ความคิดเห็นที่ 1 ขอต่ออีกนิดนึงครับ คือจำตอนที่พยาบาลใส่ถุงมือมาเช็ดเลือดคนไข้เก่าได้นะครับ แล้วเค้าไม่เปลี่ยนถุงมือครับ เค้าก็เอาถุงมือเดิมนั้นแหละมาช่วยทำแผลผมกับหมอ ผมก็ได้แต่คิดว่า เอดส์มันไม่ทนโลกภายนอกออกมาจากร่างกายแป๊บเดียวก็ตายแล้ว และคิดว่าการทำแผลมันต้องใส่ยาฆ่าเชื้อ มันโดนยาก็คงตายตอนนี้ จากคุณ : HMC - [ 12 ก.พ. 52 16:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กรรมวิธี  UC ไม่ผ่าน นะนั่น จากคุณ : Wastrel - [ 12 ก.พ. 52 16:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 OHOHOHOHOHOHOH    NONONONONONONO @@@@   ไม่ผ่านค่ะงานนี้                      ดีนะค่ะที่คุณมีสติ                                               ดูแลตัวเองนะค่ะ   @@@@@ จากคุณ : Bossi - [ 12 ก.พ. 52 16:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่ากลัวจังเลย ....... จากคุณ : J_kadong - [ 12 ก.พ. 52 16:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประกันสังคมอีกแระ จากคุณ : I Promise - [ 12 ก.พ. 52 16:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กำ โรงเรียนแพทย์  ขนาดใหญ่ยักษ์   ก็เป็นอ่ะ จากคุณ : คนโดนแบน - [ 12 ก.พ. 52 17:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไม่ถูกค่ะ เป็นเรา เราจะท้วงพยาบาลค่ะ รพ เอกชน ที่เห็นส่วนมากเป็น ผู้ช่วยพยาบาล ไม่ค่อยมีความรู้ค่ะ บางทีมาช่วยตัดไหมยังไม่ยอมใส่ถุงมือสเตอร์ไรล์ ต้องไล่ให้ไปใส่ เพราะสงสารคนไข้ จากคุณ : cardiogenic - [ 12 ก.พ. 52 17:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอือมกับประกันสังคมเหมือนกันค่ะ   วันก่อนไปส่งแฟนไป รพ.เข้าร่วมประกันสังคม แถวๆ ลาดพร้าว ชื่อ รพ. ก็ชื่อเดียวกะย่านนั่นหละ แฟนปวดเบ้าตามา ตาแดงมาก  ไปหาโดยใช้ประกันสังคม จนท. บอกว่าถ้าใช้ประกันสังคมก็ต้องให้หมอทั่วไปตรวจก่อน ถ้าอาการไม่มากก็จบ แต่ถ้าอาการหนักค่อยส่งไปให้จักษุแพทย์ ไม่เอาเลยค่ะ  ไปหาจักษุแพทย์โดยตรง ยอมเสียเงินดีกว่า ไม่ได้ดูถูกหมอทั่วไป  แต่ชอบจ่ายยามามั่วๆ  ปวดหัวก็ให้พารา ปวดท้องก็ให้ยาเคลือบกระเพาะ   ตาแดงก็ให้ยาหยอด  หลักๆวินิจฉัยแค่นี้ ปรากฏว่าแฟนเป็นภูมิแพ้ตัวเองชนิดหนึ่ง เป็นแล้วตาจะสลับกันแดงทั้ง 2 ข้าง มีอาการบวมน้ำ ปวดเบ้าตา  ไม่มีอาการติดเชื้อใดๆ   เสาร์นี้ต้องไปให้หมอดูอาการอีกค่ะ เสียไปเดือนละ 750 บาท แต่ไม่ได้ใช้อะไรเลย จากคุณ : khunrarin - [ 12 ก.พ. 52 17:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เขียนจดหมายให้โรงพยาบาลนั้นทราบครับ ปกติมันมีกรรมวิธีอยู่แล้ว แต่อาจจะมีคนบางคนที่ไม่ได้ทำตาม ถ้าเล่าที่นี่ จะไม่มีวันที่ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข เพราะคนก็จะมองว่าโรงพยาบาลที่อยู่แถวสีลมไม่ดี(ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ละแวกนั้นมีโรงพยาบาล 6 แห่ง) ส่วนคนที่ทำก็รอดตัว ส่วนคนที่ทำดีอยู่แล้ว และอยู่ในละแวกนั้น ก็พลอยเสียกำลังใจไปด้วย จากคุณ : หมอแมว - [ 12 ก.พ. 52 18:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กรณีนี้ ถ้าเป็นจริงผมว่า บุคลากรมักง่ายครับ ถ้าพบเห็นจริง แจ้งเป็นใบร้องเรียนที่รพ.นั้นได้เลยครับ จากคุณ : natefang - [ 12 ก.พ. 52 18:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราใช้บริการประกันสังคมประจำ แต่ไม่เคยได้รับบริการแย่จนรับไม่ได้ขนาดนี้เลย ถ้าเกิด รพ.นี้ออกจากประกันสังคมเืมื่อไร เราคงไม่ส่งตัวเองแล้ว จากคุณ : คืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น - [ 12 ก.พ. 52 19:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมอยากถามหมอแมวว่า  ที่ผมเล่านี่ถือว่าโรงพยาบาลทำผิดมากมั้ยครับ หรือเป็นเรื่องทั่วๆไปพออนุโลมได้ ผมขอเล่าละเอียดอีกนิดนึงว่า ตอนเย็บแผลครั้งแรกเป็นตอนก่อนเที่ยงครับ ผมเห็นแล้วว่าตะแกรง ที่เค้าบอกให้วางขามีเลือด และมีสีน้ำสีเหลืองอยู่ อาจเป็นยาฆ่าเชื้อ ผมจึงไม่กล้าเหยียบ  แต่เลี่ยงไปเหยียบริมๆบริเวณที่มองไม่เห็นเลือด แล้วพยายามบาลก็มาจับขาผมล้างแผล ผมไม่ได้มองและจำไม่ได้ด้วยว่า ตอนนั้นเขาจับขาผมไปวางตรงเลือดรึป่าว เพราะเจ็บหนักอยู่ แต่ตอนหัวค่ำวันนั้นผม กลับไปใหม่เพราะแผลปวมเปล่งมาก เนื่องจากเลือดคั่งอยู่ข้างใต้ และตอนหัวค่ำนี่เองที่ผมได้สติแล้ว จึงไม่ยอมวางขาบนตะแกรงนั้นเพราะเห็นเลือดเยิ้มอยู่ชัดๆ และก็เป็นตามที่เล่าในกระทู้ครับ จากคุณ : HMC - [ 12 ก.พ. 52 21:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วถ้าผมเขียนถึงโรงพยาบาล จดหมายจะไปถึงผู้รับผิดชอบเหรอครับ ผมว่าเค้าต้องปกป้องกันแน่ๆ  จริงมั้ยครับ จากคุณ : HMC - [ 12 ก.พ. 52 21:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปตรวจแผลมีโอกาสผมจะแอบถ่ายตะแกรงที่ว่ามาให้ดูนะครับ แต่ผมจะไม่เอ่ยชื่อโรงพยาบาลนะครับ เพราะผิดกฎแน่ๆ แต่ผมจะเอารูปมาลงไว้ประกอบเพื่อคนไข้อื่นๆที่ใช้ประกันสังคมและเจอแบบนี้จะได้กล้าท้วงคนทำว่า มันสกปรกมีเลือดอยู่จะให้วางลงไปได้ยังไง จากคุณ : HMC - [ 12 ก.พ. 52 21:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วถ้าผมเขียนถึงโรงพยาบาล จดหมายจะไปถึงผู้รับผิดชอบเหรอครับ ผมว่าเค้าต้องปกป้องกันแน่ๆ  จริงมั้ยครับ << อย่างน้อยก็เป็นการให้เค้าปรับปรุงมาตราฐานตัวเองครับ จากคุณ : Nighthawk121 - [ 12 ก.พ. 52 22:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเขียนเพื่อให้ปรับปรุงบริการ ไม่ใช่เขียนเพื่อหาคนผิด ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง"ปกป้องกัน"หรอก อันนี้เป็นหลักของการพัฒนาคุณภาพรพ. เมื่อพบปัญหา สิ่งไม่พึงประสงค์ ให้นำเสนอเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา ไม่เน้นที่ผู้ทำ เพราะถือว่า สิ่งที่เกิด อาจเป็นเพราะระบบที่ไม่ดีพอ ไม่ใช่ตัวบุคคล เช่น "เมื่อเวลา 21.00 น. ไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉิน พบว่า ตะแกรงที่ใช้วางแขน/ขา มีคราบเลือดเปื้อน" ผลลัพธ์ที่เกิด : มีการล้างตะแรงทุกครั้งที่เปลี่ยนผป. ไม่ควรเป็น "เมื่อเวลา 21.00 น พยาบาลชื่อ ..... บอกให้วางขาบนตะแกรงเปื้อนเลือด" ผลลัพธ์ที่เกิด : มีการตามหาว่าพยบ.คนนั้นคือใคร ถ้าเราตั้งต้นที่ "หาคนผิด" ปฏิกิริยาตอบสนองที่เป็นธรรมดา ก็จะเป็น "ปกป้องกัน" อย่างที่จขกท.ว่านั่นแหละ อีกนิดนะคะ เราว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องประกันสังคมหรือ 30 บาทหรือจ่ายเงินสดเลยจริงๆ จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน - [ 12 ก.พ. 52 22:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอ่อ คิดเหรอครับว่าเค้าจะสนใจว่าคุณเป็นคนไข้ประกันสังคมหรือ 30 บาท หรือจ่ายเอง คนเค้า "มักง่าย" ครับ เค้าไม่ได้สนใจสิทธิ์หรอก เขียนจดหมายไปเลยครับ อย่างน้อยให้ผู้ใหญ่เค้ารู้ จะได้ตักเตือนหรืออะไรกันบ้าง จากคุณ : Umiki - [ 12 ก.พ. 52 23:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รพ ย่านลาดพร้าว ที่มีชื่อคล้ายย่าน แย่มาก ไม่สะอาด และฟันราคาโดยไม่มีเหตุผล ไม่ตรวจให้ดีให้แน่ชัด - -* เตือนผู้ใช้บริการค่ะ จากคุณ : reira (reira) - [ 13 ก.พ. 52 00:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบ 1. ถ้าสิ่งที่อยู่บนตะแกรงคือเลือด ... ก็ลองนึกเอาเองได้ครับว่าถูกหรือไม่ อันนี้ไม่นับรวมของที่ลงไปอยู่ในถังข้างล่างนะครับ เพราะมันลงไปแล้วมันบินขึ้นมาไม่ได้ ถ้ามีเลือดติดสดๆบนตะแกรง ต้องไปถามแล้วครับว่าเกิดอะไรขึ้นจึงไม่มีการทำความสะอาดตะแกรงนั้น หลักในการรักษาพยาบาลและหลักการป้องกันการติดเชื้อระบุไว้อยู่แล้วในข้อนี้ ถ้าเป็นเลือด ก็แปลว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ถ้าไม่ใช่เลือด ก็แปลว่าไม่มีความเสี่ยงต่อคนไข้ (เช่นใช้น้ำยาที่มีสีแดงหรือน้ำตาลไปทำความสะอาด) ฟังจากที่เล่า น่าจะเป็นเลือดจริง ... เพราะเห็นกันหลายคน 2. ประกันสังคมเกี่ยวหรือไม่ ถึงแม้ผมจะไม่ชอบปกส. .... แต่ว่ากรณีนี้มันเกิดในห้องฉุกเฉิน ... จะจ่ายเงินเอง ปกส. หรือ 30บาท มันก็เหมือนกันครับ คนที่เกี่ยวข้องคือคนที่มีหน้าที่ในการจัดการเรื่องการควบคุมการติดเชื้อมากกว่า ประเด็นเรื่องนี้คือ เราจะมองเรื่องนี้ในแง่ไหน ในแง่ "ทำแบบนี้ผิดหรือไม่" กับ ในแง่ "เราจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีกได้อย่างไร" 1. เอาในแง่ทำแบบนี้ผิดหรือไม่ก่อน คำตอบคือ ไม่สามารถตัดสินได้จนกว่าจะเอาขึ้นศาลครับ เพราะการที่คุณบอกว่าคนๆนึงทำผิดในเรื่องนี้ มันก็มีตั้งแต่การเกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร จงใจ ตั้งใจ ประมาท หรือว่าเป็นอุบัติเหตุ จงใจ ... จงใจไม่ทำความสะอาดกะให้คนไข้โดนเลือด ประมาท ... โรงพยาบาลมีกรรมวิธีทำความสะอาดให้ แต่ไม่ทำ อุบัติเหตุ ... ทำตามกรรมวิธีแล้ว แต่ยังเหลือเลือดคงค้าง สุดวิสัย ... เช่นมีรถคว่ำหมู่มา มีอุบัติเหตุหมู่มา คนเจ็บเพียบ ล้างไม่ทัน ล้างไม่สะอาด ในทางกลับกันการจะเอาผิด ต้องมีการพิสูจน์ว่าเสียหาย ... ต้องพิสูจน์ว่าการกล่าวหาเป็นจริง 2. แง่มุม "เราจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีกได้อย่างไร" อธิบายคล้ายๆอันแรก แต่มองในอีกมุม คนจะมาเป็นพยาบาล ไม่มีใครอยากให้คนไข้ติดเชื้อจากเลือด ... ไม่มีใครอยากจะให้วางเท้าคนไข้บนตะแกรงที่มีเลือดหรอกครับ ปัญหาของเรื่องนี้คือ - แล้วทำไมพยาบาลถึงไม่รู้ว่ามีเลือด - แล้วทำไมเลือดยังคงค้างอยู่ ถ้าคนที่มารักษา เขียนจดหมายไปว่า ในช่วงเวลานี้ วันนี้ สถานที่นี้ ... มารักษาแล้วเจอเลือดติดที่ตะแกรง เขียนเท่านี้ไม่ต้องไประบุคนให้ยุ่งยาก ( เพราะคนที่ทำความสะอาดมักไม่ใช่คนที่ทำแผล ) ให้โรงพยาบาลไปหาคนผิดเอาเอง ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาลเห็นว่าร้ายแรง ... เค้าก็จะจัดการลงโทษเอง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่มีสาเหตุ และแก้ไขได้ โรงพยาบาลก็ต้องหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้น ต้องไปหาว่าปัญหามันเกิดมาจากอะไรแล้วไปแก้ที่สาเหตุนั้น ถ้านโยบายและหลักการทำความสะอาดไม่รัดกุมพอ โรงพยาบาลต้องไปจัดการแก้ไข ถ้าบุคลากรไม่ยอมทำตามกฎ ก็ต้องหาทางแก้ไขให้ทำตาม ข้อแตกต่างของการหาคนผิดกับการหาทางแก้ไขคือ ถ้าคุณไปบอกว่าการบริการมีปัญหา ต้องการการรับผิดชอบ หรือต้องการหาคนผิด ... ไม่ว่าจะกับโรงพยาบาล สื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ โรงภาพยนต์ โรงแรม โรงเรียน ร้านอาหาร ฯลฯ  ต้องจำไว้ว่าในเมืองไทย การหาคนผิดมันมาคู่กับการชดเชย ส่วนใหญ่ต้องหาข้อพิสูจน์ให้ได้จึงจะเอาผิดหรือเอาความรับผิดชอบ และเมื่อผ่านพ้นเรื่องราวไปแล้ว ไม่ว่าจะผิดจริงหรือไม่ผิดจริง กิจการนั้นๆรวมทั้งคนในองค์กรนั้น จะเกิดพฤติกรรมป้องกันตัวขึ้นมา อย่างกรณีนี้ ต่อไปพยาบาลในห้องฉุกเฉินทุกคน ก็คงต้องเช็ดตะแกรงเองกันทุกครั้งทุกคน ... เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ... ถ้าเป็นคนไข้ที่เสียเงินเอง ต่อไปโรงพยาบาลก็จะคิด "ค่าใช้จ่ายในการป้องกันการติดเชื้อ" เพิ่ม ... คนไข้ต้องรอนานขึ้น เพราะหมอพยาบาลคนงานต้องเช็คเพื่อระวังผลเสียต่อคนไข้ และระวังคนที่จะหาเรื่อง ส่วนถ้าคนที่ร้องเรียนต้องการให้เกิดการแก้ไข ... ร้องเรียนไปแบบกว้างๆว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก... ไม่ได้ระบุชื่อใคร ไม่ได้ว่าใคร ... สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ผู้บริหารก็มั่นใจได้ว่าไม่ได้เป็นการหาเรื่อง และไม่น่าจะโกหก (ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง) คนที่ให้บริการ ก็มั่นใจได้ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจริง ... และมุ่งความสนใจไปหาว่า เหตุการณ์นี้เกิดได้อย่างไร และมีทางไหนที่จะแก้ไขได้ .... ไม่ต้องเสียเวลามาหวาดระแวงว่าถ้าให้ข้อมูลจริงไปตัวเองอาจจะซวย หรือกลายเป็นแพะ กรณีของคุณHMC ผมแนะนำว่าให้แจ้งทางโรงพยาบาลตามระบบของเขาครับ ปกติเค้าจะมีระบบรับแจ้งอยู่แล้ว และเมื่อเรื่องสิ้นสุดแล้ว หากผลที่ได้ไม่เป็นที่พอใจ ็ทำการร้องเรียนได้ต่อไปตามสังกัดของโรงพยาบาล ..... ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมอยู่ในโรงพยาบาลที่ต่างกันสองแห่ง ที่นึง คนไข้ร้องเรียนไม่เว้นแต่ละวัน ... เรื่องร้องเรียนจำนวนมากร้องเรียนอย่างเป็นเท็จหรือร้องเรียนผิดจากความจริง บางส่วนมาในลักษณะจะเอาเรื่อง ปฏิกริยาที่เกิดขึ้นกับคนในโรงพยาบาลคือ "การป้องกันตัว" (ไม่เรียกว่าปกป้องกัน ... เพราะว่ามีคนที่โกหกและคนที่ทำท่าเหมือนจะเอาผลประโยชน์เข้ามาเยอะ) อีกที่นึง คนแถวนี้ไม่ค่อยร้องเรียนในเชิงนั้น แต่มักมาในรูปแบบติติงเสนอแนะ ที่แรก เวลาทำงานเครียดมาก คนไข้ก็เครียดเพราะพยาบาลและหมอก็ไม่ค่อยไว้ใจเหมือนกัน... เพราะวันนี้เห็นยิ้มๆ วันรุ่งขึ้นไม่รู้จะพาคนมาด่าหน้าโรงพยาบาลหรือเปล่า ที่แรกผมไม่ค่อยกล้ายกมือไหว้คนไข้ที่อายุมากๆ  ...  เพราะถึงขนาดมีคนที่คิดว่า แพทย์ยกมือไหว้คนไข้ แปลว่าก่อนหน้านี้คงเคยรักษาอะไรไม่ดีไว้เลยต้องพินอบพิเนา อีกที่นึง(ที่ปัจจุบัน) ทำงานสบายหน่้อย ทุกอย่างรันไปตามระบบ ปัญหาการพลาดน้อยกว่าเพราะเราใช้สมองไปกับการหาปัญหา ความเสี่ยงและการแก้ไข คนไข้อายุมากเดินเข้ามาผมก็กล้าไหว้ เพราะไม่มีคนที่คิดแปลกๆแบบที่แรก .... ขอให้โชคดีครับ แล้วแต่จขกท.จะเลือกวิธีแล้วกันครับ จากคุณ : หมอแมว - [ 13 ก.พ. 52 01:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สรุปสำหรับคนไม่อยากอ่านยาวๆ 1. การมีเลือดติดที่ตะแกรงล้างแผล ผิดหลักความปลอดภัยในโรงพยาบาล 2. ถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง อาจจะมีคนผิดหรือไม่มีคนผิดก็ได้ 3. จากข้อมูลที่เล่ามาถ้าเป็นจริง ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม จขกท.ควรสอบถามหรือทำหนังสือถึงผู้บริหารโรงพยาบาลหรือส่วนที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลนั้นๆ เพื่อให้ได้คำตอบและเพื่อให้เกิดการแก้ไข 4. เอาเรื่องมาลงหรือไปแอบถ่ายก็ได้ แต่ประโยชน์ที่จะได้น่าจะน้อยกว่า จากคุณ : หมอแมว - [ 13 ก.พ. 52 01:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เราก็ใช้ประกันสังคมมาตลอด เคยผ่าตัดด้วยประกันสังคมแต่ก็ได้รับการบริการที่ดีมาตลอดค่ะ ตอนผ่าตัด เราก็อยู่ห้องพิเศษ จ่ายเงินเพิ่มเอง ขณะผ่าตัด คุณหมอและพยาบาลก็ดูแลดี ขณะผ่าตัด พยาบาลก็รายงานผลให้ญาติที่รออยู่นอกห้องเป็นระยะๆ เราก็เลยเลือก รพ นั้นมาโดยตลอด ก็เลยคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะอยู่ที่ รพ. ผู้บริหาร และหมอ พยาบาล นิสัยแย่เองด้วยน่ะค่ะ จากคุณ : maeob - [ 13 ก.พ. 52 05:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 22 วันนี้ไปตรวจแผลมาแล้วครับ  แต่ไม่ต้องวางเท้าบนตะแกรง   เลยอดถ่ายรูปมาให้ดูครับ พยาบาลก็มาทำแผลให้ เลยสังเกตกรรมวิธีมาเล่าให้ฟังครับ พยาบาลเปิดแผล ทำแผลโดยไม่ใส่ถุงมือครับ  คงเป็นปกติของเค้า แต่จะจับแผลแบบแหยงๆนิดนึง  คงป้องกันตัวเองไม่ให้มือโดนแผล  และไม่ให้แผลโดนมือเค้า เอาคีมคีบสำลี  จะมีคีมยาวๆอันนึง คีบสำลีขึ้นมาก่อนโดยอีกคนนึงคีบให้ แล้วพยาบาลคนที่ทำแผลก็เอาคีมสั้นไปคีบต่อมา สังเกตดูเค้าระวังไม่ให้คีม 2 อันโดนกัน  แสดงว่าคีมยาวไม่ได้ล้างแน่ๆใช้ร่วมกันทุกคน   ส่วนคีมสั้นไม่แน่ใจ ก็ทำกันไปดูๆแล้วไม่น่าเสี่ยงอะไรมาก เพราะว่าสำลีเค้าชุบยาฆ่าเชื้อมาป้าย ถ้ามีเชื้อโรคร้ายต่างๆคนไม่รอด ถึงแม้จะไม่เปลี่ยนคีม พอล้างแผลเสร็จ หมอก็มาดูและนัดให้มาดูใหม่ พยาบาลแปะแผลให้ ด้วยอาการแหยงๆตามเดิม เพราะเค้าไม่ได้ใส่ถุงมือ เสร็จปุ๊บก็ไปล้างมือ  เป็นอันเสร็จพิธีครับ จากคุณ : HMC - [ 13 ก.พ. 52 10:30:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พยาบาลเปิดแผล ทำแผลโดยไม่ใส่ถุงมือครับ  คงเป็นปกติของเค้า แต่จะจับแผลแบบแหยงๆนิดนึง  คงป้องกันตัวเองไม่ให้มือโดนแผล  และไม่ให้แผลโดนมือเค้า  ??? .............. ตามมาตรฐาน ควรใส่ถุงมือ เพื่อป้องกัน การปนเปื้อน จากผู้ป่วย มายังมือเจ้าหน้าที่ ... ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ ... เอาคีมคีบสำลี  จะมีคีมยาวๆอันนึง คีบสำลีขึ้นมาก่อนโดยอีกคนนึงคีบให้ แล้วพยาบาลคนที่ทำแผลก็เอาคีมสั้นไปคีบต่อมา สังเกตดูเค้าระวังไม่ให้คีม 2 อันโดนกัน  แสดงว่าคีมยาวไม่ได้ล้างแน่ๆใช้ร่วมกันทุกคน   ส่วนคีมสั้นไม่แน่ใจ ................ แบบนี้ ถูกต้องแล้วครับ ... คีบยาวใช้กับอุปรกรณ์ที่สะอาด ใช้เสร็จแล้วก็จะแช่น้ำยาไว้ ... ส่วน คีบสั้น ใช้กับผู้ป่วยแต่ละราย ใช้เสร็จต้องนำไปนึ่ง(อบ) ฆ่าเชื้อ .. ส่วน ข้อสงสัย คำแนะนำ อื่น ๆ .................. ขอลอกคำตอบหมอแมว   :-D จากคุณ : หมอหมู - [ 13 ก.พ. 52 12:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 -เวลาพยาบาลทำแผล ขั้นตอนแรก คือแกะพลาสเตอร์ แล้วเอาผ้าก็อซออก   จริงๆใส่ถุงมือก็ดี    แต่ที่ต้องใส่ เพราะป้องกันพยาบาลเองโดยน้ำเหลืองผู้ป่วย ส่วนผู้ป่วยไม่ต้องกลัวโดนมือพยาบาล(ถ้าพยาบาลล้างมือ)  ถ้าืมือไม่ได้โดยแผลตรงๆ ไม่มีปัญหาอะไร - คีมยาว  คือ ใช้หยิบของจากส่วนกลาง มาใส่ ส่วนย่อย  พูดง่ายๆ เหมือน "ช้อนกลาง" เวลากินข้าว  อันนี้ไม่ต้องล้าง เพราะไม่ได้โดนน้ำเหลืองหรือเลือด  คีมอันนี้ใช้หยิบของสะอาดเ่ท่านั้น    บางที่จะสังเกตุว่าคีมยาวอันนี้จะมีกระบอกใส่ ซึ่งในกระบอกจะมีน้ำยาฆ่าเชือ้อยู่ (แต่บางที่ไม่มีก็ไม่ผิดหรอก) - เวลาคีบผ้า หรือ ส่งผ้าระหว่างคีมต่างๆ  คีมจะไม่สัมผัสกันโดยตรง เพื่อไม่ให้โดยเชือ้ แม้กระทั่งเวลาวางผ้าก๊อซลงในถาดเครื่องมือ   สังเกตุดีๆจะเห็นว่า  เขาจะยกสูงๆแล้วปล่อยผ้าลงไป โดยพยายามไม่ให้คีมยาวโดนอะไรเลย -คีมสั้น ใช้แล้วเปลี่ยนทุกคน แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:33:40 จากคุณ : xxx (TaizoXXX) - [ 13 ก.พ. 52 13:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นจริงๆนะครับ เนี่ยชักสนุกกับการไปทำแผลซะแล้ว เท่าที่ผมอ่านดูก็แสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ยกเว้น กรณีที่เลือดอยู่บนตะแกรง แล้วเค้าไม่เช็ดออก จริงๆแล้วทำไมเค้าไม่มีตะแกรง ซัก 2-3 อันนะครับ พอใช้คนนึงเสร็จก็เอาไปจุ่มน้ำที่ผสมยาฆ่าเชื้อก็ได้แล้ว ตากไว้แป๊บนึงแล้วเอามาใช้ใหม่ นี่ใช้ต่อๆกันอันเดียวเลย แถมไม่เช็ดอีกต่างหาก จากคุณ : HMC - [ 13 ก.พ. 52 14:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มีหลายๆ รพ. ของรัฐ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก มักจะเป็นแบบนั้นครับ เพราะบุคลากรที่ล้างตะแกรงมีน้อย ก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ คือ มันไม่ผ่านมาตรฐานเรื่อง IC (Infectious Control) น่ะครับ ส่วนเรื่องประกันสังคม ไม่น่าเกี่ยว เพราะที่ผมเห็น คือ ไม่ว่าคนไข้ใช้สิทธิ 30 บาท ประกันสังคม เบิกจ่ายตรง จ่ายเงินเอง ก็เห็นเป็นแบบนี้ทุกคน จากคุณ : หมอก้อนหิน - [ 13 ก.พ. 52 17:18:43 ]