรรมกัน คือ ผมหมายถึงว่า ทุกคนแม้แต่จะใช้ทุนเสร็จแล้ว แม้แต่จะเป็นผู้บริหารแล้วก็ต้องออกตรวจโรงพยาบาลต่างจังหวัดไกลๆ ให้น้องหมอเด็กๆ ได้พักบ้าง มีการจำกัดเวลาทำเอกชน แล้วเอาคนฟ้องหมอไปช่วยทำงานด้วย อย่างน้อยทำวิธีนี้หมอที่ลำบากจะได้สบายขึ้นหรือเปล่า แล้วจริงๆ ใครทำระบบ ซึ่งเห็นว่ามีหมอบริหารงานกันเองไม่ใช่หรือครับ หมอจะได้เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ปิดได้ไงครับ แล้วจะได้ดูว่า ที่เขาฟ้องหมอกัน เพราะหมอทำงานแบบไม่ได้พัก หรือฟ้องเพราะกรณีใด โดยส่วนตัวผม และที่รู้จัก เข้าใจว่าไม่ได้ฟ้อง เพราะหมอไม่ได้พักนะครับ แต่ฟ้องเรื่องจริยธรรม แล้วความผิดที่เห็นชัดเจน ผู้บริหารก็ทราบ แต่ก็ช่วยๆ กัน ประเด็นที่ว่า อยู่ในรร.แพทย์ไม่ได้แปลว่าสบายกว่าอยู่ตจว. และก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ทำเอกชน ก็แน่นอนอยู่แล้วครับ มันสำหรับบางคน ไม่ใช่ทุกคน เพราะเกิดมาไม่เหมือนกันไง แล้วแต่เวรกรรมอย่างที่ผมบอก แต่ก็มีบางคนที่สบายจริง นะครับ เท่าที่ทราบหมอเด็กมักจะโดนหมอผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลให้อยู่เวรในโรงพยาบาล ส่วนตัวเองก็ใช้ความอาวุโสไปรับจ๊อบที่เอกชน ได้เงิน หมอเด็ก ๆก็มีโอกาสบ้าง ในโรงเรียนแพทย์บางแห่ง เขาก็ไม่ค่อยมีสอนนะครับ เห็นทำวิจัย แล้วเปิดเอ็มเล่นกับกิ๊กก็มี ผมไม่ได้ว่าเขานะครับ แต่มันก็มีใช่ไหมที่ไม่ลำบาก ส่วนเรื่องเครือข่าย ก็เห็นว่าดีเหมือนกัน เครือข่ายเขาก็พยายามๆๆๆๆ จะลองไปลิ้มลองรสชาติแบบนั้นบ้าง แต่ทำไมๆๆๆๆๆ ไม่เห็นองค์กรที่เกี่ยวข้องเขาจะยินยอม และร่วมกันผลักดันกฎหมายให้ หมอสบายขึ้น ที่ไม่ต้องมานั่งโดนว่า หรือเอาเวลาตรวจคนไข้มาพิจารณาคดีความกัน โดยเฉพาะกฎหมายที่จะช่วยลดการฟ้องร้อง เพราะมีการให้การช่วยเหลือและชดเชย ซึ่งนั้นก็จำทำให้ใจคนเย็นขึ้นได้ เพราะอย่างน้อยช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยได้ส่วนหนึ่งไปแล้ว ตามหลักจิตวิทยาการเจรจาก็จะดีขึ้นไม่ใช่หรือครับ สุดท้ายเรื่องสื่อ ถ้าหมอในโรงพยาบาลเอกชนไม่เล่นด้วย แล้วนักลงทุนเหล่านั้นเขาจะทำอะไรได้ ก็ถ้าหมอไม่อยากเห็นว่ามันคือธุรกิจ ก็ไม่ต้องไปร่วมมือสิครับ ออกกฎหมายมาเลยยิ่งดี สื่อนั้นบางทีให้ข้อมูลออกมา เพราะว่าเขาก็ต้องการขายข่าว ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเขาเหมือนกัน อันนี้มองแบบแฟร์ๆ ทั้งหมด การที่เขาจะสืบ และเช็ดแน่ชัดบางทีใช้เวลานานมาก และก็ไม่รับประกันว่าเขาจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือเปล่า ขนาดคนไข้ไปร้องขอเวชระเบียนยังไม่ได้เลย มองในประเด็นที่หมอเน่าไปเรียบร้อย นั้นก็คงต้องมองดูตัวหมอเองบ้างครับ อันนี้มองเป็นกลางๆ เพราะอะไรมีสองด้าน ที่คนเขามอง เพราะเกิดสิ่งที่เรียกว่าความฝั่งใจหรือเปล่า เพราะนอกจากสื่อแล้ว เขาก็ประสบเหตุการณ์เอง พอออกสื่อ แทนที่คนไข้จะได้รับการช่วยเหลือ เพื่อแสดงว่าหมอเองไม่ผิด และรับผิดชอบ แต่ก็กลับให้ข่าวในทางตรงกันข้าม แล้วจะชิงชังคนไข้ เอามาว่ากันเสียๆ หายๆ ในเว็บบอร์ดของหมอด้วยกัน บางครั้งร้ายๆ ก็เล่ากันต่อ จนคนไข้ไปหาหมอที่อื่นไม่ได้ อันนี้ทำให้บางคนเขาต้องปกปิดตัวครับ ขนาดหมอยังไม่ยอมให้บอกว่าชื่ออะไร อยู่ที่ไหนกันเลย แค่คดีขลิบอวัยวะเพศผมก็ต้องการทราบนะครับว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน ยังไม่มีมาออกข่าวเลย คนไข้เด็กเสียอีกที่ต้องอาย ทราบเลยว่าเป็นใคร ไม่มีเว็บให้ตรวจสอบถึงประวัติหมอ ว่าเคยทำงานที่ไหน เรียนเป็นอย่างไร มีพฤติกรรมที่แล้วมาอย่างไร เคยโดนร้องเรียนหรือไม่เลยครับ ซึ่งมันควรเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคนไข้ ถ้าพุดแบบเข้าใจง่าย คนเราต้องมีข้อมูลที่ถูกตรงไปตรงมาในก่อนทำอะไรใช่ไหมครับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นกลางมากขึ้น พอหมอผิดจริง ข่าวก็ถูกปกปิดเช่นกันไม่ใช่หรือครับ ทำไมไม่มีหมอคนใดมาให้ข่าว ถึงความผิด เรื่องทุกอย่าง ทุกวงการก็จะเงียบหายกันไปเอง โดยเฉพาะถ้ามีเงิน นักข่าวก็ไม่ได้ดีไปหมด เหมือนคนทั่วไปในสังคม ถ้าคุณหมอเห็นว่าสื่อไม่ดี ก็ไม่ต้องยุ่งเลย ไม่ต้องไปลงประชาสัมพันธ์อะไรตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งนั้น เหมือนตอนนี้สื่อจะกลายเป็นแพะไปหรือเปล่า ก็เท่าที่เล่ามา แลกเปลี่ยนกันมา ผมแปลกใจหลายอย่าง ไม่อยากคิดคนเดียวว่าจริงๆ หมอดีหรือไม่ดี แต่ทำไมหลายคนในสังคม ที่ไม่ได้เป็นคนฟ้องหมอ และบางคนเป็นนักวิชาการถึงเห็นตรงกันหมด ถ้าไม่จริงก็ถึงเวลาปรับปรุงสิ่งที่ถูกที่ควร ช่วยให้หมอเด็กๆ ได้พักผ่อนกันแล้ว ถ้าหมอผู้ใหญ่ต้องการแก้ปัญหาจริง จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 1 ก.พ. 52 00:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใช้ทุนที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมั้งคะ เพื่อนเราเรียนจบหมอก็ต้องไปใช้ทุนที่นราธิวาส -*- ไปไหนมาไหนต้องพกปืนตลอด แต่ๆๆๆๆ ได้ค่านั่นค่านี่ รวมๆแล้วไม่ต่ำกว่าแสนแน่ะ จากคุณ : Fah4fuN - [ 1 ก.พ. 52 04:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาเฉพาะเรื่องจบแล้วไปอยู่ที่ไหนก็แล้วกันนะ คนที่อยู่ในรร.แพทย์ที่เห็นๆกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่คือไปอยู่เพื่อเรียนต่อ เรียน 3-4 ปีก็จบ หาที่ทำงาน ไม่ใช่ว่าจะได้อยู่รร.แพทย์ตลอดไป ก็ต้องกลับไปอยู่ตจว.เหมือนเดิม ยกเว้นจะลาออกจากราชการ ช่วงเวลาที่อยู่ในรร.แพทย์ก็คือการเรียน ซึ่งงานวิจัยก็อยู่ในหลักสูตรการศึกษา สรุปว่าการเลือกอยู่ในรร.แพทย์ไม่เกี่ยวอะไรกับการรักสบายหรือไม่นะคะ ส่วนประเด็นว่าหมอชอบบ่นว่างานเหนื่อย พักผ่อนไม่พอ มันไม่เกี่ยวกับว่าอยู่ในเมืองหรือตจว.นะเราว่า เพราะโดยเนื้องานมันก็เหนื่อยอยู่แล้วไม่ว่าที่ไหน ระบบที่เราอยากให้เปลี่ยนคือการอยู่เวรทั้งคืนแล้วทำงานต่อ รวมทั้งหมด 32 ชม. พอหลังชม.ที่ 24 จะเหนื่อยเพลีย ไม่อยากยิ้มไม่อยากใจเย็นกับใคร แต่มันแก้ไม่ได้เพราะอย่างรพ.เรา มีหมอ 2 คน บางทีเราอยู่เวร 3-4 คืน คิดดูนะ เราอยู่ในหน้าที่ 24 ชม.4 วันติด มันจะไปมีประสิทธิภาพแค่ไหน ถึงแม้บางคืนจะว่าง ได้นอน แต่คนที่อยู่เวรประสาทมันจะตื่นตลอด ถึงหลับก็หลับตื้นๆ อยู่ไป มีน้องหมอมาใหม่ อยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ลาออก เป็นแบบนี้ 2 ปีติดๆกัน เพราะมันบ้านนอกเหลือทน บางคนมาวันแรกถามหา เดอะ มอลล์ จะบ้าตาย ขนาดในตัวเมืองบันไดเลื่อนยังไม่มี ร้านอาหาร ข้าวแกงยังไม่มี เราทำกับข้าวกินเองทุกวัน ถามว่าเลือกมาเองรึเปล่า "ใช่" เพราะมันเป็นจังหวัดบ้านเกิด แต่อยากลำบากขนาดนี้รึเปล่า "ไม่อยาก" บางคนอาจจะบอกว่า อยู่ที่ลำบากแต่ก็ได้เงินเยอะ (ยกเว้นที่ที่เราอยู่นะ ค่าเวรต่ำสุดในประเทศไทย) แต่ถามว่าคุณยอมขายวันเวลาในชีวิตของคุณด้วยราคาเท่าไหร่กันเชียว จากคุณ : . (ฟ้าหมาดฝน) - [ 1 ก.พ. 52 11:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก็หวังว่า จะเป็นการชี้แจง ข้อมูล ในเบื้องต้น ... ที่อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะการทำงานของแพทยสภา และ การทำงานของแพทย์ ...  ( เดี๋ยวก็อาจมีบางคนมาบอกว่า ผมแก้ตัวแทน หรือ หมอก็ต้องช่วยหมอ อยู่แล้ว ??? ) ชี้เป็นประเด็นย่อย ๆ เลยละกัน จะได้ " แย้ง " ให้เห็นถึงข้อมูลอีกด้าน... ๑ เรื่องการใช้ทุน .... เป็นความเลื่อมล้ำ ที่เกิดจากระบบการศึกษา ของแพทย์ ...  และ กระทรวงสาธารณสุข ...    ไม่เกี่ยวกับแพทยสภา .... หลาย ๆ ท่าน ก็จะบอกว่า รัฐ สนับสนุน ลงทุนไปกับแพทย์เยอะ เลยต้องให้มาใช้ทุน .. แต่ก็ถามง่าย ๆ เลยว่าแล้ว คณะอื่น ๆ รัฐ ก็สนับสนุนเหมือนกัน ทำไม ไม่มีใครที่ตอ้งไปใช้ทุนเลย  ( แม้กระทั่ง พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร ซึ่งเมื่อก่อนใช้ทนุ แต่ตอนนี้ยกเลิกการใช้ทุนไปหมดแล้ว  ทั้ง ๆ ที่ ก็ยังใช้สถานที่เรียนอยู่เหมือนเดิม ระบบการเรียนก็เหมือนเดิม เมื่อก่อนต้องใช้ทุน แต่ตอนนนี้ ไม่  ... ทำไม ??? ) ส่วนเรื่อง ของการทำงาน .. ก็เหมือนอาชีพอื่นแหละครับ บางคน ก็ชอบทำงาน ต่างจังหวัด บ้านนอก แต่ บางคนชอบทำงานในกรุงเทพฯ ในเมือง ซึ่งก็แล้วแต่จะเลือก ... ต่างจากเรื่องการใช้ทุน นะครับ คนละประเด็นกัน  เพราะ การใช้ทุน ถูกบังคับ เลือกไม่ได้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน  ... หลังจากใช้ทุนแล้ว ถึงจะเลือกได้ ( ซึ่งก็เลือกไม่ค่อยได้อยู่ดี ) ๒. องค์กรวิชาชีพ  ไม่มีองค์กรไหนที่ให้คนนอกวิชาชีพ เข้าไปเป็นกรรมการ หรอกครับ ... ไม่ว่าจะเป็น วุฒิสภา สส  สว ศาล อัยการ วิศวะ ทันตะ เภสัช พยาบาล สื่อมวลชน ฯลฯ ... เนื่องจาก ต้องอาศัยความรู้เฉพาะ ในการควบคุมดูแล สมาชิกด้วยกันเอง ... แต่ประชาชน บุคคลภายนอก สามารถเข้าไปให้ความเห็น เข้าร่วมประชุม ในฐานะอนุกรรมการ หรือ คณะกรรมการย่อย ได้ .. ซึ่งแพทยสภา ก็มีบุคคลหลายอาชีพ ทั้ง ตำรวจ ทหาร อัยการ ทนายความ สื่อมวลชนนักธุรกิจ ประชาชน เข้าไปช่วยทำงานอยู่ด้วย ไม่สงสัยบ้างหรือครับว่า ทำไม ถึงไม่มีใครเรียกร้องจะเข้าไปเป็นกรรมการ ในองค์กรอื่น ??? ประชาชน ก็สามารถ ใช้สิทธิ์ของตนเอง ในการแสดงความคิดเห็น เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับวิชาชีพ องค์กร นั้น ๆ ได้ .. แต่ เป็นคนละประเด็น กับการเข้าไปเป็นกรรมการ เพื่อควบคุม ดูแลสมาชิก วิชาชีพ ... ๓. " สงสัยในส่วนที่ว่า ทำไมว่าสื่อแล้วยังไปใช้สื่ออีกละครับ ?" คิดง่าย ๆ ก็เหมือนที่ มีคนบอกว่า หมอ ไม่ดี หมอ ชุ่ย ... แล้วทำไม เวลาเจ็บป่วย แล้ว ไปหาหมอ อยู่นั่นแหละครับ ถ้า จขกท. สรุป แบบนั้น ต่อไป เวลาเจ็บป่วย ก็ไม่ต้องไปหาหมอ ??? ู๔ . ประเด็นเรื่อง เวบ ก็เหมือนกันครับ ... .... หมอก็ " คน " เหมือนกันครับ ... ในเวบนี้ ยังดี ที่มีคนเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ..  ( ในเวบหมอ ก็เหมือนกัน )  แต่บางเวบ ที่ จขกท. เคยไปเอา ความเห็นมา โพสในห้องนี้ .. เวบนั้น ใครเข้าไปค้าน ก็โดนตอกหน้าหงายกลับมา .. หมอหลายคน ก็เลิกเข้าไป แสดงความเห็น ...  แล้ว จขกท. ไม่เห็น " ว่า " เวบนั้นบ้างเลยละครับ ???? ๕ . ประเด็น ขริบจู๋ ... ใคร เป็นคนเปิดเผยชื่อ ผู้ป่วย ... .... ลองคิด สิครับ ... ใคร " หมอ " ???  " แม่ "  หรือ " สื่อ " ???? ถ้ามีข้อมูล ว่า " หมอ " เป็นคนเปิดเผยชื่อ เด็ก ... ฟ้องร้อง ได้เลยครับ ไมว่าทางแพ่ง อาญา และ แพทยสภา เพราะ ผิด ทั้งนั้น ... ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ผมเชื่อว่า จขกท. ก็พอรู้อยู่บ้าง .. เพียงแต่ จะเปิดใจ รับ เหมือนกับที่ พยายาม แสดง หรือเปล่า เท่านั้นเอง ??? หมอดี ๆ ก็มี ....  หมอ แย่ ๆ ก็มี .... คนไข้ (ญาติ) ดี ๆ ก็มี ....คนไข้ (ญาติ) แย่ ๆ ก็มี ... หรือจะเปลี่ยนเป็น อาชีพ อะไร ก็ได้  ไม่มีอะไรที่แย่ไปทั้งหมด  หรือ ดี ไปทั้งหมด ... แต่ปัญหาของสังคม ในตอนนี้ ก็คือ การเหมารวม ว่า เป็นเหมือน ๆ กัน ... ผมไม่คิดว่า จะเปลี่ยนแปลง อะไรได้มากนัก ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น ..... แต่ ผมคิดว่า คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้ายัง คิดถึงแต่เรื่องของตนเอง คิดถึงสิ่งที่ตนเองมีประสบการณ์ แล้วก็เหมารวมว่า หมอคนอื่น ๆ  ก็คงเหมือนกัน ... จากคุณ : หมอหมู - [ 1 ก.พ. 52 11:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แถมอีกนิด ผมก็เห็นว่าดีนะครับที่องค์กรเครือข่ายผู้เสียหายเสนอตัวเข้าร่วมเป็นคนใน แพทยสภา หรือองค์กรการที่มีประชาชนทั่วไปไปเข้าร่วมด้วย ที่ไม่ใช่แพทย์อย่างเดียว ให้เขาว่า เล่นพรรคเล่นพวก -เพราะแพทยสภาคือองค์กรของวิชาชีพครับ เหมือนกับสภาการพยาบาล สภาทนายความ ที่กรรมการสภามีแต่พยาบาล/ทนายความอย่างเดียว คอยตรวจสอบการทำงานของวิชาชีพให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนในการสอบสวนหรือการตั้งคณะอนุกรรมการต่างๆ ทราบว่าก็มีการตั้งคนนอกมาเหมือนกัน(เช่นอัยการ ทนาย) อีกเรื่องที่สงสัยมากเป็นพิเศษ ที่เห็นว่าสื่อ ที่นำข่าวเรื่องหมอโดนฟ้อง หรือหมอด้านไม่ดีมาออกข่าว ผมว่าก็เป็นเรื่องปกติแหละครับ มันก็มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เหมือนคน แต่ผมสงสัยในส่วนที่ว่า ทำไมว่าสื่อแล้วยังไปใช้สื่ออีกละครับ โดยเฉพาะการโฆษณาโรงพยาบาลเอกชน ที่ค่อนข้างเสี่ยงกับผิดหลักการโฆษณาบริการทางการแพทย์ หรือไปลงข่าว เขียนบทความอะไร จนอาจจะกลายเป็นการจัดการประเด็น เหมือนบริษัทเอกชนทั่วไปหวังผล สร้างภาพลักษณ์ หรือ หวังผลกำไรหรือไม่ -ก็เหมือนคนบางคนที่บอกว่าไม่เชื่อคำตัดสินของศาลแต่กลับใช้ช่องทางศาลฟ้องคนอื่นแหละครับ รพ.เอกชนก็ใช้ช่องทางทำนองว่าไม่ได้โฆษณา แต่เป็นการให้ความรู้ ก็ถือว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ทำได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องสื่อลงข่าวนี่ มันก็น่าเกลียดจริงๆแหละ ชอบตัดสินคนจากคำพูดอีกฝ่ายนึง จากคุณ : Pecten Pubis - [ 1 ก.พ. 52 11:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมชอบตรงนี้ของคุณหมอหมูครับ ๓. " สงสัยในส่วนที่ว่า ทำไมว่าสื่อแล้วยังไปใช้สื่ออีกละครับ ?" คิดง่าย ๆ ก็เหมือนที่ มีคนบอกว่า หมอ ไม่ดี หมอ ชุ่ย ... แล้วทำไม เวลาเจ็บป่วย แล้ว ไปหาหมอ อยู่นั่นแหละครับ ถ้า จขกท. สรุป แบบนั้น ต่อไป เวลาเจ็บป่วย ก็ไม่ต้องไปหาหมอ ??? ... สรุป ไม่เชื่อว่าหมอส่วนใหญ่งานเยอะ น่าจะฟ้องซะให้เข็ด ส่วนพวกที่งานเยอะก็เป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน ควรจะมีคนนอกมาตรวจสอบหมอมากๆ ทำผิดรีบจ่ายเงินในเบื้องต้นชดเชยจะเป็นการดี อย่าโทษสื่อ จากคุณ : natefang - [ 1 ก.พ. 52 13:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 1) ทำไมหมอบางคนจบแล้วไม่เห็นต้องไปใช้ทุนตามต่างจังหวัดเลยครับ อยู่โรงเรียนแพทย์ หรือ โรงพยาบาลทหาร แล้วก็มาเรียนต่อ สบายไปเยอะ ได้ทำที่โรงพยาบาลเอกชน - บางคนจบ แล้วก็สอบสัมภาษณ์เพื่อใช้ทุนใน รร.แพทย์ แล้วก็เรียนต่อเลยครับ จบออกมาบางคนก็ไปเป็นแพทย์ที่ รพ.รัฐบาล บางคนก็ไป รพ.เอกชน แล้วแต่แนวทางเลือกชีวิตของแต่ละคน 2) แต่ถ้ามองในปัจจุบัน มันอยู่ที่ระบบ หรือคนบริหารละครับ ทำไมกลายเป็นสองกลุ่มไปได้ ไม่อยากจะพาดพึงองค์กรใดนะครับ น่าจะคิดเอาเองว่า มันยุติธรรมหรือไม่ - ธรรมดาครับ ในเมื่อเอกชนก็ต้องการหมอ เค้าก็มีสิ่งจูงใจต่างๆ นานามาเสนอให้หมออยู่แล้ว ส่วน รพ.รัฐบาลนอกจากไม่มีสิ่งจูงใจแล้ว ยังลดสิทธิประโยชน์ลงทุกปีๆ ไม่แปลกเลยที่จะมีหมอบางส่วนหันเหชีวิตไปทำงาน รพ.เอกชน 3) ผมก็เห็นว่าดีนะครับที่องค์กรเครือข่ายผู้เสียหายเสนอตัวเข้าร่วมเป็นคนในแพทยสภา หรือองค์กรการที่มีประชาชนทั่วไปไปเข้าร่วมด้วย ที่ไม่ใช่แพทย์อย่างเดียว - การตัดสินคดีการแพทย์ ผู้ตัดสินต้องมีความรู้ทางการแพทย์ เข้าใจกลไกของโรค แนวทางการรักษา จึงจะตัดสินในเรื่องๆ นั้นได้ ไม่งั้นเวลาคนไข้สูญเสียขึ้นมา จะไม่รู้เลยว่าเกิดจากโรค เกิดจากหมอ หรือเกิดจากอะไรกันแน่ครับ --> แต่ถ้าจ้องโทษหมออย่างเดียว จะเอาใครมาเป็นกรรมการก็ได้ ไปจิ้มเลือกเอาเอง 4) คุณหมอทั้งหลายคงไม่ต้องมาพยายามทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนเข้าใจหรอกครับ เพราะตอนนั้นคนทั่วไปเขาก็จะเข้าใจได้เอง เพราะนั่งอยู่ในปัญหาด้วยกัน - จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้อง คนเข้าใจก็แค่ในวงแคบๆ แต่ชาวบ้านล่ะ (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ) จะเข้าใจไหม ล่าสุด .. ฉีดวัคซีนแล้วลุกตายในครรภ์นั่นแหละ บอกได้ดีว่า ชาวบ้านยังไม่เข้าใจอะไรสักนิดเลย 5) ที่เห็นว่าสื่อ ที่นำข่าวเรื่องหมอโดนฟ้อง หรือหมอด้านไม่ดีมาออกข่าว ผมว่าก็เป็นเรื่องปกติแหละครับ มันก็มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เหมือนคน แต่ผมสงสัยในส่วนที่ว่า ทำไมว่าสื่อแล้วยังไปใช้สื่ออีกละครับ โดยเฉพาะการโฆษณาโรงพยาบาลเอกชน ที่ค่อนข้างเสี่ยงกับผิดหลักการโฆษณาบริการทางการแพทย์ หรือไปลงข่าว เขียนบทความอะไร จนอาจจะกลายเป็นการจัดการประเด็น เหมือนบริษัทเอกชนทั่วไปหวังผล สร้างภาพลักษณ์ หรือ หวังผลกำไรหรือไม่ - นั่นก็แล้วแต่ รพ. เอกชนนั้นๆ ครับ อย่าง รพ.แถวๆ ประตูน้ำ ที่เป็นหมอที่จ้องฟ้องหมอด้วยกัน ก็ยังโฆษณาออกทีวี "รอยสัก ปานแดง ปานดำ ปรึกษา ..... โพลีคลินิค" ส่วนการเขียนบทความก็เพื่อประชาสัมพันธ์ในสังคมรับทราบสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อไหมครับ ประชาชนทั่วไปก็ยังติดภาพหมอในละครที่ไฮโซ วันๆ เอาแต่จีบหญิง หรือออกสังคม แต่ชีวิตจริงมันเป็นแค่ไม่ถึง 1% ของหมอหรอกครับ 6) อีกอย่างหนึ่งตามหลักของการประชาสัมพันธ์ในฐานะทีเคยเรียนเรื่องสื่อสารมา ถ้าเอาเรื่องไม่ดีมาแก้ภาพแล้ว ของมันแรงนะครับ เวรกรรมมันมีจริง มันจะยิ่งทำให้แย่ไปใหญ่ - ถ้าเอาเรื่องดีมาแก้ภาพ ก็กลายเป็นว่าสร้างภาพไปอีก มันแล้วแต่คนจะคิดครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน - [ 1 ก.พ. 52 15:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 1) ผมก็ทราบนะครับ ว่าคนอยู่บ้านนอกก็ทำเอกชน หรือทำคลินิกก็ได้ แล้วทำไมบอกว่าไม่มีเวลาพักผ่อนละครับ ต้องอยู่เวรในโรงพยาบาลต่อ มันขัดกันหรือเปล่า - ไม่ใช่หมายความว่า "ได้ทำคลินิคทุกคนนี่ครับ" บางคนก็ไม่เปิด แต่ก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยจังวุ้ยย 2) แต่หมอบางท่านก็ดี ที่เลือกคนไข้ ซึ่งผมว่าเขาน่าจะได้รับสิ่งตอบแทนที่ไม่ใช่เงิน แล้วสิ่งนี้ผมว่าจะเป็นเกราะคุ้มกันภัย เขาเลือกเก็บบุญเอาไปชาติหน้าได้ แต่เก็บเงินที่เอาไปใช้ต่อไม่ได้ มีมาก็หมดไปตามเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็ยังสุขใจไม่ใช่หรือ - จากประสบการณ์ที่ได้ประสบมา "ไม่จริงเสมอไป" ครับ หมอบางคนรักษาคนไข้คนนึง ติดตามการรักษามาเป็นสิบๆ ปี คนไข้ไว้เนื้อเชื่อใจ เอาของมาฝากทุกปี ต่อมาคนไข้เกิดการสูญเสีย(ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม) ก็มาฟ้องหมอเหมือนเดิม 3) ที่หมอขาด อาจเป็นเพราะมีคนบางคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือเปล่า เพราะเลือกที่สบาย ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนก็หวังเช่นนั้น แต่คนที่ลำบากละ น่าสงสารกว่า - นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่คุณลองเอาจำนวนแพทย์ทั้งหมดในประเทศ (ทั้งอยู่ รพ.เอกชนและ รพ.รัฐ) มาหารจำนวนประชากรสิครับ ดูก็รู้ว่ายังไงก็ยังขาด ซึ่งจะขาดมากหรือน้อยก็แล้วแต่พื้นที่ อย่างเช่น ภาคกลางๆ จะหนักน้อยหน่อย ภาคอีสานจะหนักมากหน่อย ส่วน รพ.ที่ผมสังกัด มีหมอ 6 คน ต้องรับผิดชอบคนไข้ในพื้นที่ประมาณ 170,000 คน หรือ หมอ 1 คน ต้องดูแลประชากร 28,333.33 คนครับ 4) แม้แต่จะเป็นผู้บริหารแล้วก็ต้องออกตรวจโรงพยาบาลต่างจังหวัดไกลๆ ให้น้องหมอเด็กๆ ได้พักบ้าง มีการจำกัดเวลาทำเอกชน แล้วเอาคนฟ้องหมอไปช่วยทำงานด้วย อย่างน้อยทำวิธีนี้หมอที่ลำบากจะได้สบายขึ้นหรือเปล่า แล้วจริงๆ ใครทำระบบ ซึ่งเห็นว่ามีหมอบริหารงานกันเองไม่ใช่หรือครับ - เรื่องเอาบุคคลภายนอกมาเป็นผู้บริหาร ผมค่อนข้างเห็นด้วย เพราะตอนนี้เอาหมอมาเป็นผู้บริหาร แล้วการจัดการอาจจะกระท่อนกระแท่น เพราะไม่ได้รับการเรียนเรื่องนี้มาโดยตรง 5) เท่าที่ทราบหมอเด็กมักจะโดนหมอผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลให้อยู่เวรในโรงพยาบาล ส่วนตัวเองก็ใช้ความอาวุโสไปรับจ๊อบที่เอกชน ได้เงิน หมอเด็ก ๆก็มีโอกาสบ้าง ในโรงเรียนแพทย์บางแห่ง เขาก็ไม่ค่อยมีสอนนะครับ เห็นทำวิจัย แล้วเปิดเอ็มเล่นกับกิ๊กก็มี ผมไม่ได้ว่าเขานะครับ แต่มันก็มีใช่ไหมที่ไม่ลำบาก - นักเรียนแพทย์เหล่านั้นแหละที่น่าสงสาร ถ้าจบออกมาแล้วไม่ได้ความรู้อะไรติดมือมาเลย มันก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เท่าที่เห็น มีแต่ที่ทำงานหนักครับ ไม่เคยเห็นใครทำงานเบาๆ สักคน 6) ส่วนเรื่องเครือข่าย ก็เห็นว่าดีเหมือนกัน เครือข่ายเขาก็พยายามๆๆๆๆ จะลองไปลิ้มลองรสชาติแบบนั้นบ้าง แต่ทำไมๆๆๆๆๆ ไม่เห็นองค์กรที่เกี่ยวข้องเขาจะยินยอม และร่วมกันผลักดันกฎหมายให้ หมอสบายขึ้น ที่ไม่ต้องมานั่งโดนว่า หรือเอาเวลาตรวจคนไข้มาพิจารณาคดีความกัน โดยเฉพาะกฎหมายที่จะช่วยลดการฟ้องร้อง เพราะมีการให้การช่วยเหลือและชดเชย ซึ่งนั้นก็จำทำให้ใจคนเย็นขึ้นได้ เพราะอย่างน้อยช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยได้ส่วนหนึ่งไปแล้ว ตามหลักจิตวิทยาการเจรจาก็จะดีขึ้นไม่ใช่หรือครับ - เงินไม่ได้ช่วยลดการฟ้องร้องเสมอไป การยอมรับผิดก็เช่นกันครับ มีบางกรณี หมอชดเชยเงินไปแล้ว คนไข้ก็เอาเงินนั้นนั่นแหละ ไปข้างทนายมาฟ้องหมอ หรือไม่ก็ หมอโทรไปบอกว่ารู้สึกผิด (อาจจะอยากให้เรื่องจบๆ) คนไข้อัดเทปไว้ครับ แล้วเอาไปเปิดที่ศาลบอกว่า "ถ้าไม่ผิด จะมาขอโทษทำไม" อืมม.. เจ็บปวดครับ 7) สื่อนั้นบางทีให้ข้อมูลออกมา เพราะว่าเขาก็ต้องการขายข่าว ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเขาเหมือนกัน อันนี้มองแบบแฟร์ๆ ทั้งหมด การที่เขาจะสืบ และเช็ดแน่ชัดบางทีใช้เวลานานมาก และก็ไม่รับประกันว่าเขาจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือเปล่า ขนาดคนไข้ไปร้องขอเวชระเบียนยังไม่ได้เลย - การทำทุกอย่างเพื่อที่จะขายข่าวให้ได้ ไม่ใช่หน้าที่ของสื่อมวลชนนะครับ หน้าที่และจรรยาบรรณของสื่อมวลชนไม่ใช่ออกข่าวมั่วๆ เพื่อหวังยอดขาย แต่ออกแต่ความจริงเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็ "ฉีดวัควีนแล้วแท้งนั่นแหละ" ตัวอย่างของสื่อที่ไม่มีจรรยาบรรณ 8) พอออกสื่อ แทนที่คนไข้จะได้รับการช่วยเหลือ เพื่อแสดงว่าหมอเองไม่ผิด และรับผิดชอบ แต่ก็กลับให้ข่าวในทางตรงกันข้าม - อ่านข้างบนครับ เคยมีกรณีที่บอกว่า "ถ้าไม่ผิด... แล้วจะเอาเงินมาช่วยทำไม หวังจะเอาเงินปิดปาดล่ะสิ" จากคุณ : หมอก้อนหิน - [ 1 ก.พ. 52 15:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอเลือกตอบเป็นบางประเด็นแล้วกันนะคะ เพราะหลายๆประเด็นถูกตอบจนละเอียดยิบไปแล้ว จบแพทย์ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ?? พอชีวิตใกล้จะสิ้นสุดปี 6 นักศึกษาแพทย์ทุกคนมีสิทธิ์เลือกค่ะว่าชีวิตปีต่อไปข้างหน้าจะทำอะไรดี บางคน เลือกที่จะสมัครเรียนต่อเฉพาะทางตามโรงเรียนแพทย์ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด บางคน เลือกที่จะเป็นแพทย์ในระบบทหาร สังกัดกับกลาโหม (ไม่ใช่สาธารณสุขเหมือนแพทย์ส่วนใหญ่) บางคน สามารถเป็นอิสระได้ จบแล้วจะเลือกเรียนต่อ อยู่รัฐบาล ทำเอกชน หรือไปทำอาชีพอื่นก็ได้ ถ้าคุณจบแพทย์รังสิต (แน่นอน เรียนจบแล้วไม่ต้องมีหนี้ 4 แสน เพราะเสียค่าเรียนเองจะเป็นล้านอยู่แล้ว) แต่ส่วนใหญ่ ก็เข้าตามเส้นทางที่ถูกวางไว้  ถ้าพลาดหวังจากสามเส้นทางข้างต้น ซึ่งชีวิตจะถูกกำหนดไว้ว่า ในปีแรกที่ทำงาน จะต้องอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลศูนย์ก่อน จากนั้นปีที่เหลือจะไปอยู่ตามโรงพยาบาลชุมชน (ก็คือโรงพยาบาลประจำแต่ละอำเภอ) จากนั้น จากแพทย์ทั่วไปก็ต้องมองหาว่าจะเรียนต่อสาขาไหน เพื่อเพิ่มพูนทักษะและความก้าวหน้าให้กับชีวิตตัวเอง บ่อยครั้งที่ชีวิตเรามักจะเลือกไม่ได้ค่ะ ทุกคนคงอยากสบาย อยากทำงานแบบมีเวลาพักผ่อน แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นกันซะหมดทุกคน แต่โชคไม่ค่อยจะเข้าข้างแพทย์เท่าไหร่ ที่แพทย์ส่วนใหญ่จะต้องไปทำงานไกลบ้าน เวลาพักผ่อนไม่ค่อยมี ต้องเผชิญปัญหาต่างๆทั้งการฟ้องร้อง อิทธิพลจากกลุ่มคนในท้องถิ่น การปรับตัวเข้ากับชุมชน (เพราะบางทีต้องไปอยู่ต่างภาค) ถ้าปัญหาต่างๆมารุมสุม ถูกกดดันมากๆ เมื่อมีทางไป เราก็ขอเลือกทางที่ดีกว่าให้กับตัวเอง ลาออก ยอมใช้ทุน ไปอยู่เอกชน สบายใจ เป็นนายของตัวเองได้(เป็นบางครั้ง) เมื่อก่อน แพทย์มีน้อยกว่านี้ ทำไมไม่เกิดปัญหาการฟ้องร้อง ปัจจุบัน แพทย์มีจำนวนมากกว่าเดิม ถึงจะกระจายไปอยู่เอกชนหรือรัฐบาลก็ตามแต่ ทำไมปัญหามันเยอะขึ้น มากคน มากความค่ะ สมัยนี้ ความเจริญทางวัตถุมากขึ้น แต่จิตใจเสื่อมโทรม ศรัทธาและความเคารพต่อผู้อื่นมันหายไปไหน เคยได้ยินไหมคะ ที่เขาว่ากันว่า สมัยก่อนคนไข้แทบจะกราบหมอ เห็นหมอเป็นเทวดา แต่สมัยนี้ หน้ายังไม่ยิ้ม มือยังไม่ยกมือไหว้ ค้อมศีรษะสักนิด ก็ไม่เห็น แถมยังจะให้หมอเดินไปตรวจถึงที่ ทั้งๆตัวเองก็มีความสมบูรณ์ครบ 32 เดินไม่ถึง 5 เมตรก็เข้าห้องหมอได้แล้ว แต่ไม่ยอมมา เราเชื่อว่าถ้าทุกคนเคารพกัน หมอเคารพสิทธิ์คนไข้ คนไข้เคารพในความเป็นแพทย์ของหมอ ไม่ใช่มาจ้องจับผิดกันอย่างนี้ หรือมัวแต่ตั้งแง่ว่ามีแต่หมอเด็กๆทั้งนั้น หมออายุมากๆหายไปไหนกันหมด ไม่น่าจะรักษาได้ หรืออีกประเด็นที่พบบ่อย คือ ฟังคนอื่นเขาเล่ากันมาแล้วเชื่อตาม แต่พอมาตรวจกับหมอแล้วไม่เชื่อหมอ กลับจะไปเชื่อที่คนข้างบ้านพูดมา เหนื่อยค่ะแบบนี้ เราหวังดี ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเพื่อรักษาให้กลับไม่คล้อยตาม กลับไปรักษากับคนข้างบ้านเถอะ เฮ้อ ทำไมสังคมเรามันมีแต่ปัญหาเยอะแยะไปหมด จากคุณ : Mriya - [ 1 ก.พ. 52 16:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 บางคนก็มีความสุขที่อยู่ต่างจังหวัดค่ะ โดยเฉพาะถ้าบ้านอยู่ต่างจังหวัดด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีปัญหา แถมถ้าอยู่ตาม รพ.อำเภอ ยังได้ค่าตอบแทนพิเศษเยอะแยะเลยค่ะ เยอะกว่าหมอ รพ.จังหวัดด้วยซ้ำ (จนหมอ รพ.จังหวัด บอกว่าอย่า refer มานะ ฮา) จากคุณ : ดาดาแดง - [ 1 ก.พ. 52 16:30:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กลับมาตอบเช่นเคย เริ่มจาก คุณFah4fuN ครับ ที่จะตอบคงไม่ได้ประชดนะครับ แฟนเก่าผมบอกว่าจบแล้ว จะขอไปเป็นหมอภาคใต้ทันที ผมถามว่าคิดไง ก็ได้คำตอบว่า รายได้ดี งานบางที่ไม่หนัก ตอนนั้นผมก็เป็นห่วงนะ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเหมือนกัน จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ........................................... มาตอบคนที่มีคนเห็นด้วยกันเยอะก่อนดีกว่า ต้องขอโทษพี่หมอหมูด้วยนะครับ ๑ เรื่องการใช้ทุน .... เป็นความเลื่อมล้ำ ที่เกิดจากระบบการศึกษา ของแพทย์ ...  และ กระทรวงสาธารณสุข ...    ไม่เกี่ยวกับแพทยสภา .... ๑๑๑๑๑ แต่ก็เห็นแพทยสภาออกมาเกือบทุกงานครับ พาท่านรัฐมนตรีไปเยี่ยมโรงพยาบาล แล้วพบคุณหมอต้องใช้เชือกมาแทนเข็มขัด (แค่สงสัยว่าทำไม ไม่มีจนออกข่าวเลยหรือ แล้วเพื่อนแพทย์ ไม่ช่วยกันหรือครับ หรือว่าคุณหมอเขานิยมพอเพียง แบบผมก็ทำนะครับ กางเกงขาด อยู่บ้าน กระเป๋าเป้ขาด แต่ก็ยังใช้อยู่ แถมเคยซื้อเสื้อผ้า และกางเกงให้หมอบางท่านไปด้วย ถ้าเขาไม่มีเงินจริง) อืม ผมก็เลยงง และที่สำคัญผมไม่ได้เจาะจงไปที่องค์กรใดด้วย ส่วนกระทรวงนั้นผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นคุณหมอหรือเปล่าครับ ///////////////////////////////////////////////////////// หลาย ๆ ท่าน ก็จะบอกว่า รัฐ สนับสนุน ลงทุนไปกับแพทย์เยอะ เลยต้องให้มาใช้ทุน .. แต่ก็ถามง่าย ๆ เลยว่าแล้ว คณะอื่น ๆ รัฐ ก็สนับสนุนเหมือนกัน ทำไม ไม่มีใครที่ตอ้งไปใช้ทุนเลย  ( แม้กระทั่ง พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร ซึ่งเมื่อก่อนใช้ทนุ แต่ตอนนี้ยกเลิกการใช้ทุนไปหมดแล้ว  ทั้ง ๆ ที่ ก็ยังใช้สถานที่เรียนอยู่เหมือนเดิม ระบบการเรียนก็เหมือนเดิม เมื่อก่อนต้องใช้ทุน แต่ตอนนนี้ ไม่  ... ทำไม ??? ) ๑๑๑๑๑๑ จะบอกว่าคณะอื่นๆ ไม่ได้สนับสนุนเท่าคณะแพทย์นะครับ คณะ หรือสาขาที่พอจะเปรียบเทียบได้ เพราะใช้อุปกรณ์ เช่น จิตวิทยาที่ต้องลงคลินิก แบบทดสอบที่ฝึกนั้น เก่าแก่มากๆ เทียบไม่ได้กับโรงเรียนแพทย์เลย แถมอาจารย์สอนก็มีไม่กี่คน จะไปใช้เครื่องมือตรวจ หรือทำการทดลอง เรียกว่าอาจารย์เก็บเงินมาเป็นยี่สิบ สามสิบปี จากงบประมาณที่ได้รับมา ยังได้แค่ เครื่องฉายภาพที่กำหนดเวลาเป็นวินาทีไว้ทดสอบการรับรู้ทางตา แถมเก่าจนพังไปใช้ไม่ได้แล้ว อย่าฝันว่าจะมีเครื่องตรวจคลื่นสมองแบบง่ายๆ เลย คณะนิเทศศาสตร์ เครื่องไม้เครื่องมือในห้องเรียนภาควิทยุโทรทัศน์ เท่าที่ทราบมา ขนาดที่เรียกว่า ระดับดีที่สุดในประเทศ คือ นิเทศศาสตร์ จุฬา นั้น ยังใช้แบบเก่ามากๆๆๆ มือล้วนๆ ดิจิตอลไม่ต้องพูดถึง คณะสถาปัตย์ ศิลปกรรม และคณะคุรุศาสตร์ อุปกรณ์เพียงพอ และทันสมัยเท่าคณะแพทย์หรือไม่ ก็เปล่าเลย สรุป ก็เกิดความคาดหวังจากคณะแพทย์มากกว่าไงครับ มันเป็นหลักตามธรรมดาอยู่แล้ว //////////////////////////////// จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนเรื่อง ของการทำงาน .. ก็เหมือนอาชีพอื่นแหละครับ บางคน ก็ชอบทำงาน ต่างจังหวัด บ้านนอก แต่ บางคนชอบทำงานในกรุงเทพฯ ในเมือง ซึ่งก็แล้วแต่จะเลือก ... ๑๑๑๑๑๑ ก็ใช่ไงครับ ผมไม่เถียงเลย แต่ผมงง จริงๆ กับที่หมอบางคนชอบมาบอกว่า ต้องทำงานในต่างจังหวัดแล้วลำบาก ถึงต้องมาตั้งกระทู้ถาม ต่างจากเรื่องการใช้ทุน นะครับ คนละประเด็นกัน  เพราะ การใช้ทุน ถูกบังคับ เลือกไม่ได้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน  ... หลังจากใช้ทุนแล้ว ถึงจะเลือกได้ ( ซึ่งก็เลือกไม่ค่อยได้อยู่ดี ) ===== ไม่ได้อะไรนะครับ เท่าที่รู้มา พวกหมอที่จะไปใช้ทุน มีการเลือกเป็นกลุ่มก้อนว่า เราจะไปใช้ทุนที่ไหนกัน ถ้าพวกกลุ่มอื่นมา เราก็จะดันไม่ให้ไปในที่สบายซึ่งพวกเราล็อบบี้กันไว้แล้ว (รู้เรื่องวงในเกินไปหรือเปล่า หว่า) บางคนก็เลือกเป็นอาจารย์ แล้วก็ได้ไปเรียนเมืองนอก ๒. องค์กรวิชาชีพ  ไม่มีองค์กรไหนที่ให้คนนอกวิชาชีพ เข้าไปเป็นกรรมการ หรอกครับ ... ไม่ว่าจะเป็น วุฒิสภา สส  สว ศาล อัยการ วิศวะ ทันตะ เภสัช พยาบาล สื่อมวลชน ฯลฯ ... เนื่องจาก ต้องอาศัยความรู้เฉพาะ ในการควบคุมดูแล สมาชิกด้วยกันเอง ... ๑๑๑๑๑๑๑ ไม่แน่ใจว่า ที่ประเทศอังกฤษ ได้ข่าวว่า มีคนไข้สามารถเข้าไปเป็นสมาชิกได้หรือไม่ เพื่อให้การสอบสวน และร้องเรียนแพทย์โปร่งใสขึ้น แต่ประชาชน บุคคลภายนอก สามารถเข้าไปให้ความเห็น เข้าร่วมประชุม ในฐานะอนุกรรมการ หรือ คณะกรรมการย่อย ได้ .. ซึ่งแพทยสภา ก็มีบุคคลหลายอาชีพ ทั้ง ตำรวจ ทหาร อัยการ ทนายความ สื่อมวลชนนักธุรกิจ ประชาชน เข้าไปช่วยทำงานอยู่ด้วย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ก็น่าจะให้ประธานเครือข่ายผู้เสียหาย เข้าไปร่วมด้วยนะครับ ถือเป็นกลาง และคานอำนาจกันได้ ไม่สงสัยบ้างหรือครับว่า ทำไม ถึงไม่มีใครเรียกร้องจะเข้าไปเป็นกรรมการ ในองค์กรอื่น ??? ๑๑๑๑๑๑๑๑ ก็มีนะครับ ที่เห็นของตำรวจก็มี ส่วนมากแล้ว องค์กรที่มีคนอยากเข้าไป ก็เพราะมันเกิดปัญหาในสายตาประชาชนส่วนมาก ประชาชน ก็สามารถ ใช้สิทธิ์ของตนเอง ในการแสดงความคิดเห็น เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับวิชาชีพ องค์กร นั้น ๆ ได้ .. แต่ เป็นคนละประเด็น กับการเข้าไปเป็นกรรมการ เพื่อควบคุม ดูแลสมาชิก วิชาชีพ ... ๑๑๑๑๑๑๑๑ แต่ก็สงสัยว่า ทำไมเทปรายการ ที่คุณศิริลักษณ์ ไปออกที่ช่องเก้า ทำไมถึงถูกพิจารณาไม่ให้ออกเทปสอง กลายเป็น คนจากแพทยสภามาออกสะงั้น หรือถ้าดูว่าข้อมูลไม่ถูกต้องก็น่าจะเชิญมาพร้อมกัน เห็นมีคนว่า น่าจะเชิญทั้งแพทย์และคนไข้ หรือเครือข่ายไปออกรายการพร้อมกัน ชี้แจ้ง พร้อมหลักฐาน แต่ก็ไม่เห็นว่าแพทยสภาจะยอมออกมา จำรายการถึงลูกถึงคนเทปเกือบสุดท้ายได้ไหมครับ ผมดูแล้วสงสัยมาก ////////////////////////////////////// จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ๓. " สงสัยในส่วนที่ว่า ทำไมว่าสื่อแล้วยังไปใช้สื่ออีกละครับ ?" คิดง่าย ๆ ก็เหมือนที่ มีคนบอกว่า หมอ ไม่ดี หมอ ชุ่ย ... แล้วทำไม เวลาเจ็บป่วย แล้ว ไปหาหมอ อยู่นั่นแหละครับ ถ้า จขกท. สรุป แบบนั้น ต่อไป เวลาเจ็บป่วย ก็ไม่ต้องไปหาหมอ ??? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ช้าก่อนสิครับ อย่าหลงประเด็น ที่ไปหาหมอนั้น เลือกไปหาหมอชุ่ย หรือ หมอดีละครับ ทุกกระทู้ผมพยายามจะบอกว่า หมอที่ไม่ดีนะครับ ไม่ได้ว่าหมอทุกคน อย่างกระทู้นี้ ผมก็บอกว่าเห็นใจหมอเด็ก ที่ต้องทนลำบาก ทำงานหนัก แต่ไงผู้ใหญ่บางคนได้ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนมีเงินเดือนเยอะ ให้เด็กอยู่เวรโรงพยาบาลรัฐแทน ถ้าหมอ P ไม่ดี หมอ I บอกข้อมูลเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ว่าตนจะได้ทำวิจัยเลื่อนตำแหน่ง หรือ หมอ G ให้ข้อมูลแก่สังคมด้านเดียว ผมก็จะ ไม่ไปรักษาด้วยหรอกครับ กลัวเหมือนกัน ครั้งเดียวก็พอ ย้ำว่าไม่ได้หมายถึงหมอทุกคนนะครับ แล้วอย่างนี้ผมจะไปหาหมอได้หรือเปล่า 5555 ถ้าไม่ได้เนี้ย ผมก็อาจจะอดไปเที่ยวกับแฟนครับ ในกรณีของสื่อ ผมรับรู้ว่า สื่อนี้ ฉบับนี้ รายการนี้ แต่สุดท้ายก็ไปยุ่ง ไปใช้บริการเผยแพร่ข้อมูลกับเขา แถมยังมีการไปให้เงินโฆษณา โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งน่าจะมีระบบไม่ให้โฆษณาไปเลยหรือเปล่าครับ เท่าที่ทราบ กรณีศึกษาอันเป็นโบราณกาล คือ แพทย์แถวประตูน้ำที่มักโดนประเด็นการโฆษณา สถานบริการ สุดท้าย ก็ไม่ถือว่าทำผิดด้านการโฆษณา กลายเป็นคนช่วยออกกฎให้หมอกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ ได้มีโอกาส อาศัยการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ด้วยได้อย่างไม่ผิด  ซึ่ง ถ้าเห็นว่าไม่ดี ก็อย่าไปทำอย่างเขาครับ ทั้งทางตรง และโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบแอบแฝง อันนี้บอกเป็นกลางๆ ไม่ได้ว่าเขาดีหรือไม่ดี มาบอกถึงเรื่องหมอประตูน้ำกันหน่อย ผมเข้าใจว่าทำไมเขาถูกไม่ชอบนัก อย่างน้อยคงเป็นหมอคนเดียวในประเทศไทยที่ยอมเสี่ยง เป็นพยานให้กับการฟ้องร้องแพทย์หลายกรณี บางครั้งหมอผู้ใหญ่บางคนขึ้นศาลพร้อมกัน เห็นด้วยเหมือนกันอีก จะว่าเขาไม่ถูกก็คงไม่ใช่ทั้งหมด   และอีกอย่างหนึ่ง เขาไม่ได้จ้องเล่นงานแพทย์นะครับ เข้าใจไว้ด้วย ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนที่เขาจะช่วย ถ้าไปยุ่งกับเขามากๆ และว่าหมอมากๆ คนนั้นก็จะโดนเขาว่าแบบเถียงไม่ขึ้นเหมือนกัน เรียกว่า ก็ยังช่วยปกป้องแพทย์ที่ดีอยู่ สรุปตัดไข่ทำไมต้องไปถ่ายเฉพาะที่ทำงานเขาอย่างเดียว โรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ไม่น่าสนใจมากกว่าหรือ ผมละงง อีกครั้ง ///////////////////////////////////////////////// จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ู๔ . ประเด็นเรื่อง เวบ ก็เหมือนกันครับ ... .... หมอก็ " คน " เหมือนกันครับ ... ในเวบนี้ ยังดี ที่มีคนเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ..  ( ในเวบหมอ ก็เหมือนกัน )  แต่บางเวบ ที่ จขกท. เคยไปเอา ความเห็นมา โพสในห้องนี้ .. เวบนั้น ใครเข้าไปค้าน ก็โดนตอกหน้าหงายกลับมา .. หมอหลายคน ก็เลิกเข้าไป แสดงความเห็น ...  แล้ว จขกท. ไม่เห็น " ว่า " เวบนั้นบ้างเลยละครับ ???? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จะบอกว่า หมอก็คน ก็เข้าใจว่ามีทั้งดีและไม่ดี แต่เคยไหมครับ เพื่อนหมอแนะนำว่าให้เข้าไปโพสในบอร์ดหมอ เพื่อจะได้เจอหมอดีๆ เขามาแนะนำ คนไข้เข้าไปโพสดีๆ แล้วโดนหมอด่ากลับมา แบบรุม จนงง ไปหมดว่า แล้วจู่ๆ ก็โดนมาไล่ปิดกระทู้ ทั้งๆ ที่ควรจะไปบล็อกหมอที่มาให้ความเห็นที่ป่วนมากกว่าหรือเปล่า ผมมองเว็บที่คุณหมอหมูบอกว่าเห็นไม่ตรงแล้วจะโดนตอกกลับนะครับ เว็บนั้นความเป็นมา คุณหมอหมูเคยทราบไหมว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดหลังจากเว็บของหมอ ที่คนไข้มักจะโดนว่า เสียๆ หายๆ และบางครั้งก็เล่นสนุก สุดท้าย คนไข้ก็ต้องหาทางติดต่อสื่อสารกัน เหมือนต้องมีหยินหยางคู่กัน แต่ขอโทษนะครับ ถ้าสังเกตให้ดี ไม่มีเงินจ่าย หรือ มีเจ้าหน้าที่ระบบดูแลเว็บหรอกครับ จึงต้องใช้เว็บของฟรีที่เขาให้ใช้กัน เห็นแล้วก็น่าสงสารเขาเหมือนกัน ก็พวกเขางานเข้าจากเว็บหมอมาก่อน อิอิอิ ผมก็เคยเป็นคนหนึ่งด้วย แต่ก็ทำตัวเป็นกลางๆ ดีกว่า /////////////////////////////////////// จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ๕ . ประเด็น ขริบจู๋ ... ใคร เป็นคนเปิดเผยชื่อ ผู้ป่วย ... .... ลองคิด สิครับ ... ใคร " หมอ " ???  " แม่ "  หรือ " สื่อ " ???? ถ้ามีข้อมูล ว่า " หมอ " เป็นคนเปิดเผยชื่อ เด็ก ... ฟ้องร้อง ได้เลยครับ ไมว่าทางแพ่ง อาญา และ แพทยสภา เพราะ ผิด ทั้งนั้น ... ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ เคยคิดไหมว่า ถ้าหมอแสดงความรับผิดชอบเสียแต่แรก ผมว่าไม่มีพ่อแม่ที่ไหนเขาอยากจะเสียเวลามาออกสื่อหรอก ผมคนหนึ่งที่คงไม่อยากดังหรอกครับ สิ่งที่ผมอยากทราบคือ ชื่อหมอ และที่ทำงานครับ เพราะผมเห็นว่ากรณีนี้มันไม่น่าจะผิดพลาด แถมไปเคยโดนกรณีอื่นมาแล้ว ผมก็ต้องระวังตัวเองเหมือนกัน อยากให้มีเว็บได้เช็ดประวัติหมอ แต่ละคน อืม ไม่รู้ไปอ่านกระทู้อื่นมาหรือเปล่า เลยกลายไปเน้นเรื่องนี้ไป ก็ถ้าคิดว่าเป็นสื่อก็อย่าไปยุ่งเลย อีกนิด โปรดเข้าใจธรรมชาติของสื่อด้วยนะครับ ว่า คนเราจะเชื่ออะไรนั้น ไม่ได้ เพราะสื่อทั้งหมด สมัยนี้คนยิ่งมีการศึกษามากขึ้น และตามหลักแล้วคนจะเชื่อ เพราะประสบการณ์ตรง กับคำบอกกล่าวจากคนใกล้ชิดมากกว่านะครับ ฉะนั้นหมอจะเน่าหรือไม่เน่า ก็คงไม่ใช่สื่อสารมวลชนเป็นหลัก จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 //////////////////////////////////// ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ผมเชื่อว่า จขกท. ก็พอรู้อยู่บ้าง .. เพียงแต่ จะเปิดใจ รับ เหมือนกับที่ พยายาม แสดง หรือเปล่า เท่านั้นเอง ??? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ เปิดใจรับมานานแล้วครับ ไม่งั้นป่านนี้ หึหึหึ คงทะเลาะกันจนออกสื่อไปแล้ว ไว้มาเล่าเรื่องสือเกี่ยวกับหมอเลวๆ ที่ผมเจอ พร้อมกับเรือ่งคนไข้เรียกร้องเพื่อหวังเงินดีกว่าครับ และขอโทษถ้าเข้าใจว่า พยายามแสดงหรือเปล่า อยากให้คุณหมอหมูและหมอหลายคนได้รู้จักผมจริงๆ ว่าผมเป็นคนอย่างไรกันแน่ อยากจะพาหมอหมูไปที่เกิดเหตุ และพบกับบุคคลที่เกียวข้อง ซึ่งทำให้ผมรู้สึกแย่กับหมอบางคน ตอนนั้นผมว่า คุณหมอหมูถ้าเปิดใจกว้าง แล้วจะเห็นว่า บางทีโลกของคนที่ได้รับผลกระทบจากหมอไม่ดี มันเป็นเช่นไร แล้วคุณจะช่วยเหลือเขาหรือมาไล่ปิดกระทู้เขาไปวันๆ /////////////////////////////// หมอดี ๆ ก็มี ....  หมอ แย่ ๆ ก็มี .... คนไข้ (ญาติ) ดี ๆ ก็มี ....คนไข้ (ญาติ) แย่ ๆ ก็มี ... หรือจะเปลี่ยนเป็น อาชีพ อะไร ก็ได้  ไม่มีอะไรที่แย่ไปทั้งหมด  หรือ ดี ไปทั้งหมด ... แต่ปัญหาของสังคม ในตอนนี้ ก็คือ การเหมารวม ว่า เป็นเหมือน ๆ กัน ... ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ เพราะผมไม่ได้เหมารวม ไม่งั้นผมก็คงไม่เลือกที่จะมีแฟนเป็นหมอหรอก 55555 ถ้าไม่อยากให้สังคมมองหมอไม่ดี หลักการง่าย หมอต้องเปิดใจให้สังคมยอมรับ และทำทุกอย่างให้ขาว ถึงจะเรียกศรัทธาจากคนส่วนใหญ่กลับมาได้ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ////////////////////// ผมไม่คิดว่า จะเปลี่ยนแปลง อะไรได้มากนัก ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น ..... แต่ ผมคิดว่า คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้ายัง คิดถึงแต่เรื่องของตนเอง คิดถึงสิ่งที่ตนเองมีประสบการณ์ แล้วก็เหมารวมว่า หมอคนอื่น ๆ  ก็คงเหมือนกัน .. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ผมก็สงสัยเกือบทุกกระทู้ว่า ผมพยายามเน้นว่า หมอบางคน ขอเน้นว่า เป็นหมอเลว ไม่เคยเหมารวมนะครับ ผมก็งง หมอที่มาตอบ รวมถึงคุณหมอหมูในประโยคนี้ด้วย คุณหมอ อ่านกระทู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผม แล้วเหมาเรียกรวมตัวเองหรือเปล่าครับ เห็นหลายกระทู้แล้ว สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณพี่หมอหมู และคุณหมอท่านอื่น ๆและ เพื่อนคนอื่นๆมากๆ นะครับที่อุตส่าห์สละเวลามาตอบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ถ้ามีสิ่งใดไม่พอใจก็ขออภัยด้วยครับ แต่ถ้าอยากมีประเด็นอื่นๆ ที่แลกเปลี่ยนกัน ก็มาโพสบอกได้นะครับ ไว้ถ้าว่างแล้วจะเข้ามาตอบครับ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 2 ก.พ. 52 00:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณวุ้น.. ว่างๆ มาตอบข้อความของผมด้วยนะครับ ส่วนเรื่องหมอที่คลินิคแถวๆ ประตูน้ำ อย่าให้พูดมากเลย แต่ว่า .... จริงๆ นะ ดูจากข้อความที่แกโพสต์ในเว็บผู้เสียหายฯ แล้ว รู้สึกแกจะมองโลกเป็น ideal เกินไป จากคุณ : หมอก้อนหิน - [ 2 ก.พ. 52 01:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้รับ PM ก็ตามมาตอบอีกรอบละกัน ... เรื่องแบบนี้ คุยกันไป ก็ยาว แล้วก็สรุปไม่ได้หรอกครับ ... เพียงแต่ อยากจะชี้ ประเด็นบางอย่าง ที่ จขกท. สงสัย แล้วชี้แจงไป แต่ว่า คำตอบกลับมา ไม่ตรงประเด็น ...  เน้น ๆ เลยนะครับ ๑ เรื่องการใช้ทุน .... " สรุป ก็เกิดความคาดหวังจากคณะแพทย์มากกว่าไงครับ มันเป็นหลักตามธรรมดาอยู่แล้ว ???? " .......... ที่มันไม่ธรรมดา ก็คือ      ๑. ในเมื่อคณะอื่น รัฐ ก็สนับสนุน เช่นกัน ... ก็ควรต้องใช้ทุน เช่นกัน ใช่หรือเปล่าครับ ...  ... สนับสนุนหมอเยอะกว่า บังคับให้ไปใช้ทุน  ๓ ปี  .. . อาชีพอื่น ๆ ก็ ออกไปอยู่บ้านนอก สัก เดือน สองเดือน ก็ได้ครับ      ๒. แล้ว ที่  ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัช ที่เมื่อไม่กี่ปี ก่อน ยังต้อง บังคับ ใช้ทุน แต่ ตอนนี้ ยกเลิกแล้ว  จะว่า ปัจจุบัน นักศึกษาต้องเสียค่าเรียนเพิ่มขึ้น ก็ไม่ใช่ . . รัฐ ก็ยังสนับสนุนเหมือนเดิม ...  แล้วทำไม ถึงไม่ต้องถูกบังคับ ใช้ทุน ละครับ ...    ประเด็นเรื่องนี้ ตอบง่ายมาก ก็คือ หมอ ขาดแคลน เลยต้องบังคับใช้ทุน  ... ไม่เกี่ยวกับว่า รัฐ ให้เงินสนับสนุน หรอกครับ ... มันเป็นความเลื่อมล้ำที่เห็นอย่างชัดเจน    เรื่องนี้มีปัญหามานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่ ก็ยอม ๆ กัน เพราะถูกสอนให้เสียสละ ให้เห็นใจผู้ป่วย ถูกปลูกฝังกันมาแบบนี้ ๒. องค์กรวิชาชีพ ....  จขกท. เอง ก็ยังไม่แน่ใจ ไม่ทราบว่ามีที่ไหน เขาทำบ้าง ที่เรียกร้องให้ ประชาชน ทั่วไป เข้าไปเป็น คณะกรรมการ ???     การดำเนินงาน ของแพทยสภา กับ การตรวจสอบการทำงานของแพทย์  ... ถ้าต้องการ ตรวจสอบ ก็ทำได้อยู่แล้วครับ  เหมือนกันกับ งานคุ้มครองผู้บริโภค หรือแม้กระทั่ง ชมรมฯ ก็เช่นกัน   .     ตอนมีการตรวจสอบ ปัจจุบัน แพทยสภา ก็มีบุคคลหลายอาชีพ เข้าไปทำงานอยู่แล้ว .. . .. แต่ว่า มันเป็นละเรื่องกันนะครับ .. กับ การเข้าไปเป็น คณะกรรมการ ของวิชาชีพ ...  ไม่เช่นนั้น ก็คงมีคนได้เข้าไปเป็นองค์กรวิชาชีพอื่นๆ แล้ว ...    งานของแพทยสภา มีอีกเยอะแยะเลยครับ เช่น การเรียนการสอบ การอนุมัติจัดตั้ง ควบคุมดูแลคณะแพทย์ พัฒนาวิชาการ การศึกษาต่อเนื่อง กฏหมายแปลงเพศ ฯลฯ  ... ๓. ในกรณีของสื่อ ผมรับรู้ว่า สื่อนี้ ฉบับนี้ รายการนี้ แต่สุดท้ายก็ไปยุ่ง ไปใช้บริการเผยแพร่ข้อมูลกับเขา แถมยังมีการไปให้เงินโฆษณา โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งน่าจะมีระบบไม่ให้โฆษณาไปเลยหรือเปล่าครับ ??? ..... มันก็เป็นคนละเรือ่งกันอยู่ดี ครับ ... ต้องแยกก่อนว่า " แพทยสภา " กับ " รพ.เอกชน " เป็นคนละส่วนกัน ...  ถ้าคิดว่าเป็นเหมือนกัน พวกเดียวกัน  ก็คงชี้แจงอะไรต่อไม่ได้แล้วละครับ ... .... ปัจจุบัน ก็มีการควบคุม โฆษณา ไม่ให้เกินจริงอยู่แล้ว .. ที่ผิด ๆ โดนลงโทษ ก็เพราะ ล้ำเส้น ซึ่งถ้าถามความเห็นของหมอ ๆ ก็จะรู้ครับว่า แค่ไหนทำได้ แบบไหนที่เวอร์เกินไป ... ใช้แค่สามัญสำนึก ธรรมดา ๆ นี่แหละครับ  ...  รพ.เอกชน บางแห่งก็เวอร์ คลินิกบางแห่งก็เวอร์ ...เห็นมีข่าวลงโทษและฟ้องร้องกันอยู่คงพอทราบ ๆ กัน ู๔ . ประเด็นเรื่อง เวบ ก็เหมือนกันครับ ...?    แหะ ๆ แล้วทราบหรือเปล่าว่า เวบหมอนั้น เกิดขึ้น มาได้อย่างไร เมื่อไหร่ ?    เริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ ( ๑๐ ปีแล้ว ) เป็นที่พูดคุยกันระหว่างหมอ เป็นห้องพักแพทย์ เข้ามาพักผ่อนมาคุยกัน ... กระทู้เรื่องฟ้องร้อง มีอยู่น้อยมาก เมือ่เทียบกันกับจำนวนกระทู้ทั้งหมด ...      แล้วกระทู้ ที่บอกว่า ด่าว่า คนไข้ ประจานคนไข้ ... ถ้าเห็นก็แจ้งได้เลยครับ ผมจัดการให้ทันที ....  มีคนที่นำชื่อมาลง เท่าที่จำได้ ก็มีแค่ ๑ - ๒ คน แล้วก็เป็นการนำมาจากข่าว ที่ คนนั้น ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ไม่ใช่ว่า นึกอยากจะเอาชื่อคนไข้มาประจาน ก็เอามาโพสลงเวบ และทางเวบก็ปล่อยไว้ ... เป็นไปไม่ได้ครับ ...      ถ้ามี ถ้าเห็น ก็รบกวน แจ้งผมเลยนะครับ ...    ส่วน  เวบนั้น ผมทราบครับว่าเริ่มต้นอย่างไร ... โดยใคร .... ในตอนแรก ๆ นั้นผมยังเข้าไปอ่าน แล้วก็มีการแสดงความคิดเห็นด้วยในเวบของหมอ  มีการชี้แจงประเด็นในมุมมองของหมอ ซึ่งประชาชนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ ... แต่ สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ คำต่อว่า " หมอไม่รับผิดชอบ " " หมอก็ตอ้งเข้าข้างกันเองอยู่แล้ว " ฯลฯ  ...    มีหลายเรื่องที่ไม่มีคนแย้ง เช่น ทำแท้ง ที่หาดใหญ่  ดูดไขมันที่เชียงใหม่ ทั้ง ๆ ที่โทษอาญา แต่ไม่มีใครแย้ง  .. ต่างจากกรณี ฉีดยาชาบล๊อกหลัง ใน รพ.ชุมชน ซึ่งเกิดข้อสงสัยปัญหาตามมาอีกเยอะแยะ ถึงแม้ว่าคดีจะจบไปแล้วก็ตาม ...   บางอย่าง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ในทางการแพทย์ ... ไม่ได้เป็นความผิดของใคร ... แต่กลับถูกเหมารวมว่า เป็นความผิดของแพทย์ .... เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันก็ไม่ยุติธรรมเช่นกัน ...    เรื่องแพทยสภา ก็ถือว่า น่าจะเพียงพอแล้ว ... แค่นี้ ก็คงมีคนมองว่า ผมแก้ตัว แทนแพทยสภา หรือ เป็นตัวแทนแพทยสภา  ... ซึ่งยืนยันว่า ผมเป็นเพียงสมาชิก คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรนอกเหนือจากนั้น ...    ก็เอาเป็นว่า ชี้ประเด็นบางประเด็นก็พอนะครับ ... จากคุณ : หมอหมู - [ 2 ก.พ. 52 15:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แถมเรื่อง แพทยสภา ที่มีผู้นำมาลงไว้ ... :: FACT SHEET:: ข้อเท็จจริงแพทยสภาว่าด้วยการเลือกและการเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ของแพทยสภา เพื่อให้สมาชิกเข้าใจระบบและขั้นตอน ผมขอนำ ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการเลือกและการเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา มาเสนอให้ท่านศึกษาระบบการเลือกตั้งบุคคลไปทำงานของแพทยสภา ดังนี้ครับ ๑.กรรมการแพทยสภาจะมาจากการเลือกตั้งเพียงครึ่งเดียว เนื่องจากอีกครึ่งหนึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่งอยู่แล้ว ตามข้อบังคับ ข้อ1 หมวด 1 (กรรมการโดยตำแหน่งจะมีการเปลี่ยนแปลง โยกย้ายระหว่างปี รวมถึงเกษียณอายุตามราชการ  และมีการตั้งกรรมการทดแทนโดยตามตำแหน่งราชการนั้นๆ )   ๒.ในชุดปัจจุบันมีการเลือกกรรมการ จากสมาชิก จำนวน 26 ท่าน เพื่อให้เท่ากับกรรมการโดยตำแหน่ง 26 คนที่เพิ่มมาจากการเพิ่มคณะแพทย์ใหม่รวมเป็น 19 แห่งจึงมีคณบดีคณะแพทย์19 ท่านเป็นกรรมการ ร่วมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข(20) อธิบดีกรมการแพทย์(21) อธิบดีกรมอนามัย(22) เจ้ากรมแพทย์ ทหาร 3 เหล่าทัพ(23-25) แพทย์ใหญ่ตำรวจ(26) รวมเป็น 26 ท่าน ๓.กรรมการจาการเลือกตั้ง 26 คนจะทำหน้าที่เป็นร่วมกับกรรมการโดยตำแหน่งอีก 26 คน รวมเป็น 52   และดำเนินการเสนอชื่อและลงคะแนนเลือก 3 ตำแหน่งหลักคือ (1)นายกแพทยสภา (2)อุปนายกคนที่ 1 (3)อุปนายกคนที่ 2  ของวาระ 17 ต่อไป ตามข้อบังคับ หมวด 2 ข้อ1  ในต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2552 นี้หลังจากนับคะแนนเสร็จสิ้น นายกแพทยสภาจะเป็นผู้เลือกและแต่งตั้ง ตำแหน่งเลขาธิการ, รองเลขาธิการ และเหรัญญิก โดยจะมีวาระพร้อมนายกแพทยสภา หากมีการพ้นตำแหน่งด้วยกรณีใดๆ (ในอดีต เมื่อนายกฯลาออก หรือ เกษียณเช่นกรณีที่มาจากข้าราชการ ทั้ง 3 ท่านต้องพ้นตำแหน่งเช่นกัน ดังนั้นจึงมีหลายช่วงที่มีเลขาธิการหลายท่านต่อเนื่องในวาระเดียวกัน) และฝ่ายเลขาธิการจะไปพิจารณาตั้งผู้ช่วยเลขาธิการต่อไป สำหรับคณะอนุกรรมการบริหาร 9 ท่าน จะมาจาก นายกแพทยสภา อุปนายก 2 ท่าน เลขา-รองเลขาธิการ เหรัญญิก  รวม 6 ท่าน และ จะมีการ เลือกกรรมการแพทยสภาอีก 3 ท่าน ไปร่วมกันดำเนินงาน บริหารภารกิจแพทยสภา ร่วมกับผู้ช่วยเลขาธิการที่แต่งตั้งขึ้นเพิ่มเติม โดยจะทำงานโดยจัดการประชุมไม่น้อยกว่าเดือนละ2 ครั้ง (ปกติทุกสัปดาห์)     คณะอนุกรรมการต่างๆที่มีอยู่ในวาระที่ผ่านมา ราว 150 ชุด จะถูกนำมาพิจารณา ปรับปรุงแก้ไขรายชื่อ ตามข้อบังคับ ว่าต้องมีกรรมการสัดส่วนเท่าใดภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ก่อนจะประกาศแต่งตั้งในวาระใหม่ต่อไป เพื่อให้การดำเนินงานต่อเนื่องและสอดคล้องกับนโยบายยุคนั้นๆ การบริหารงานของแพทยสภาจะเป็นไปตาม กฎหมายหลัก คือพรบ.วิชาชีพเวชกรรม พศ.2525  โดยมีข้อบังคับ 118 ฉบับ และ ประกาศ 3 ฉบับ ที่แพทยสภากำหนดขึ้นและลงประกาศใน พระราชกิจจานุเบกษา จนถึงปัจจุบัน (มค.2552)  รวมถึงการจัดตั้ง ราชวิทยาลัยแพทย์ทั้ง 13 แห่ง และ วิทยาลัยแพทย์ 1 แห่ง ด้วย ทั้งนี้รายละเอียด เหล่านี้จะนำมาเสนอในข้อเท็จจริงตอนต่อไปครับ.. จากคุณ : หมอหมู - [ 2 ก.พ. 52 15:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ฉันสงสารคนทุกๆคนทีทำเพื่อสังคม แล้วยังมีคนมาซ้ำเติม จากคุณ : พฤหัส - [ 6 ก.พ. 52 01:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พี่ๆแพทย์หลายๆท่านตอบไว้ละเอียดแล้ว ผมคงไม่ออกความเห็นเพิ่ม เพียงแต่ขอให้คุณ วุ้น เปิดใจ ให้มากกว่านี้ครับ ถ้ายังหาเหตุผลเถียงกันไปมา คงไม่มีค่าอะไร และ หลายๆ อย่าง ที่คุณ บอกว่ารู้ลึก มันลึกจริงหรือไม่... จากคุณ : รังสี-X - [ 19 ก.พ. 52 00:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เงินเดือนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยรัฐ ค่าสร้างตึก อุปกรณ์ ภารโรง คนสวน ก็เงินสนับสนุนจากภาษีทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ   จะสนับสนุนบาทสองบาท หรือ ร้อยล้านก็เงินเหมือนกัน ?????ทำไมบางคนต้องชดใช้ แต่บางคนไม่ต้องชดใช้?????? อีกอย่าง เครื่องมือแพงๆ ของแพทย์ เค้าใช้งบของโรงพยาบาลซื้อ  ไม่ใช่เงินคณะ(เพราะโรงบาล ก็เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งแยกกับ คณะแพทย์ ซึ่งให้การเรียนการสอน  งบก็ต้องแยกกัน รวมถึงส่วนหนึ่งเป็นเงินบริจาค) เรื่องใช้ทุน คงจะหมายถึงว่า เลือกไปไกลๆเอง จะบ่นทำไมใช่มะ คือ คนที่เลือกใช้ทุนในโรงเรียนแพทย์ หรือ เมืองใกล้ๆ มันมีอยู่จำกัดไง  คนที่เหลือเลยต้องไปอยู่ไกลๆ  ทั้งๆีที่บางคนก็ไม่อยาก  บางคนโดนบังคับจับฉลากมา รึว่าโดนเส้นเบียดมาอยู่ไกลๆ อย่างที่ จขกท.พยายามจะบอกว่า  มันไม่ใช่เวรกรรม เราแก้ไขได้ แพทย์ที่อยู่ไกลๆ ก็พยาบอกเหมือนกัน  ว่าระบบมันห่วย  หมอมาแล้วไม่อยากอยู่ต่อ เพราะ บลาๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่่ว่าเค้าไม่ยอมรับว่าเค้าเลือกเอง  แต่เค้ากำลังบอกว่า  สิ่งที่เค้าเจอมันแย่และควรปรับปรุง   ไม่ใช่ว่า รู้ว่าห่วยแล้ว เลือกมาอยู่ ก็จงอยู่อย่างห่วยๆต่อไป  อันนี้แหละ ที่มันไม่เกิดการพัฒนา จากคุณ : xxx (TaizoXXX) - [ 19 ก.พ. 52 00:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ก่อนอ่านถ้ารู้สึกว่า เป็นข้อความที่ไม่น่าอ่าน ผมขอความกรุณาอย่าอ่านต่อ เพราะ ตอนที่ผมโพสนี้ ผมต้องขอกราบขอโทษด้วยว่า อาการที่เกิดจากฝีมือหมอ มันไม่ค่อยสู้ดีนัก แน่นอน มันส่งผลถึงอารมณ์ด้วย ทำให้ผมไม่ค่อยจะมาตอบกระทู้พวกนี้ในห้องสวนลุม กรุณาเถอะนะครับ ผมอยากให้กระทู้นี้จบ เพราะผมว่าผมเปิดใจมากพออยู่แล้ว ไม่งั้นไม่มาโพสให้คนมาด่า หรือว่าหรอกครับ ไปโพสที่อื่นดีกว่า อย่างไร เดี๋ยวก็มีคนมาด่าแทนผม หรือ ถ้าไปในที่ของผม ผมก็จะไม่โดนลบกระทู้ ทั้งที่เปลี่ยนองค์ เปลี่ยนชื่อมาลบก็เถอะ ที่ผมเอาลิงค์ไปไว้ที่กระทูคุณหมอจ่า เพราะผมอ่านแล้วเห็นใจเขานะครับ ได้แต่ส่ายหัว โพสเรื่องนี้ไปไม่กี่วัน ก็มาเจอกับเรื่องจริงเข้าอีกเรื่อง คุณๆ มาอธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ จองตั๋วเครื่องบิน บินไปช่วยเขาหรือยัง ผมไม่อยากจะบอกว่า ถ้าร่างกายผมสมบูรณ์ หรือ ทรัพย์ผมพร้อมมากกว่านี้ ผมอะจะบินไปแล้วตั้งแต่อ่าน แต่ผมทำไม่ได้ เพราะร่างกายที่ทุกที่เอาหัวไว้คิด ไว้สอนหนังสือเพื่อนๆ มันแทบจะไม่ไหวแล้ว จะไปเดี๋ยวกลายเป็นว่าจะไปนอนโรงพยาบาลที่นั้นแทน เข้าเรื่อง คำตอบของหมอหมู ผมหลังไมค์ไปบอกเขาแล้วครับ และก็ไม่พยายามมาตอบกระทู้นี้อีก จะบอกว่า ไม่ค่อยมีเวลาหรอกครับ แค่ปวดหัวเรื่องร้องเรียนหมอ ยังไม่ได้ฟ้องนะครับ ย้ำว่าไม่ได้ฟ้อง แค่ขอให้คืนความเป็นธรรมให้ผมมีที่อยู่ในสังคมบ้าง ผมก็เหนื่อยและเบื่อจะแย่อยู่แล้ว แค่นี้มันยังทำไม่ได้เลย แค่สอบสวนกันแบบแฟร์ ๆ มันยังไม่ได้เลย โยนกันไปโยนกันมา พอบอกถูกจุด ก็บอกว่า "ไม่ใช่เรื่องของผม" แล้วมันจะไม่ให้เรื่องออกสื่อ แล้วพวกหมอมาบ่นว่าสื่อกันหรือ ว่าๆ สื่อกัน เคยรู้อะไรเกี่ยวกับสือกันบ้างไหม ทฤษฎีการสื่อสารมวลชพื้นฐานมากๆ เขาก็บอกกันแล้วว่า ผลที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เพราะสื่อ คนไม่ได้เชื่อตามสื่อทั้งหมด ตอนนี้จะยอมรับกันไหม ถ้าไม่คิดจะเปิดใจ หรือคิดอีกมุมหนึ่งให้ครบสามร้อยหกสิบองศา ผมก็จนใจเหมือนกัน ผมแสดงความคิดเห็นกับหมอหมู และในกระทู้เรื่องหนึ่ง ตอบก็ไม่ตรงกัน กลับเปลี่ยนจุดไปอีกเรื่อง สุดท้ายก็จะมาบอกเรื่องหมอใช้ทุน มาบอกให้ผมเปิดใจกว้าง ผมเป็นคนมีอำนาจขนาดนั้นเลยหรือ เรื่องก็เรื่องพวกคุณเอง หมอต้องมาใช้ทุน แต่ทำไมคณะอื่นไม่ต้องใช้ คณะที่เกี่ยวกับการแพทย์หลังๆมาไม่ต้องใช้ทุน มันเพิ่งเป็น หรือเป็นมานานสิบปี คุณน่าจะเรียกคณบดีมาตอบก็ดีนะครับ อยากฟังคำตอบมากๆ เพราะเขาคงรู้ดีที่สุด ผมคงแค่คาดว่าอย่างนั้น และตอบตามประสบการณ์ว่า สมัยผมเรียนอุปกรณ์ก็ไม่มี จะทำแล็ปก็ทำไม่ได้ และก็ได้ข่าวว่ามีทางเลือกให้หมอไม่ต้องใช้ทุน แต่ถ้าเรียน คงต้องเสียเงินแพงกว่าคนอื่น จนเกือบจะใกล้เคียงพวกหมอเอกชน ก็เห็นออกมาต่อต้านกันเยอะ คิดง่ายๆ นะครับ คำว่าเปิดใจกว้าง คุณเคยมีใช้กับคนอื่นหรือยัง ไล่ลบกระทู้คนอื่น แถมโดนพวก.. อย่าเรียกว่าหมอเลย มาว่า มาด่า กลายเป็นเรื่องสนุกมีกองทัพมาสนับสนุน มาบอกว่าไม่จริง ไม่มี ลองไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับประธานเครือข่ายฟ้องแพทยสภาในเว็บบอร์ดของพวกคุณๆ เถอะครับ อันล่าสุดหลังจากที่หมอหมูมาโพสอธิบายผมในนี้ ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็นใดๆ พยายามเป็นกลางที่สุด ทำอะไรควรจะคิดได้เอง จริงหรือไม่ลองตรึกตรองดูเองครับ ผมไม่มีอำนาจไปทำอย่างไร ผมบอกตรงๆ ว่าเบื่อ พยายามจะปลงให้ได้กับการกระทำแบบนี้ แต่ยอมรับว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสังคมส่วนรวม หรือที่ผมกำลังสงสัยมาก คือ เพราะคุณไม่เคยเปิดใจกับใครเลย คุณถึงไม่รู้ว่าการเปิดใจกับคนอื่นมันเป็นอย่างไร ตอนนี้ผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับคนหนึ่งคน อยากจะทำอีกอาชีพหนึ่ง คุณเคยมองไหมว่า ชีวิตผมจะเป็นอย่างไร เอาแค่สายตามาเปิดมองหน่อยครับ ยังไม่ต้องถึงเอามาเปิดใจหรอก ยังมีอีกเรื่อง ขอเปิดใจมากขึ้น ตอนนี้หมอที่ยอมรักษาผม ย้ำว่ารักษาได้บางส่วน แล้วเน้นอีกทีว่า แค่ประคับประครองอาการนะครับ แค่เรื่องนี้ ผมก็สงสารหมอจะแย่อยู่แล้ว ยังคิดกันไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกันดี ผมคิดมาเกือบเป็นเดือนแล้ว คิดไม่ออกจริงๆ เปิดหูเปิดตามามองหรือเปล่า ไม่ใช่หมอจ่าเท่านั้นที่ต้องโทรมาเรื่อง โทรขอความช่วยเหลือไปเรื่อยๆ ผมก็เป็นเช่นเขา คุณจะมาช่วยผมไหม หลังไมค์มาบอกเบอร์โทรติดต่อกลับนะครับ จะได้เล่าเรื่อง และพาไปดูตัวสาเหตุ และต้นต่อเลยว่ามันจริงเท็จอย่างไร แล้วมาช่วยผมด้วย ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมากสุดๆๆๆๆๆๆ ที่จะบอกแล้ว คุณว่ามีพวกคุณตอบอย่างละเอียด แต่เคยมองกันไหมว่า ละเอียดแบบด้านเดียวหรือเปล่า แฟร์ๆ กันหน่อย ตอบผมหน่อย เรื่องนี้ผมสงสัยมาก เอาแบบแฟร่ๆ ผมไม่เข้าข้างใคร ผมอยากทราบว่า ทำไมตอนมีเรื่องตัดไข่ ไปถ่ายแค่คลีนิกคนๆ เดียว โรงพยาบาลใหญ่ๆ โต ไม่ไปถ่ายมาเป็นข่าว หรือขึ้นหน้าหนึ่ง แล้วก็มีเรื่องรายการช่องเก้า ที่เขาถ่ายทำไว้สองเทป แล้วทำไมเทปสองไม่ถูกออกอากาศ ถ้าไม่ดี ก็น่าจะเชิญมาอธิบายอย่างเป็นกลาง ที่ผมยกกรณีทั้งสองมา ไม่ใช่เพราะจะมาประชดอะไรหรอกนะครับ แค่อยากหาคำตอบให้ตัวเองแบบแฟร์ และเป็นกลางกับทุกคน ผมก็เบื่อมากเวลาที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดเรื่องนี้กัน ไม่อยากฟังความข้างเดียว ก็ระบบมันห่วยมากไงครับ ย้ำนะครับว่ามันแย่มาก หมอก็โดน คนไข้ก็โดน ก็บอกกันทั้งสองฝ่ายว่าควรปรับปรุง แต่สุดท้ายนั้นแหละที่ทั้งหมอเด็กๆ และคนไข้ก็ไม่เคยได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงใจ และเห็นผลจริงๆสักที สรุปมาแสดงความคิดเห็นกัน เรามาเดินทางไปดูของจริงพร้อมกันดีไหมครับ แล้วเปิดใจพร้อมกันเลย เอาสื่อไปด้วย แล้วก็ดูว่า เรากำลังหลงทางอะไรกันอยู่ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 19 ก.พ. 52 03:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ใจเย็นๆ ครับ หายใจลึกๆ ไม่มีใคร เห็นคุณเป็นศัตรู ผมมองตามสายตาของผม มันละเอียด และ ก็ fair พอแล้วล่ะครับ แต่คงมองจากคนละด้านกัน เลยเห็นรูปไม่เหมือนกันซักที "ก็ระบบมันห่วยมากไงครับ ย้ำนะครับว่ามันแย่มาก หมอก็โดน คนไข้ก็โดน" อันนี้ผมเห็นด้วยสุดๆครับ บรรยากาศเรื่องนี้มันแย่ลงทุกๆวัน หมอลาออกไปทำงานด้านอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผลเสียก็ตกกับประชาชนอยู่ดี.... สุดท้ายนี้ก็ขอให้สุขภาพแข็งแรงไวๆ นะครับ จากคุณ : รังสี-X - [ 19 ก.พ. 52 16:54:14 ]