ความคิดเห็นที่ 1 เป็นเพราะเผ่าพันธุ์ของ จขกท   ฮอบบิท !!! จากคุณ : กลัวที่หนาย - [ 6 ก.พ. 52 17:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฮอบบิท...จงเจริญ... ปายล่ะ ปิ้วววววววว... จากคุณ : แมวหง่าวตัวอ้วน - [ 6 ก.พ. 52 17:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระทู้ไม่เครียดหรอกค่ะ เป็นกระทู้ให้คนที่อ่านลองสำรวจตัวเองเท่านั้นเองค่ะ ที่เราเป็นได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะครอบครัว 50 % คนที่เรารัก 30 % เพื่อน 10 % อื่นๆๆ 10 %ค่ะ เพราะเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่เลี้ยงเหมือนเพื่อน ก้อเรยไม่เหงาเท่าไร มีโอกาส มีอิสระสูง ใช่ความคิดได้เต็มที่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆ ต้องลองเองถึงจะเชื่อค่ะ บางทีเหมือนไม่ค่อยแคร์คนอื่น ทำให้คนอื่นดูเหมือนว่าเราเข้มแข็ง ทั้งๆที่ไม่ได้เข้มแข็ง ทั้งๆที่อ่อนแอเสมอ แต่คนอื่นกลับมองว่า เป็นตัวของตัวเอง มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเราไม่ได้เข้มแข็งแบบที่คนอื่นว่าเรยค่ะ จากคุณ : Miracles in my life - [ 6 ก.พ. 52 17:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สิ่งที่หล่อหลอมขึ้นมาเป็นตัวตนของเรานั้น สำหรับพี่ก็คงคล้ายกับตูนนั่นล่ะ ครอบครัว เพื่อนฝูง สิ่งแวดล้อม ประกอบกันเป็นวิถีของตัวเรา แบ่งเป็นสัดส่วนแล้ว พี่อาจจะไม่ได้มีเป็นเปอร์เซ็นต์แบบเป๊ะๆ  แต่พี่ถือว่า ครอบครัวสำคัญที่สุด และเป็นเบ้าหลอมชิ้นแรก ที่สร้างตัวเราขึ้นมา เมื่อครั้งเด็ก ด้วยความที่เป็นลูกคนกลาง ทำให้เราคิดและกระทำ สิ่งอะไรไปหลายอย่าง แต่ เมื่อวันที่โตขึ้น ก้าวผ่านจุดที่คิดว่าตัวเอง "เด็ก" ขึ้นมาได้นั้นย้อนกลับไปดู สิ่งอะไรไม่ดีที่เราเคยทำไป ก็พยายามปรับเปลี่ยน บางทีการยอมรับและเข้าใจตนเอง ก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับบางคน และในขณะที่บางคนก็เลือกที่จะยอมรับตัวเองในแบบที่ต้องการเท่านั้น แต่ละคนต่างมีวิถี ที่แตกต่าง ขึ้นอยู่กับว่า เราจะประสานวิถีของเราเข้ากับผู้อื่นได้หรือไม่อยู่ร่วมกับคนอื่นด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนในสิ่งที่เขาเป็น แถมไว้นิด เรื่อง อีโก้ ฟรอยด์อธิบายไว้ว่า ระบบโครงสร้างทางจิตนั้นประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน นั่นคือ อิด (Id) อีโก้ (Ego) และซูเปอร์อีโก้ (Superego) โครงสร้างทั้ง 3 ส่วนนี้จะทำหน้าที่สอดประสานกันจนกลายมาเป็นบุคลิกของมนุษย์แต่ละคน ซึ่งจะแสดงออกมาในระดับที่ต่างกันออกไป อิด (Id) คือสัญชาตญาณที่มีมาแต่กำเนิด เป็นตัวขับดันให้คนเราแสดงพฤติกรรมออกมาตามความพอใจของตนเอง ซึ่งส่วนมากมักเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เช่น ความต้องการทางเพศ ความก้าวร้าว ความหิว ความโกรธ เป็นต้น มักแสดงออกมาโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลใดๆ (นึกจะทำตูก็ทำอะไรทำนองนั้น) ซูเปอร์อีโก้ (Superego) คือด้านตรงข้ามของอิด คือส่วนของศีลธรรม ธรรมเนียม จริยธรรมอันเป็นที่ยอมรับ ซึ่งมนุษย์จะซึมซับซูเปอร์อีโก้ผ่านทางสิ่งรอบข้าง เช่น พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือสภาพแวดล้อมรอบตัว ตั้งแต่อายุยังน้อย ซูเปอร์อีโก้จะทำให้มนุษย์รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรอะไรไม่ควร สิ่งไหนต้องห้ามไม่ควรทำ รวมถึงการรู้จักความเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ เป็นตัวคอยยับยั้งการทำงานของอีโก้ที่จะตอบสนองความต้องการของอิด หากเห็นว่าไม่ถูกต้องกับบรรทัดฐานของสังคม อีโก้ (Ego) คือสิ่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอิดและซูเปอร์อีโก้ เพื่อทำให้เกิดความสมดุลในความต้องการขั้นพื้นฐาน อีโก้จะเป็นตัวคอยควบคุมและขัดเกลาพฤติกรรมของคน เพื่อให้สามารถแสดงออกถึงสัญชาตญาณที่เกิดจากแรงกระตุ้นของอิด รวมถึงประณีประนอมความเป็นอุดมคติจากแรงกระตุ้นของซูเปอร์อีโก้ให้ไปในทาง ที่ถูกต้องเหมาะสมต่อโลกแห่งความจริง ซึ่งมนุษย์สามารถพัฒนาอีโก้ของตัวเองได้ผ่านทางการศึกษา ทั้งจากในครอบครัว จากสังคม และจากสถานศึกษา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะคอยฝึกสอนอีโก้ของเราอยู่ตลอดเวลา Credit คุณ Drake จากห้องเฉลิมไทย เพราะฉะนั้น พี่คิดว่า  การกระทำหรือแนวความคิดบางอย่างนั้น เกิดจากการไม่สามารถทำ ให้สองสิ่งเกิดความสมดุลกันได้ นั่นล่ะ ปล.คำพูดทั้งหมดยืมเค้ามาทั้งนั้น ปล.2 เป็นลูกคนกลาง ทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด ตัดสินใจเร็วง่าย และไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไป ปล.3 ลักลั่นย้อนแย้ง จากคุณ : Beeee(Beeee) - [ 6 ก.พ. 52 17:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ด้านครอบครัว        ---พ่อ -- มีอารมณ์ขันมากๆ ตลกโปกฮา ลามก หัวไว ใจถึง โกหกเป็นไฟ(ภูมิใจนะขอบอก)ปากจัด        ---แม่ -- ใจเย็น  เรื่อยเจื้อย ชอบอ่านหนังสือ แต่พูดจาขวานผ่าซาก ไม่แคร์ชาวบ้าน         --พี่-- เป็นลูกคนเดียว ของพ่อ-แม่ที่มีลักษณะอย่างข้างบน  ก็เลยเพี้ยนๆแบบเนี่ยแหละ            บางทีก็โดดเดี่ยวได้  บางทีก็ลั้นลากับเพื่อนเป็นฝูงๆได้ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กมาแระ ที่สำคัญปากจัด การศึกษา --- คงเป็นเพราะเรียนนิติมั๊ง  ก็เลยต้องหัดคิดแบบเป็นระบบ  คิดว่าที่ทุกวันนี้สามารถคิดอะไรแบบนี้ได้   เพราะถูกฝึกกระบวนการคิด จากการเรียนกฎหมายเนี่ยแหละ ทุกเรื่องมันต้องมีที่มา-ที่ไป เราต้องมองการกระทำ  ย้อนไปให้เห็นถึงเจตนา  ต้องตีความหมายของตัวหนังสือ จนถึงการกระทำของคน แต่จากใจส่วนนึงที่ชอบศิลปะ  ก็เลยไม่ได้มองทุกอย่างแบบเป็นแท่ง เป็นตู้ๆเป็นเหลี่ยมๆอ่ะนะ เหตุผลของพี่มันจะมีลายกนก  ลายดอกไม้  สีสรร  โน่นนี่แทรกเข้าไปด้วย  บางทีเรื่องเครียดมันก็เลยไม่เครียด --มองตัวเอง----  ตอนเด็กๆรักตัวกลัวตายเป็นที่สุด  กลัวว่าจะไม่ได้โต ไม่ได้เรียน ไม่ได้ทำงานเลี้ยงพ่อ-แม่ ไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องผิดระเบียบ-เสี่ยงตาย  หรือว่าจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเด็ดขาด พี่ว่าพี่มีพื้นฐานของการรักตัวเองอ่ะ  ถึงบางช่วงจะหลงรักคนอื่นไปบ้าง  แต่ไงๆก็กลับเข้ามาหาตัวเองได้ทุกครั้ง --สรุป--  ตัวตนแท้จริงก็เป็นอย่างที่ตอบทู้  อย่างที่เห็น  อย่างที่เจอ  ทุกวันนี้แหละ ---------------------------------------------------- เพิ่มเติมจากที่ถูกถามทาง MSN ว่า " หนูอยากรู้ว่า แต่ละคนมีเหตุผลกันขนาดไหน" ก็ขอตอบว่า   พี่คิดว่า--ทุกคนมีเหตุผล  แต่จะมาก-น้อย   ยอมรับได้--หรือยอมรับไม่ด้  จากสังคมแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ 1.-สันดอน   2.-การอบรม ถ้าสันดอนดี--แต่อบรมมาแย่   ---เหตุผลของคนคนนี้ก็อาจจะแปลกๆหน่อย แต่น่าจะพอยอมรับได้ แต่ถ้าสันดอนแย่+ได้รับการอบรมดี ---- เหตุผลของคนแบบนี้ก็จะแถกแถๆ  หาแต่ดีเข้าตัว ชั่วเข้าชาวบ้าน อย่างที่เห็นกันทั่วไปอ่ะนะ --เอวัง--- จากคุณ : KHIMM - [ 6 ก.พ. 52 17:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คำถามวันนี้ยากจัง แต่จะพยายามแถตอบไปเรื่อยนะคะ เป็นตัวเองทุกวันนี้ 40 % มาจากครอบครัวเป็นหลักค่ะ เพราะชีวิตไม่เคยห่างครอบครัวเลย ทุกการอบรมสั่งสอนจากพ่อและแม่ ดังนั้นบอกได้เลยว่าความนึกคิดและจิตใจมากจากครอบครัวล้วนๆ 30% มาจากตัวเองค่ะ เป็นคนที่เหมือนจะอะไรก็ได้ เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่อะไรที่ตัวเองคิดว่าไม่ผิด ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงได้ เชื่อความคิดของตัวเองเป็นหลัก สิ่งที่เลือกนั่นคือมาจากตัวเองตัดสินใจ 20% มาจากการศึกษาและประสบการณ์ค่ะ ส่วนนี้ก็สำคัญ แต่เชื่อว่าถ้าไม่มีแรงส่งจากครอบครัว การศึกษาจะไม่ทำให้เราเป็นคนได้จนทุกวันนี้ 10% มาจากสังคม จริงๆไม่ได้ให้ความสำคัญมากมายเพราะสังคมที่สัมผัสทุกวันนี้ก็มีแค่ที่ทำงาน และ เพื่อน เท่านั้นเอง สังคมเลยไม่ค่อยมีผลต่อตัวเองเท่าไร ไม่ได้ไหลไปกับสังคมหรือเทคโนโลยีที่ไหลเข้ามา ....100% พอดีแต่ยาวชิปเป๋งเลยค่ะ 555 จากคุณ : KS_SK - [ 6 ก.พ. 52 17:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถามว่า ตัวเองเป็นคนอย่างไร? ยกมือตอบว่า เป็น perfetionist อีกคนนึงค่ะ พยายามถ่วงน้ำหนักระหว่าง "เหตุผลและอารมณ์" แต่ก็ไม่ใช่จะทำได้ทุกครั้ง บางวันก็นิ่ง บางวันก็งี่เง่า บางวันก็เกรี้ยวกราด มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง แต่ทุกอารมณ์ ทุกคำพูด กลั่นและกรองด้วยวัยวุฒิ / คุณวุฒิ / จิตใต้สำนึก ก่อนที่จะแสดงออกมา.. เรื่องอีโก้ ก็แน่นอนว่าต้องมีบ้างตามประสาคนทำงานด้านนี้ แต่ประสบการณ์ชีวิตมันบอกให้ต้องปรับบ้าง ไม่งั้นมันอยู่ไม่รอด ลดอีโก้ ลดหน้าที่การงาน ลงมานั่งหน้าคอมที่ระดับเท่ากัน คุมอารมณ์ศิลปินให้อยู่ โดนขัดใจบ้างก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆน้ อยๆ นับประสาอะไรกับคนเรา กินข้าว ยังเจือกกัดลิ้นตัวเองเลย ปล่อยวางบางเรื่อง ไปหาเรื่องที่ดีๆๆ แต่ถ้าในชีวิตนี้คิดว่าจะไม่เจอเลย ไอ้เรื่องที่ดีๆน่ะ ก็ต้องมองตัวเองแล้วค่ะ ^^ ปล. เรื่องความคิดและการใช้เหตุผล ลำดับของการเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ ก็คิดว่ามีส่วนมากอยู่นะบิบี้ จากคุณ : พี-ไลน์ - [ 6 ก.พ. 52 17:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อยากตอบยาวๆๆๆๆ นะ แต่ขี้เกียจพิมพ์ เป็นคนไม่มีเหตุผลค่ะ...แต่ก็พยายามหาเหตุผลมา หักล้าง ในสิ่งที่ตัวเองคิดเสมอ แม้มันจะเป็น เหตุผลที่ไม่ได้เรื่อง ในสายตาผู้อื่นก็ตามแต่ แต่เมื่อตัวเองคิดแล้วว่า นี่คือเหตุผลของฉัน....ก็ไม่มีใครมาเปลี่ยน หรือมาลบมันไปได้ เรื่องแถ -- ไม่มี  แต่เถียงน่ะ ขอเหอะ EGO -- ไม่จัด คิดแต่ว่า...ทุกวันนี้ เติบโตมาได้ ด้วยตัวเองทั้งนั้น จึงไม่ค่อยยอมง้อใคร พูดง่ายๆ ว่า เป็น ทิฐิ สูงพอสมควร ซีเรียสจริงๆนะกระทู้นี้อ่ะ จากคุณ : ++SMILE LOGIN++ - [ 6 ก.พ. 52 17:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าในแง่ดี... -ครอบครัว พ่อแม่ เพื่อน และผู้หญิงคนนึง ถ้าในแง่ลบ... "กิริยาเท่ากับปฎิกิริยา" action is reaction หรือ "ก่อกรรมใดได้กรรมนั้น" จากคุณ : Kura Kuri - [ 6 ก.พ. 52 17:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงบิบี้จะไม่ให้กิฟปะป๊า แต่ปะป๊าให้กิฟบิบี้เสมอนะ กรั่กๆๆ จากคุณ : กลัวที่หนาย - [ 6 ก.พ. 52 17:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทุกความคิด ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ทุกสิ่งของการสั่งการ............ ล้วนแล้วมีเหตุผลตัดสินใจร่วมด้วยหรือไม่อย่างไร ?? >>> absolutely มีเหตุผลสิจ๊ะ -- แต่เหตุผลจะดูแล้ว เข้าข้างตัวเราหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ผู้อื่นจะมอง อีกนั่นแหล่ะ เมื่อมีเหตุผล หรือไม่มีเหตุผล ตั้งอยู่ในสิ่งใด!!! >>> คุณธรรม จริยธรรม อันพึงมีพึงได้ ก็เท่านั้น การก่อเกิดเป็นตัวคุณทุกวันนี้ เป็นเพราะอะไร ?? สิ่งแวดล้อม ! ครอบครัว ! จิตใจตัวเอง ! เพื่อนฝูง ! หรือ whatever? >>> พ่อแม่ ทำให้เราเกิดมาเป็นลูกคนกลาง เรามีบุคลิกภาพที่ค่อนข้าง sensitive -- แต่เมื่อเรามีวัยวุฒิมากขึ้น -- ความ sensitive มันก็เจือจางไป -- คงเหลือแต่ความ sensiถูกบ้าง ผิดบ้าง แล้วถ้าทุกอย่างเป็นส่วนประกอบ คุณแบ่งมันรวมกันอย่างไรกี่เปอร์เซ้นต์ >>> บิดามารดา 20% สามี 20%  ตัวเราเอง 30% เพื่อน 20% น้องหะมา 10% ทุกวันนี้ คุณพอจะบอกได้ไหมว่าตัวเองเป็นอย่างไร.... ต้องการอะไร.... แค่ไหน..... ยังไง..... >>> อันตัวเรารึ เช้าตื่นขึ้นมา เป็นแม่ครัว สายๆ ก็เป็นแม่ค้า -- อ่ะ ถามว่าเป็นอย่างไรนิ -- เป็นคนไม่ค่อยว่าง ไม่ค่อยมีเวลาให้ใคร ไม่ค่อยได้ไปไหนๆ จะว่าเหงาก็ไม่ -- ก็อยู่ไปได้ วัน วัน -- ออกแนว ปลง ปลง ความต้องการรึ -- ก็ไม่ค่อยต้องการอะไรนะ ชีวิต มันอยู่ตัว ซะแว้ววววววว~ ปูลู >> อยากกินเหล้าปั่น T_T จากคุณ : ปังจิ้มนม - [ 6 ก.พ. 52 17:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ... อยากตอบ บิบี้ นะน้อง แต่วันนี้ปวดหัวเกินจะพิมพ์ยาวๆได้ - -" จากคุณ : Cat sulla pentola (orcahappy) - [ 6 ก.พ. 52 17:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ปะป๊า.......ไม่ยอมตอบเป็นความรู้....... บิบี้ไม่ให้กิฟ ฮอทบิทงอน !! 55555 จากคุณ : smabbytoon - [ 6 ก.พ. 52 17:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปล. ลูกคนเดียวค่ะ แต่ถ้านับน้องชายต่างพ่อกับต่างแม่ ก็จะเป็นลูกคนโต ลูกคนโต เก๋ได้อีกค่ะคุณเพื่อน คริ คริ จากคุณ : พี-ไลน์ - [ 6 ก.พ. 52 18:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทู้นี้มีทั้งมะมี๊มาตอบ ปะป๊ามาให้กิฟ และปะป๊างอน มะมี๊เลยให้กิฟแทน แหม๋.... สัมพันธ์อันดีจิงๆ เย็นนี้ลูกไม่ได้ไป ขอให้ปะป๊ากะมะม๊า เที่ยวกันอย่างมีฟามสุข อย่าลืมลูกหยินหยางกุ๊กไก่นะ 555 จากคุณ : smabbytoon - [ 6 ก.พ. 52 18:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทุกวันนี้การใช้ชีวิตต่างๆ นับว่าเป็นสิ่งดีค่ะที่สามารถเก็บความทรงจำและก็คำสอนจากครอบครัวมาได้มากมาย เป็นลูกคนเล็ก แต่อยู่กับพ่อแม่เพียงลำพัง พี่สาวอยู่กับยายตั้งแต่เกิด ดังนั้นทุกอย่างจึงสร้างให้เข้มแข็ง ดูแลตัวเองมาตลอด พ่อแม่สอนให้ตัดสินใจเองมาตั้งแต่เล็กๆ รู้สึกดีไม่น้อยที่เราเก่งสามารถตัดสินใจอะไรเองได้ แม้วันนี้ต้องอยู่คนเดียวไม่เหลือใครในครอบครัวให้ใกล้ชิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกวางมาเป็นพื้นฐานแล้ว นับว่าการใช้ชีวิตปัจจุบัน มาจากครอบครัวเยอะมากๆ น่าจะมากว่า 70% ที่เหลือสังคม 5% นอกนั้นตัวเองล้วนๆ และเพราะตัวเองนี่แหละที่ทำให้ ตัวเองเป็นแบบนี้ บางครั้งไม่เข้มแข็งสมกับที่ทุกคนไว้วางใจให้ใช้ชีวิตเองมาตลอดเลย จากคุณ : heartmiddle - [ 6 ก.พ. 52 19:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หน้าตาไปทางพ่อ 80% เป็นความโชคดี ถึงไม่สวยเหมือนแม่ ( แม่สวยมาก แต่ดำ ) ก็ได้ความขาว หมวย และ สุขภาพผิวที่ดีมาด้วย นิสัยไปทางแม่ 30% พ่อ 30% ที่เหลือ เหมือนใครไม่รู้ เป็นคนหัวอ่อน เชื่อคนอื่นง่าย ใจดี - เหมือนพ่อมั้ง เอาแต่ใจ และขี้บ่นไปตามวัย - นิสัยผู้หญิงทั่วไปเนี่ยแหละ จากคุณ : ..ฟ้าใส.. - [ 6 ก.พ. 52 21:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นคนร่าเริง พูดจาไพเราะ    ชอบอะไรก็ได้ ไม่ค่อยถือสาใคร จริงใจมาก หุหุ ชมตัวเองแล้วเขินวะ หน้าตาไปทางแม่ 80%  พ่อ 20%   นิสัยเหมือนพ่อบวกกับแม่ก้ำกึ่งกัน บางอย่างก็รับากแม่ บางอย่างก็รับจากพ่ออะ จากคุณ : อยากหล่อกว่านี้ทำไงดี - [ 6 ก.พ. 52 21:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ กระทู้ Y รึยังคะ อยากตอบมั่ง... ที่เป็นตัวแหวนทุกวันนี้คงเพราะสภาพแวดล้อมแต่เด็กแหละ คนอื่นบอกว่าแหวนเป็นคนตรง แต่แหวนว่าตัวเองอ้อมแล้วนะ รึบางที สิ่งที่เราคิดมันสุดจะรุนแรง 555 ประมาณว่า "นี่ขนาด อ้อม แล้วนะ" ทั้งที่บ้าน ทั้งกลุ่มเพื่อนท่ีเจอ และคนที่เรา(เคย)รัก มีผลทั้งหมดอะค่ะ แหวนว่าคนเราก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้ (บรรทัดข้างบน) กันเป็นส่วนมากทั้งนั้น ส่วนตัวแหวนได้รับมาในแง่ลบซะมากกว่าส่วนดีอะนะ แต่มันอยู่ที่ว่า ถ้าเราถูกกระทำอะไรแย่ๆมา เราจะทำแย่ๆกับคนอื่นอีกต่อ นั่งระแวง หรือขวางโลก ขวางตัวเองไป หรือ เราจะไม่ทำแบบนั้นอีกต่อไปเพราะไม่มีใครอยากให้เจ็บอย่างที่เราเคยเจ็บ โอว...ช่วยกันทำให้ยิ่งเครียดปะเนี่ย TvT ตลาดวายซะแย้ว จากคุณ : SICKHEART - [ 6 ก.พ. 52 23:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สิ่งที่ก่อร่างสร้างตัวให้เป็นตัวต้นในวันนี้ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากพี่คนโต (เพราะพ่อเสียไปตั้งแต่ 7 ขวบ) บวกกับความลำบากของครอบครัวหลังจากที่พ่อเสียตั้งแต่เด็ก เลยสร้างจิตสำนึกของความแข็งแรงให้กับตัวเอง การเป็นลูกคนเล็ก มันก็ได้เปรียบที่สามารถเอาแต่ใจตัวเองได้บ้าง แต่การเป็นตัวเองในปัจจุบัน มันเป็นจุดเริ่มมาจาก ประโยคที่ว่า "มรึงจะอะไรกับผู้หญิงคนเดียว มรึงตั้งหน้าตั้งตาเรียน ทำงานมีเงิน ถึงวันนั้น มรึงจะเลือกใครคนไหนก็ได้ มรึงเชื่อเฮีย ผู้หญิงลองเค้า เอ๊ะแล้ว ก้จบแล้ว" พี่ชายคนโตด่าน้องชายคนเล็กในวันที่แฟนคนแรกทิ้งผมไป วันนี้มันก็เลยเป้นคนแบบนี้อย่างที่เห็น --คิดว่าการเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ เป็นผลให้ตัวเองเป็นแบบนี้หรือไม่-- ผมเป็นลูกคนเล็ก การตัดสินใจทำอะไร ก็แล้วแต่บางเรื่องว่า มันกระทบกับใครหรือไม่ ถ้า กระทบก็คิดนานหน่อย แต่ถ้าไม่มีแค่เราคนเดียวก็ คิดเลยสรุปได้ก็ทำเลย เพราะถ้าเป็นส่วนตัวเราคนเดียวจะตัดสินใจผิดถูกยังงัยมันก็ตัวเรา แต่ถ้ามีคนอื่นเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม การคิดให้รอบคอบใช้เวลากับมันเพิ่ม ขึ้นอีกนิด แต่ความเสียหายไม่เกิด มันก็น่าจะคุ้ม ด้วยความเคารพ ปล.การเป็นลูกคนเล็ก หรือลูกคนโต หรือลูกคนกลาง สุดท้าย ประสบการณ์ก็บ่มเราจนโตได้เองหล่ะ จากคุณ : ก้านหรรษา - [ 7 ก.พ. 52 10:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 น้องบิบี้ พี่มาช้า ตัวพี่เป็นตัวพี่ในทุกวันนี้ เพราะ พ่อพี่ค่ะ  พ่อเป็น ฮีโร่ ของพี่ค่ะ แมนที่สุดแล้ว ทุกการกระทำ พี่ลอกเลียนมาจากพ่อพี่  70% ที่เหลือเป็นประสบการณ์ที่ผ่านมาตามกาลเวลา ทุกการกระทำของพี่ ต้องมีเหตุผลเสมอในกรณีซีเรียสนะคะ แต่ถ้าเล่นๆ พี่ไม่ค่อยมีเหตุผลค่ะ แค่อยากสนุกก้เล่นไป ไม่ต้องมาเก็ก มากั๊ก  พ่อพี่เป็นคนดุ แต่ ตลก ค่ะ พี่คงเหมือนพ่อ ทุกวันนี้ พี่มีความสุขมากค่ะ ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่า ดูลูกโตขึ้นทุกวันๆ ไม่ต้องการอะไรจากใครอีก แต่ยังรักการให้ค่ะ จากคุณ : +:+SoMEonE ExacTlY likE yoU+:+ - [ 7 ก.พ. 52 11:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกคนมากเลยคะ ที่มาให้ความเห็นกัน บิบี้ไม่ได้เป็นไร แค่อยากอ่านแง่มุมของคนอื่นดูเพื่อเพิ่มความรู้และการมองโลกให้ตัวเอง ^_^ จากคุณ : smabbytoon - [ 7 ก.พ. 52 11:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่รู้เหมือนกันว่าป็นเพราะอะไร จากคุณ : panumas05 - [ 7 ก.พ. 52 21:12:08 ]