ความคิดเห็นที่ 1 รู้จักการคุมกำเนิดดีหรือยัง เห็นพูดกันเยอะเรื่องการคุมกำเนิด แต่ถามหน่อยเถอะ จะมีใครที่รู้จักเรื่องนี้ดีจริงๆ ถ้าไม่รู้  ก็ต้องศึกษาให้รู้ เพราะจะได้ไม่ก้าวไปสู่ปัญหาท้องไม่ตั้งใจ ว่าไปแล้ว วิธีการคุมกำเนิดจริงๆ มีอยู่ 3 ประเภท คือ 1. วิธีธรรมชาติ 2. วิธีขวางกั้น 3. ใช้ฮอร์โมน ฟังดูงงๆ  แต่ไม่ยากที่จะเข้าใจหรอก 1. วิธีธรรมชาติ วิธีธรรมชาติที่เขาพูดกันน่ะ เป็นวิธีแบบว่าไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาก แค่บังคับร่างกายให้ดี อย่างการหลั่งข้างนอก ก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่วิธีนี้ต้องอาศัยฝ่ายชายล้วนๆ  คือที่รักของเราจะต้องถอนอวัยวะของเขาให้ออกมาหลั่งข้างนอกช่องคลอดเมื่อกำลังจะถึงจุดสุดยอดขณะที่เราทั้งคู่กำลังมีเซ็กซ์กัน วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเพียงแค่ 70% จึงมีข้อเสียตรงที่ยังมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ในระดับที่สูงอยู่ เสี่ยงยังไงนะหรือ ก็ตรงที่ฝ่ายชายต้องใช้การควบคุมอารมณ์อย่างมากนะสิ     ดังนั้นก่อนหน้าที่จะมีการหลั่งอาจมีตัวอสุจิปนมากับน้ำหล่อลื่นและหลุดเข้าไปผสมกับไข่ได้ทุกเมื่อ นั่นแหละอันตรายสุดๆ วิธีต่อมาต้องอาศัยฝ่ายหญิง  นั่นคือ การนับยอดฮิต ที่เขาเรียกกันว่า หน้า 7 หลัง 7 ส่วนใหญ่คิดว่าเข้าใจดี แต่หลายคนก็เข้าใจผิดมานักต่อนัก และพลาดพลั้งตั้งครรภ์จากการนับผิดนี่แหละ การนับที่ว่าก็คือการนับรอบเดือน โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมา จนถึงวันก่อนมีประจำเดือนครั้งต่อไป (รอบเดือนโดยเฉลี่ยคือ 28 วัน) ซึ่งวิธีนี้เราต้องหัดสังเกตรอบเดือนของตนเองและจดบันทึกทุกเดือน ถ้าสม่ำเสมอก็จะใช้ได้ผล แต่ถ้าประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็จะมีความเสี่ยงการตั้งครรภ์สูง แต่ถ้าคิดว่ารอบเดือนมาสม่ำเสมอ คราวนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกับวิธีนับ ที่เขาว่านับหน้า 7 ความหมายก็คือให้นับล่วงหน้า 7 วัน ก่อนวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมา ส่วนนับหลัง 7 ให้นับตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมาเป็นวันที่หนึ่ง และนับต่อไปอีก 6 วัน จะรวมเป็น 7 วันพอดี ขอบอกว่าการนับหลัง 7 นี่แหละที่ทำให้คนพลาดมาเยอะ เพราะดั๊นไปเข้าใจผิดว่า นับจากวันสุดท้ายของการมีประจำเดือน!!! สำคัญคือ ต้องนับให้ถูก ถ้านับถูกต้องนะ วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพแค่ 75% แถมยังมีข้อเสียอยู่ตรงที่  ต้องมีวินัยในตนเองสูงเนื่องจากต้องคอยนับและจดบันทึกรอบเดือนในแต่ละเดือน แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 10:48:07 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 10:28:53 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. วิธีขวางกั้น นอกจากวิธีธรรมชาติแล้ว การคุมกำเนิดยังมีอีกวิธี คือ วิธีขวางกั้น เป็นการขวางกั้นด้วยถุงยางอนามัยไงล่ะ นับเป็นวิธีที่ถือว่าปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ และการตั้งครรภ์ เนื่องจากถุงยางอนามัยจะป้องกันไม่ให้อสุจิหลุดเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิง แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ ฝ่ายชายโดยเฉพาะวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยใส่ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง วิธีการใส่ที่ถูกก็คือต้องบีบปลายถุงยางไล่อากาศก่อน จากนั้นจึงสวมแล้วรูดให้สุดโคน เมื่อผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิเสร็จแล้ว ต้องรีบดึงถุงยางออก โดยระวังไม่ให้น้ำอสุจิเลอะเทอะออกมาภายนอก อย่าคิดประหยัดนำมาใช้ซ้ำล่ะ เขาห้ามเด็ดขาด แถมยังห้ามใช้ร่วมกับน้ำหล่อลื่น ต้องใช้กับสารที่ออกแบบมาให้ใช้กับถุงยางอนามัยโดยเฉพาะ แถมยังห้ามใช้กับสารหล่อลื่นประเภทน้ำมันด้วย เพราะจะทำให้ถุงยางฉีกขาดเลยนะ วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกัน 98% แต่ก็มีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่ เจ้าถุงยางอนามัยนี้อาจฉีกขาด หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้ ถ้าเกิดหลุดหรือฉีกขาดก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะทางแก้ยังมีนั่นคือ ต้องรีบรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุด แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 14:37:53 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. การใช้ฮอร์โมน นอกจากการป้องกันโดยวิธีธรรมชาติและวิธีขวางกั้นแล้ว อีกวิธีที่ป็อบปูล่ามากๆ ก็คือ  การใช้ฮอร์โมน มีหลายแบบด้วยนะ ทั้งแบบการรับประทาน ,ยาฉีด,แผ่นแปะ ,ห่วงคุมกำเนิดหรือห่วงอนามัย IUDs และยาคุมฉุกเฉิน ที่ฮอตสุดๆ ก็คือ การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งมีประสิทธิภาพถึง 99.7% !!! ในปัจจุบันมียาเม็ดคุมกำเนิดหลากหลาย แล้วจะเลือกอย่างไร อันนี้ต้องรู้นะ ... จากข้อมูลแล้วว่ากันว่า ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานนั้นมีสองประเภท คือ ชนิดฮอร์โมนรวม และชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจน  อย่างเดียว ต่างกันอย่างไรนะหรือ?   จำง่ายๆ ก็แล้วกันว่า ชนิดฮอร์โมนรวม ก็คือ ยาคุมกำเนิดที่มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน  ซึ่งมีทั้งแบบฮอร์โมนคงที่ และฮอร์โมนแตกต่างกันในแต่ละเม็ด 1 แผง จะมี 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด (21 เม็ดเป็นฮอร์โมน อีก 7 เม็ดเป็นแป้งรับประทานทุกวันเพื่อกันลืม) ข้อดีของยาคุมกำเนิดนอกจากป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว  ยังมีคุณประโยชน์อื่นๆ ตามมาด้วย เช่น ช่วยรักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ  ลดอาการปวดประจำเดือน ใช้เลื่อนประจำเดือน ไปจนถึงลดภาวะโลหิตจาง บางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนเพศชายยังมีข้อดีในแง่ความสวยงามนั่นคือ ช่วยลดการเกิดสิว ผิวหน้ามัน และใครที่มีปัญหาขนขึ้นดกตามตัวอันเกิดจากการทำงานผิดปกติของรังไข่ ขณะที่ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีโปรเจสโตเจนอย่างเดียว จะเหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระยะให้นมบุตร หรือผู้ที่ถูกห้ามไม่ให้ใช้ยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ผู้ที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน  หรือมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตัน  และภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ แต่ข้อเสียของยาชนิดหลังสุดนี้ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำ และมักจะทำให้เกิดอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยร่วมด้วย แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 10:49:06 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยาเม็ดคุมกำเนิดสมัยใหม่ ไม่สิว ไม่อ้วน    *กินยาคุมแล้วกลัวอ้วน อันนี้ขอบอกว่า ยาคุมไม่มีผลกับน้ำหนักตัว แต่ที่บางคนรู้สึกว่าดูตัวบวมๆ นั้น มีเหตุผลที่เขาอธิบายว่าเป็นเพราะเกิดอาการบวมน้ำ อันนี้เกิดจากร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากไป เราสามารถเลือกได้เหมือนกัน โดยต้องเลือกยาคุมที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนโปรเจสโตเจนบางตัวที่จะต้านอาการ คั่งของน้ำ หรือจะเลือกตัวที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจนในสัดส่วนที่ต่ำก็ได้    *ถ้าจะกินยาคุมเพื่อแก้ปัญหาหน้ามัน สิว และขนดก ร่วมไปกับการคุมกำเนิดก็สามารถนะ แต่ต้องเลือกยาคุมที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนต้านฮอร์โมนเพศชายจึงทำให้อาการ พวกนี้ลดลงได้    *ตั้งใจกินยาคุมเพื่อแก้ปัญหาช่วงนั้นของเดือน แบบว่ามีคนพูดกันเยอะว่า การกินยาคุมกำเนิดช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้ ซึ่งมีผู้หญิงเป็นกันเยอะ นั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ถ้าอยากลดอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีรอบเดือน (PMS) อาทิ หงุดหงิด ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวนง่าย ความอยากอาหารผิดปกติ เจ็บคัดตึงหน้าอก ท้องอืด มือเท้าบวม ฯลฯ เขาให้เลือกยาคุมประเภทที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนรุ่นใหม่ที่มีส่วนผสมของโป รเจสโตเจนรุ่นใหม่ที่ใกล้เคียงกับฮอร์โมนในร่างกาย ก็จะช่วยลดปัญหาได้ โปรดอย่าลืม : บางคนอาจงงกับการเลือกยาคุม ทางที่ดีที่สุดนะ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่ายาแต่ละชนิดมีส่วนผสมของอะไร และให้ผลตามที่ต้องการได้หรือเปล่า เพราะไม่ใช่ทุกแบบจะเหมาะกับทุกคน ต้องดูสุขภาพของเราด้วย ควรขอคำแนะนำในเรื่องการใช้ยาที่ถูกต้องพ่วงไปด้วยซะเลยนะ จะได้ผลตามที่ตั้งใจ หรือจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีชื่อเสียงมายาวนานก็จะมั่นใจได้อีกระดับหนึ่ง เป็นโรคอะไรบ้างที่ต้องใช้ยาคุมอย่างระวัง และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้!    * โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ลิ้นหัวใจ    * ความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรง    * ระบบไขมันในร่างกายผิดปกติ    * โรคที่เกี่ยวกับระบบการแข็งตัวของเลือด    * โรคตับอักเสบเฉียบพลัน    * โรคถุงน้ำดี    * มะเร็งที่มีการเจริญเติบโตขึ้นกับฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก    * เลือดออกผิดปกตากโพรงมดลูก โดยยังไม่ทราบสาเหตุ    * โรคลมชัก    * โรคไมเกรน    * โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง    * ในผู้สูบบุหรี่ก็ควรต้องปรึกษาแพทย์    * ห้ามใช้ยาขณะตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ ดังนั้นในรายที่ประจำเดือนไม่มา ควรไปตรวจให้แน่ใจก่อนที่จะเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด    * ในผู้ที่น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานก็เป็นอีกกลุ่มที่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาคุม นอกจากนี้ยาคุมกำเนิดยังมียาฉีดคุมกำเนิดด้วยนะ วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงถึง 99.95% เป็นการฉีดสารสังเคราะห์ที่ได้มาจากฮอร์โมนโปรเจสโตเจน ที่ต้องฉีดทุกๆ 3 เดือน เป็นรอบแบบนี้เพราะทำให้ยับยั้งการตั้งครรภ์โดยเจ้าสารที่ว่าจะเข้าไปบล็อกการทำงานของรังไข่ และหยุดการเคลื่อนไหวของสเปิร์มเอาไว้ แถมยังก่อกวนการฝังตัวของไข่ที่ผนังมดลูกในกรณีเกิดการปฏิสนธิกันไปแล้วด้วย วิธีนี้ข้อดี คือ มีประสิทธิภาพสูง โดยไม่ต้องคอยกังวลเกี่ยวกับการรับประทานยาทุกวัน แต่ข้อเสียคือ ประจำเดือนอาจมาไม่ปกตินะ อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอย เพราะฮอร์โมนจะไปสู้รบการทำงานของประจำเดือน  ว่ากันว่าบางรายอาจน้ำหนักขึ้น ปวดศีรษะ กระวนกระวาย ซึมเศร้า  หากใช้นานเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป อาจทำให้กระดูกผุได้ และหากจะคิดกลับลำอยากมีบุตรซะงั้น อาจต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีหลังจากเลิกฉีดยาเชียวนะ ถึงจะมีบุตรได้ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 14:33:42 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แผ่นแปะคุมกำเนิด ก็เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพ 99.7 % แบบนี้สามารถใช้แปะที่ สะโพก หน้าท้อง ต้นแขน แผ่นหลังช่วงบน ห้ามแปะบริเวณหน้าอกนะ  เมื่อแปะแผ่นยาแล้วตัวยาจะค่อยๆ ซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด สำคัญกว่าการใช้ง่ายก็คือ ต้องรู้จักวิธีใช้ด้วย  เพราะจะว่าไปวิธีนี้ไม่ยาก แต่ต้องมีเทคนิคเหมือนกัน นั่นคือ ต้องแปะแผ่นคุมกำเนิดในวันแรกที่รอบเดือนมา แปะเอาไว้ 1 สัปดาห์โดยไม่ต้องเอาออก (1 แผ่นต่อ 1สัปดาห์) เมื่อครบสัปดาห์แล้ว เปลี่ยนแผ่นแปะอันใหม่ในบริเวณเดิมไปอีก 1 สัปดาห์ พอขึ้นสัปดาห์ที่ 3 ก็ทำเช่นเดิมอีก แต่พอสัปดาห์ที่ 4 ให้หยุดแปะไป 7 วัน และช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่รอบเดือนมา พอครบ 7 วันแล้วจึงเริ่มแปะแผ่นที่ 1 ของเดือนต่อไป สรุปแล้ว 1 เดือนเราต้องแปะแผ่นคุมกำเนิด 3 แผ่นในเวลา 3 สัปดาห์ ใช้ง่ายแต่จำเยอะหน่อย แต่วิธีนี้อาจมีข้อเสียตรงที่ มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากแผ่นแปะมีราคาค่อนข้างสูง แถมยังมองดูเหมือนส่วนเกินบนร่างกาย คนผิวแพ้ง่ายอาจจะเกิดการระคายเคือง และวิธีนี้อาจเกิดหลอดเลือดดำอุดตันมากกว่าวิธีอื่น ห่วงคุมกำเนิดหรือห่วงอนามัย IUDs แบบนี้จะมีลักษณะเหมือนตัว T ต้องให้แพทย์ใส่ในขณะมีประจำเดือน โดยจะใส่ห่วงคุมกำเนิดในมดลูกเพื่อป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อน เหมาะกับการคุมกำเนิดในระยะยาว ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 99.9% วิธีนี้จะมีห่วงหน่อยก็ตรงที่ต้องตรวจด้วยตนเองทุกเดือนว่าห่วงคุมกำเนิดยังอยู่ หรือไม่ เพราะเจ้าห่วงนี้มันสามารถหลุดเองได้ และอาจเกิดอันตรายด้วยนะหากไม่ปรึกษาคุณหมอ ข้อดีของห่วงคุมกำเนิด เขาว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดี ไม่จำเป็นต้องจำวันฉีดยาหรือการกินยาให้ปวดเศียรเวียนเกล้า แถมผลข้างเคียงยังต่ำอีก ส่วนข้อเสีย  ต้องทำใจกับอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือประจำเดือนมามาก วิธีนี้จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ยังไม่เคยมีบุตรไงล่ะ จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : PPalone - [ 2 เม.ย. 52 10:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทานยาคุมอย่างไรให้ถูกต้อง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การใช้ยาคุมกำเนิดจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ ผู้ใช้ต้องรับประทานอย่างสม่ำเสมอ และต้องรู้จักวิธีรับประทานอย่างถูกต้องด้วย คือถ้าเป็นยาคุมชนิด 21 เม็ด ต้องเริ่มรับประทานเม็ดแรกในวันแรกของการมีรอบเดือน เทคนิคที่อยากแนะนำก็คือ ควรเขียนวันจันทร์ถึงศุกร์กำกับไว้ที่แผงด้วยแล้วให้รับประทานตามวัน เพื่อไม่ให้สับสน แล้วทานไปตามลูกศรจนหมดแผง แล้วจึงเว้นการรับประทานไปอีก 7 วัน ในช่วงที่เว้น 7 วัน จะเป็นช่วงประจำเดือนมา ให้เริ่มประทานแผงต่อไปในวันที่ 8 แม้จะมีประจำเดือนอยู่ก็ตาม หากรับประทานในวันแรกที่มีประจำเดือน จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดทันที โดยไม่ต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย แต่หากเกิดลืม ไปเริ่มรับประทานวันที่ 2-5 ของการมีประจำเดือนก็ต้องใช้การคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วย คือ การสวมถุงยางอนามัย ในช่วง 7 วันแรกของการรับประทานยาแผงแรก ส่วนชนิด 28 เม็ด อันนี้เริ่มรับประทานวันที่ 1 ของรอบเดือน แล้วรับประทานต่อจนหมดแผงแล้วต่อแผงใหม่ทันที จะเลือกเวลารับประทานยา เวลาใดก็ได้ ง่ายกว่าก็จริง แต่ควรทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายคงที่ จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลืมทานยาคุมทำอย่างไรดี แล้วจะทำอย่างไรหากลืมขึ้นมาจริง จริ๊ง    * ถ้าลืมรับประทานจำนวน 1 เม็ด ไม่ต้องตกใจให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ และรับประทานเม็ดต่อไปตามปกติ แต่ถ้าเกิดดันไปนึกได้ตอนถึงเวลารับประทานยาเม็ดต่อไป ก็ต้องรับประทานยาไป 2 เม็ดพร้อมกัน    * ถ้าลืมรับประทานจำนวน 2 เม็ดติดกัน หรือเกิดลืมทานยาไป 2 วันเต็มๆ   โอ้วแม่เจ้า! เมื่อรู้สึกตัวควรรีบรับประทานยา 2 เม็ดเมื่อนึกได้ และรับประทานอีก 2 เม็ดในวันต่อไป ทางที่ดีระหว่างนั้นควรใช้วิธีคุมกำเนิดชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย!!!    * แต่ถ้าลืมมากกว่า 2 เม็ดติดต่อกันหรือลืมในช่วงท้ายๆ ของแผง อันนี้ทำใจเอาไว้เลย เพราะอาจตั้งครรภ์ได้ ให้หยุดรับประทานยา แล้วคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ แทน ซึ่งประจำเดือนจะมาภายใน 2-3 วัน ถ้าประจำเดือนมาแล้ว ก็ให้เริ่มทานยาคุมเม็ดแรกของแผงใหม่ได้ ถ้ารอบเดือนขาดหายไป ระหว่างใช้ยาคุมล่ะ!    * ในเดือนแรก ถ้าไม่ลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาต่อไปตามปกติ    * แต่ถ้ารอบเดือนหายไป 2 เดือน อันนี้เตรียมใจไว้ก่อน และคงต้องไปปรึกษาแพทย์แล้วล่ะเพื่อความปลอดภัย    * บางคนคิดว่าอาจเป็นเพราะลืมรับประทานยา นั่นอาจจะเข้าใจผิด เพราะว่าแม้รอบเดือนจะขาดไปเพียงครั้งเดียวก็เถอะนะ เราควรจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเราตั้งครรภ์หรือไม่ จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยาคุมฉุกเฉิน อันตราย หากใช้พร่ำเพรื่อ ยาคุมฉุกเฉินช่วยได้เฉียบพลัน แต่ใช้บ่อยๆก็อันตรายฉับพลันเหมือนกัน ในปัจจุบันยังมียาคุมฉุกเฉินเกิดขึ้นมาอีก หากสาวเจ้าเกิดไปพลาดพลั้งมีอะไรกับคู่ควงโดยไม่ได้ป้องกัน ก็เห็นจะมีวิธีนี้แหละที่ช่วยได้ แต่จะช่วยได้ในระยะเวลาที่กำหนดนะ เพราะยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้เป็นยารับประทานภายหลังการร่วมรักกัน ซึ่งมีอันตรายมากหากใช้ไม่ถูกต้อง ยาตัวนี้ทำขึ้นมาก็เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์จากการร่วมเพศในระยะตกไข่ โดยไม่ได้คุมกำเนิดมาก่อน เช่น กรณีถูกข่มขืน หรือเกิดจากความผิดพลาดในการใช้วิธีแบบธรรมชาติอย่างการหลั่งภายนอก หรือถุงยางอนามัยเกิดฉีกขาดมาซะงั้น พอรู้ตัวนะต้องกินยาครั้งละ 2 เม็ด โดยเม็ดแรกให้กินภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ (ขอบอกนะว่า ยิ่งกินเม็ดแรกไปเร็วเท่าไหร่ ยิ่งได้ผลดีนะจำไว้) แล้วจากนั้นให้กินเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง อย่างที่บอกว่า ยานี้ชื่อว่า ยาคุมฉุกเฉิน ดังนั้นควรใช้กรณีฉุกเฉินเท่านั้นนะ เดือนหนึ่งไม่ควรกินเกิน 4 เม็ด และไม่ควรกินบ่อย หรือกินเหมือนยาคุมทั่วไป เพราะจะทำให้ร่างกายผิดปกติได้ เช่น จะมีอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ คลื่นไส้อาเจียน หรืออาจท้องนอกมดลูกได้ ที่สำคัญต้องพึงระลึกด้วยนะว่า วิธี นี้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดต่ำ ถ้าใช้ถูกต้อง ภายใน 72 ช.ม.หลังการมีเพศสัมพันธ์จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เพียง 75 % เท่านั้น!!! จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ท้องต้องรู้! โอ๊ะโอ...สำหรับ สาวๆ แล้ว จะท้องไม่ท้อง อันนี้ควรต้องรู้นะ คิดซะอย่างนี้ว่า การมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้งล้วนมีความเสี่ยงต่อการท้องได้เสมอ แม้เราจะมั่นอกมั่นใจว่าปลอดภัย  รู้สึกชัวร์แต่ไม่มั่วนิ่มสุดๆ แล้ว แต่โอกาสพลาดก็มีอยู่ตลอดเวลาเสมอนะจ๊ะ แล้วถ้าพลาดขึ้นมาล่ะ  ตรงนี้เราต้องสังเกตแล้วล่ะว่า ร่างกายเราเปลี่ยนแปลงไปดังนี้หรือเปล่า    * ประจำเดือนที่เคยปกติ เกิดขาดไป    * คลื่นไส้ อาเจียนอยู่บ่อยๆ    * ปวดปัสสาวะบ่อยๆ    * เหนื่อย ง่วงมากกว่าปกติ    * เบื่ออาหาร ไม่ต้องรอให้ครบอาการหรอกนะ เอาแค่ประจำเดือนไม่ได้มาตามปกติ เราก็สามารถตรวจสอบได้จากปัสสาวะของเรา ด้วยการออกไปซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ที่ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยาทั่วไป มาตรวจ ถ้าผลเป็นลบ แสดงว่าไม่ท้อง; แต่ถ้าผลเป็นบวก แสดงว่าคุณท้องแล้วนะ; แต่หากไม่มีอาการเพิ่มเติมของคนท้อง ก็รอไปอีก 7 วัน แล้วค่อยตรวจซ้ำอีกทีให้แน่ใจ เท่านี้ก็รู้แล้ว แต่ถ้าจะให้แน่ใจจริง แนะนำว่า ต้องไปพบแพทย์ กรี๊ด...ท้องแบบไม่พร้อม ไม่ต้องฟูมฟาย โวยวาย หรือคิดอะไรไปในทางเสี่ยงกับชีวิต ต้องตั้งสติเข้าไว้เป็นดี ว่าเราจะจัดการชีวิตของเราอย่างไร? คุณคนเดียวอาจหาทางออกไม่ได้ ลองหาคนที่คุณไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นคนรัก พ่อแม่ เพื่อนสนิท คนที่ไว้วางใจ หน่วยงานให้คำปรึกษาสำหรับวัยรุ่นซึ่งมีอยู่ไม่น้อย ลองพูดคุยแล้วนำมาคิดให้ดีถึงความต้องการ ทางเลือกที่เป็นไปได้สำหรับตัวเรา และปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดี ทางเลือกของการท้องแบบไม่พร้อมที่พอจะบอกได้ ก็คือ หนึ่ง ลองเริ่มต้นชีวิตคู่ไปด้วยกันและวางแผนที่จะดูแลลูกร่วมกันต่อไป อันนี้ในกรณีที่คุยกันได้อย่างไม่มีปัญหานะ สอง ลาพักการเรียนชั่วคราวในช่วงท้องและคลอด โดยหาคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวของทางฝ่ายหญิงหรือชายที่เข้าใจสักคนไหม และเขาพร้อมที่จะช่วยดูแลลูกหลังคลอดให้เราไปก่อนหรือเปล่า  เพื่อเราจะได้กลับไปเรียนต่อได้ สาม ติดต่อบ้านพักฉุกเฉิน หรือบ้านพักสตรีที่ให้พักชั่วคราวในช่วงท้องและคลอดดูสิ ผ่านพ้นช่วงนี้แล้วค่อยมาคิดกันต่อว่าจะเลี้ยงลูกด้วยกันหรือยกเป็นบุตรบุญธรรมคนอื่นไป สี่ กรณีที่ไม่มีความพร้อมใด ๆ เลยที่จะช่วยรักษาครรภ์ต่อไปได้ และจำเป็นต้องตัดสินใจเสี่ยงยุติการท้อง ต้องเลือกยุติการท้องภายในอายุครรภ์ 3 เดือนนะถึงจะส่งผลเสียต่อร่างกายผู้ตั้งครรภ์น้อยที่สุด แต่วิธีนี้ขอ บอกว่าเสี่ยงมากๆ! แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 14:35:08 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เซ็กซ์ปลอดภัยทำไมตกหนักที่หญิง อยากจะบ้าตายเมื่อปัญหาที่เรากับคนรักได้ก่อความสัมพันธ์บนเตียงนั้นจะกลายเป็นว่ามาตกหนักอยู่ที่ฝ่ายหญิงอย่างเราซะมากกว่า เพราะความกังวลเรื่องท้องนี่แหละคือปัญหาใหญ่ ดังนั้นเราจะต้องเตรียมพร้อมตัวเองอยู่เสมอ ไม่ต้องรอผู้ชายแล้ว ก่อนจะตัดสินใจมีอะไรกัน ต้องเลือกใช้การคุมกำเนิดสักวิธีนะ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยเลือกวิธีที่เหมาะกับพฤติกรรม สุขภาพ ของเรา ท่องเอาไว้เสมอก่อนจะขึ้นสวรรค์ด้วยว่า ชีวิตและอนาคตเป็นของเรา คิดจะมีรัก ก็ต้องรู้จักคุมให้ดี ไม่งั้นชีวีแย่แน่ ทางออกของการขอมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ปัญหานี้คนมีแฟนทุกคนรู้ดีว่าต้องเจอการออดอ้อนของฝ่ายชายที่ขอมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน  โดยมีการยกสารพัดคำอ้างอย่าง ความรักล้นฟ้า ความไว้ใจเกินร้อย  เขาพูดน่ะฟังได้ แต่อย่าไปหลงเชื่อเข้าให้ล่ะ เพราะการยินยอมเขา อาจทำให้ชีวิตพลิกเปลี่ยนได้ในพริบตา เอาเป็นว่า ให้คิดเสียใหม่ ประเภทความรักล้นฟ้า ไว้ใจเกินร้อยน่ะฟังไม่ขึ้นแล้ว ยุคนี้ถ้ารักจริงต้องป้องกัน อย่าหวังฟันแล้วท้อง ป่องแล้วทิ้ง รักจริงต้องไม่เห็นแก่ตัว อย่ามามั่วไม่ป้องกันเชียวนะ แต่ถ้าขืนฝ่ายชายยังดื้อดึง แล้วเขาบอกว่าจะเลิกกัน อันนี้ถือว่าเป็นการแสดงธาตุแท้ของผู้ชายที่เห็นแก่ตัวเอามากๆ  เอาเป็นว่าถ้าเรายังขืนคบอยู่  เราไม่ท้องก่อนแต่ง ก็มีหวังเสี่ยงติดโรคแหงๆ ********************************************** จบลงดื้อๆอย่างนี้เลยนะคะ เครดิตทุกอย่างยกให้ที่ http://www.mylovemycontrol.com/c6.htm เราเพียงแค่ลอกมาแปะให้อ่านกันเท่านั้นค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคนนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 14:35:46 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วผมจะท้องมั้ยครับเนี่ย ?  (หมายถึงท้องเสีย) ....  อิอิ ..... เป็นประโยชน์คร๊าบ  Vote  หนึ่งจึ๊ก ................... จากคุณ : Jele - [ 2 เม.ย. 52 10:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีข้อมูลเพิ่มเติมปิดท้ายค่ะ มีปัญหาปรึกษาใครดี โครงการรักนี้คุมได้ ฝากคำถาม โทร. 0-2664-5811 กองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 88/22 ม.4 ต.ตลาดขวัญ ถ.ติวานนท์ อ .เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร 0-2590-4265-6 www.anamai.moph.go.th ศูนย์ปรึกษาคุณภาพชีวิต ศูนย์วิจัยและพัฒนาเพศศาสตรศึกษา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรึกษาด้วยตนเอง เวลา 13.00-15.00 น. ทุกวันจันทร์ถึงพุธ อาคารสถาบัน 2 (หลังศูนย์หนังสือจุฬาฯ สยามสแควร์) ห้อง 420 ซ.จุฬาฯ 62 (ซอยตรงข้ามมาบุญครอง) ถ.พญาไท กทม.10400 โทร. 0-2218-8154, 0-2218-8146 โทรสาร.0-2218-8439 สายด่วนปรึกษาทางโทรศัพท์ จันทร์-ศุกร์ 09.00-15.30 น. โทร. 0-2218-8434-5 www.thaisexuality.ihr.chula.ac.th ศูนย์ฮอทไลน์ ไบเออร์ เชริ่ง ฟาร์มา โทร. 0-2984-4222 มูลนิธิหญิง 295 ถนนจรัลสนิทวงศ์ ซอย 62 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700 โทร. 0-2433-5149, 0-2435-1246 โทรสาร 0-2434-1477 มูลนิธิเพื่อนหญิง 386/61-62 ซอยรัชดาภิเษก 42 แขวงลาดยาว จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-2513-2708, 0-2513-2783,0- @mozart.inet.co.th สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี (บ้านพักฉุกเฉิน) 501/1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกันเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 0-2929-2301-07 www.apsw-thailand.org E-mail : admin@apsw-thailand.org บ้านพักฉุกเฉิน สายด่วนให้คำปรึกษาโดยนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาเป็น ผู้ให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-2929-2222 ศูนย์ฮอทไลน์ โทรศัพท์ จันทร์-ศุกร์ 8:30-18:00 น. (โทรฟรี) 0-2277-7699, 0-2277-8811 โทรศัพท์ 276-2950-1 สายด่วนวัยรุ่น โทร. 0-2275-6993-4 บ้านภคินีศรีชุมพาบาล โทร. 0-2642-8949, 0-2245-0457 บ้านพระคุณ โทร. 0-2759-1201 จากคุณ : Beyond the Horizon - [ 2 เม.ย. 52 10:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โหวตนะ หลายๆคนไม่รู้เรื่องพวกนี้แต่อยากเอากัน... จากคุณ : scozember - [ 2 เม.ย. 52 10:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เยี่ยมเลยครับ โหวตให้กระทู้นี้อยู่นานๆ จากคุณ : คนบ้านฉาง - [ 2 เม.ย. 52 10:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอโหวต จากคุณ : *~Mayple Girl~* - [ 2 เม.ย. 52 11:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มีประโยชน์มากๆค่ะ เข้าใจง่ายด้วย โหวตๆๆๆ จากคุณ : มดซ่า - [ 2 เม.ย. 52 12:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณจ้าของกระทู้มากๆเลยค่ะ ที่นำความรู้มาแปะให้ โหวตๆ จากคุณ : Extremely Chocolate - [ 2 เม.ย. 52 12:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 vote ka จากคุณ : KaNg-pLe - [ 2 เม.ย. 52 13:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 vote ครับ จากคุณ : zh_jk - [ 2 เม.ย. 52 13:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กระทู้นี้มีประโยชน์มากเลยครับ แต่ผมฟันธงว่า อีกสัปดาห์นึง พอกระทู้นี้ตก ไอ้กระทู้ "จะท้องไหมคะ" มันจะกลับมาอีก... จากคุณ : น้องหนูเอวตัน - [ 2 เม.ย. 52 14:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ก็ต้องช่วยกันดันต่อไปเรื่อยๆ จากคุณ : Skyline_CII - [ 2 เม.ย. 52 15:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 gooddddddddd จากคุณ : ashtray - [ 2 เม.ย. 52 16:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ และหวังว่า วันข้างหน้า คงไม่มีกระทู้ "จะท้องมั๊ยคะ-กลุ้มมากแบบนี้จะท้องมั๊ยครับ ฯลฯ" เกิดขึ้นอีกในห้องสวนลุมนะคะ (คงได้แค่ฝัน T__T) แต่อย่างว่า พวกที่ไม่สนใจจะคุม ต่อให้บอกยังไง หรือแม้แต่เอาถุงยาง ไปประเคนให้ถึงที่ มันก็คงไม่สนใจอยู่ดี ป่องไม่ว่า ขอข้ามันส์ไว้ก่อน = = จากคุณ : KINO - [ 2 เม.ย. 52 17:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่มีรัก  ไม่ได้คุม แต่มาขอบคุณในความมีน้ำใจค่ะ จากคุณ : สายลับ kano - -" - [ 2 เม.ย. 52 19:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาช่วยดันค่ะ จากคุณ : prichgirl - [ 2 เม.ย. 52 20:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ร่วมโหวต! จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 2 เม.ย. 52 23:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหวตให้ด้วยจ้ะ จากคุณ : oyster tragidy - [ 2 เม.ย. 52 23:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ช่วยดันอีกคน เห็นกระทู้ท้องไม่ท้องเยอะจัง แต่ที่ชักน่าเป็นห่วงมากขึ้นคือ ผู้หญิงท้องเดี๋ยวนี้หน้าละอ่อนลงไปเรื่อย ๆ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย จากคุณ : Mr.Learning - [ 3 เม.ย. 52 09:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โหวตให้แล้วนะครับ เยี่ยมมาก ๆ ... แต่อาทิตย์หน้า กระทู้ก็ตก แล้วอ่ะดิ ...  ด้วยระบบโหวตแบบใหม่ ไม่รู้เป็นข่าวร้ายหรือข่าวดี ... จากคุณ : ... กระซิบรัก จากความทรงจำ ... - [ 3 เม.ย. 52 12:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แหมก็ตอนอย่างว่า สมองไม่ทำงานนี่นา คิดไม่ได้ ใช้กันแต่อารมณ์พาไป จากคุณ : กาแลนท์เขียวเมืองนนท์ - [ 3 เม.ย. 52 14:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เยี่ยมครับ สาระดีครับ จากคุณ : เตียวกงจื้อ - [ 3 เม.ย. 52 16:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มีคำถามค่ะ เคยได้ยินผู้ชายบางคนบอกว่าควบคุมตัวเองตอนน้ำหล่อลื่นออกมาได้ แล้วก็จะเอาออกมาทุกครั้งที่น้ำหล่อลื่นจะออก เพราะรู้ว่ามันต้องมีเชื้ออสุจิอยู่ในน้ำหล่อลื่นนอกจากตอนหลั่งด้วย อยากทราบว่ามันทำได้จริงหรอคะ คือเข้าใจมาตลอดว่าผู้ชายจะควบคุมได้เฉพาะตอนจะหลั่ง แต่ตอนน้ำหล่อลื่นออกเนี่ยเพิ่งเคยได้ยินอ่ะค่ะ คิดว่าควบคุมไม่ได้ซะอีกอ่ะค่ะ ขอความกระจ่างด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : สวยตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย - [ 4 เม.ย. 52 23:32:35 ]