Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    --[รังเกียจกันมากใช่ไหม??]--

    หมายเหตุ : ระวังคำหยาบคายในหัวข้อนี้ และ ค่อนข้างจะยาวซักหน่อยนะครับ!!





    ขึ้นรถเมล์ ก็โดนมันไล่ผมลงกลางทาง!!!
    ขึ้นรถตู้ E คนข้าง ๆ มันก็รังเกียจผมอีก!!!

    ถามหน่อยเหอะ แค่อยากรู้ว่า เมื่อชาติที่แล้ว ผมไปฉี่รดหลังคาบ้านใครไว้หรือเปล่า
    ชาตินี้ถึงได้พบเจอแต่เรื่องบั่นทอนจิตใจถี่ยิบขนาดนี้

    ขอทีเถอะ อย่ามาบอกว่ามันเป็นบททดสอบความอดทนของชีวิต!!
    ทนจนบางทีเบื่อจะทนแล้วนะ เจอแบบทดสอบ ที่ส่งมาถี่เป็นปืนสเต็มขนาดนี้
    สติก็แตกโพล๊ะได้เหมือนกัน ชิบเป๋งเอ้ย T_T


    ได้แต่ท่อง อดหนอ ทนหนอ อดหนอ ทนหนอ
    แล้วก็ถามตัวเองไปตลอดทางกลับบ้านว่า กระผมทำผิดอะไร??
    มาถึงบ้านเพื่อน เล่าให้พวกมันฟัง มันก็ได้แต่แปลกใจว่า ทำไมพี่หมันถึงได้ชอบเจอเรื่องพวกนี้

    มันพูดมาก็ทำให้เราคิดว่า เออ จริงแหะ ทำไมเราชอบเจอกับเรื่องอย่างนี้จังเลย

    มันบอกว่า สงสัย เมื่อชาติก่อน พี่หมันคงต้องทำบาปไว้เยอะ ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรม!!

    ผมฟังแล้วก็ได้แต่เชื่อมัน เพราะไม่มีอะไรจะอธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมได้ดีไปกว่าการโทษชาติที่แล้วได้อีก
    ระหว่างนั่งยัดสุกี้ใส่ปากไป ก็พยายามระลึกชาติไป เสียดายที่กระผมเองยังห่างไกลคำว่า"นิพพาน" มากนัก
    ก็เลยไม่รู้ว่า ตัวเองไปทำผิดอะไรไว้เมื่อชาติก่อน ไม่แน่ เมื่อชาติก่อนผมอาจจะเป็นคนประมาณว่า
    ปาหัวหมาด่าแม่....ก็ได้ ใครจะรู้


    มีน้องคนนึงบอกว่า ผมน่าจะลองไปปฎิบัติธรรมดูซักครั้ง อาจจะดีขึ้น


    ใจนึงก็เห็นด้วย

    แต่อีกใจนึง ก็กลัวว่าผมจะไปทำให้วงปฎิบัติธรรมเค้าแตกไปซะเปล่า ๆ

    คนอื่นเขา ปลงหนอ ลืมหนอ แต่ผมอาจจะเป็น ตูมาทำอะไรอยู่ที่นี่หนอ
    มันช่วยอะไรตูได้หนอแหง ๆ T_T

    ถ้าเปรียบเทียบถึงเรื่องการปล่อยวางและ อดทน ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ตัวผมทำได้ดีกว่าพระ
    หรือไม่ก็ นักปฎิบัติธรรม บางรูป บางคนเสียอีก เพราะผมทน และ ปล่อยวางมันมาตลอดชีวิต!!

    เหมือนกับว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ เจ้ากรรมนายเวร จะรู้ว่าผมปล่อยวาง และ อดทนเก่ง
    ก็เลยส่งมาให้ผมถี่ยิบเหลือเกิน วันละเรื่องสองเรื่อง ห่างระยะกันได้ไม่เกิน 1 อาทิตย์
    พอให้ได้หายใจบ้าง เผลอแป๊บ ๆ มาอีกแล้ว!!

    ท่าทางน่าสนุก แต่ขอโทษ เคยถามกันซักคำไหมว่า ผมสนุกด้วยหรือเปล่า??


    วันนี้ก็เหมือนกัน ผมเดินทางไปแถว ๆ ปิ่นเกล้า สถานที่ ๆ ผมไม่ได้ไปเหยียบนานกว่า 5 ปีแล้วมั้ง
    วันนี้มีโอกาสได้ไป ซึ่งผมต้องนั่งรถตู้จากรังสิตไป สายใต้ใหม่ ที่มันจะผ่านปิ่นเกล้า
    แต่ที่ไหนได้ ไอ้รถตู้ที่ผมนั่งไป มันดันวิ่งทางลัด ไม่ผ่านปิ่นเกล้า
    แต่ไปโผล่ที่สายใต้ใหม่เลย อย่าถามว่าวิ่งสายไหน เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน T_T

    อ่ะนะ  ก็ไม่ว่ากัน ดีแล้วจะได้ไว ๆ ไม่ต้องเจอรถติด
    เดี๋ยวผมนั่งรถต่อจากสายใต้ใหม่ ไปที่ปิ่นเกล้าได้ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ (ในความคิดเก่า ๆของผม)
    พอเอาเข้าจริง ๆ ไกลโคตร และการนั่งรถไปปิ่นเกล้าครั้งนี้ ทำให้ผมรู้ว่า ไอ้สายใต้ใหม่ที่ผมเคยรู้จัก
    มันถูกย้ายไปที่ใหม่แล้ว (ซึ่งก็คือที่ ๆ ผมไปวันนี้เนี่ยแหล่ะ)

    เอ๊ะ หรือว่าไอ้ที่เราเคยรู้จักเค้าเรียกสายใต้เก่า และ ไอ้ที่เราไปลงวันนี้ เค้าเรียกสายใต้ใหม่วะ T_T



    ไม่รู้จะทำยังไง ก็ได้แต่เดินออกมาข้างนอก ยิ่งไม่ชินหนักกว่าเดิมอีก
    เอาไงดีวะ ไปไม่ถูกแน่นอน บ้านนอกเข้ากรุงโดยแท้
    ยืนเป็นกระเหรี่ยงหน้ามึนอยู่หน้าสายใต้ใหม่ จนในที่สุดก็มีคำสอนแว่ปขึ้นมาในหัวว่า!!

    "หนทางอยู่ที่ปาก"

    ผมจึงเอาตัวรอดมาถึงปิ่นเกล้าจนได้.........

    เหตุการณ์ผ่านไป จนถึงตอนกลับ เนื่องจากสถานที่จอดรถมันเปลี่ยนไปแล้ว
    และขามา เส้นทางการวิ่งของรถตู้มันก็ไม่ได้วิ่งทางเดิม มันมาอีกทาง
    ด้วยความไม่อยากเสี่ยงยืนรอรถอยู่ที่ปิ่นเกล้า จึงทำให้ผมต้องนั่งรถย้อนกลับไปที่สายใต้ใหม่อีกครั้ง!!!


    แน่นอน ผมไม่รู้ว่ารถเมล์สายไหนที่ผ่านบ้าง ผมก็ต้องอาศัยอ่านป้ายหน้ารถเอา


    มาแล้ว มินิบัสนรก คันสีเขียว เขียนติดหน้ารถตัวเบ่อเร่อ ตัวเท่าหัวมันนั่นแหล่ะ
    เด็กอนุบาลมันก็อ่านออกว่า "สายใต้ใหม่"

    แน่นอน ผมเรียนมามากกว่าอนุบาล แม้ว่าผมจะเรียนไม่จบ ป.ตรีก็ตามที แต่ผมก็พอจะอ่านออก!!

    กระโดดขึ้นทันที ขึ้นไปเจอกับ กระเป๋ารถเมล์ที่ดูจากอายุแล้ว น่าจะอยู่ในโลง มากกว่าอยู่บนรถมินิบัส
    จ่ายเงินมันไป ด้วยหวังว่า จะไปลงที่สายใต้ใหม่ ตามที่บิดามันตัดสติกเกอร์ติดหน้ารถไว้



    แต่ที่ไหนได้ วิ่งมาได้ซักพัก คนลงหมดทั้งรถ (คือมีนั่งอยู่ไม่กี่คน)


    เหลือผมนั่งอยู่คนเดียว รถวิ่งไปได้อีกหน่อย แก่กระเป๋ารถเมล์หันมามอง
    แล้วรถก็จอด แก่กระเป๋ารถหันมาถามว่าผมลงที่ไหน ผมก็ตอบไปว่า "สายใต้ใหม่"


    มันก็บอก ไปไม่ถึง ให้ลงตรงนี้ พูดซะน้ำหมากกระจาย!!


    ผมถามมันกลับไปว่า อ้าว ไม่ได้วิ่งไปถึงสายใต้ใหม่เหรอ
    มันบอก ไม่ได้วิ่ง
    อ้าว เข้!!!!  เห็นตูกินหญ้าเป็นอาหารหรือไง??~

    เลยถามมันกลับไปอีกว่า


    ไม่ได้วิ่ง แล้วติดป้ายหน้ารถไว้ว่าสายใต้ใหม่ทำไม??

    มันตอบไม่ตรงคำถามผม เพราะมันตอบมาว่า "ก็ไม่ไปมีอะไรไหม??"

    ลำพังถ้าผมไปตัวเปล่า ก็คงอยากรู้ว่า ถ้าผมตอบว่า "มี"  แล้วมันจะเป็นยังไง
    แต่นี่ผมเจือกแบกกล้องไปด้วย และอีกอย่าง ถึงแม้จะไม่ห่วงกล้อง แต่ก็ยังห่วงตัวเองอยู่บ้าง
    เพราะถ้าขืนทำตัวเป็นสาระแนห้าวเป้ง ผมอาจจะไม่ได้กลับบ้านในสภาพเต็มร้อยก็ได้ T_T


    ก็ในเมื่อตอบมางั้น แล้วจะทำอะไรได้ มันปล่อยให้ลงก็ดีแล้ว ดีกว่าที่มันจะลากผมไปข่มขืนแทน (อุแหว่ะ คิดได้ไงวะ)


    ลงมาก็ต้องสรรเสริญมารดามันทั้งคู่ตามไปอีก ไอ้คนขับคงสะดุ้ง แต่ไอ้กระเป๋ารถเมล์ คงไม่ค่อยสะเทือน
    เพราะลุงแกคงแก่เกินที่มารดาจะยังมีชีวิตอยู่

    ที่ต้องด่าเพราะ มันดันส่งผมลงตรงไหนก็ไม่รู้ T_T
    ป้ายรถเมล์ก็ไม่มี ประมาณว่า ส่งลงกลางทางของแท้ ตอนลงก็ไม่ได้ดูซะด้วย


    เอาล่ะสิตู ทำไงดี นี่เราอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศไทยฟระเนี่ย
    แล้วริมทางก็อย่างเปลี่ยว นี่ผมจะโดนตัวอะไรคาบไปกินหรือเปล่าหว่า T_T


    หันซ้ายหันขวา เลยเดินย้อนกลับมา เกือบ ๆ กิโลละมั้ง กว่าจะเจอป้าย


    เอาน่ะ เอาตัวรอดมาจนถึงสายใต้ใหม่ได้ก็แล้วกัน!!!


    เดินตรงไปที่ท่ารถตู้ที่นั่งมา


    "ต่อไปนี้ ให้นึกภาพตามผมนะครับ"

    ใครเคยนั่งรถตู้ก็คงจะนึกภาพออกอยู่
    รถตู้มีทั้งหมด 4 แถว แถวท้ายสุด เต็มแล้ว นั่งกัน 3 คน
    แถวที่สองจากท้าย เต็มแล้วเช่นเดียวกัน นั่งกัน 3 คน เช่นกัน
    แถวที่ 3 จากท้ายรถ นั่งคนเดียว ว่าง 2 เบาะ
    แถวที่ 4 จากท้ายรถ (หรือแถวแรกจากหน้ารถ) นั่งไปแล้ว 2 เหลือเบาะที่ 3 ที่มันเป็นเบาะที่ต้องดึงมันลงมา
    จะมีคนนั่งเบาะนี้ได้ก็ต้องให้เต็มทุกเบาะก่อน เพราะไม่งั้น มันจะเป็นการขวางคนขึ้นทีหลัง

    ส่วนหน้ารถ ผมไม่นั่งอยู่แล้ว แน่นอนเพราะผมกลัวตายขืนนั่งหน้า!!

    ผมจึงไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะนั่ง ผมก็เข้าไปนั่งที่แถวที่ 2 จากหน้ารถ (แถวที่ 3 จากหลังรถ)
    ที่มีผู้หญิงวัยรุ่นคนนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมเหลือบหน้าขึ้นมอง เห็นเธอมองอยู่ก่อนแล้ว
    จำสีหน้าได้ว่า "อย่ามานั่งกะฉันนะยะ" อะไรประมาณนี้


    แต่เคยมีคนบอกผมว่า อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปนัก
    บางที สิ่งที่เราคิด ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิดก็ได้ (งงกันล่ะสิเนี่ย)

    นั่นทำให้ผมเลิกคิด และ ไม่คิดอะไรในเรื่องนั้นอีก  
    ผมขึ้นไปนั่งที่นั่ง ข้าง ๆ เธอคนนั้นทันที (ก็มันต้องนั่งตรงนั้น เลือกได้ที่ไหนกัน T_T)


    พอผมนั่งปุ๊บ ก็มีการขยับตัว หงึ่ก ๆ หงั่ก ๆ ประมาณว่า อึดอัดหรือไม่ก็เป็นอะไรซักอย่าง
    ผมคิดในใจ เข้าข้างตัวเองว่า ผู้ชายหลายคนน้องเค้าคงมา หรือไม่ก็ปวดฉี่ละมั้ง ขยับตัวบ่อยจัง


    คนเต็ม รถออก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมเลยชิงหลับไปก่อนเลยแล้วกัน.......!!


    ตื่นมากลางทาง น้องคนข้าง ๆ ก็ยังคง ขยับตัวไปมาอยู่เช่นเดิม
    ใจผมอยากจะถามเหมือนกันว่า "เอ่อ น้องเป็นมะเขืออะไรไม่ทราบครับ มดกัดตูดหรือไง ขยับจัง"

    เอ๊ะ หรือว่าเราจะไปโดนตัวน้องเค้าวะ???


    สำรวจตัวเอง ก็จะเห็นได้ว่า น้องเขานั่งห่างกับผมประมาณ 1 คืบ
    ปกติผมเป็นคนนั่งไม่กินที่อยู่แล้ว ขาผมชนอยู่กับเบาะข้างหน้า ขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ
    ส่วนแขนผมก็ไม่ต้องห่วง เพราะผมนั่งกอดอกอยู่ ไม่ได้มีส่วนใดส่วนหนึ่ง แม้แต่ขนหน้าแข้ง
    ที่ไปโดนร่างทองของน้องเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!!!


    เมื่อรถวิ่งมาได้อีกซักระยะนึง


    ความคิดระแวงในแง่ร้ายของผมในตอนแรกก็ดันเป็นจริงขึ้นมา
    เมื่อเธอคนนั้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาใครซักคน
    ไอ้ผมน่ะไม่อยากฟังหรอกว่า เธอจะคุยกับใครที่ไหนเรื่องอะไร แต่ดันนั่งติดกัน
    โทรศัพท์อยู่ข้างหูผมซะด้วย ไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน!!!


    "อยู่บนรถแล้ว ยังไม่ถึง"

    "เนี่ย มีผู้ชายมานั่งข้าง ๆ ด้วย"

    "ทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วยก็ไม่รู้"


    อ้าว ตะกวดแล้วไหมล่ะท่านผู้ชม T_T
    เป็นการแสดงออกที่ตรงประเด็น และ เข้าถึงผู้รับข่าวสารอย่างมาก
    ระยะห่างกันไม่ถึงศอก มันพูดให้ผมได้ยินซะงั้น
    ถ้าเป็นนักประชาสัมพันธ์ หรือ นักโฆษณา ก็ต้องถือว่า เป็นการสื่อสารที่สุดยอด......!!!
    แต่นี่มันไม่ใช่นะเฟ้ย คนนะเนี่ย นั่งอยู่ข้าง ๆ น้องเนี่ย ไม่ใช่ผ้าขนหนู!!


    พูดตรง ๆ เรื่องอย่างนี้ ต่อให้เป็นผมที่ค่อนข้างจะปากสุนัขมากแล้ว ผมยังไม่กล้าพูดตรงๆ เลย
    อย่างมากก็เก็บมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังเท่านั้น ขนาดมีคนบ้าขึ้นรถมานั่งบ้าข้าง ๆ ผม
    ผมยังไม่โทรไปบอกใครว่ามีคนบ้ามานั่งข้าง ๆ เลย T_T


    ผมหันไปมองน้องเค้าทันที อ้าปากจะบอกไปว่า


    "น้องครับ ถ้าพี่เกาะล้อรถไปได้ พี่ก็ไม่อยากมานั่งตรงนี้หรอกครับ แต่นี่มันว่างอยู่ที่เดียว เลยต้องนั่ง"


    แต่ผมคิด ๆ ดู ก็ปลงตกว่า พูดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา คนมันรังเกียจ ยังไงมันก็รังเกียจอยู่วันยังค่ำ
    แม้ผมจะไม่รู้ว่า น้องเค้ารังเกียจผมเรี่องอะไรก็ตามที อาจจะเป็นเพราะว่า
    ผมไม่ใช่แฟนเขาที่เป็นผู้ชาย (เอ๊ะ หรือผู้หญิงหว่า) หรือ ผมอาจจะหน้าตาน่ากลัวเกินไปหน่อย
    หรือ ผมดูเหมือนตัวประหลาด (ในสายตาน้องเขา) หรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งผมก็หาเหตุผลไม่ได้


    ผมจึงหุบปาก ก้มรับชะตากรรมต่อไป


    รังสีอำมะหิตแผ่ซ่านออกจากตัวน้องเค้ารุนแรงจนผมรู้สึกได้ ว่า ฉันรังเกียจแกนะยะ
    ทำไมแกต้องมานั่งข้าง ๆ ฉันด้วย ??


    ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า "มันจำเป็น ที่ทางมันบังคับ และก็ไม่รู้ว่า น้องไม่อยากนั่งใกล้พี่ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก พี่เกาะล้อรถไปแล้ว"
    แล้วก็คิดต่อไปว่า "ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เรา น้องเขาจะรู้สึก และ พูดอย่างนี้อีกไหม ??"

    คำตอบจะตามมาตอนท้ายครับ!!


    แต่วินาทีนั้นถ้าผมสามารถกระโดดออกนอกตัวรถได้ ผมโดดไปแล้ว!!

    เหตุการณ์ดังกล่าว บวกกับเหตุการณ์ รถเมล์ทิ้งลงกลางทางก่อนหน้านี้
    ทำเอาผมน้ำตาจะไหลกลางรถตู้!!

    ซักพัก คนที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าผมพร้อมคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือผมก็ลง
    ผมจึงรีบแทรกตัวไปนั่งที่ตรงนั้นแทน

    แลกกับความสบายใจของทั้งสองฝ่าย .....


    รถแล่นไปได้อีกซักพัก ก็มีผู้ชายอีกคนนึงขึ้นมา และ แน่นอน เขาคนนี้ ไปนั่งข้าง ๆ เธอคนนั้น
    ผมไม่รู้ว่า เธอคิดยังไง เพราะเห็นนั่งเงียบ แต่เท่าที่มองผ่านกระจกมองหลังที่ติดอยู่ด้านหน้ารถ

    ผมเห็นเธอนั่งเป็นปกติ ไม่ขยับตัวกุ่ก ๆ กั่ก ๆ เหมือนตอนที่ผมนั่งอีกต่อไป


    คิดในแง่ดี คือ เธอปลงซะแล้ว ที่มีผู้ชายมานั่งข้าง ๆ
    คิดในแง่ร้าย คือ ไอ้หน้า..ย้ายไปนั่งหน้าแล้ว คนอื่นก็ไม่มีปัญหา


    ผมไม่รู้ว่า เธอคิดอะไรอยู่

    แค่อยากรู้ว่า ผมมันน่ารังเกียจมากขนาดไม่อยากนั่งใกล้เลยหรือ???

    ทำไมล่ะ

    ผมก็คนเหมือนกัน

    มีชีวิต มีจิตใจเหมือนกัน

    ทำไมไม่รักษาน้ำใจกันบ้าง

    ไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นกันบ้าง

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ก็นั่นน่ะสิ



    E..ปลวกเอ๊ย........!!!!





    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์




    ปล.ผมหาสาเหตุว่าทำไมมาตลอด  หรือว่า ตัวเราเหม็นแต่เราไม่รู้ตัววะ ก็เลยถามเพื่อน ๆ ดูว่า เอ๊ะ หรือว่าตัวเราเหม็นวะ
    พวกมันก็สวมวิญญาณหมาบลัดฮาว์ด มาดม ๆ ดู แล้วก็ว่าไม่เห็นเหม็นตรงไหน  เลยยัง งง ๆ อยู่ว่า ตกลงมันเพราะอะไรกันแน่!!


    สมันน้อย เบอร์ 14

    จากคุณ : สมันน้อย เบอร์ 14 - [ วันอนามัยโลก 05:17:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com