ความคิดเห็นที่ 1 เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปซื้อมาใช้ครับ..นั่งแล้วพอรู้สึกว่าช่วยได้อันละ 150 จากคุณ : ยิ้มพลีชีพ (Babbitry Boy) - [ 4 ก.พ. 52 17:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หาหมอนแบบคุณ Babbitry Boy มาดันช่วยได้เยอะค่ะ + นั่งหลังตรงๆ จากคุณ : khunrarin - [ 4 ก.พ. 52 17:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อาการนี้พบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะนั่งอยู่หน้าคอม เพราะผมเคยเป็นมาเหมือนกันแต่ตอนนี้ดีขึ้นมากๆจนแทบไม่ปวดแล้ว วิธีง่ายๆคือ 1. สังเกตพฤกรรมการนั่งของตัวเองว่าผิดท่าทางรึป่าว ถ้าใช้คอมต้องดูระดับของจอควรอยู่พอดีกับสายตา ที่สำคัญห้ามเอียงจอคอมเด็ดขาด 2. ตำแหน่งของเมาท์ เวลาจับ แขนวางในระดับขนานกับพื้นหรือไม่ 3. หาอะไรมาพิงแต่ต้องไม่แข็งหรือนุ่มเกินไป 4. อย่านั่งนานเกิน 2 ชม. ควรยืดเส้นยืดสายสัก 5 นาที ทุก 2 ชม. 5. การนวดช่วยได้ แต่แค่ปลายเหตุ 6. อีกวิธีนึงคือทำกายภาพบำบัดที่รพ.ครั้งละ ครึ่งชม./วัน ติดต่อกัน 3 วัน และสุดท้ายถ้ายังไม่ดีขึ้นพบแพทย์เพื่อดูอาการดีกว่า และก้ออย่าเครียดด้วยนะครับ จากคุณ : khunpeemai - [ 4 ก.พ. 52 20:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตายแล้ววว เป็นเหมือนกันเลยยยย T____T พอบริหาร ก็ช่วยได้นะ แต่ถ้าหยุด ก็จะกลับมาปวดเหมือนเดิมเลยอ่ะ ผ่าก็ช่วยนะ แต่เราว่าลองบริหารดูก่อนดีกว่า  ลองปรึกษานักกายภาพดูอ่ะ จากคุณ : มิโนรุ - [ 4 ก.พ. 52 22:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วันก่อนเห็นในนสพ.อ่ะค่ะ เกี่ยวกับวิธีรักษาอาการปวดโดยไม่ต้องผ่าตัด คลีนิกชื่อ ไคโรฟิต หรืออะไรประมาณนี้แหละค่ะ เคยได้ยินว่า ดาราไปรักษาเยอะเหมือนกัน ลอง search หาข้อมูลดูนะคะ จากคุณ : LomoGal - [ 4 ก.พ. 52 23:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาดู เพราะเราก็เป็นเหมือนกัน เป็นตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ทำงานแล้วก็ยังเป็น กลายเป็นโรคเรื้อรังไปแล้ว จากคุณ : architrave - [ 5 ก.พ. 52 00:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การผ่าตัดดูจะเสียงมากเลยนะคะ จากคุณ : kikuberry - [ 5 ก.พ. 52 01:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โรคปวดคอปวดหลัง นับว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยขึ้น ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดเฉพาะคนไข้ที่สูงอายุเท่านั้น กลับกลายเป็นว่า คนไข้หนุ่มสาววัยทำงาน โดยเฉพาะอายุ 30-45 ปี เป็นช่วงอายุที่ทำงานมาก นั่งทำงานเป็นเวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมง ทำให้หมอนรองกระดูก สันหลังทั้งที่คอหรือหลัง ทำหน้าที่เกินกว่าจะทนได้ ความดันและแรงกดที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หมอนรองกระดูกสูญเสียสภาพความยืดหยุ่น หรือ การคืนรูป ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งที่ควรจะอยู่ ในที่สุดก่อให้เกิดปัญหาหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกปกติ หมอนรองกระดูกจะเคลื่อนออกมากดทับเส้นประสาทสันหลัง ซึ่งเส้นประสาทหลังมีหน้าที่ส่งกระแสประสาทไปควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อขา เมื่อเส้นประสาทเกิดอาการอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้าวลงขาตามเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ขาหรือน่อง การรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวดมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การรับประทานยา ฉีดยา กายภาพบำบัด จนถึงการผ่าตัด ทั้งผ่าตัดเล็ก ใช้กล้องช่วยและรวมถึงการผ่าตัดแบบมาตรฐาน หมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท การรักษาอีกวิธีหนึ่งคือ การไม่ใช้การผ่าตัด แต่เป็นการฉีดยาลดอาการอักเสบเข้าไปในโพรงประสาทสัน หลัง (Epidural space) เพื่อนำตัวยาลดการอักเสบเข้าไปยังจุดที่เป็นปัญหาทำให้อาการบวม อักเสบของเส้นประสาทลดลงอย่างมาก ผลที่เกิดตามมาก็คือ การปวดร้าวลงขาจะทุเลาลง จากการศึกษาผู้ป่วยจำนวน 167 ราย โดยทั่วไปให้ผลการรักษาลดปวดได้ประมาณ 70% เมื่อร่วมกับการรับประทานยา กายภาพบำบัดแล้ว ทำให้คนไข้จำนวนมากหลีกเลี่ยงจากการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ข้อดีของการฉีดยาที่ให้ผลน่าพอใจ คือในผู้ป่วยที่หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังตีบ และคนไข้ที่เคยผ่าตัดหลังมาแล้วแต่ยังมีอาการปวดอยู่ เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็ก แสดงช่องกระดูกสันหลังตีบ การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าช่องเหนือไขสันหลัง (Epidural Steroid Injection, ESI) การฉีดสเตียรอยด์เข้าช่องเหนือไขสันหลัง คือ การฉีดยาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ เข้าไปในบริเวณช่องเหนือไขสันหลังและเส้นประสาท จุดประสงค์ของการฉีด เพื่อลดการอักเสบ การบวม ของเส้นประสาทที่อยู่ในช่องไขสันหลังที่ถูกกดทับ และยังช่วยลดอาการปวดขาและปวดหลัง ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน, โพรงสันหลังตีบ หรือ กระดูกสันหลังงอกทับเส้นประสาท ระยะเวลาในการฉีด ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 นาที สิ่งที่ฉีด ประกอบไปด้วยยาชาเฉพาะที่ผสมกับยาสเตียรอยด์ ที่ไม่ทำอันตรายต่อเส้นประสาท และไขสันหลัง การฉีดยาปวดหรือไม่ ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณผิวหนังและเนื้อเยื่อ ก่อนที่จะฉีดสเตียรอยด์ ดังนั้นจะมีความปวดบริเวณที่จะฉีดค่อนข้างน้อยมาก การฉีดยาอันตรายหรือไม่ เนื่องจากเป็นการฉีดเข้าช่องประสาทสันหลัง จึงแนะนำให้ทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ฉีดยาแล้วกลับมาฉีดซ้ำอีกหรือไม่ ส่วนใหญ่มักฉีดเพียงครั้งเดียว หรือปี ละ 1 ครั้ง การปฏิบัติตนก่อนเข้ารับการฉีดยา ผู้ป่วยควรทานอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม, โจ๊ก ผู้ป่วยสามารถทานยาโรคประจำตัวได้ โดยเฉพาะยาที่ทานมาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาลดความดัน ผู้ป่วยต้องหยุดทานยา Aspirin หรือ ยาละลายลิ่มเลือด เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ก่อนได้รับการฉีดยา ก่อนได้รับการฉีดยา ผู้ป่วยควรนอนตะแคง เพื่อทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะฉีดยาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หลังจากนั้นจึงทำการฉีดยาโดยให้ผู้ป่วยนอนราบ และจะมีการวัดความดันโลหิตทั้งก่อนและหลังได้รับการฉีดยา สิ่งที่คาดว่าจะได้รับหลังการฉีดยา ในระยะแรกจะมีอาการชา และ รู้สึกหนักบริเวณขา ทั้ง 2 ข้าง แต่อาการเหล่านี้จะหายไปใน 2-3 ชม. อาการปวดหลัง และ ขา จากเดิมที่มีอาการปวดอยู่ โดยทั่วไปในวันรุ่งขึ้น จะค่อย ๆ ลดลง การปฏิบัติตนหลังการฉีดยา สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังจากได้รับการฉีดยา ควรทำงานเบา ๆ เท่าที่สามารถทำได้ และ ไม่ควรทำงานหนักเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน วันรุ่งขึ้นสามารถไปทำงานได้ไหม หลังจากฉีดยาแล้วถ้าอาการปวดหลังของผู้ป่วยลดลง ก็สามารถไปทำงานได้อย่างปกติ ประสิทธิภาพของยา ยาสามารถออกฤทธิ์ได้นานตั้งแต่หลายวันจนถึงหลายเดือน ข้อดีของการฉีดสเตียรอยด์ ทำให้ผู้ป่วยสามารถลดการทานยาแก้ปวด หรือยาแก้อักเสบ ที่จำเป็นต้องทานอยู่เสมอก่อนที่จะได้รับการฉีดยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ และในผู้ป่วยบางรายหลังจากที่ได้รับการฉีดยาแล้วอาจไม่จำเป็นต้องทานยาแก้ปวดหรือยาอักเสบอีก ทำให้ช่วยลดอาการปวดขา และปวดหลัง ที่มีสาเหตุมาจากการกดทับของเส้นประสาทที่อยู่ในช่องไขสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ข้อมูลจาก นายแพทย์จิระเดช ตุงคะเศรณี นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ จากคุณ : ยิ้มพลีชีพ (Babbitry Boy) - [ 5 ก.พ. 52 08:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ Babbitry Boy - ซื้อหมอนมาแล้วค่ะ ช่วยได้เหมือนกันนะ .. ข้อมูลแน่นดีจัง คุณ khunpeemai - ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ จะลองทำดูนะคะ คุณ Lomogal - ลองหาข้อมูลมาแล้วค่ะ น่าสนใจเหมือนกันเห็นว่าเป็นไคโรแพรคติกแบบผสมผสาน ขอบคุณมากๆ สำหรับคำแนะนำนะคะ คุณ architrave - ลองเอาคำแนะนำไปใช้ดูสิคะ ขอให้หายไวๆ นะ -- ขอบคุณทุกๆ ท่านสำหรับความเห็นค่ะ -- จากคุณ : FoXiLiciOuS (FoXiLiciOuS) - [ 5 ก.พ. 52 09:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองไปปรึกษาที่คลินิกกายภาพบำบัดดูมั้ยครับ  หากต้องการให้แนะนำ  หลังไมล์มานะครับ  จะแนะนำคลินิกของอาจารย์ทางกายภาพบำบัดให้ จากคุณ : Physiotherapist - [ 5 ก.พ. 52 10:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นมนุษย์เงินเดือนที่อยู่หน้าจอคอมตั้งแต่เช้าแปดโมงยันหกโมงเย็น ปวดหลัง ปวดไหล่ โดยเฉพาะไหล่ข้างขวา เพราะคลิกเม้าส์ทั้งวัน ไม่ว่าจะทำงานโดยการตอบอีเมล์หรือเข้าเวปไซด์หาความรู้ความบันเทิง กินยาคลายเส้น ยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบเป็นประจำ จนต้องไปเรียนวิชาขยับกาย สบายชีวี วิถีพุทธ ของโครงการผู้จัดการสุขภาพ ปรากฎว่าดีขึ้นที่กล้ามเนื้อไหล่ ขณะที่อาการปวดหลังก็ดีขึ้น แต่ก็ต้องค่อยๆ รักษา  ขยับอิริยาบท ปรับท่านั่ง หาหมอนมารองหลัง สาระพัดวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการ ทางแก้ให้หายอาการเรื้อรังคือปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพในการนั่งและการเปลี่ยนอิริยาบท เพราะทานยามากๆ ก็ไม่ดีเหมือนกัน จากคุณ : sj_pioneer - [ 5 ก.พ. 52 15:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แ นะนำใ ห้ลองไ ปปรึกษานักกายภาพบำบัดดูคะ จากคุณ : ของเค้าดีจริง (BpangGa) - [ 6 ก.พ. 52 18:46:53 ]