ความคิดเห็นที่ 1 มารอฟังด้วยคนครับ  อยากตัดเหมือนกันอ่ะ จากคุณ : Baritoreca - [ 13 มี.ค. 52 08:07:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โน้นเลย แถวท่าพระจันทร์อ่ะครับ บริการดี ด้วย จำชื่อร้านไม่ได้อ่ะ ต้องไปค้นอ่ะ บรรยายไม่ถูกด้วย เพราะนานๆ ไปทีเหมือนกานน อย่าไปตัดพวก Top หรือ Beautiful หล่ะ พวกนี้ฟันกำไรเกิน 50% ไม่สังเกตเหรอ พนักงานเต็มร้าน คนก็ไม่ค่อยเข้า ทำมั้ยเค้าอยู่ได้ เพราะพวกแว่นตาอ่ะ ต้นทุนจริงๆ ต่ำมาก แต่ตั้งราคากันซ่ะสูง ไว้จะแวะมาบอกชื่อร้านนะครับ ตรงท่าพระจันทร์อ่ะ *แก้ไขนิดนึง แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 52 10:34:07 จากคุณ : ผู้ชายมีเขี้ยวกับนางฟ้าชุดแซก - [ 13 มี.ค. 52 10:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...ผมแนะนำว่าตัดที่ร้านก็ได้ครับ...มีกรอบให้เลือกมากกว่า...ราคาแล้วแต่ คุณภาพของกรอบและเสนส์ครับ...ตาม รพ ก็เป็นของร้านแว่นมาตั้งนะครับ การตัดแว่น เป็นการลองผิด ลองถูกเพื่อหาแว่นที่ใส่แล้วเห็นชัดที่สุด ไม่ต้องถึง ให้คุณหมอตาทำให้หรอกครับ...นอกจากมีปัญหาอื่นเรื่องตาที่ต้องให้คุณหมอดูครับ... จากคุณ : หมี่สดล้วน - [ 13 มี.ค. 52 11:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากประสบการณ์ แนะนำให้ไปตัดตามร้านที่มีชื่อเสียงมานานดีกว่า แต่ไม่แนะนำให้ไปตัดแว่นในร้านที่มีอยู่หลายสาขาตามห้าง เนื่องจากคุณภาพยังไม่น่าพอใจเท่าไร(ส่วนมากเป็นพนักงานจึงสู้เจ้าของร้านข้างนอกไม่ได้ในเรื่องประสบการณ์) เพื่อบริการหลังการขาย จากคุณ : อั้ม (อั้มขาว) - [ 13 มี.ค. 52 16:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ร้านที่ท่าพระจันทร์ ใช่ร้าน แว่นตาวังไทย ประมาณนี้รึเปล่าคะ  เพิ่งไปตัดมาค่ะ  บริการดี  ราคาต่อรองกันได้ จากคุณ : 1st Date - [ 13 มี.ค. 52 17:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมตัดแว่นแถวท่าช้างบ่อย วัดดี/ไม่แพง จากคุณ : บลูเรย์ - [ 13 มี.ค. 52 22:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คห.2ครับ นอกจากต้นทุนตัวสินค้าแล้ว ทราบต้นทุนดำเนินการ+ต้นทุนสต็อกกรอบแว่น+ต้นทุนเลนส์แว่น+ต้นทุนเครื่องมือเฉพาะ(เอาดีๆ ก็หลายล้านนะ) และสุดท้ายถ้าร้านอยู่ในห้าง อย่าลืมต้นทุนที่ต้องจ่ายให้ห้างด้วยนะครับ ถ้ามันกำไรมโหฬารบานตะไทอย่างที่คิดๆกัน คงไม่มีร้านที่เลิกกิจการให้เห็นล่ะครับ จากคุณ : sk-sint - [ 16 มี.ค. 52 14:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัดแว่นที่ รพ.ราคาแพงมาก  เพราะมีแต่กรอบยี่ห้อหรู ควรไปวัดค่าสายตาที่ รพ. แล้วเอาค่านั้นมาตัดที่ร้านแว่น ร้านไหนก็ได้  ไม่จำเป็นต้องเป็นพวกท็อปฯ  พวกบิ้วฯ เราเคยเจอร้านนึง  วัดตาขวาเราได้ 500 ซึ่งเรามีเอียงด้วยนะ ซื้อคอนแทคเลนส์มา  เบลอ  งงมาก  ขับรถไม่ได้เลย ไปหาหมอ  ปรากฏว่า  ร้านวัดผิดค่ะ  ตาเราตอนนั้นค่าสายตาแค่ -3.75 เจือกวัดได้ -5.00    ตั้งแต่นั้นวัดกับหมอตลอด ที่ช้ำใจสุดคือ  ตอนใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรก  โง่งัย  ไปให้มันฟันมาหัวแบะ คนไม่เคยใส่เลนส์  มันตัด Hard lens มาให้  ราคา 3000 กว่า ทิ้งซิค่ะ จากคุณ : Makit - [ 16 มี.ค. 52 23:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรียน คุณ sk-sint #7 ครับ ด้วยความเคารพนะครับ พอดีคนรู้จักผมเปิดร้าน ตามที่ผมอ้างไปในความเห็นที่ 2 แต่ไม่บอกว่าอันไหน เค้ายังบอกเลยไว้ฟันกำไรคน walk in ลูกค้าขาจร แต่ก้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลครับ จากคุณ : ผู้ชายมีเขี้ยวกับนางฟ้าชุดแซก - [ 17 มี.ค. 52 15:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรียนคุณ คห.9ครับ (ชื่อยาวจังอ่ะ ^^) ไม่อยากบอกว่า จริงๆแล้ว ร้านแว่นเกือบหมด แม้แต่ลูกค้าที่ไม่ได้วอล์คอินหรือลูกค้าขาประจำ ก็เอากำไรครับ ไม่น้อยด้วยครับ แต่ไม่ใช่ว่า เอากำไรเยอะโดยไม่มีเหตุผล ... ผมจำเป็นต้องเรียนข้อมูลอีกด้านประกอบกับคห.2ไปเพื่อให้คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่วงในอย่างที่ผมอยู่ เข้าใจธุรกิจนี้ผิดไปจากการความเป็นจริงน่ะครับผม.. จริงอยุ่ หลายๆคนมองว่า ขายแว่นกำไรเยอะอิ๊บอ๋าย .. แต่จริงๆแล้วมันมีหลายๆอย่างที่ Behind the Scene ... เช่น ... ธุรกิจร้านแว่นที่วัดสายตาตัดแว่นด้วย ต้องลงทุนสูงมากครับกับพวกสินทรัพย์ถาวรเช่น -คอมพิวเตอร์ัวัดสายตาออโต้ สตาร์ทราคาเริ่มต้นที่ 5แสน -โฟร็อปเตอร์ที่ใช้ทดสอบสายตาในห้อง สตาร์ทที่ 6แสน -เลนส์เทสเซ็ท ที่ใช้จัดให้ลูกค้าทดสอบใส่ในขั้นสุดท้าย ก็หลายหมื่น -เครื่องฉายสไลด์สำหรับใช้ทดสอบสายตา ก็เป็นแสน 4อย่างนี่ ก็ใช้เพื่อให้ได้ค่าสายตาที่แม่นยำที่สุด เพื่อให้คนไข้ได้ค่าสายตาที่ดีที่สุด ยังไม่รวมการตัดเลนส์เข้ากรอบแว่น แค่เครื่องฝนเลนส์ดีๆ ตัดเลนส์ได้แม่นๆ ก็เกิน5แสน ยังไม่รวมเครื่องมือประกอบอื่นๆ ที่เรียงรายอีกเกือบสิบชิ้น ... ยังไม่นับงบสร้างร้าน ตกแต่งร้าน ทำห้องวัดสายตา (ต้องใช้พื้นที่ใหญ่พอสมควร ต้องมีระยะกว้างในห้อง 6เมตรขึ้นไป ไม่งั้นต้องใช้จอหักเหแสงสำหรับห้องเล็ก ก็ใช้เงินอีกเป็นแสนสำหรับตัวนี้) เลนส์ในร้านที่จะตัดขายให้ลูกค้า ก็ต้องลงทุนซื้อมาเก็บสต็อกไว้รอซึ่งต้องสต็อกเลนส์ ตั้งแต่เบอร์ 0.00 ไปจนถึง +4.00 และ -4.00 เป็นจำนวนเกือบๆพันชิ้น กรอบแว่น ที่สั่งมาขาย ก็ต้องสั่งให้ครบตามเป้าที่ผู้นำเข้ากำหนด แต่ในทางปฏิบัติไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะขายได้หมดทุกอัน นานๆเข้าก็เงินจม ต้องตัดเป็น ลอสท์สต็อก ไม่น้อยกว่า5เปอร์เซ็นต์ .. ก่อนแว่นจะไปถึงมือพวกท่าน มันก็มีเรื่องพวกนี้ที่ต้องจ่ายทั้งสิ้นล่ะครับ เท่านั้นยังไม่พอในห้างใหญ่ๆที่เปิดมาอย่างหรูๆ พวก เอ++ ค่าเซ้งพื้นที่ ไม่มีต่ำกว่า 40ล้านแล้วครับ ส่วนห้างระดับเกรดซี เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ผมยังต้องจ่ายค่าเช่า เดือนละเกือบสองแสนสอง ... พวกนี้คือ ตัวอย่างของ บีไฮน์เดอะซีน ทั้งนั้น ... อยากให้หลายๆท่านมองให้เห็นป่าทั้งป่า มิได้มองเห็นแค่ใบไม้ในมือเพียงใบเดียวครับ .. จากคุณ : sk-sint - [ 19 มี.ค. 52 13:29:37 ]