ความคิดเห็นที่ 1 เพิ่งรู้เหรอ? หนหน้าคุณก็บอกหมอให้เขียนชื่อยา แล้วไปซื้อเอาข้างนอก ร้านถูกๆ ที่คุณว่าสิ จะได้จ่ายแต่ค่าหมอกับค่าบริการ จากคุณ : คืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น - [ 3 พ.ค. 52 22:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ตามนั้นเลย แล้วคุณไปถาม เค้าก็บอกไม่ใช่เรอะ จะมาโวยวายไรล่ะ จากคุณ : PERFECT not ME - [ 3 พ.ค. 52 22:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ค่ายาที่แพงกว่าถือว่าเป็นการช่วยบริหารโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคุณไงคะ ค่าดำเนินการอย่างรวดเร็วทันใจที่แตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแอร์ ค่าผู้ช่วยพยาบาล ค่ารีเซฟชั่น ค่าโฆษณา และอะไรอื่นๆอีกจิปาถะ ในขณะที่ถ้าเราไปซื้อยาตามร้านขายยา เค้าไม่ต้องแบกภาระพวกนี้ จึงขายราคาสมเหตุสมผลได้มากกว่า จากคุณ : BadbadGirl - [ 3 พ.ค. 52 23:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทำตาม คห 1 ได้ค่ะ ตาเราก็ทำแบบนั้นน่ะ ให้แพทย์จ่ายใบสั่งยา แล้วมาซื้อเอาปากซอยแถวบ้าน จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ - [ 3 พ.ค. 52 23:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนใหญ่คนจะรับไม่ได้  ถ้าแยกค่าบริการออกมา (ค่าเจ้าหน้าที่, คนเข็นเปล, คนเปิดประตู  คาน้ำ  ค่าไฟ)  ดังนั้นจึงต้องมารวมกับค่ายา  เช่น  ค่าบริการ   1000  บาท จากคุณ : nervous - [ 4 พ.ค. 52 00:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข็มฉีดยาบางตัวไ่ม่ถึงบาท โดนซะ20ในรพ. ส่วนกำไรที่ต่างกันมากๆ เขาก็เอาไปใช้ปรับปรุงการบริการครับ รพ.เอกชนค่าใช้จ่ายมิใช่น้อยครับ จากคุณ : e20 - [ 4 พ.ค. 52 01:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าทำตามคห. 1 ก็เชิญครับ แต่คิดหน่อยนะ รพ. ไม่มีปัญญาเอาเงินมาดูแลพวกคุณเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เงินส่วนนี้ ทำไม ไม่ไปร้องเรียนหละครับ รร. ห้าดาวคิดค่าโค้กกระป๋องละ 80 แพงกว่า 7-11 ตั้งเยอะ ตัวอย่างนี้อาจจะไม่ชัดมาก เอาใหม่ ไปกินหมูกระทะ น้ำขวดแก้ว ขายขวดละ 20 บาท โห ทำไมขายแพง โรงอาหารคิด 6 บาทเอง อันนี้น่าจะชัดขึ้น คุณอยากไปรพ. ดีๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่ายา อยากเจอหมอดีๆ แต่ไม่ต้องเสียค่ายา คิดดีๆ นะครับ รพ. จะเอาเงินที่ไหนมาจ้างคนมาบริการพวกคุณหละครับ :) อย่าลืมนะครับว่ารพ. เอกชน ต้องแสวงหาผลกำไร และต้องมีรายได้พอจะจ้างพนักงาน แล้วจะเอาเงินที่ไหนมา ถ้าไม่คิดค่ายาแพงกว่าปรกติ??? ถ้าตอบได้ว่าควรหาเงินที่ไหน ก็บอกนะครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 4 พ.ค. 52 01:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ใช่เลยครับ..... ไม่งั้น จะมีเงิน จ้างหมอ แพงๆ มา ตรวจเหรอ... ไม่งั้นหมอจะเอาตังที่ไหนกินข้าว... ไม่งั้น พยาบาลจะเอาตังที่ไหน กินข้าว.. ไม่งั้น.. ไม่งั้น ไม่งั้น..ไม่งั้น.. ดังนั้น เสียตังไปเหอะ... ไว้คุณ ไปรอเข้าแถว... รับการ รักษาพยาบาลจาก...สถานีอนามัย... หรือ รพ.รัฐ ที่ต้องไปเข้าคิวเพื่อรับบัตร (เพื่อรับบัตรคิว..นะ) ตั้งห่ะ เที่ยงคืน แล้ว ได้ตรวจจิงๆ ไม่ถึง ห้านาที ตอนห้าโมงเย็น ล่ะ ก็ จ่ายๆ ไปเหอะ.. เค้าจะได้ เอาตังไปจ้างหมอ...มา รับจ๊อป อิอิ..... จากคุณ : 7373 - [ 4 พ.ค. 52 03:06:25 A:58.9.184.84 X: TicketID:201232 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วรู้หรือเปล่าว่าร้านขายยา น่ะ รับยามาเม็ดละบาท ขายเม็ดละ 10 บาท กำไร 10 เท่าตัว ยาเม็ดละ 50 สตางค์ ขายเม็ดละ 5 บาท เป็นอย่างงี้ทั้งนั้น วันหลังอยากได้ยาถูก ก็ไปซื้อกับเซลล์ยาเลย จากคุณ : น้องลูกตาล (tour170) - [ 4 พ.ค. 52 03:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ออกใบสรุปออร์เดอร์ ได้ครับ บ.ผมต้องใช้ใบสรุปออร์เดอร์ จากรพ.ด้วย แจ้งตรงการเงิน เขาก็จะออกใบสรุปออร์เดอร์ออกมาให้ครับ ชี้แจงหมดว่าแต่ละรายการมีอะไรบ้าง ที่เวลาเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ แพทย์คนไหนเป็นคนสั่งรายการไหน จากคุณ : paman - [ 4 พ.ค. 52 07:31:44 A:125.25.47.55 X: TicketID:105585 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ค่ายา เป็นเอกสิทธิ์ของโรงพยาบาลครับ ว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ โดยทั่วไป จะรวมค่าบริหารจัดการของโรงพยาบาลเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดเฉพาะต้นทุนยาเหมือนในโรงพยาบาลรัฐ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน ที่มีการรวมค่าบริหารจัดการเข้าไปด้วย ส่วน Doctor Fee กับค่าพยาบาล จะเป็นส่วนของแพทย์ หรือพยาบาล แล้วแต่ ปกติแล้วโรงพยาบาลไม่ได้มีกำไรจากส่วนนี้ ส่วนกำไรก็อยู่ตรงค่ายา กับค่าอุปกรณ์ครับ หักไปหักมาแล้ว กำไรจริงๆ จากการขายยาอยู่สัก 10 เปอร์เซ็นต์เองมั้่งครับ ที่แพงๆ นั่น Overhead Cost ทั้งนั้น ถ้าทำใจจ่ายไม่ได้ ก็ต้องใช้บริการคลินิก หรือโรงพยาบาลรัฐ ที่มีการสนับสนุน Overhead Cost ส่วนนี้จากภาษีล่ะครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ 4 พ.ค. 52 08:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับผู้ป่วยนอก ถ้าไม่เอากำไรจากค่ายา จะเอารายได้ที่ไหนมาบริหาร รพ ละ ส่วนของแพทย์-พยาบาล ก็เป็นส่วนของเขา ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง จะเอามาจากไหน ถ้าอยากได้บริการสะดวกแบบ รพ.เอกชน ก็ต้องพร้อมจะจ่ายค่ะ จริงๆ รพ.เอกชน ก็มีหลายระดับ หลายราคาให้เลือกนะ เลือกแบบชนิดที่คุณพอจ่ายได้ ก็ได้นี่คะ จากคุณ : *Cookies* - [ 4 พ.ค. 52 09:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นใจร.พ.เอกชนบ้าง เปรียบเสมือนเวลาคุณเอารถไปเข้าศูนย์เช็ค ไม่ว่ายี่ห้อไหน แล้วคุณขอเค้า ไม่เอาอะหลั่ยเค้า ขอไปซื้อข้างนอก เค้าจะยอมไหม ผมว่าไม่มีใครยอม แถมยังจะด่าเราเข้าให้อีก มันก็ทำนองเดียวกันครับ เอาเป็นว่าขอซื้อยาในร.พ.ครึ่งนึงก็ยังดี ช่วยๆกันไป จากคุณ : weekdaygolfer - [ 4 พ.ค. 52 10:16:03 A:125.24.129.231 X: TicketID:211209 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รพ. จงเจริญ จากคุณ : ยิงเสียบสามเหลี่ยม - [ 4 พ.ค. 52 10:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าเค้า print out ชื่อยา พร้อมค่ายาให้ทุกครั้ง....เปลืองกระดาษเปล่า ๆ ค่ะ ถ้าอยากได้รายละเอียดก็ขอเค้าได้ ว่าแต่...จขกท. มั้นใจมากเลยนะคะ....ให้กดโหวตให้น่ะ....ไม่ได้นึกถึงความเห็นที่แตกต่างเลยเหรอคะ จากคุณ : tourmaline - [ 4 พ.ค. 52 11:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยตอบหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ แต่ก็มีมาเรื่อยๆ ต้นทุนยาของโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลรัฐเล็กๆ โรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา มันไม่ได้เท่ากันนะแม้ว่จะเป็นยาตัวเดียวกันก็ตาม คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาค้ากำไรเกินควร ราคาในโรงพยาบาลเอกชนจะแพงกว่าอยู่แล้วด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่น ต้นทุนแพงกว่าเขาด้วยจำนวนการสั่งซื้อน้อยกว่า มักใช้เป็นยาต้นตำรับที่ราคาแพงอยู่แล้วเพื่อตอบสนองค่านิยมลูกค้าจำพวกชอบยานอก แต่ราคายาที่สูงอย่างไรก็จะไม่เกินราคาที่ติดข้างผลิตภัณฑ์ รายได้หลักของโรงพยาบาลเอกชนคือค่ายา ซึ่งมันจะรวมค่าบริการไปด้วย ถ้าไม่มีตรงนี้เขาจะเอาเงินที่ไหนไปบริการโรงพยาบาล ว่าเขาซะเสียหาย มันต่างกับน้ำขวดละแปดสิบ อาหารจานเดียวจานละสามสี่ร้อยบาทในโรงแรมห้าดาวตรงไหน จากคุณ : Alone with out lonely - [ 4 พ.ค. 52 12:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบพาแม่ไป รพ.เอกชน เพราะหมอเอาใจใส่มากกว่าให้รายละเอียดมากกว่า ขนาดว่าเอกชนเหมือนกันแต่คนละราคายังให้บริการที่แตกต่างกันเลย แต่ถ้าผ่าตัดใหญ่ๆไปรพ.รัฐดีกว่าหมอเก่งกว่า จากคุณ : ไอศครีมกะทิ - [ 4 พ.ค. 52 12:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อืม จะว่าไปขอแบบแจกแจงรายละเอียดก็น่าจะได้นะคะ แน่นอนว่า รพ.เอกชนแพงกว่าทุกอย่างแน่นอน ถ้าเค้าแจกแจงละเอียดคุณจะตกใจกับทุกอย่างเลยค่ะ และอาจจะมาตั้งกระทู้ถามต่ออีก ทำไมค่าแพทย์ที่นี้แพงจัง  ค่ายาแพงจัง ค่านู่นนี่นั่นคืออะไร ก็เพราะรพ.เอกชนคือ "ธุรกิจ" ไงคะ ทางที่ดีก็ควรดูแลสุขภาพให้ดี ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และที่สำคัญหมั่นทำจิตใจให้เบิกบาน จากคุณ : ลูกพริกไทย - [ 4 พ.ค. 52 13:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คนจน...ตาย หยังเขียด จากคุณ : อยู่ไป ก็ไลฟ์บอย (phch) - [ 4 พ.ค. 52 13:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เค้าจะไม่ค่อยแจ้งจริงๆด้วยค่ะ แต่ถ้าเราไปขอรายละเอียด เค้าก็จะแจกแจงให้ แต่ก็เหมือนอยากรู้เพื่อเอามาเจ็บใจทีหลัง เพราะโรงพยาบาลเอกชนมักจะแพงมากๆ (แพงกว่าหมอประจำโรงพยาบาลนั้นมาคิดค่ายาในคลินิกอยู่หลายเลย)  โรงพยาบาลเอกชนเค้าขายบริการเหมือนโรงแรมน่ะค่ะ มันมากกว่าการช่วยเหลือสังคมเหมือนโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วไป เพราะมันเป็นธุรกิจซะมากกว่า จากคุณ : Miss Match - [ 4 พ.ค. 52 14:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าไม่อยากจ่ายค่ายาแพงๆ ก็ต้องไปเข้าคิวตรวจรพ.รัฐฯค่ะ ต้องแลกกันนะ จากคุณ : MeaoNoi - [ 4 พ.ค. 52 14:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าเราขอรายละเอียดเขาก็ปริ้นให้เราได้ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะหมกเม็ดอะไรเรา ไม่ใช่ว่าขอก็ไม่ให้ อย่างนั้นค่อยว่ากัน อีกอย่างถ้าไม่พอใจค่ายาก็ซื้อจากข้างนอกได้นิค่ะ เราก็ทำ ก่อจ่ายเงินก็ขอดูรายละเอียดก่อน แล้วยกเลิกรายการที่คุณไม่พอใจออกซะ .. แค่นี้ง่ายๆนะ จากคุณ : Reda - [ 4 พ.ค. 52 16:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่ะ กดโหวตให้ครับ อยากรู้ว่าจะกดดันอะไรยังไง จากคุณ : natefang - [ 4 พ.ค. 52 17:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 บริษัทที่ใหน ขาดทุนแล้วยังยืนหยัดอยู่ได้บ้างครับ... มองแบบนี้ จะได้เห็นใจหมอ รพ รัฐที่ม่ทำเอกชนแบบพวกผมบ้างนะครับ จากคุณ : กังป๋วย - [ 4 พ.ค. 52 18:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อาร์ตฯ มองว่า ถ้าไม่ได้ลำบากเรื่องเงินอะไร ก็ไม่อยากให้คิดเล็กคิดน้อยค่ะ .. ถือว่า .. เราไปเอกชน เพื่อซื้อบริการ ความรวดเร็ว และความสบายใจด้วยค่ะ .. หากคุณไปร.พ. รัฐฯ .. บางที่คุณอาจจะต้องรอคิวเป็นครึ่งวัน แต่ได้จ่ายถูกกว่า และความสุภาพ ความสะอาด การบริการ อาจไม่ได้ไม่เท่ากับ คุณไปร.พ. รัฐฯ จากคุณ : Art of Illusion - [ 4 พ.ค. 52 19:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แม่เรานอนอยู่ รพ.เอกชน อะ(4-5เดือนแล้ว) ค่ายาแพงมาก หมอเลยลิสยา นม อุปกรณ์การแพทย์ที่ต้องใช้มาให้ แล้วไปซื้อที่ศิริราช เอามาให้หมอ+พยาบาล หมอบอกต้นทุนค่ายาที่นี่แพง ไปซื้อเอาข้างนอกดีกว่าเนอะ ช่วยกันประหยัด หมอใจดีจะตาย ทีหลังก็ให้หมอเขียนแล้วไปซื้อเอาข้างนอกเลยค่ะ จากคุณ : เดินโซเซ - [ 4 พ.ค. 52 19:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอ๋า  ก็นี่ล่ะ  กำไรของเค้าล่ะ  คุณไม่รู้หรอกหรือ เขาจะขายยาแพงกว่าข้างนอก 1000 เท่าก็ได้  ถ้ามีคนยอมจ่าย  มันขึ้นกับความพอใจของคนจ่ายนะ เหมือนร้านอาหารแพงๆ  โรงแรมแพงๆนั่นแหละ  ไม่ต่างกันเลย จากคุณ : เจ้าขาว - [ 4 พ.ค. 52 19:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณก็ไม่ต้องไปหาเค้าสิครับ .. รพ. ก็มีทั้งราคา "โคตรแพง" .. "แพง" .. "สมเหตุสมผล" และ "ราคาถูก" รพ. ก็มีทั้ง "เอกชน" และ "รัฐบาล" ถ้ากรณีที่คุณว่ามาเป็น รพ.เอกชน คุณก็มีทางเลือกในการไปหา รพ.รัฐ แต่ถ้า .. กรณีที่คุณว่ามาเป็น "รพ.รัฐบาล" ถ้าแบบนั้นยังเรียกว่าแพง "ปลูกสมุนไพรทานเองเถอะครับ" จากคุณ : Top27 - [ 4 พ.ค. 52 19:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เราว่าไป รพ. ที่เหมาะกับรายรับเราซิคะ ทุกอย่างมีต้นทุน+กำไร เมื่อทราบเเล้วไม่พอใจก็ไม่ต้องไป รพ. นั้นซิคะ เราอีกคนที่ไม่ชอบรอนานจึงไม่ใช้บริการ รพ. รัฐ ก็เท่านั้น จากคุณ : bmc - [ 4 พ.ค. 52 20:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใช่ครับ ถือว่าซื้อความสะดวกสบายไปแล้วกัน จากคุณ : vinchaieur - [ 4 พ.ค. 52 20:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 บริการก็ดีตามมาแม้ว่ายาจะแพงกว่าหลายเท่า ลองไปรัฐบาลดีครับสามชม.อาจยังไม่ได้ตรวจ จากคุณ : detune - [ 4 พ.ค. 52 20:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณสำหรับความเห็นที่หลากหลาย แต่หลายท่านยังหลงประเด็นหลักนะครับ ประเด็นหลักของผมคือ ความจริงใจในการบอกข้อมูลให้ครบถ้วน คนไข้จะได้ทราบเท่านั้นเอง หลายท่านก็สรุปไว้ถูกต้อง ธุรกิจก็คือธุรกิจวันยันคำ่ หลายคนแนะให้ผมไปใช้ที่อื่น เช่น รพ.รัฐ ไปปลูกสมุนไพร ขอบคุณนะครับ เรื่องกำลังทรัพย์สำหรับผมพอไหวครับ แค่อยากให้วงการนี้มีจริยธรรมสูงกว่าวงการธุรกิจอื่น แต่คงหวังให้เกิดโดยธรรมชาติจากผู้ประการคงลำบาก จากคุณ : จขกท (kjtjpj) - [ 4 พ.ค. 52 20:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กิยข้าวโรงแรม ยังเปิดเมนู ดูก่อนสั่งได้ ซ่อมรถ ในศูนย์บริการก็ยังต้องแจ้งราคา ก่อนสั่งซ่อม แต่โรงพยาบาล หาหมอ สั่งยา เม็ดละกี่บาท จะรู้ก็ตอนชำระเงินแล้ว ไม่เหมือนกัน ------ เอกชนบางแห่ง -คิดค่าหมอ -คิดค่าพยาบาล -คิดค่าดำเนินการแล้ว ยังมาบวกค่ายาอีก บางตัวเป็นยาธรรมดา ก็สั่งยี่ห้อต้นตำหรับตัวแม่มาขาย ราคาต่างกันหลายสิบเท่า บางที โรคธรรมดา หมอก็สั่งพารา น้ำเกลือแร่ ถุงละหลายสิบบาทมาให้ซะงั้น ----- จริงๆ มันควรเป็นสิทธิของคนไข้ ทีจะเลือกซื้อยาจากโรงพยาบาลหรือไม่ก็ได้ รวมถึง กรณีคนไข้ใน ก็สามารถนำยาที่ทานเป็นประจำ โดยไม่เกี่ยวกับโรคที่เข้าตรวจรักษา มาทานได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อจากโรงพยาบาล จากคุณ : audy - [ 4 พ.ค. 52 21:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นด้วยกับ #33 ตรงที่ โรงแรมถึงแม้แพงแต่เราก็เปิดเมนูเห็นราคาก่อนได้ แต่โรงบาลต้องมารอลุ้นตอนจ่ายอย่างเดียวว่าเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจหรอกว่าคนละอย่างกัน เราหาหมอเอกชน ถ้าเราขอหมอก็เขียนรายการยาให้นะ เราก็มาซื้อข้างนอก จากคุณ : KissAddicted - [ 4 พ.ค. 52 21:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ใบเสร็จส่วนมาก ที่ทาง รพ.ออกให้(เท่าที่เคยเห็นมา) จะเป็นใบเสร็จในนามบริษัท แบบที่แบ่งประเภท จัดเป็นกลุ่มๆไว้ให้ ซึ่งรายการส่วนนี้.. อิงตามอะไรต่อมิอะไรที่เอาไปตั้งเบิกได้(ประกันฒต้นสังกัด บลา บลา บลา) ตามความเห็นเรา ใบเสร็จเต็มรูปแบบนี้ ลองนอนซักสองคืน..ก็คงออกมาอย่างน้อยสามหน้า.. ที่นานกว่านั้นไม่อยากจะคาดเดา ว่าจะออกมากี่หน้า ทั้งสำเนา ทั้งตัวจริง เซ็นรับกันอ้วก ..ไม่นึกไปถึงต้นทุนของใบเสร็จต่อใบ (ซึ่ง ถ้าที่ไหนทำแบบนั้น เค้าจะแอดไปในค่ารักษาของคุณแหละ เพราะมันอยู่ใน"ต้นทุน") เราว่าสรุปมาแบบนั้นก็ดีแล้ว สำหรับบางคน เค้าไม่สนุกเท่าไหร่กับการถือใบเสร็จเป็นปึก.. พนักงานคิดเงินมายืนฉีกทีล่ะใบก็จะหาว่าเค้าช้า อีกถ้าต้องการรายละเอียดก็แค่ขอ..ไม่เคยเห็นที่ไหนไม่ให้ คุณมีสิทธิที่จะได้รับอะไรสมกับที่คุณจ่ายค่ะ บางอย่างอาจต้องแจ้งเพิ่มเติม เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ แต่คนอื่นอาจจะไม่ต้องการ เค้าเลยไม่ทำเป็นเรื่องปกติ ปล.เราอยู่โรงบาลเอกชนค่ะ เคยเห็นคนไข้วีนเรื่องค่ายาเป็นปกติ และเคยเห็นแบบที่รับเรื่องค่ายาแพงได้แลกกับบริการเป็นปกติเช่นกัน จากคุณ : อินทวา - [ 4 พ.ค. 52 21:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เอ่อ โรงพยาบาลรัฐเค้าก็ไม่แจกแจงค่ายานี่คะคุณเจ้าของกระทู้ขา ตั้งแต่เราไปนั่งเล่นห้องเวรกับแม่ นั่งปริ๊นใบเสร็จรับเงินแทนแม่ เรายังไม่เคยเห็นเลยนะว่า ค่ายาโรงพยาบาลรัฐจะแยกมาว่ายาตัวนี้เท่าไหร่ แต่เท่าที่เราดูใบเสร็จโรงพยาบาลที่แม่เราทำงานอยู่((โรงพยาบาลประจำจังหวัดค่ะ)) มันก็คล้ายๆ หรือเหมือนกับโรงพยาบาลเอกชนนั่นแหละค่ะ มีค่ายา ค่าธรรมเนียมแพทย์ พยาบาล อุปกรณ์ ค่าห้อง เวชภัณฑ์อื่นๆทีไม่ใช่ยา เหมือนๆกัน ไม่มีหรอกจะมาบอกว่า ค่ายา พาราเซตามอล 20 เม็ด ราคา XX บาท ค่ายาแก้อักเสบ 20 เม็ด ราคา XX บาท แล้วอย่างงี้จะบอกว่าโรงพยาบาลรัฐหมกเม็ดด้วยไหมคะ แค่ตัวเลขมันต่างกัน  เท่านี้เอง คุณพูดแบบนี้เหมือนกับว่าไม่เคยไปโรงพยาบาลรัฐเลยนะ ถ้ามีใบเสร็จของโรงพยาบาลรัฐที่บอกรายละเอียดค่ายา รบกวนโพสต์ให้เป็นบุญตาหน่อยเถอะค่ะ ใบเสร็จค่ายานะคะ ไม่ใช่ใบสั่งยาแพทย์ ที่ระบุชื่อยาแล้วเอาไปยื่นให้เภสัชกรคิดงินก่อนไปจ่ายเงินทีช่องชำระเงิน อยากเห็นเป็นบุญตาสักครั้ง จากคุณ : มิสพรหล้า - [ 4 พ.ค. 52 21:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ปกติเราเข้าโรงพยาบาลของรัฐเพราะใช้สิทธิ์เบิกตรงของข้าราชการ  แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วปวดศีรษะรุนแรงและมีไข้สูง  ก็เลยไปโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน เรื่องค่ายาแพงไม่ค่อยติดใจเท่าไหร่ค่ะ แต่ไม่ชอบใจที่พยาบาลเข้ามาบ่อยมาก ๆ  บางครั้ง 20 นาที ผู้ป่วยเพิ่งจะหลับก็ต้องตื่น  และทำเอาคนเฝ้าไข้ไม่ได้หลับได้นอน  พาลจะกลายเป็นคนป่วยไปอีกคน เราอยากให้ทีมพยาบาลเข้ามาพร้อม ๆ กันน่ะค่ะ  จะเจาะเลือด  วัดไข้  วัดความดัน ถามจำนวนครั้งที่ฉี่ / อึ  ดูระดับน้ำเกลือ  เช็ดตัว  ให้ยา ฯลฯ  แบบว่าเข้ามาทีเดียวเลย  เสร็จแล้วผู้ป่วยจะได้พักผ่อนต่อเนื่องได้นานหน่อย  (ก่อนที่คุณหมอผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน (หลายคน)  และทีมแม่บ้านทำความสะอาดจะเข้ามาอีก) ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างโรงพยาบาลของรัฐกับเอกชน  คือ ในโรงพยาบาลเอกชนนั้นคุณหมอจะสั่งเจาะเลือดเยอะมาก  ตรวจหาสาเหตุความผิดปกติอย่างละเอียดทุกอย่าง   ของเราเจอระดับฮอร์โมนตับผิดปกติ  ... มาแล้ว  นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคตับ  เพิ่มเติมจากคุณหมอเจ้าของไข้ คุณหมอตับสั่งอัลตราซาวน์  เจาะเลือดไปตรวจอีก  พบจำนวนเม็ดเลือดขาวลดต่ำ  ... มาอีก  คุณหมอผู้เชี่ยวชาญอีกสาขา  แหะ ๆ  ค่าบริการทางการแพทย์ต่อวันก็คูณสาม โรงพยาบาลที่เราเข้ารับการรักษาไม่ได้แพงติดอันดับ   แต่พอคิดค่าใช้จ่ายมาก็ตกวันละหมื่นกว่า ๆ แพงนะคะ  แต่เขาดูแลเราดีมาก  อาการป่วยก็หาย  การตรวจละเอียดก็เป็นผลดีกับเรา  เพราะเราได้รู้ว่าสภาวะของร่างกายและอวัยวะสำคัญ ๆ ทำงานได้ดี หรือมีปัญหาอย่างไร ถ้าเลือกได้  ถ้ามีเงินมากพอ  ก็จะขอเลือกไปโรงพยาบาลเอกชนอีกค่ะ จากคุณ : dreamin - [ 4 พ.ค. 52 21:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จาก คห.33 ...จริงๆ มันควรเป็นสิทธิของคนไข้ ทีจะเลือกซื้อยาจากโรงพยาบาลหรือไม่ก็ได้... ---------------- เราเคยปฏิเสธการจ่ายยาของหมอนะคะ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง คือตอนที่เอาใบสั่งยาไปยื่นกับเภสัชกร ถามว่ามียาอะไรมั่ง ถ้าเป็นยาที่เรามีอยู่แล้ว เราก็ไม่เอาค่ะ  เค้าก็ไม่เห็นว่าอะไรเรานะ ก็บอกไปแค่ว่า ยานี้มีแล้ว  เค้าก็จะขีดออก แล้วก็คิดเงินเฉพาะยาที่เราจะเอาค่ะ แต่ไม่รู้ว่าสามารถทำได้ทุกโรงพยาบาลมั้ย จากคุณ : มิสพรหล้า - [ 4 พ.ค. 52 22:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แล้วจี้กดโหวตกันทำไมเนี่ย จากคุณ : แก้วเปรื่องปราชญ์นฤมาศแม้นมณี - [ 4 พ.ค. 52 22:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จริงๆแล้วค่าใช้จ่ายๆอื่นๆควรจะอยู่ในค่าบริการ ไม่ใช่เอามาแฝงกับค่ายา จากคุณ : ม้าหงอย - [ 4 พ.ค. 52 23:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เอาง่ายๆ เลยครับ ผมเคยไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยอาการของไข้หวัดใหญ่ ไปครั้งแรก ใช้สิทธิผู้ประกันตน นั่งรอนานมาก เกือบ 2 ชั่วโมงได้ จนผมทนไม่ไหว ต้องไปขอพยาบาลว่าขอตรวจเลยได้ไหม เพราะไม่ไหวแล้ว จึงได้ตรวจ กินยาที่ได้รับจากสิทธิผู้ประกันตน ไม่หายต้องกลับไปอีกรอบ พอคราวนี้ไม่อยากรอนาน เลยไม่ใช้สิทธิฯ รอหมอแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และยาที่ได้รับคราวนี้ก็ต่างกว่าครั้งก่อนเห็นๆ ถ้าไม่อยากรอนาน ได้ยาที่มีคุณภาพ ก็ต้องจ่ายเยอะเป็นธรรมดา โรงพยาบาลเอกชนก็เลยเป็นที่นิยม ลองให้โรงพยาบาลรัฐสะดวกสบาย รวดเร็ว แบบเอกชนเขาบ้างสิครับ เอกชนก็เจ๊งไปเองแหละ (ข้อนี้ท่าทางจะยาก รอน้ำท่วมหลังเป็ดก่อน) จากคุณ : เฮโลสาระพา - [ 4 พ.ค. 52 23:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ใบเสร็จของโรงพยาบาลรัฐก็ไม่ได้แยกยาเป็นรายการๆ นะครับ ไม่ทราบเหตุผลดั้งเดิมจริงๆ แต่เข้าใจว่าเพื่อความสะดวกในการออกใบเสร็จมากกว่า ผู้ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีรายการยาเป็นสิบๆ ตัว ยังไม่นับรวมค่าตรวจโดยแพทย์ ฉีดยา เย็บแผล ล้างแผล ตัดไหม เอ็กเรย์ ตรวจเลือด ซึ่งการตรวจเลือดก็ยังแยกย่อยได้อีก แต่ถ้าคุณจะขอทราบรายละเอียดเพิ่ม ส่วนใหญ่โรงพยาบาลทุกโรงก็ให้ข้อมูลตรงนี้ได้นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าราคายาจะแพงกว่าซื้อจากร้านขายยา เพราะต้องรวมพวกค่าบริหารจัดการต่างๆ ค่าสาธารณูปโภค ค่าจ้างแรงงาน ฯลฯ รวมถึงกำไรไว้ด้วย แต่ก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ ร้านขายยาบางร้านอาจจะขายแพงกว่าก็ได้ จากคุณ : ผ่านมาตอบ - [ วันฉัตรมงคล 00:42:05 A:118.173.186.22 X: TicketID:123072 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จริงๆแล้วค่าใช้จ่ายๆอื่นๆควรจะอยู่ในค่าบริการ ไม่ใช่เอามาแฝงกับค่ายา จากคุณ : ม้าหงอย อืม อาจจะเพื่อความสะดวกนะครับ บางแห่งก็เลยไม่ได้คิดแยก ถ้ามองยาเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง ต้นทุนยาจริงๆ แล้ว นอกจากจะเป็นค่ายาที่ซื้อมาจากผู้ผลิดผู้จำหน่ายแล้ว ยังต้องรวมถึงค่าบริหารจัดการในกิจการด้วยครับ และต้องบวกกำไรอีกด้วย กิจการนั้นๆ จึงจะอยู่ได้ไม่ขาดทุน และมีกำไร จากคุณ : ผ่านมาตอบ - [ วันฉัตรมงคล 00:50:15 A:118.173.186.22 X: TicketID:123072 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จากเนื้อหาของเจ้าของกระทู้ สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้ 1. เจ้าของกระทู้ต้องการสื่อสารกับทุกท่านว่าการแจ้งรายละเอียดราคา เป็นสิทธิผู้บริโภคหรือไม่ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ได้วางหลักถึงสิทธิผู้บริโภค คือ มาตรา 4  ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้ (1)  สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ (2)  สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ (3)  สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ (3 ทวิ)  สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา (4)  สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการนั้นๆ หรือพระราชบัญญัตินี้บัญญัติไว้ ด้วยเหตุนี้ผู้บริโภคจึงมีสิทธิที่จะทราบราคายา ด้วยเหตุที่เป็นสิทธิที่จะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสินค้า ตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 4(1) เพื่อจะได้มีสิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ  บางคนต้องการทราบราคา เพราะอาจจะมีลักษณะนิสัย เช่น ราคาแพงกว่าชาวบ้านก็ไม่ว่า แต่อย่าคิดราคาผิดหรือคิดเกินก็แล้วกัน เป็นต้น ดังนั้น ประเด็นที่เจ้าของกระทู้ต้องการสื่อว่าต้องการจะทราบราคานั้นจึงมีเหตุผลพอรับฟังได้ 2. ประเด็นเรื่องราคายา หรือราคาค่าบริการเป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือไม่   เนื่องจากใน พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้มีประเด็นเรื่องการควบคุมราคายา หรือการสดงโครงสร้างราคายา คงมีแต่ในพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ซึ่งมีประเด็นที่ว่า ยาเป็นสินค้าควบคุม ตามมาตรา 24 แต่ก็ไม่เคยมีประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่ออกมาว่ายานั้นควรมีราคาเท่านั้น เท่านี้ หรือขายในราคาที่ไม่เกินที่คณะกรรมการกำหนดไว้ตามมาตรา 25 หรือในมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง (ยังไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเต็มที่) คงปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด (จะมีเพียงแต่สินค้าบางรายการเท่านั้นที่กำหนดราคาสูงสุดมาให้เลย) และยารักษาโรคเองนั้นจะต้องแสดงราคาขายปลีกในลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย ในกรณีที่สภาพของสินค้าหรือการให้บริการไม่สามารถแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการไว้ที่สินค้าที่จำหน่ายหรือสถานที่ที่ให้บริการ หรือบริเวณใกล้เคียงสินค้านั้นได้ ให้จัดทำบัญชีแสดงรายการสินค้าหรือบริการ พร้อมทั้งแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการ และจัดให้มีไว้ในที่ที่เปิดเผยซึ่งผู้บริโภคสามารถดูได้ ดังนั้นจึงเห็นว่าการให้แสดงราคายา หรืออัตราค่าบริการ จึงยังคงเป็นเหตุผลที่รับฟังได้ 3. ขายสินค้าในราคาแพงกว่าคนอื่น ผู้ขายต้องรับผิดต่อผู้บริโภคหรือไม่ ประเด็นนี้มีความเห็นว่าหากผู้ขายสุจริตแล้ว ก็ไม่ต้องรับผิดต่อผู้บริโภค หน้าที่และความรับผิดของผู้ขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีเพียงเรื่องการส่งมอบ ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่อง ความรับผิดในการรอนสิทธิ และข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิด ดังนั้นหากผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคาที่แพงกว่าคนอื่น จะให้ผู้ขายรับผิดนั้นก็ไม่สมควร (อย่าลืมว่าเราเป็นระบบทุนนิยม อาศัยกลไกตลาด อาศัยการแข่งขัน หากไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อในโอกาสต่อไป) แต่ผู้ขายจะขายสินค้าเกินราคาที่แสดงไว้ไม่ได้ (ย้ำว่า “ราคาที่แสดง” โรงพยาบาลอาจจะกำหนดราคาขึ้นเองใหม่ก็ได้) ดังนั้นประเด็นนี้จึงมีความเห็นว่า หากเจ้าของกระทู้ไม่พอใจ ก็ควรไม่ใช้บริการจากโรงพยาบาลแห่งนั้น เพราะเจ้าของกระทู้มีสิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 4(2) หวังว่าเราคงไม่ได้เข้าใจประเด็นของเจ้าของกระทู้คลาดเคลื่อน หากจะมองในแง่ดีหน่อยก็ต้องมองว่า ราคาที่จ่ายสูงนั้นนอกจากจะได้รับบริการที่รวดเร็วทันใจ และบริการที่ดีแล้ว ยังเป็นการลดการว่างงานของประชากรในประเทศ เพราะราคาที่สูงกว่าย่อมจะทำให้เกิดการจ้างงานที่มากขึ้น ทำให้รัฐลดภาระในการช่วยเหลือคนตกงาน เป็นการช่วยประเทศไทยด้วยนะ อ้อ ลืมบอกไปว่ากฎหมายทั้งหลายทั้งปวง “มักจะ”ยกเว้นหน่วยงานของรัฐด้วยกัน จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ - [ วันฉัตรมงคล 01:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 2. ประเด็นเรื่องราคายา หรือราคาค่าบริการเป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือไม่ ...และยารักษาโรคเองนั้นจะต้องแสดงราคาขายปลีกในลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย ในกรณีที่สภาพของสินค้าหรือการให้บริการไม่สามารถแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการไว้ที่สินค้าที่จำหน่ายหรือสถานที่ที่ให้บริการ หรือบริเวณใกล้เคียงสินค้านั้นได้ ให้จัดทำบัญชีแสดงรายการสินค้าหรือบริการ พร้อมทั้งแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการ และจัดให้มีไว้ในที่ที่เปิดเผยซึ่งผู้บริโภคสามารถดูได้... ถ้าไม่มองในมุมที่มีราคาแปะอยู่บนตัวผลิตภัณฑ์นะคะ เรามองว่า โรงพยาบาลของรัฐเอง ก็ไม่ได้มีราคายาแสดงให้ผู้ป่วยเห็นในที่ๆเปิดเผยเช่นเดียวกัน ในกรณีนี้ขออ้างถึงโรงพยาบาลที่พ่อกะแม่เราทำงานอยู่นะคะ คือจะให้มาติดประกาศว่ายาแต่ละตัวราคาเท่าไหร่ให้ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยทราบ เราว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่นะคะ  เพราะยาในโรงพยาบาลมีเป็นร้อยๆตัวยา  เท่าที่เราทราบมาคือ ราคายาแต่ละตัว จะอยู่ที่ห้องจ่ายยา ซึ่งตอนนี้ไม่ทราบว่าโรงพยาบาลแห่งนั้นเก็บข้อมูลราคายายังไงนะคะ คาดว่าจะมีทั้งแฟ้มเก็บราคายา และข้อมูลราคาในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งพอคีย์ชื่อยาและปริมาณลงไปก็คำนวณราคาให้หมด  และยอดค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะไปปรากฎบนหน้าโปรแกรมรับเงินของห้องการเงิน   เมื่อเจ้าหน้าที่การเงินกรอก HN ผู้ป่วยลงไปหลังจากได้ใบสั่งยามาจากห้องยาแล้ว ยอดเงินจะยังไม่ถูกต้องทั้งหมด เจ้าหน้าที่การเงินจะต้องทำการ add รายการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าห้อง ค่าเวชภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ยา ค่าบริการต่างๆ ซึ่งตรงส่วนราคาค่าบริการที่เกิดขึ้น ทางห้องการเงินจะมีรายการและราคาแปะไว้สำหรับจ้าหน้าที่ ถ้าผู้ป่วยสงสัยสามารถสอบถามได้   และเมื่อทำการเพิ่มรายการเรียบร้อยแล้วก็จะสั่งพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน ซึ่งในใบเสร็จรับเงินก็จะมีแบบฟอร์มคล้ายๆกับโรงพยาบาลเอกชนนั่นแหละค่ะ  คือ ค่ายาที่รวมมาหมดแล้ว ค่าบริการทางการแพทย์/พยาบาล ค่าห้อง ค่าเวชภัณฑ์อื่นๆที่มิใช่ยา เฉกเช่นกับโรงพยาบาลเอกชนทั่วไป ถ้าเจ้าของกระทู้จะอ้างว่า ในใบเสร็จรับเงินของโรงพยาบาลเอกชน หมกเม็ดค่ายา ไม่แจงรายละเอียดว่า ยาตัวนั้นราคาเท่านั้น ยาตัวนี้ราคาเท่านี้  แล้วโรงพยาบาลของรัฐล่ะคะ  ไม่หมกเม็ดหรือคะ  เรานั่งปริ๊นใบเสร็จให้แม่บ่อยๆ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ป่วยคนนี้ได้รับยาอะไรไปบ้าง  อยากรู้ต้องไปดูในใบสั่งยาค่ะ ไม่ใช่ใบเสร็จรับเงิน ถ้าเป็นอย่างนี้  ต่างกันตรงไหนคะ  ในเรื่องหมกเม็ด ก็เหมือนๆกัน  ต่างกันที่ ราคายาแค่นั้นเอง จากคุณ : มิสพรหล้า - [ วันฉัตรมงคล 01:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอแจมด้วยคน ล่าสุดพึ่งไป รพ.มา  เพราะมีอาการไอ  ไม่เจ็บคอ ไม่เสมหะ เข้าไปตรวจ ไม่ถึง 2 นาที   ออกมาจ่ายไป เกือบ 1400.- ค่าหมอ 350.-  ค่ายา900 กว่า  ที่เหลือเป็นค่าอุปกรณ์ ฯลฯ ไอ้ที่ว่าแพงไม่ได้ว่าหรอกครับ  เพราะเข้าไปเอกชน ทำใจแล้ว  แต่ทำไมต้องยัดยาแก้ปวด แก้แพ้มาด้วย  ทั้งๆที่ก่อนน่าก็แจ้งหมอ ตรวจแล้วว่า  แพ้ยาอะไร  และไม่มีไข้  ส่วนยาแก้เจ็บคอที่เหมือน สเต็บซิล  ผมก็เข้าใจว่า บางทีผมก็อาจจะเจ็บคอ   ที่ไม่เข้าใจจริงๆ คือ ยัดยาแก้ปวด และยาแก้แพ้มาทำไม? จากคุณ : close2heaven - [ วันฉัตรมงคล 02:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรายินดีจ่ายนะ บริการเค้าก็ดีจริงๆ หน้าตายิ้มแย้มด้วย จากคุณ : emilija - [ วันฉัตรมงคล 02:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าสิทธิในการคิดราคายาเป็นของโรงพยาบาล สิทธิในการเลือกที่จะขอใบสั่งยาจากแพทย์แล้วไปซื้อเองก็เป็นของเรา ถูกไหมครับ? จากคุณ : คุณเจน - [ วันฉัตรมงคล 09:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โทรไปถาม รพ. "แผนกห้องยา" เลยครับ ถาม ห้องยาของรพ. ว่า จะซื้อยา .... ราคาเท่าไหร่ คงได้คำตอบของ "ราคาค่ายา" จากคุณ : Archarn Chan - [ วันฉัตรมงคล 10:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ต่อไปจะสงสัยอีกป่าวว่า ค่าบริการที่อยู่ในใบเสร็จ ประกอบด้วยค่าบริการอะไรบ้าง -*- --------------------------------- เห็น ราคา ค่ารักษาของ #46 แล้ว หงายหลังเลย ฝากนิดนึง นะคะ เดี๋ยวนี้ สถานบริการของรัฐ เค้าพัฒนาขึ้นจากเดิมเยอะแล้วนะคะ -------------------------------- ปล. ใครจะว่า เราเป็นหน้าม้า รพ.รัฐ รึเปล่า เนี่ยะ จากคุณ : sakurasato - [ วันฉัตรมงคล 10:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผมสงสัยอีกเรื่องแหล่ะ ทำไมยา ร.พ. รัฐถึงให้ยาไม่เหมือนกัน แม้จะ ร.พ. เดียวกัน รักษาใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าจ่ายยา GPO รักษาแบบจ่ายเงินเอง จ่ายยามียี่ห้อ ต่้างประเทศ แต่ตัวยาเดียวกันเป๊ะ อารมณ์ประมา๊ณรักษาฟรีฉันจ่ายยาพารา GPO จ่ายยาแพ้ CPM  รุ่นผลิตในประเทศ   รักษาเสียตังฉันจ่ายพาราไทลินอล จ่ายยายาแก้แพ้เม็ดละยีสิบ (แบบที่ซื้อราคาขายยาข้างนอก) อย่างพวก Clarinase + ยาพ่นหลอดละพันสองพัน นี่แค่ ร.พ. รัฐนะ อยากจะถามกรณีที่หมอสั่งจ่ายยามา ถ้าเราไปบอกห้องจ่ายยาว่า ขอเป็นยา GPO หรือยาองค์การเภสัชกรรมจะได้รึเปล่า ทุกวันนี้ไปหาหมอ ร.พ.รัฐ พาญาติไปหาหมอไม่สบาย ค่ายานี่เดือนนึงเป็นหมื่นๆ จะตายเอา คนจนนี่ไม่มีสิทธิป่วยเลยใ่ช่ไหม แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 11:15:56 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ - [ วันฉัตรมงคล 11:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อธิบายเพิ่มเติมต่อจากความคิดเห็นที่ 44 1. ใบสำคัญรับเงิน (ใบเสร็จ) ต้องแสดงรายละเอียดราคาทั้งหมดหรือไม่ ไม่จำเป็น เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุให้ทำเช่นนั้น แต่ที่มักจะแสดงเพื่อความโปร่งใส สะดวกในการตรวจสอบ อีกทั้งกฎหมายเพียงแต่ให้แสดงราคาขายปลีกในลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนและเปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย ในกรณีที่สภาพของสินค้าหรือการให้บริการไม่สามารถแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการไว้ที่สินค้าที่จำหน่ายหรือสถานที่ที่ให้บริการ หรือบริเวณใกล้เคียงสินค้านั้นได้ ให้จัดทำบัญชีแสดงรายการสินค้าหรือบริการ พร้อมทั้งแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการ และจัดให้มีไว้ในที่ที่เปิดเผยซึ่งผู้บริโภคสามารถดูได้ (ประเด็นเรื่องการแสดงราคาสอดคล้องกันทั้ง พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542) ตัวอย่างเพิ่มเติม เช่น ห้างสรรพสินค้าก็ไม่จำเป็นต้องติดราคาที่สินค้าทุกตัว แต่อาจจะติดราคาสินค้าไว้บนชั้นวางของ หรือมีหนังสือแสดงรายการสินค้า (ลดราคา) ก็ได้ ตัวอย่างเอกสารอ้างอิง               1. กฎกระทรวงว่าด้วยการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสถานพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลอัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการและสิทธิของผู้ป่วย พ.ศ. 2545 (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/00099804.PDF)   2. ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง การแสดงราคาสินค้าและค่าบริการ ปี 2551 (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/036/26.PDF ) 2. โรงพยาบาลของรัฐจำเป็นต้องแสดงราคาสินค้าหรือบริการหรือไม่ ไม่จำเป็น ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 5 “มาตรา 5  พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่สถานพยาบาลของกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลอื่นซึ่งรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา” ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรา 32(3) ซึ่งผู้รับอนุญาตต้องแสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการและสิทธิของผู้ป่วยที่สถานพยาบาลต้องแสดงตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง แต่หากต้องการมีมาตรฐานเหนือกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้จะทำก็ได้ (ทำนองว่า โปร่งใส ตรวจสอบได้) 2. พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 5 “มาตรา ๕  พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น หรือกิจการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง” 3. พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 “มาตรา 21 ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการใดได้บัญญัติเรื่องใดไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้นำบทบัญญัติในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ซ้ำหรือขัดกับบทบัญญัติดังกล่าว...” แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 11:24:52 จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ - [ วันฉัตรมงคล 11:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาตอบในส่วนของโรงพยาบาลเพิ่มเติมครับ คห. 33 คุณ Audy กิยข้าวโรงแรม ยังเปิดเมนู ดูก่อนสั่งได้ ซ่อมรถ ในศูนย์บริการก็ยังต้องแจ้งราคา ก่อนสั่งซ่อม แต่โรงพยาบาล หาหมอ สั่งยา เม็ดละกี่บาท จะรู้ก็ตอนชำระเงินแล้ว ไม่เหมือนกัน ------ เอกชนบางแห่ง -คิดค่าหมอ -คิดค่าพยาบาล -คิดค่าดำเนินการแล้ว ยังมาบวกค่ายาอีก บางตัวเป็นยาธรรมดา ก็สั่งยี่ห้อต้นตำหรับตัวแม่มาขาย ราคาต่างกันหลายสิบเท่า บางที โรคธรรมดา หมอก็สั่งพารา น้ำเกลือแร่ ถุงละหลายสิบบาทมาให้ซะงั้น ----- จริงๆ มันควรเป็นสิทธิของคนไข้ ทีจะเลือกซื้อยาจากโรงพยาบาลหรือไม่ก็ได้ รวมถึง กรณีคนไข้ใน ก็สามารถนำยาที่ทานเป็นประจำ โดยไม่เกี่ยวกับโรคที่เข้าตรวจรักษา มาทานได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อจากโรงพยาบาล จากคุณ : audy - [ 4 พ.ค. 52 21:22:43 ] ตอบทีละส่วน 1. การรับยาจากโรงพยาบาลนั้น เป็นหนึ่งในการ ประกันคุณภาพการรักษา ครับ การที่ยาต้องผ่านห้องยาเพราะ     - เภสัชกรไม่ใช่หุ่นไล่กาที่ทำหน้าที่หยิบยาส่งให้คุณ แต่เภสัชกรต้องป้องกันความผิดพลาดใดๆ ที่อาจะเกิดจากแพทย์ ทั้งในแง่การรักษา ว่าแพทย์สั่งใช้ถูกต้องเหมาะสมกับโรคหรือไม่ ยานั้นเหมาะสมไหม ยาสองตัวที่แพทย์จ่ายไปเป็นปัญหาหรือไม่     - ห้องยาทำหน้าที่ในการดูแลควบคุมการเก็บรักษายาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีการตรวจสอบกระบวนการเก็บรักษา เพื่อรับประกันว่า ยาที่ถึงมือคุณ จะได้รับคุณภาพใกล้เคียงกับ 100% ที่สุด     - ประวัติต่างๆ เช่นการใช้ยาเดิมของคุณ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรค อยู่ในแฟ้มประวัติ ซึ่งเภสัชกรจะทำหน้าที่สอบทวนจากการรักษาของแพทย์ครับ ทั้งหมดนี้เพื่อให้การรักษาใกล้เคียงกับ 100% เท่าที่จะทำได้ 2. การคิดค่าแพทย์ ค่าพยาบาล ค่าดำเนินการแล้วแต่อย่าลืมครับว่า...     - ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น เอาแค่ค่าเก็บรักษายา ค่าเภสัชกร ก็มหาศาลแล้วครับ     - มันมีรายละเอียดมากมาย เกี่ยวกับคลังมาตรฐานของโรงพยาบาล ว่าต้องมีระบบอะไรบ้าง ที่จะทำให้ยาที่คุณได้รับนั่น ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ ตั้งแต่กระบวนการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น การป้องกันสัตว์เช่นแมลงต่างๆ ระบบสำรองไฟฟ้า เืพื่อให้เครื่องปรับอากาศและตู้เย็นทำงานได้ตลอดเวลา ตู้เย็นที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งไม่ได้ทำงานแค่ตั้งอุณหภูมิ แต่ยังมีระบบเตือนเมื่อมีปัญหาอีกด้วย ยังไม่รวมค่าสร้างคลังยาแบบมาตรฐานนะครับ     - นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกเพียบเลยครับ 3. การเลือกยานั้น เป็นส่วนหนึ่งของการทำกำไรครับ จะบอกว่า ยา original แพงๆ น่ะ รพ. ได้กำไรน้อยมากครับ ที่ได้กันเยอะๆ น่ะ คือยาที่เป็นยาผลิตในประเทศที่คุณคิดว่าถูก เอาตัวอย่างจริงๆ ชัดๆ อย่าง Tylenol รพ. เอกชนอาจจะได้กำไรแผงละ 10 - 15 บาท (ต้นทุึนยาในรพ. เอกชน ตกเกือบๆ 7 บาท) แต่ถ้าเอาพาราของใน ต้นทุนจะเหลือเพียง 1-2 บาท ขาย 15 บาท กำไรก็ยัง 10 กว่าบาท แต่รู้ไหมครับ รพ. รัฐบางแห่งนั้น ได้ Tylenol มาในราคาแผงละ 2-3 บาทเท่านั้น!!! ---------------------------------------------------------------------------------- คห. 37 ปกติเราเข้าโรงพยาบาลของรัฐเพราะใช้สิทธิ์เบิกตรงของ ข้าราชการ  แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วปวดศีรษะรุนแรงและมีไข้สูง  ก็เลยไปโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน เรื่องค่ายาแพงไม่ค่อยติดใจเท่าไหร่ค่ะ แต่ ไม่ชอบใจที่พยาบาลเข้ามาบ่อยมาก ๆ  บางครั้ง 20 นาที ผู้ป่วยเพิ่งจะหลับก็ต้องตื่น  และทำเอาคนเฝ้าไข้ไม่ได้หลับได้นอน  พาลจะกลายเป็นคนป่วยไปอีกคน เราอยากให้ทีมพยาบาลเข้ามาพร้อม ๆ กันน่ะค่ะ  จะเจาะเลือด  วัดไข้  วัดความดัน ถามจำนวนครั้งที่ฉี่ / อึ  ดูระดับน้ำเกลือ  เช็ดตัว  ให้ยา ฯลฯ  แบบว่าเข้ามาทีเดียวเลย  เสร็จแล้วผู้ป่วยจะได้พักผ่อนต่อเนื่องได้นานหน่อย  (ก่อนที่คุณหมอผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน (หลายคน)  และทีมแม่บ้านทำความสะอาดจะเข้ามาอีก) จากคุณ : dreamin - [ 4 พ.ค. 52 21:59:27 ] ตอบในส่วนนี้ก็คือการดูแลต้องทำเป็นรอบเวลาครับ และต้องเรียนตรงๆ ว่ารพ. เอกชนยังขาดแคลนบุคลากรอยู่ ทำให้พยาบาลต้องเวียนกันทำงานครับ แต่ส่วนใหญ่จะเฉลี่ยที่ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรฐานการติดตามดูแลผู้ป่วยของทางการพยาบาลอยู่แล้ว ส่วนแพทย์และบุคลากรอื่นๆ นั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้สะดวกในการมาดูแลผู้ป่วยพร้อมกันครับ :) ---------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 40 จริงๆแล้วค่าใช้จ่ายๆอื่นๆควรจะอยู่ในค่าบริการ ไม่ใช่เอามาแฝงกับค่ายา จากคุณ : ม้าหงอย ค่ายาเป็นกำไร อย่างเเดียว ของโรงพยาบาลครับ ซึ่งแปลว่าทุกอย่างที่ต้องจ่ายให้กับการจัดการ อยู่ในนี้ เหมือนกับคุณไปกินอาหารโรงแรมแล้วมีการคิด service charge เพิ่ม แต่ถามว่า ไอ้ค่าอาหารก่อน service charge นั้น มันบวกค่าจัดการอื่นๆ หรือยังครับ??? แน่นอนครับ มันบวกอยู่แล้ว service charge เอาไปจ่ายให้เชฟ พนักงานบริการ แต่กำไรในค่าอาหาร เราเอาไปจ่ายให้คนที่ทำงานในแผนกรปภ. แผนกรับสินค้า แผนกสั่งซื้อ ฯลฯ ที่ไม่ได้ผลประโยชน์จาก service charge ครับ เช่นเดียวกันกับโรงพยาบาล คุณจะเห็นว่ามีค่าแพทย์ ค่าพยาบาล แปลตรงตัวครับว่าคนอื่นที่ไม่ใช่แพทย์และพยาบาลจะไม่ได้เงินตรงนี้ แล้วจะเอาเงินตรงไหนมาจ่ายหละครับ :) ---------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าสิทธิในการคิดราคายาเป็นของโรงพยาบาล สิทธิในการเลือกที่จะขอใบสั่งยาจากแพทย์แล้วไปซื้อเองก็เป็นของเรา ถูกไหมครับ? จากคุณ : คุณเจน - [ วันฉัตรมงคล 09:19:50 ] ถูกครับ แต่อย่างที่เรียนไว้ด้านบนเรื่องการประกันคุณภาพนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง การตรวจกับแพทย์แล้วไม่รับยา เท่ากับรพ. ไม่ได้อะไรเลยครับ คิดดูว่าถ้าคุณสร้างตึกแถวให้คนมาขายของ แต่ไม่เก็บค่าเช่าเลย จะเกิดอะไรขึ้น?? รพ. ย่อมอยู่ไม่รอดครับ หลายๆ โรงพยาบาลเจ๊งไปเพราะเหตุนี้ครับ จากคุณ : Epinephrine - [ วันฉัตรมงคล 11:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผมสงสัยอีกเรื่องแหล่ะ ทำไมยา ร.พ. รัฐถึงให้ยาไม่เหมือนกัน แม้จะ ร.พ. เดียวกัน รักษาใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าจ่ายยา GPO รักษาแบบจ่ายเงินเอง จ่ายยามียี่ห้อ ต่้างประเทศ แต่ตัวยาเดียวกันเป๊ะ อารมณ์ประมา๊ณรักษาฟรีฉันจ่ายยาพารา GPO จ่ายยาแพ้ CPM  รุ่นผลิตในประเทศ   รักษาเสียตังฉันจ่ายพาราไทลินอล จ่ายยายาแก้แพ้เม็ดละยีสิบ (แบบที่ซื้อราคาขายยาข้างนอก) อย่างพวก Clarinase + ยาพ่นหลอดละพันสองพัน นี่แค่ ร.พ. รัฐนะ อยากจะถามกรณีที่หมอสั่งจ่ายยามา ถ้าเราไปบอกห้องจ่ายยาว่า ขอเป็นยา GPO หรือยาองค์การเภสัชกรรมจะได้รึเปล่า ทุกวันนี้ไปหาหมอ ร.พ.รัฐ พาญาติไปหาหมอไม่สบาย ค่ายานี่เดือนนึงเป็นหมื่นๆ จะตายเอา คนจนนี่ไม่มีสิทธิป่วยเลยใ่ช่ไหม แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 11:15:56 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ - [ วันฉัตรมงคล 11:10:20 ] ปัญหาหนึ่งคือปัจจุบันรพ. รัฐต้องดูแลตัวเองครับ เพื่อทำให้ภาษีของประชาชนคุ้มค่าที่สุด เช่นการขายยาที่สามารถขายได้ ให้กับผู้ที่จ่ายเงินเอง เป็นการแสวงหาผลกำไรอย่างหนึ่ง และการเลือกใช้ยาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพดีนั้น ประกันสังคมหรือ 30 บาท คงทำได้ไม่สะดวกนั้น เพราะหมายถึงเงินของรพ. ที่ได้มาหัวละไม่กี่บาทต่อปี จะต้องหายไปทันที เราเลยเลือกใช้ยาที่มีผลการรักษาเท่ากันแทน แต่มีราคาถูกกว่าครับ เช่นยาลดไขมัน หากจ่ายเองคุณอาจจะได้รับ atorvastatin ซึ่งราคามหาโหด แต่ถ้าใช้บัตรทอง จะได้แค่ simvastatin ซึ่งเป็นยาที่มีของในประเทศ และราคาถูกมาก จากคุณ : Epinephrine - [ วันฉัตรมงคล 11:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณ คุณ Epinephrine ที่สละเวลามาแชร์ความรู้ครับ ผมเห็นด้วยในบางจุด แต่ไม่เห็นด้วยทั้งหมดครับ โดยเฉพาะเรื่อง "การรับประกันคุณภาพการรักษา" ผมคิดว่าการซื้อยาจากโรงพยาบาลโดยตรง โรงพยาบาลรับประกันเฉพาะ"คุณภาพของยา"เท่านั้น ส่วนคนไข้จะหายหลังจากเข้ารับการรักษาหรือไม่นั้น คงยากที่จะรับประกันได้ ----- ผมเป็นผู้ป่วยโรงพยาบาลรัฐ มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลและค่ายาได้ วันหนึ่งมีเหตุต้องผ่าตัดฉุกเฉินในโรงพยาบาลเอกชน ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ -ทานยาที่นำมาจากบ้าน -เป็นยาที่ต้องทานเป็นประจำเพื่อรักษาโรคประจำตัว -เป็นยาที่ออกจากห้องยาของโรงพยาบาลระดับมหาวิทยาลัยแพทย์ -เป็นยาที่สั่งโดยแพทย์คนเดียวกันกับที่ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นด้วย โดยจำต้องทานยาที่ออกจากห้องยาของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นเท่านั้น -ทั้งที่เป็นยาที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคที่เข้าไปรักษา -ทั้งที่เป็นยาตัวเดียวกัน (ยี่ห้อเดียวกันด้วยซ้ำ) -ทั้งที่คนไข้มียาตัวนั้นอยู่แล้ว โดยอ้างเหตุผลเรื่องของการประกัน "คุณภาพการรักษา" เหตุผลจริงๆ คงเป็นเรื่องการกำไรจากการขายยา คือรายได้หลักหนึ่งของโรงพยาบาลนั้นเอง ตามที่คุณ Epinephrine แจ้ง ----- ผมเห็นด้วยว่า ถ้าโรงพยาบาลมีสิทธิจะคิดค่ายาได้โดยไม่ต้องมีการควบคุมจากหน่วยงานใด (เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้) ถ้าคนไข้มีสิทธิปฏิเสธไม่รับการรักษา คนไข้ก็ควรมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับยาจากโรงพยาบาลนั้น แต่ขอทราบชื่อยาและจำนวนยาตามที่แพทย์สั่ง ทั้งนี้เพราะคนไข้ได้ชำระ -ค่าแพทย์ -ค่าพยาบาล -ค่าดำเนินการ (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ายาม ค่าคนทำความสะอาด ค่าที่จอดรถ) ไปเรียบร้อยแล้ว ----- ขอบคุณครับ จากคุณ : audy - [ วันฉัตรมงคล 12:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มาเพิ่มเติมจากความเห็นของคุณ Epinephrine ข้างบน ถ้าคุณต้องการยา GPO คุณแจ้งห้องยาได้ค่ะ   มีประกันสังคมแต่ไม่เคยไปใช้เลย อาจเป็นเพราะไม่อยากเสียเวลาและค่ายาก็ไม่มากพอแบกภาระไหว เป็นคนหนึ่งที่ยาลดไขมันตัวที่คุณ Epinephrine กล่าวถึง ปกติก็ทาง Local made มาตลอดค่ายารวมยาตัวอื่นสำหรับสามเดือนก็พันนิดๆมาตลอด ครั้งล่าสุด ไปจ่ายเงินสะดุ้งเลย ห้าพันกว่าบาทค่ะ สงสัยว่าทำไมเลยขอดูใบสั่งยาปรากฏว่ายาเท่าเดิมเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ยาไขมันเที่ยวหมอดันเขียน R ห้องท้ายซึ่งความหมายทางเภสัชมันคือยาต้นตำรับ สงสัยชวนหมอคุยเพลินไปหน่อย แล้วหมอก็เพิ่งรู้ว่าที่แล้วๆมาเบิกไม่ได้ค่ะ  สรุปก็ขอเปลี่ยนเป็นยาในประเทศและค่ายาก็เหลือเท่าที่เคยจ่ายนั่นแหละค่ะ โรงพยาบาลรัฐ หมอรู้จักกัน คิดว่ไม่ได้จงใจจะให้ตัวแพงเพราะไม่เคยให้ แต่คุยเพลินมือพาไปมากกว่า โดยส่วนตัวแล้ว ยาตัวเดียวกัน ถ้าราคาต่างกันแล้วไม่มีรายงานผลการวิจัยว่าประสิทธิผลที่ได้แตกต่างจะใช้ยาผลิตในประเทศเสมอค่ะ ยิ่งถ้าราคาต่างกันมากแต่ประสิทธผลต่างกันแต่ไม่มาก ก็ยังใช้แบบที่ผลิตจากในประเทศค่ะ แล้วขอบอกผลเผื่อสมาชิกเข้ามาอ่านจะได้มั่นใจในยาที่ผลิตในประเทศเพิ่มขึ้นว่า ยาsimvastatin มันช่วยลดคลอเรสโตรอลได้ดีไม่ต่างจากยานอกเลยค่ะ จากเกือบสามร้อยตอนนี้อยู่ที่ 170 และไขมันเลวจาก 180 เหลือต่ำกว่า 100 โดยใช้ในขนาดที่ต่ำสุดแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 12:50:01 จากคุณ : Alone with out lonely - [ วันฉัตรมงคล 12:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ใจคอจะเอาบริการที่ดีอย่างเดียว ไม่อยากจ่ายเงินว่างั้น ประเด็นของ จขกท. ก็คือ อยากให้ทางโรงพยาบาลพิมพ์ชื่อยาให้ ซึ่ง "กฏหมายไม่ได้บังคับ และหลายๆคนไม่เห็นว่ามันจำเป็น" แต่อยากถามอย่างนึงครับว่า ไอ้ซองยาที่เขาให้มามันไม่ได้พิมพ์ชื่อยาหรือยังไง ยังไงก็รู้ชื่อยาอยู่แล้ว ร้านยาทั่วประเทศไทย สามารถหาซื้อยาพวกนั้นได้อยู่แล้วแหละ แล้วมันก็จะกลับเข้าไปสู่วังวนเดิมๆ ก็คือ คนไข้ไม่ยอมมาหาหมอ เอาแต่ซื้อยากินเอง เรื่องการแจกแจงราคา ก็แล้วแต่จะคิดละกันครับ โรงพยาบาลเอกชนไม่อยากจะแจกแจงอยู่แล้ว เพราะรู้อยู่แล้วครับว่าแจกแจงไปโดนบ่นแน่ๆ เพราะมันแพงมากๆ ทั้งๆที่จริงๆแล้วค่ายานั้นรวมถึงค่าบริหารจัดการอื่นๆด้วย(ร้านอาหารเวลาเขาคิดค่าอาหาร เขาก็รวมค่าบริหารจัดการอื่นๆด้วย) หรือจะให้ทางโรงพยาบาลออกใบเสร็จอย่างนี้ครับ -ค่าทำบัตร -ค่าพนักงานต้อนรับ -ค่าเก้าอี้นั่ง -ค่าแอร์ -ค่าห้องตรวจ -ค่าจ้างพนักงานทำความสะอาด -ค่าตกแต่งภายใน -ค่าเก้าอี้หมอ -ค่าโต๊ะเขียนงานหมอ -ค่าไฟฟ้า -ค่ากระดาษ OPD card, ใบสั่งยา -ค่าระบบคอมพิวเตอร์คำนวนราคายา -ค่าดูแลห้องน้ำ ฯลฯ มันก็คงจะตลกและไม่มีใครรับได้ ซึ่งจริงแล้วมันรวมอยู่ในค่ายานั่นแหละ จากคุณ : Umiki - [ วันฉัตรมงคล 13:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แม่ไปรพ.รัฐมาหลายปี เบิกได้ ไม่เสียตังค์ แต่ไม่หาย มีคนแนะนำไป รพ.เอกชนที่มีหมอฌแพาะทาง เสียไปหมื่นเดียว หายปกติ แบบนี้แหละที่เรีกยว่าแตกต่างและยินดีจ่าย จากคุณ : @Server ! maN@ - [ วันฉัตรมงคล 13:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อืม... ผมว่า ..เรื่องไม่สบายเนี่ยมันห้ามกันไม่ได้ ... แต่ เราเลือกโรงพยาบาลได้ไม่ใช่เหรอครับ  - -* ถ้ากลัวแพงไป รัฐบาลก้อได้ ถ้าไม่กลัวเอาสะดวก ไป เอกชน คิดแบบนี้สบายใจกว่า ที่จะมาบอกว่า ที่ไหนดี ที่ไหนไม่ดีนะฮะ จากคุณ : vn, man - [ วันฉัตรมงคล 13:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 60 @ Umiki อ่านแล้วก็แปลได้ว่า เงินที่จ่ายค่ายา ในโรงพยาบาลเอกชน คือเงินที่ต้องจ่ายค่า -ค่าทำบัตร -ค่าพนักงานต้อนรับ -ค่าเก้าอี้นั่ง -ค่าแอร์ -ค่าห้องตรวจ -ค่าจ้างพนักงานทำความสะอาด -ค่าตกแต่งภายใน -ค่าเก้าอี้หมอ -ค่าโต๊ะเขียนงานหมอ -ค่าไฟฟ้า -ค่ากระดาษ OPD card, ใบสั่งยา -ค่าระบบคอมพิวเตอร์คำนวนราคายา -ค่าดูแลห้องน้ำ ----- ไม่เข้าใจว่า การเรียกร้องความโปร่งใส ของเจ้าของกระทู้ ในฐานะคนไข้ ว่าเงินที่จ่ายเป็นค่ายานั้น เป็นค่ายาแต่ละตัวเท่าไหร จะก่อให้เกิดความเสียหายตรงไหน ทั้งๆที่หลายคำตอบก็ยอมรับว่าค่ายา นั้นมีค่าใช้จ่ายอื่นของโรงพยาบาลแอบแฝงอยู่ และไม่น่าจะจบด้วยการสรุป อย่างนี้เลย "ใจคอจะเอาบริการที่ดีอย่างเดียว ไม่อยากจ่ายเงินว่างั้น" ----- ถามว่า ถ้าไม่เรียกร้องซึ่งการเปลี่ยนแปลง การเปิดเผยชื่อยาสามัญ จากยาที่จ่ายตามโรงพยาบาลหรือคลีนิกเอกชนในปัจจุบัน จะเกิดขึ้นได้อย่างนั้นหรือ ----- คนไข้ ควรได้การศึกษา โดยเริ่มต้นจากการเปิดเผยข้อมูล เช่น -ยาที่ได้ ชื่้อสามํญคืออะไร -ราคายาแต่ละตัว ราคาเท่าไหร -ราคายาต้นตำรับ กับยาในประเทศราคาเท่าไหร -ยาต้นตำรับที่ได้ มียาในประเทศทดแทนได้ไหม ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดูแลตัวเองในอนาคต หรือเพื่อเปรียบเทียบในการใช้บริการครั้งต่อๆไป ถ้าใบเสร็จจะพิมพ์ออกมาว่า วินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไร ได้รับยาอะไร ชื่อสามํญคืออะไร ทานวันละกี่ครั้ง ราคายาแต่ละตัวราคาเท่าไหร ด้วยระบบฐานข้อมูลในปัจจุบัน เรื่องดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่ ไม่ยินดีจะทำเท่านั้นเอง จากคุณ : audy - [ วันฉัตรมงคล 13:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบคุณ audy เพิ่มครับ มาตรฐานวิชาชีพเภสัชกรรม จำเป็นต้องระบุชื่อยาอยุ่แล้วครับดังนั้น ยาที่ผ่านรพ. หรือร้านยาที่มีเภสัชกร จะมีตรงนี้ แต่ถ้าคุณไปร้านพวกที่ไม่ใช่เภสัช หรือคลินิก คุณจะเสียตรงนี้ไปทันทีครับ หมอคลินิกบางที่ อย่าว่าแต่ให้คนไข้รู้ตอนกินเลย ขนาดแพ้ยาจนจะตาย ยังไม่ยอมบอกชื่อเลยครับ 2. ยาแต่ละตัวราคาเท่าไหร่สามารถสอบถามได้ครับ ถ้าผู้ป่วยไม่ถามก็ไม่มีความจำเป็นต้องบอกครับ เปลืองโดยเปล่าประโยชน์ เรื่องราคานี่มัน sensitive ครับ มันไม่ได้มีประเด็นแค่มิติผู้บริโภคครับ ยาบางตัว เช่น morphine pethidine codeine ซึ่งเป็นยาเสพติด และมีคนมาหลอกให้รพ. ฉีดให้เป็นประจำนั้น เราจะมีการตั้งกำแพงราคาครับ บางที่อาจจะบวกไปถึง 400% ของราคาทุน หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะยาพวกนี้จริงๆ ต้นทุนต่ำมากกกกกกกก การเปิดเผยราคา มันจะเป็นการดึงพวกติดยามาที่รพ. ครับ หลายๆ ที่ประสบปัญหานี้อยู่ อย่างรพ. ที่ผมดูแล ก็ตั้งกำแพงสูงมาก จนตัดปัญหาพวกนี้ไปได้เกือบ 100% และเป็นอย่างที่ท่าน Umiki ว่าครับ มันจะกลับมาที่การซื้อยากินเองและไม่มีการตรวจติดตามอย่างเป็นระบบ ปัญหาใหญ่สุดของระบบสาธารณสุขบ้านเราครับ ดังนั้น ข้อมูลที่คุณจะได้รับเมื่อรับยาคือ 1. ชื่อการค้ายาและชื่อสามัญทางยา ซึ่งอยู่ติดที่ซองยา 2. วิธีการใช้ยา 3. ข้อควรระวังที่จำเป็น 4. การวินิจฉัย ซึ่ง 2-4 เป็นหน้าที่ของเภสัชกรที่จะต้องอธิบายให้คุณทราบ หากมีการทำการสรุปอย่างที่คุณ audy ว่า เอกสารฉบับนั้น จะมีลักษณะคล้ายกับใบสั่งแพทย์ (Prescription) ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบสาธารณสุขแน่นอนครับ จากคุณ : Epinephrine - [ วันฉัตรมงคล 14:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณ คุณ Epinephrine  อีกครั้งครับ ----- ผมอ่านแล้วก็เหมือนเป็นปัญหางูกินหาง 1. เราไม่อยากให้คนไข้ ซื้อยาทานเอง จากร้านขายยาโดยไม่ต้องปรึกษาแพทย์ 2. แต่ขณะเดียวกัน ยาที่ขายในโรงพยาบาลเอกชน ก็มีราคาสูง ไม่สามารถควบคุมราคาได้ ไม่เปิดเผยราคา (รวมถึงโรงพยาบาลรัฐด้วย ที่ตั้งราคาไว้สูง เพื่อขายกับข้าราชการที่สามารถเบิกตรงได้) 3. คนไข้ก็หันมาซื้อยาจากร้านภายนอกโรงพยาบาลอยู่อย่างเดิม ----- ผมไม่เห็นด้วยในบางประเด็นครับ 1. การเปิดเผยราคายา กับการตั้งราคายาไม่ใช่เรื่องประเด็นเดียวกันครับ โรงพยาบาลสามารถตั้งราคายาได้สูง (ไม่ว่าด้วยเหตุผลเรื่องกำไร หรือเพื่อป้องกันการซื้อยาไปผิดใช้ผิดวัตถุประสงค์) แต่ควรจะบอกได้ว่ายาแต่ละชนิด มีราคาเท่าไหร 2.  การป้องกันคนไข้ซื้อยา (อันตราย) กินเองและไม่มีการตรวจติดตามอย่างเป็นระบบ อยู่ที่การควบคุมร้านยา การควบคุมเภสัชกร มากกว่า การออกใบสั่งยา (Prescription) ไม่น่าเป็นผลเสีย หากการควบคุมดังกล่าวสามารถทำได้ 3. แต่ถ้าคิดว่ายาอันตราย ต้องสั่งโดยแพทย์ สั่งจ่ายโดยเภสัชกร และจัดเก็บอย่างมีมาตรฐานในโรงพยาบาลเท่านั้น การเปิดเผยราคายาแต่ละตัวในโรงพยาบาลเอกชนหรือรัฐ ยึ่งเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากคนไข้จะได้สามารถประเมินค่าใช้จ่ายและใช้ในการตัดสินใจในการเข้ารักษาครั้งต่อๆไปได้ ----- ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอบคุณครับ จากคุณ : audy - [ วันฉัตรมงคล 14:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าสิทธิในการคิดราคายาเป็นของโรงพยาบาล สิทธิในการเลือกที่จะขอใบสั่งยาจากแพทย์แล้วไปซื้อเองก็เป็นของเรา ถูกไหมครับ? จากคุณ : คุณเจน - [ วันฉัตรมงคล 09:19:50 ] ถูกครับ แต่อย่างที่เรียนไว้ด้านบนเรื่องการประกันคุณภาพนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง การตรวจกับแพทย์แล้วไม่รับยา เท่ากับรพ. ไม่ได้อะไรเลยครับ คิดดูว่าถ้าคุณสร้างตึกแถวให้คนมาขายของ แต่ไม่เก็บค่าเช่าเลย จะเกิดอะไรขึ้น?? รพ. ย่อมอยู่ไม่รอดครับ หลายๆ โรงพยาบาลเจ๊งไปเพราะเหตุนี้ครับ ------------------------------- เข้าใจที่คุณ Epinephrine ต้องการจะสื่อครับ แต่ถ้ามองในมุมกลับผมก็เข้าใจความรู้สึกของตัวเองด้วยครับ ในฐานะของผู้รับบริการการรักษา ผมเข้าไปที่โรงพยาบาลก็ได้ "จ่าย" ค่าบริการส่วนที่ผมตั้งใจจะได้รับ คือการบริการจากโรงพยาบาลที่ผมเป็นคนเลือกแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนที่ผมรู้สึกว่า "เกินความพอดี" ผมก็ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกดีกว่าครับ จากคุณ : คุณเจน - [ วันฉัตรมงคล 14:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มาอ่านความเห็นของทุกท่านหมดละค่ะ ข้อมูลละเอียดดีจัง :-) จากเจ้าของกระทู้ ที่ว่า "ทำไมใบเสร็จโรงพยาบาลเอกชนทั้งหลาย ไม่แจกแจงรายละเอียดค่ายา" บางท่านก็ตอบได้ตรงว่า "ทำไม" บางท่านอาจจะเขวที่คำถาม คำตอบเลยอาจจะกลายๆไปหน่อย กลายเป็นว่า จขกท เหนื่อยหน่ายรำคาญ ไม่อยากชำระแพงกะ รพ.เอกชน แต่ก็ดีนะคะ ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย ดิฉันคลุกคลีกะ รพ.มาตั้งแต่เด็กค่ะ เพราะคุณแม่เป็นพยาบาล ปกติ รพ.รัฐบาลก็ไม่ได้แจงรายการยาพร้อมราคาหรอกค่ะ เหมือนกะ รพ.เอกชนแหละ แต่ที่ดิฉันสังเกตได้ คือ แผนกรับชำระเงิน มักจะมีตัวหนังสือแปะไว้ หรือมีป้ายแจ้งว่า ให้สอบถามราคายาได้ที่นี่ แยกเป็นผู้ป่วยนอก/ใน ไรแบบนี้น่ะค่ะ เห็นหลายที่นะคะ ทั้ง รพ.รัฐบาล หรือ เอกชน ดิฉันคิดว่า เค้าคงไม่อยากมาแจกแจง ว่าค่ายา อะไรเท่าไหร่ ยาตัวไหนราคาเท่าไหร่ เพราะให้สอบถามได้ หรืออาจจะ print ให้เป็นกรณีพิเศษ เมื่อขอ แต่ปกติในใบเสร็จ จะแยกค่ายา ค่าบริการ ค่าเครื่องมือ รายการหลักๆ เท่านั้น ดิฉัน ทำงานโรงแรมมาเกือบ 10 เวลาแขกมาชำระเงินตอน check-out ก็มีใบแจ้งยอด/ใบเสร็จหลายแบบ มีแบบรวบยอดเลย และแบบแยกย่อย เราจะ print ใบเสร็จรวบยอดมาก่อน ว่าแขกใช้อะไรไปบ้าง แยกเป็นค่าห้องเท่าไหร่ ค่าอาหารเท่าไหร่ ค่า laundry เท่าไหร่ ว่ากันไป แยกรายการหลักมา ถ้าแขก ok พอใจจ่ายตามนั้น ไม่ติดใจอะไร ก็ชำระเงิน จบ แต่หากแขกสงสัย ว่าทำไมค่าอาหารราคาเท่านี้ กินอะไรไปบ้าง ทีนี้ก็ยาวเลยค่ะ เราจัดให้ :-) แขกจะรู้รายละเอียดทั้งหมด ว่าวันไหน คุณทานอาหารที่ห้องอาหารไหน ราคาเท่าไหร่ หรือต้องการทราบมากกว่านั้น ว่ากินอะไรไปบ้าง ในวันนั้น ราคาเท่าไหร่ ก็จัดให้ได้ค่ะ แต่กรณ๊นี้ คือ แขกต้องแจ้งเรานะคะ หรืออยากจะดูรายละเอียดนี้ไม่ต้องรอตอน check-out ก็ได้ ระหว่างที่พัก หรือระหว่างวัน จะมาขอดู มาขอเช็คยอด ก็ให้ดูได้ ครบทุกรายละเอียดค่ะ กับกรณีของ รพ.เอกชน น่าจะเอามาเทียบกะโรงแรมได้ มันเป็นธุรกิจการบริการ ที่คนไข้บางคนที่มาเข้ารับบริการ ถึงคราวมาชำระเงิน คงมีไม่น้อยที่ต้องมาอารมณ์เสียกับรายการยายาวเหยียด ที่ไม่ได้อยากรู้ อาจจะคิดว่าจะมาแจกแจงมาทำไมให้ยุ่งยาก คิดมาเลย ดิฉัน/กระผมจ่ายได้ เท่าไหร่ก็จ่าย ดิฉันคิดว่า  ทางรพ.น่าจะประเมินมาแล้วว่าทางไหนจะเอาใจลูกค้าส่วนใหญ่ ได้มากที่สุด เอาที่บริการสะดวก ฉับไว ทันใจลูกค้า ลูกค้าก็มีหลายแบบน่ะค่ะ แต่คิดว่า มีข้อสงสัยอะไรลองสอบถามตรงกะ รพ.ไปเลยนะคะ ถ้า รพ.บอกว่า ไม่ให้ บอกไม่ได้ อือ อันนี้คงต้องมาคุยกันอีกที :-) จากคุณ : Miss Match - [ วันฉัตรมงคล 15:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ก็แพงกว่ารัฐนิดหน่อย(หรือเปล่า) แต่แลกกับไม่ต้องรอนานก็คงจะคุ้ม สำหรับบางคน เช่น แม่เราปวดเข่า เราก็ร้อนใจ เลยพาไปเอกชน ทั้งที่รู้ว่ามันแพงกว่ารัฐ แต่เราก็อยากให้แม่ถึงมือหมอเร็วๆ ไม่อยากให้นั่งรอนานๆ เคยพาแม่ไปนั่งรอคิวหมอที่รพ.รัฐ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า บ่ายสองหมอยังไม่เรียกเลยค่ะ  ดูจากคิวของแม่ และคนไข้อื่นๆ แล้ว ท่าทางจะมาวันรุ่งขึ้น ปล.เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ทั้งที่คนไข้รอกันจนล้นที่นั่ง จนต้องยืนกันเป็นกระจุก แต่พอถึงตอนเที่ยง หมอพากันแห่ออกไปกินข้าวกันเกือบหมด เหลือไว้ตรวจคนไข้สักคนเท่านั้นล่ะมั้ง ที่สงสัยคือ ทำไมไม่แบ่งกันไปกิน แต่ก็อย่างว่า เราไม่ได้จบหมอ เลยไม่รู้หรอกว่าทำไม ^^ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ วันฉัตรมงคล 17:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 66 #60 แล้วที่เขียนบนซองยามันอะไรครับ ใช่ชื่อยามั้ยครับ เอาไปให้ร้านขายยาดูเขารู้มั้ยครับ เขาก็รู้อยู่ดีแหละครับว่าอะไรอยู่บนซองยา บางร้านดูแต่เม็ดยายังดูออกเลยว่ายาอะไร แล้วต่อมา ให้แจกแจงราคายา ผมว่าถ้าถามเขาจริงๆ เขาก็บอกครับ ไม่ใช่ว่าไม่บอก แต่ที่อยากถามคือ "ความจำเป็นของมัน" มีมากขนาดนั้นเลยเหรอ ติดใจ "ก็ถาม"  สิครับ  ไม่มีใครห้ามอะไร และทางโรงพยาบาลไม่ได้ปิดเป็นความลับด้วย ถ้าเกิดว่าโรงพยาบาลไม่บอก อันนี้สิครับถึงน่าจะเรียกร้อง คุณไปโรงพยาบาลเอกชน คุณก็ต้องเตรียมใจที่จะจ่ายไว้ด้วย ส่วนเรื่องเป็นธรรมหรือไม่นั้น ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ คนเป็นลูกค้า ไม่มีใครอยากจ่ายแพง ขณะที่คนเป็นนายทุน ก็ย่อมต้องการกำไรที่สูงสุด อ้อ ขอตอบ #65 ด้วยละกันนะครับ หมอ(ส่วนมาก) มาตรวจคนไข้ในตั้งแต่ 7 โมงเช้าครับ(บางคนไม่ได้กินข้าวเช้า บางคนได้กิน ก็แล้วแต่นิสัยของแต่ละคน อันนี้ตอบไม่ได้) แล้วใจคอคุณจะให้หมอนั่งตรวจไปเรื่อยๆถึง 4 โมงเย็นเหรอครับ ผลัดเวรกันไปก็เป็นเรื่องของระบบ แต่ถ้าถามว่า จำนวนคน x เวลาทำงาน เท่าเดิมกับการออกไปกินพร้อมกันมั้ย ผมก็ขอตอบว่า มันไม่ต่าง จากคุณ : Umiki - [ วันฉัตรมงคล 18:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โชคดีเราเบิกได้ จากคุณ : LekStudio - [ วันฉัตรมงคล 20:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มาตอบความเห็นที่ 65 ด้วย คือหมอจะออกตรวจตั้งแต่ 7 โมงเช้า แต่จะเป็นตรวจผู้ป่วยในเดินตรวจไปทุกเตียงที่อยู่ในความรับผิดชอบ พอแปดโมงกว่า เก้าโมงก็ออกมาตรวจคนไข้นอก ที่เห็นไปทานข้าวประมาณเที่ยง อันนั้นอาจจะเป็นมื้อแรกของวันนั้น บางแผนกคนไข้เยอะ หมอก็อาจจะได้กินข้าวมื้อแรกตอนบ่ายสอง คนไข้เห็น อาจจะเข้าใจว่า .. อะไรกัน คนไข้มารอตั้งแต่เช้า หมอกินข้าวอีกแระ  เมื่อเที่ยงก็กินไปทีนึงแล้ว ใจคอจะกินวันละกี่มื้อ -_-" ตรวจคนไข้นอกเสร็จ เย็นๆต้องไปตรวจคนไข้ในอีกรอบ บางที ดึกๆก็ต้องผ่าตัด จากคุณ : ตื่นเต้น - [ วันฉัตรมงคล 20:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มันคือการแลกเปลี่ยนคะ จากคุณ : Mi Lady & Mi Lord - [ วันฉัตรมงคล 20:51:22 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เอาไปเทียบกับร้านอาหารไม่ได้หรอก เพราะ รพ. ไม่ได้ผลิตยาเองเหมือนร้านอาหารที่ต้องซื้ออาหารมาปรุงอาหาร    รพ. ซื้อยามาเท่าไหร่ก็คือเท่านั้น อยากจะบวกค่าใช้จ่ายในการจัดหายาและกำไรเท่าไหร่ ก็บวกไป แต่มาแฝงค่าโสหุ้ยอื่นๆเข้าไป มันไม่ถูก เพราะยังไงคุณก็บวกค่าบริการต่างหากได้ ส่วน service charge ในค่าอาหารนั่นไม่เกี่ยวอะไรกับค่าโสหุ้ยเลย เพราะเป็นเงินที่ให้พิเศษแก่พนักงานที่ให้บริการ ส่วนคุณ Umiki ก็ยกตัวอย่างแบบ....(มันสะท้อนอะไรบางอย่างหรือเปล่า)  ก็เขียนไปสิว่าค่าบริการ สมัยนี้มันไม่ยุ่งยากอะไรหรอก ทุกอย่างอยู่ในคอมพ์ จะปรินท์ก็ปรินท์ได้ แต่ไม่ทำก็เท่านั้นเอง จากคุณ : ม้าหงอย - [ วันฉัตรมงคล 21:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ูตอบคุณม้าหงอยนะครับ ไม่ต่างกันครับ ยารพ. กับวัตถุดิบปรุงอาหาร เพราะการจัดการมีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ถ้าบอกว่ายังไงคุณก็บวกค่าบริหารต่างหากได้ ถ้าอย่างนั้น ลองเปลี่ยนเป็นว่า คุณจะบอกว่า ค่าบริการรักษาความสะอาด 3 บาทต่อ 1 ใบสั่งยา ค่าพนักงานรักษาความปลอดภัย 3 บาท ต่อ 1 ใบสั่งยา ปรับปรุงพื้นห้องน้ำ 0.5 บาทต่อ 1 ใบสั่งยา มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกใบนี้ครับ สมมติว่ารพ. ได้ค่ายาจากคนไข้ 100 บาท เป็นกำไร 30 บาท ใน 30 บาทมันย่อมเข้ากองกลางของรพ. ครับ และรพ. จะนำไปบริหารจัดการอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เงินที่เป็นกำไรค่ายา ไม่ได้มีแต่ค่าบริการนะครับ มันเป็นค่า "บริหารจัดการ" ไม่ใช่แค่เอกชนครับ รพ. รัฐก็เหมือนกัน ทุกที่ก็เหมือนกัน ส่วนเรื่องที่ยกตัวอย่าง service charge เพราะมันเหมือนกับ doctor fee, nurse fee ซึ่งมีแค่หมอกับพยาบาลได้ เราคงบอกไม่ได้หรอกครับ ว่ากำไรค่ายาต้องแบ่งให้คนกี่คน แบ่งให้กระเบื้องกี่แผ่น เป็นค่าน้ำค่าไฟเท่าไหร่ เพราะทั้งหมดมันคือค่าบริหารจัดการ เหมือนกับซื้อของใน 7-11 เค้าก็ต้องเอาเงินค่าของมาเป็นค่าบริหารจัดการครับ ไม่มีอะไรต่างกันเลย ในโลกของการแลกเปลี่ยนทางการเงิน จากคุณ : Epinephrine - [ 6 พ.ค. 52 01:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ที่บางที่มันก็ไม่ได้เหมาะสำหรับคนบางคนครับ อย่างผม...ไม่เหมาะจะเดิน พาราก้อน เพราะเข้าไป ก็ไม่รู้จะซื้ออะไร แพงไปหมด เฉกเช่นกัน ถ้ารู้สึกว่าโรงพยาบาลเอกชนมันแพง ก็ไม่ต้องเข้าครับ ไปสามสิบบาทโน่นเลย... จากคุณ : ผืนแผ่นดิน - [ 6 พ.ค. 52 01:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 73 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลก็พวกเดียวกับรพ.เอกชนกันหมดแหละ คือ 1.ไม่เดือดร้อนกับของแพงเพราะมีเงินจ่าย กับ     2. เป็นข้าราชการนี่ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาเองจะเดือดร้อนอะไร จะไปช่วยอะไรกับคนมีเงินอยากเสียค่ารักษาแพงๆ เอง คนมีเงินเค้าอยากได้ความสะดวกสบาย ใครเอาเปรียบอย่างไรก็ไม่ว่าหรอก เข้าโรงแรมซื้อน้ำเปล่าขวดละ 60 บาท ข้าวจานละ 300 เค้ายังไม่ว่าอะไรเลย ประเทศชาติถึงได้มีแต่ 2 มาตรฐานแบบนี้แหละ คนไม่มีเงิน หรือชนชั้นกลางก็ต้องเลือกมาตรฐานตามเงินของตัวเองไป เฮ้อ..เห็นด้วยกับจขกท.นะ กล้าเก็บแพงๆ ก็ต้องกล้าแจกแจงราคา ห้องพักในโรงแรมยังบอกราคาของกินในตู้เย็นเลย จากคุณ : ปริศนาไขกระจ่างแล้ว - [ 6 พ.ค. 52 08:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คุณจะเรียกว่าค่าบริการหรือค่าบริหารจัดการอะไรก็แล้วแต่ ส่วนนี้คุณไม่ต้องแจกแจงอยู่แล้ว ซึ่งก็บอกไปแล้วว่าให้เรียกรวมๆว่าค่าบริการ (หรือคุณจะเรียกว่าค่าบริหารจัดการก็ได้) ผมไม่ได้บอกเลยว่าให้แจกแจงส่วนนี้ออกมาเป็นค่าโสหุ้ยต่างๆ ทำไมจะต้องไปยกตัวอย่างแบบ...เหมือนคุณ Umiki มันตลก ส่วนค่าหมอ มันก็มีอยู่แล้วในใบเสร็จ (ค่าธรรมเนียมการตรวจ) จขกท. เค้าก็ไม่ได้เดือดร้อนในเรื่องนี้ แล้วคุณจะยกขึ้นมาเป็นประเด็นทำไม จากคุณ : ม้าหงอย - [ 6 พ.ค. 52 08:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 75 มันทำมาเพื่อคนมีเงิน........หลายคห.เลยดูไม่เดือดร้อน แถมรู้รายละเอียดดี น่าคิดนะ รพ.รัฐ ถูก แต่ก็รอเป็นชาติ จึงมีคลินิก ที่เข้าถึงและหากินกับคนจนได้ง่าย.....แต่เรื่องผลการรักษา อย่าไปหวังสูง บางคนเห็นหมอตรวจ ไปบ่อยๆ จนรู้ว่าเป็นแบบนี้ต้องซื้อยาอะไรกิน เพราะยาที่จ่ายตามร้านขายยาถูกกว่ามากมาย แต่ก็มีบางคลีนิกที่มีหัวใจหมอ  อันนี้นับถือที่........ไม่ขูดรีด ร้านขายยา จึงเป็นทางเลือกของคนจนที่ดีที่สุด หน่วยงานรัฐก็มักจะออกมาบอกว่าอย่าซื้อยากินเอง ให้ไปหาพวกมันจะได้ฟันหัวให้แบะเยอะๆ ลองคิดง่ายๆ..............คนมีเงิน เป็นนิดเดียว นอนพักหายกินพาราหาย มันยังไปรพ.เอกชน เพราะมีปัญญาจ่าย คนจน.......เป็นเหมือนกัน แต่ซื้อยากิน นอนพัก ก็หาย ........นี่คือความคิดของ คนมีเงินกับไม่มีเงิน จากคุณ : คนทุ่งบางเขน - [ 6 พ.ค. 52 09:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เรารู้แต่ว่า  ...ถ้าอยากหาย ต้องยอมจ่าย -ไปรพ.เอกชน 3 รอบ ใช้ประกันสังคม รอแต่ละครั้งนานเป็นครึ่งวัน+ตรวจ2นาที+รับยา ..ฟรี กินหมด ไป3ชุด  14 วัน ไม่หาย -ตัดใจไปรพ.เอกชน จ่ายเงินเอง 2นาที พบหมอ+ตรวจเอกเรย์ +รับยา.. 3700 บาท+2วันหายสนิท (รู้งี้ ไปนานแล้ว) ** ตอนนี้เลือกทำประกันชีวิต เพราะการเข้าโรงพบาบาล เป็นเรื่องนน่าอนาจที่สุด ยิ่งกว่า ทำงานพลาดซะอีก .. จากคุณ : วันฉันยังยิ้มได้ - [ 6 พ.ค. 52 09:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชน อยู่ในตลาดหุ้น ทุกสิ่งทุกอย่างทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น คนไข้มีเงินก็จ่ายไปสิ ถ้าไม่มีเงิน รพ.รัฐยังมี เชิญตามสะดวก จากคุณ : ko kai kuk kuk - [ 6 พ.ค. 52 09:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เรียนคุณ ปริศนาไขกระจ่างแล้วในคห.ที่ 73 ครับ ไม่ใช่เรื่องของ 2 มาตรฐานใดๆ ทั้งสิ้น ยาในบัญชียาหลักนั้น เพียงพอต่อ ความจำเป็น ในการรักษาพยาบาลแล้วครับ แต่ถ้าคุณต้องการมากกว่านั้น คุณก็ต้องจ่ายเงินเอง มันไม่ใช่เรื่องของ 2 มาตรฐาน เพราะการเพิ่มมานั้น เป็นมาตรฐานทางการเงินที่คุณเลือกครับ เรียนคุณม้าหงอยครับ ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นมันไม่สามารถนำมาบอกได้หรอกครับ ว่าเป็นค่าบริหารจัดการ ยาก็เป็นสินค้านะครับ ไม่ว่ารพ. รัฐหรือเอกชน ก็เป็นสินค้า และหลักการขายสินค้าก็คือ ต้นทุน + กำไรคาดหวัง + ค่าบริหารจัดการ มันเป็นเรื่องสามัญยิ่งกว่าสามัญอีกครับ คือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในโลกของการแลกเปลี่ยนทางการเงินแล้วครับ คุณจะบอกว่าน้ำอัดลมที่ขายในสนามบิน ต้องแยกว่าเป็นค่าน้ำ x บาท + ค่าบริหารจัดการสนามบิน y บาท มันเป็นเรื่องที่ผิดปรกตินะครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 6 พ.ค. 52 09:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มันทำมาเพื่อคนมีเงิน........หลายคห.เลยดูไม่เดือดร้อน แถมรู้รายละเอียดดี น่าคิดนะ รพ.รัฐ ถูก แต่ก็รอเป็นชาติ จึงมีคลินิก ที่เข้าถึงและหากินกับคนจนได้ง่าย.....แต่เรื่องผลการรักษา อย่าไปหวังสูง บางคนเห็นหมอตรวจ ไปบ่อยๆ จนรู้ว่าเป็นแบบนี้ต้องซื้อยาอะไรกิน เพราะยาที่จ่ายตามร้านขายยาถูกกว่ามากมาย แต่ก็มีบางคลีนิกที่มีหัวใจหมอ  อันนี้นับถือที่........ไม่ขูดรีด ร้านขายยา จึงเป็นทางเลือกของคนจนที่ดีที่สุด หน่วยงานรัฐก็มักจะออกมาบอกว่าอย่าซื้อยากินเอง ให้ไปหาพวกมันจะได้ฟันหัวให้แบะเยอะๆ ลองคิดง่ายๆ..............คนมีเงิน เป็นนิดเดียว นอนพักหายกินพาราหาย มันยังไปรพ.เอกชน เพราะมีปัญญาจ่าย คนจน.......เป็นเหมือนกัน แต่ซื้อยากิน นอนพัก ก็หาย ........นี่คือความคิดของ คนมีเงินกับไม่มีเงิน จากคุณ : คนทุ่งบางเขน - [ 6 พ.ค. 52 09:06:31 ] ขอบคุณที่ให้ความเชื่อถือร้านยาครับ แต่ร้านยาที่ได้มาตรฐานกับร้านยาที่ไม่ได้มาตรฐานยังเป็นเรื่องที่วิชาชีพเภสัชกรรมต้องจัดการต่ออีกมาก ผมเองในฐานะเภสัชกรที่ดูแลโรงพยาบาลเอกชน และเปิดร้านยาเล็กๆ ไว้บริการชุมชน รวมถึงเคยอยู่รพ. รัฐมาก่อน พร้อมทั้งต่อสู้เพื่อที่จะให้ได้มาตรฐานในวิชาชีพมาโดยตลอด ผมเชื่อว่าตัวผมเองมีความเข้าใจสถานการณ์ของทุกท่านน่าจะดีมากพอครับ อย่างผมเปิดร้านยาก็ขาดทุนเดือนนึงไม่ใช่น้อย เอาเงินเดือนที่ได้จาก "ค่าบริหารจัดการ" มาจ่ายเป็นค่ายาในร้านนั่นแหละครับ ^^' อย่าคิดว่าคนที่มีเงินน้อยไม่มีโอกาสเข้าถึงรพ. เอกชนครับ รพ. เอกชนมีหลายระดับ หลายราคา คุณจะเลือกไปรพ. ดังย่านซอยนานา เพื่อให้ได้รับบริการระดับ 5 ดาว พร้อมราคาแพงระยับ หรือว่าจะเลือกไปรพ. เอกชนขนาดเล็ก ที่อาจจะบริการไม่ดีเท่า สถานที่ไม่ใหญ่โตเท่า คุณก็ทำได้ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ความต้องการของผู้ป่วยในรพ. เอกชน มันเป็นสิ่งที่เกินมาตรฐานครับ คณะกรรมการจัดทำบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้มองแล้วว่ายาที่ใช้สำหรับบัญชียาหลักแห่งชาตินั้น ดีพอจะรักษาโรคส่วนใหญ่ที่คนไทยเป็น และไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องใช้ยานอกบัญชีอย่างพวกรพ. เอกชน ซึ่งรายการยาเหล่านี้คือรายการยาสำหรับคนใช้บัตรทอง, ประกันสังคม ผมยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่า ยาเหล่านั้น ไม่ได้ไม่ดีครับ แต่ดีไม่ดีอยู่ที่คนเอายาไปใช้ รพ. ที่รับประกันสังคมจำนวนมากเป็นรพ. ที่ใช้ยาได้มาตรฐานครับ จะต่างกันก็แค่คนจ่ายเงินใช้ยา original ส่วนคนใช้ประกันสังคม ได้รับยา local ซึ่งผลการรักษาก็ใกล้เคียงกัน ตามนี้ครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 6 พ.ค. 52 09:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เราไปโรงบาลเอกชนตลอด เวลาหมอจะสั่งยา เขาก็ถามเราทุกทีว่ามีพาราที่บ้านรึเปล่า มีพวกผงเกลือแร่รึเปล่า แต่ยาเฉพาะอย่างที่เขาไม่คิดว่าเราจะมี เขาก็จะสั่งให้เลย อีกอย่างที่แตกต่างระหว่างยาที่ออกให้โดยโรงพยาบาลกับยาที่ไปซื้อเอง คือหมอสามารถสั่งยาให้พอดีจำนวนที่เราต้องใช้ได้ โดยจะตัดแผงยา นับจำนวนเม็ดยังไงก็ได้ แต่ลองไปหาร้านยาที่ไหนแล้วบอก จะขอซื้อยา 5 เม็ดจากแผงละสิบเม็ด ให้เขาตัดแบ่งดูซิ ใครจะอยากขายให้มั่ง แล้วกล้าขอรึเปล่า ตัดแผงยาแล้ว คนอื่นคงไม่อยากซื้อต่อ แล้วคิดว่าใครจะเต็มใจขายยาแยกเม็ด ด้วยราคาหารจากราคาขายทั้งแผงมั่ง เหมือนซื้อโค๊กแพ๊ค 6 กระป๋องราคา 70 กว่าบาท ตกกระป๋องละ 12 บาท ไปซื้อเซเว่นขายแยกกระป๋องละ 14 บาท บังอาจมาก!!! ต้องตั้งกระทู้ประนาม จากคุณ : ari - [ 6 พ.ค. 52 10:20:17 A:125.24.140.227 X: TicketID:102543 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เราคนอ่ะ ที่ไปหาซื้อค่ายาข้างนอก อีกอย่างนะ เม่ออาทิตย์กอ่นจำได้ ค่ายา 98 บาท ต่าหมอ 300 ค่าพยาบาล 50 ค่าผูป่วยนอก 500 สรุป แค่ยาไม่ถึงร้อย นอกนั้นฟาดเรียบ - -" ยังดีที่เบิกได้ 555+ จากคุณ : shinkyo - [ 6 พ.ค. 52 11:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตอบคุณ audy ที่คห. 55 นะคะ แม่เราก็เข้าฉุกเฉิน รพ. เอกชนนะคะ ตอนเข้าไป ก็เอายาที่ได้จากรามาไปด้วยทั้งหมด (นั่งรถฉุกเฉินมาจากรามาเลยล่ะ) คุณหมอก็เอาไปดู อันไหนที่ใช้ได้คุณหมอก็ไม่ได้สั่งให้อีกนะคะ ให้ใช้ยาของเราแทน ถ้าที่บ้านมียาอีกก็เอาไปเพิ่มได้ด้วย เราไม่รู้คุณไป รพ. ไหนอะ แต่ รพ.เอกชนที่ดี ๆ ก็มีนะคะ ตอนแรก ๆ ที่อยู่ก็ขี้เกียจไปหาซื้อแหละ ก็ใช้ยาที่ รพ. พอตอนหลัง คชจ. เริ่มสูง ก็ไปซื้อที่ศิริราชเอา คุณหมอเป็นคนแนะนำให้ไปซื้อด้วยซ้ำ อีกกรณีนึง ตอนนั้นเราปวดท้องมาก ก็ไปเข้า รพ. นี้แหละ (ใกล้บ้าน) ก็ตรวจ ๆ เสร็จ จ่ายยา ทีนี้มัน 2 พันกว่า แม่เราก็เลยไปถามห้องยาว่ามียาอะไรบ้าง เค้าก็แจกแจงให้นะคะ ไม่มีหน้าหงิกหน้างอด้วย ตัวไหนที่มีแล้วแม่ก็บอกว่าที่บ้านมีค่ะ ไม่เอา เค้าก็ตัดออกให้นะ สรุปวันนั้นจ่ายไป 5 ร้อยกว่าบาทเอง เอาแต่ยาตัวที่เราไม่มี จากคุณ : เดินโซเซ - [ 6 พ.ค. 52 11:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อ่านกระทู้แล้วงง ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน แต่พอจะจับใจความได้ว่า... จขกท.แค่เข้ามาบ่นเรื่องค่ายาแพง... มันก็เรื่องปกติของรพ.เอกชนมั้งคะ เข้ารพ.เอกชนก็ต้องทำใจไว้แล้ว มันเป็นเรื่องของต้นทุนทั้งหลายแหล่ มารวม เฉลี่ยกำไรไงคะ พยาบาล และจนท. ที่ให้บริการรวดเร็ว ยิ้มแย้มแจ่มใสในรพ.เอกชน ไม่ได้จ้างมาราคาเดียวกับ พยาบาล รพ. รัฐฯอ่ะค่ะ จากคุณ : elin - [ 6 พ.ค. 52 11:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ถ้าคิดว่าซื้อความสะดวก ก้อต้องยอมจ่าย จากคุณ : Bamry - [ 6 พ.ค. 52 12:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เราเป็นคนนึงที่ไม่อยากเข้ารพ.เอกชน เพราะไปแต่ละครั้งไม่เคยต่ำกว่า 1,000 บาทเลย แต่ทำไงได้ ละแวกบ้านก็แวดล้อมด้วยรพ.เอกชนทั้งนั้น จะทนนั่งรถไปรพ.รัฐ ก็ไกลแสนไกล รถก็ติด แล้วต้องไปรอคิวอีก ไม่ไหว แต่เท่าที่เคยหาหมอมา หมอก็จะถามว่า ที่บ้านเรามียาตัวนี้มั้ย ถ้ามีก็จะไม่จ่ายให้ หรือยาบางตัวหมอก็จะบอกว่าให้ไปซื้อร้านข้างนอก จะถูกกว่าเพราะยาที่นี่แพงมาก(อันนี้คุณหมอแอบกระซิบ555) คุณหมอจะช่วยคนไข้ประหยัดมากๆค่ะ แล้วถ้ายิ่งเป็นคนไข้ที่รักษากันประจำ คุณหมอก็จะไม่คิดค่าหมอด้วยค่ะ ตอนนี้พอมีกำลังทรัพย์ก็เข้าเอกชนไปก่อน ถ้าป่วยหนักๆจริงๆก็คงไปรพ.รัฐเหมือนกันค่ะ จากคุณ : poo - [ 6 พ.ค. 52 13:51:18 A:10.172.80.123 X:203.146.128.138 TicketID:187653 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ยาวจัด อ่านไม่หมด = =' ถ้าจขกท.ไม่พอใจ ร้องเรียนหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเลยครับ จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป... จากคุณ : PERFECT not ME - [ 6 พ.ค. 52 14:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อ่านแล้วก็คิดว่ามีเหตุผลทั้งสองฝ่าย แต่มาตะหงิดใจเอาตรงที่ "ไม่อยากให้ซื้อยากินเอง" อันนี้ คาดว่าคงหมายถึง การเกิดอาการเจ็บป่วยแล้วไปที่ร้านขายยาซื้อยามากิน โดยไม่ได้ผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ เภสัชกรอาจมีความรู้เรื่องยาดีมาก ๆ แต่พวกเค้าก็ไม่ได้เรียนมาเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรค เหมือนอย่างแพทย์ คิดว่าเป็นอย่างนี้มากกว่านะคะ ส่วนตัวเราไม่ต่อต้านยาที่ผลิตเองในประเทศค่ะ เวลาไปหาหมอได้ใบสั่งยามา ทางเภสัชกรจะถามว่ายาตามรายการที่หมอสั่งเป็นยาจากเมืองนอก ราคาจะสูง และจะถามว่าเราอยากได้ของผลิตในประเทศแทนไหม ราคาถูกกว่า เราว่าการถามแบบนี้เป็นสิ่งดี เพราะผู้ป่วยบางรายไม่เน้นเรื่องแหล่งที่มาของยา จะยาในประเทศหรือนอกประเทศก็ได้หมด ขอให้เป็นยาตัวเดียวกัน ในขณะที่อีกรายอาจคิดว่า เชื่อถือแต่ยานอกประเทศเท่านั้น นานาจิตตังค่ะ ในเรื่องของการแสดงราคายา คิดว่าผู้ป่วยสามารถแจ้งให้ทางการเงินทราบได้นะคะ ว่าต้องการใบเสร็จแสดงราคายาด้วย หากทางโรงพยาบาลไม่มีการออกใบเสร็จแบบนี้ เราก็อาจจะขอให้เค้าช่วยแจงรายละเอียดให้หน่อย แล้วเราจด ๆ เอาเองก็ได้ค่ะ เราว่าของพวกนี้ยืดหยุ่นได้ค่ะ อย่าคิดมากนะคะ เครียดเปล่า ๆ จากคุณ : lollilily - [ 6 พ.ค. 52 15:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คนเราทำอะไรก้ต้องหวังผลกำไรค่ะ อย่างทีทุกๆท่านบอก ร้านขายยาก็กำไร ร้านเพื่อนขายยาถูกมากแต่ก็รวยมากเช่นกันนั่นแสดงว่าเค้าก็กำไรบาน โรงพยาบาลไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชนต่างก็ต้องหากำไร จากคุณ : patty babeby - [ 6 พ.ค. 52 15:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เค้าไม่ได้บังคับให้คุณเดินเข้าไป รับการรักษาที่ รพ เค้านะคะ คุณเดินเข้าไปเอง ชื่อเค้าก็บอกแล้วว่าเค้าเป็นเอกชน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าบริการดูแลเอาใจใส่ ต่างจากรัฐ ขนาด 1-100 เพราะฉนั้นอยากได้ค่ายาถูกก็ไป ร้านขายยา หรือ ไปรพ รัฐ นะคะ ปล เราว่ารพไม่ได้หน้าด้านนะ จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด - [ 6 พ.ค. 52 20:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เราเคยขอใบเสร็จอย่างละเอียดนะ อยากรู้ว่าแพงตรงไหน มันแพงทุกตรงเลย โดยเฉพาะค่ายา ไม่ใช่เท่าตัวนะ 5 เท่าตัวค่ะ ไม่อยากสแกนให้ดู เดี๋ยวโดนหมิ่นประมาท จากคุณ : SurfersParadise - [ 6 พ.ค. 52 21:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ผมว่า เหมือนซื้อกับข้าว สมมติ คุณสั่งราดหน้า จานละ20บาท  ในราดหน้า ก็มีหมู มีผัก มีกุ้ง มีเส้น มีค่าน้ำมัน มีค่าแรงแม่ครัว มีค่าล้างจาน ไม่เคยเห็นร้านไหน แยกราคาเส้น กับราคาหมู ให้ดุซะที  แต่ถ้าสั่งพิเศษหรือถามเอาก็คงได้ อย่างนี้ ผมขอลด1บาท แต่เด๊่ยวผมล้างจานให้ ได้มั้ย แต่พอเป็นบริการทางการแพทย์ มันต่างกัน ตรงที่โรคๆหนึ่ง มันกำหนดราคาแน่นอนไม่ได้ เช่น  มาด้วยไข้ ซึ่งไม่ทราบสาเหตุ ต้องตรวจก่อน จึงจะประเมินได้ว่า ได้ค่ายาเท่าไหร นั่นคือ คุณใช้บริการไปแล้ว จากคุณ : xxx (TaizoXXX) - [ 6 พ.ค. 52 21:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ไป รพ เอกชน เหมือนโดนปล้น เอ็กเรย์ 2จุด หมดไป 2300 ค่ายา สองถุง ประมาณ 700 ค่าหมอ บอกว่าไม่มีอะไรแตกหัก พูดสองสามคำ 400 นอกนั้นค่าบริการที่เหลือ กลับบ้านตัวเบาโหยงงง 55555555555555 จากคุณ : JUNEY_CHILY - [ 6 พ.ค. 52 23:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอปรับความเหมาะสมของข้อความกระทู้ข้างต้นนิดหนึ่งครับ หลังจากอ่านความเห็นไป 80 กว่าความเห็นอยากเล่าความคิดดอนตั้งกระทู้ว่าอยากจะกระตุ้นให้บรรดาท่านทั้ง หลายได้แสดงความเห็นที่หลากหลาย โดยส่วนตัว จขกท มีความเชื่อดังนี้ครับ 1. ข้อมูล ทำให้เราและสังคมเราฉลาดขึ้น 2. ความเห็นที่หลากหลายบนข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง จะทำให้เกิดกระบวนการหาข้อสรุปที่ดีที่สุดถ้าทุกคนยึดหลักเหตุและผลในการคุยกัน มีแค่นี้แหละครับ....(ตอนจบดูเกี่ยวกับการเมืองยังไงไม่รู้) สุดท้ายขออภัยทุกท่านในบางคำที่เลือกใช้ (ลบไปแล้ว) ที่ดูกล่าวหาแรงเกินไปครับ จากคุณ : จขกท (kjtjpj) - [ 7 พ.ค. 52 06:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ถ้าจะพูดในแง่ธุรกิจ เหมือนอย่างที่หลายๆความเห็นว่ามา จขกทก็ถือซะว่าไปรับบริการอย่างใดอย่างหนึ่งจากคนค้าขายกลุ่มหนึ่ง ไม่ติดหนี้บุญคุณ จ่ายไป ได้มา คิดเสียว่าหมอพยาบาลที่ทำงานแล้วชาร์จอย่างคุ้มค่า หรือเกินจะคุ้มค่า เขาก็แค่ขายบริการให้คุณเหมือนกับผัดก๋วยเตี๋ยวธรรมดาชามหนึ่ง เสิร์ฟให้คุณในห้องแอร์โดยที่โต๊ะที่นั่งก็หรูเริ่ดอลังการณ์ แถมสั่งปุ๊บได้ปั๊บ บริกรก็หน้าตาหล่อเหลาสวยงาม พูดจาไพเราะแต่งกายเรียบร้อย ดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าคุณจะกินก๋วยเตี๋ยวรสชาติเดียวกันนี้แต่ถูกกว่านี้สิบเท่า คุณก็สามารถหาได้ตามข้างถนน นั่งโต๊ะรวมกับคนที่คุณไม่รู้จัก กินไปก็จามไปเวลาที่มีรถเมล์ควันดำวิ่งผ่าน แม่ค้าปากปลาร้า สั่งแล้วก็ไม่มา พอทวงก็ด่า เลือกเอา ประมาณนี้ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง หลายคนควรคิดว่าธุรกิจสุขภาพเป็นเรื่องของมนุษยธรรมด้วย กำไรคุณต้องมี เราไม่ว่า แต่ให้พอเหมาะพอควร ไม่ใช่เหมือนปล้นกัน คนที่มาโรงพยาบาลเขามาให้คุณช่วยคลายทุกข์ เขาทุกข์มาอยู่แล้ว มาด้วยความจำเป็นจริงๆ เพราะเป็นไปได้ ใครบ้างไม่อยากหลุดพ้นจากความทุกข์จากโรคที่รุมเร้าจากมือที่เขาเชื่อมั่น เขาไม่ได้มาเพื่อเสพย์ความบันเทิงจากสถานเริงรมย์ที่จะเลือกเอาสั่วๆได้ อีกอย่าง ผู้รับบริการก็เป็นผู้บริโภคเขาควรมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเขาจ่ายอะไรเท่าไหร่เพื่ออะไร จะอ้างว่า "ลูกค้ารู้อยู่แล้วว่ามาเอกชนต้องแพง" นั้นไม่ถูกเพราะการที่เขารู้ว่ามันต้องแพงแล้วเขาได้แห็นว่ามันแพงจากอะไรกับไม่รู้อะไรเลย มันต่างกัน แล้วก็ทำไมต้องรอให้เขาถามด้วย ถ้าไม่เสียหายอะไร และบริสุทธิ์ใจก็ใส่มาในบิลสิ มันเสียหายอะไรสักแค่ไหน อาจจะเปลืองเวลาพิมพ์และหมึกพิมพ์แค่นั้น และถ้าจะอ้างว่า "ที่ไหนๆเค้าก็ไม่ทำกัน" ก็ไม่น่าจะใช่  แปลว่าถ้าสิ่งที่ถูกที่ควรมีอยู่แต่ไม่มีใครทำ เราก็ไม่ควรทำ ว่างั้น แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 20:12:40 จากคุณ : sandseasun - [ 7 พ.ค. 52 20:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 95 รพ เอกชน ไม่ใช่ที่ของคนจนครับ สั้นๆง่ายๆ จากคุณ : วันดีวันร้าย - [ 7 พ.ค. 52 21:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 96 จะก้าวเข้า รพ.เอกชน กระเป๋าต้องหนาครับ จากคุณ : ชีวิตเราต้องเทียมด้วยวัวสองตัว - [ 7 พ.ค. 52 21:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 97 โรงพยาบาลที่คิดตามต้นทุนขาดทุนไปหมดแล้ว แต่ก็ยังต้องฝืนทนเปิดให้บริการ อยากเห็น ก็ไปดูตาม รพ.ของรัฐสิครับ รักษาคนไข้หมดเป็นแสน ส่งไปเบิกกระทรวงให้มาหมื่นเดียว บอกไม่มีเงิน???? เมื่อไม่มีเงิน แต่ต้องเปิดตามคำสั่งกระทรวง ก็ไปลดค่าใช้จ่าย ไปลดเงินเดือนหมอ พยาบาล และอื่นๆ เจ้าหน้าที่ก็หมดกำลังใจ ลาออก... ผมอยากจะเห็นจัง ว่าวันนึง ถ้าหาก รพ.รัฐขาดทุนมากๆ แล้ว ผอ. ตัดสินใจ ปิด รพ.ไปเลย จะเป็นยังไง ปล.เอามาบ่น เพราะวันนี้คนไข้มา รพ. เยอะมาก... มาเกือบพันคน ทั้งๆ ที่มีหมอทั้ง รพ.อยู่ 7 คน ก็เลยตรวจspeed ครับ 3 ชั่วโมง ตรวจไป 90 คน เฉลี่ยคนละ 2 นาที ไม่รวมเวลาเดินเข้า เดินออกห้อง??? แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 21:55:23 จากคุณ : หมอก้อนหิน - [ 7 พ.ค. 52 21:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ คนรวยจริง ซื้อของไม่ต้องถามราคา หรือ จนแล้วกรุณาเจียม ไปรักษาสามสิบบาท หรือ ลงทุนต้องหวังผลกำไร โรงพยาบาลเอกชนไม่ใช่มูลนิธิ ----- การเปิดเผยราคายา แต่ละตัว เป็นเรื่องของสิทธิ์ เป็นเรื่องของความโปร่งใส ----- ไปทานอาหาร บิลยังแจกแจงว่า อาหารจานไหนราคาเท่าไร แต่ทำไม่ โรงพยาบาล ต้องรอ "ให้ถาม" ----- ยังรอคำตอบที่น่าพอใจ จากคุณ : audy - [ 7 พ.ค. 52 22:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตอนจ่ายเงิน ขอดูรายการยาได้ค่ะ และสามารถปฏิเสธยาบางตัวที่มีแล้วได้ หรือบางตัวแพงเว่อร์งี้ เราก็บอกได้ว่าไม่เอา บางทีก็ขอตัวยาเดียวกันแต่ของไทย เหอะๆ บางทีการเงินก็ตัดออก บางทีก็ต้องโทรคุยกับหมอก่อน แต่ทุกทีเราคุยกับหมอตั้งแต่ในห้องตรวจละ หมอจะบอกว่ามียานี้ๆๆๆๆนะ เราก็จะบอกว่า โอเค หรือบอกว่า ขอไม่เอายาตัวนั้นตัวนี้นะคะ จะไปซื้อเองก็บอก หรือบางทีบอกว่า ที่บ้านมีเยอะแล้ว หมอจ่ายยาทีอย่างกับจะให้หนูเอายาไปขายเลย แฮะๆๆ หมอก้ไม่ว่าอะไร ใจดีออกนะ จากคุณ : ซังกุงตัวเล็ก - [ วันวิสาขบูชา 01:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 100 - โรงพยาบาลรัฐตอนนี้คุณหมอมักจะจ่ายยามากเกินความจำเป็นในกรณีที่ผู้ป่วยมีสิทธิต่างๆที่ไม่ได้ใช้เงินตัวเอง - โรงพยาบาลเกชน จะออกใบเสร็จที่แจกแจงรายละเอียดเพื่อให้ผลกับบริษัทประกันทำงานต่อได้ - ร้านขายยาทั่วไปจะเอากำไรจากค่ายาประมาณ 10 % จากต้นทุนที่เขาได้รับมา - ยาส่วนใหญ่เป็นยาจากบริษัทยาจากต่างประเทศ ซึ่งมีอิทธพลและอำนาจในการชี้นำสูงมาก - งบประมาณปี 2551 ที่ผ่านมารัฐได้จ่ายเงินเฉพาะค่ายากับผู้ป่วยที่เป็นข้าราชการเป็นจำนานเงินมากถึงห้าหมื่นล้านบาท แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 06:54:25 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 06:50:55 จากคุณ : chi007 (chi_pentium) - [ วันวิสาขบูชา 06:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ไม่มีความเห็นเรื่องนี้  แต่อยากจะบอกว่าตอนนี้คิดถึงโรงพยาบาลที่ไทยจัง แม้แต่โรงพยาบาลรัฐบ้านเรายังบริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าที่เมกามากๆๆ เลย   ร.พที่เมกาเจ้าหน้าที่  พยาบาลมันจะกินเลือดคนไข้  ถามก็ไม่อยากจะตอบ ตอบก็ตอบห้วนๆ เซ็งเจงๆๆๆ รพ.ประเทศไทยชนะเลิศค่ะ  (ทั้งรัฐและเอกชน) จากคุณ : มาม่าน้ำข้น - [ วันวิสาขบูชา 08:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ทางที่ดีก็พยายามอย่าป่วยกันเลยครับ จากคุณ : คุณเจน - [ วันวิสาขบูชา 09:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ไม่รู้ครับ ประกันจ่ายให้หมด จากคุณ : กระเทยชายแดน - [ วันวิสาขบูชา 12:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 104 หมอที่เมืองนอกจ่ายใบส้่งยาให้ไปซื้อเอง ยกเว้นคนไข้ใน แต่ค่ายา และค่าหมอก็แพงมาก จากคุณ : Mrs MC - [ วันวิสาขบูชา 14:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 105 พึ่งไปมา เป็นเอกชนไม่ดัง ชานเมือง ค่าหมอถูกกว่าในเมือง แต่ค่ายาสามตัว ยาฆ่าเชื้อ ลดน้ำมูก ละลายเสมหะ เฉพาะค่ายาสามตัวนี้เจ็ดร้อยบาท ตอนจ่ายเงินก็ือึ้ง ๆ ทำไมค่ายามันแพงจัง กลับบ้านก็บ่นไป จากอาการก็รู้ว่าหมอถามและตรวจแบบนี้ ให้ยาแบบนี้ รู้งี้ไปร้านขายยาซื้อยามากินเองก่อนดีกว่า ไม่หายค่อยไปหาหมอ เพราะยาลดน้ำมูกและละลายเสมหะก็รู้จัก เคยซื้อกินเอง แต่ไปหาก็เพราะยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อนี้แหละที่ไม่กล้าซื้อกินเอง มันแพงจริง ๆ ค่ายานี่ ไม่รู้บวกกี่เท่าตัว จากคุณ : BabyBye - [ วันวิสาขบูชา 14:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เคยไปหาหมอ รองเท้ากัดไปให้ รพ.แถวสุขุมวิทซอยต้นๆ  ทำแผล แล้วก็ให้ยา หมดไป ประมาณพันนึง มั้ง เจ็บหลังเท้าไปหาหมอ รพ.แถวเกษตร ไม่ได้เอกซเรย์ด้วยนะ ได้ยามา 3 อย่าง ยากิน 2 ยาทา 1 โวทาเลน อะ 1500 แต่ไม่สนใจอะ บริษัทจ่ายให้ 555 จากคุณ : mm_takky - [ วันวิสาขบูชา 20:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ถ้าคิดจะหาหมอเอกชน  ต้องยอมรับค่ารักษา  เพราะเค้าคือเอกชน   แต่ถ้าหมอทำตัวไม่ดี  สะเพร่าในการรักษาจริงๆ  แถมเป็นหมอเอกชนแล้วยังทำตัวรังเกียจคนไข้   ก็สมควรบอกหมอตรงนั้นเลยค่ะว่าผมขอเปลี่ยน  หมอไม่ต้องดูโรคผมแล้ว  ผมขอห้องอื่น   ขอหมอท่านอื่น  ในเมื่อไปเอกชนเราก็เลือกได้  ไม่พอใจก็ติกันไป   จะเห็นใจทำไมในเมื่อเรารักษาแพงๆแล้วทำกับเราไม่ดี  แต่ถ้าเค้าตรวจดีก็ไปว่าเค้าไม่ได้  ถ้ายาที่เอามากินพื้นๆไม่หายก็บอกเค้าว่าไม่หาย  เอายาใหม่มากิน  ถ้าแพงมากก็ขอตัวยาใบสั่งยาไปซื้อข้างนอกเอา  เอายาของเค้าบางตัวที่ถูกๆก็พอ   เพื่อช่วยธุระกิจเค้า หมอก็ต้องกินต้องใช้  แต่ถ้าทำตัวไม่ดีก็อีกเรื่อง แต่ถ้ารักษาเอกชน  ต้องเข้าใจเรื่องค่ารักษาค่ะ นี่คือข้อดีของคนทำประกันแพงๆ  รักษาตัวกับ รพ.เอกชนใหญ่ๆ ที่ไม่รับประกันสังคมได้ อาจจะเป็นเหตุผลหลายๆ อย่างที่ทาง รพ. ไม่แจงรายละเอียด   คงไม่ได้กลัวคนไข้รู้อย่างเดียวค่ะ  มันอาจมีเรื่องของผลประโยชน์จากด้านอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็เหมือนซื้อของบางอย่าง  แจงราคา  แต่ไม่ออกบิล vat ออก vat แต่ออกรวม  ไม่แจงรายละเอียด จากคุณ : petite_witch - [ 9 พ.ค. 52 01:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ก็เหมิอนกับไปโรงแรม 5 ดาว แล้วเค้าก็ขาย โซดา เป๊ปซี่ขวดละ 100 200 300  อะไรประมาณเนี้ย ก็เหมือนกับไปสนามบินแล้วขาย เป๊ปซี่น้ำเปล่าขวดละ 60 (เค้าคงคิดว่าคนที่ขึ้นเครื่องบินคือคนที่รวย มั๊ง) ก็เหมือนไป Slim Route RCA ทองหล่อแล้วขาย โซดา น้ำดื่ม ขวดละ 50 ก็เหมือนกับไปบนดอยแล้ว ของทุกอย่างแพงหมด นั่นหล่ะ... อย่างว่าหล่ะ...  โรงพยาบาลเลือกได้ เราก็เลือกได้..   เลือกที่จะไป เลือกที่จะไม่ไป เลือกที่จะป่วย เลือกที่จะไม่ป่วย จากคุณ : ไป๊ (Nokia3310) - [ 9 พ.ค. 52 13:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 109 #78 คุณก็ยกตัวอย่างตลกๆอีกแล้ว จะเปรียบเทียบอะไร ก็เอาที่มันเปรียบเทียบกันได้หน่อยครับ อุตส่าห์เรียนมาขนาดนี้แล้ว จากคุณ : ม้าหงอย - [ 9 พ.ค. 52 13:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ถ้าจำไม่ผิดตอนคุณพ่อเข้าโรงพยาบาลกรุงเทพ ทางผมก็ไปขอรายละเอียดมานะครับ เขาก็ให้และละเอียดมาก จนต่อไปก็ไม่ขอแล้วเพราะว่าดูไม่รู้เรื่องและเยอะมากๆ คิดทุกอย่างเลย สำลี ผ้าก๊อส ทิชชู่ เข็มฉีดยา ฯลฯ เท่าที่ดูก็แพงกว่าข้างนอกมากจริงๆ ผมไม่แน่ใจว่ามีกฎหมายกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ควรต้องบังคับให้โรงพยาบาล เปิดเผยข้อมูลตรงนี้ด้วย ถ้าคนไข้ร้องขอ โดยปกติไม่ต้องก็ได้ถ้าคนไข้ไม่ติดใจอะไร จากคุณ : Tamจัง - [ 9 พ.ค. 52 18:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 111 นี่คือสิ่งที่แลกกับการรักษาพยาบาลที่สะดวกรวดเร็วไงคะ สังเกตได้เลยว่าอาจารย์หมอที่มารักษาที่รพ .เอกชน ก็ประจำที่ รพ.รัฐด้วยนั่นหล่ะ แต่คุณจะเลือกตื่นตั้งแต่ตีห้าไปรับบัตรคิวที่ รพ รัฐตรวจตอนเที่ยง แล้วรอคิวอีกครึ่งเดือนได้ผ่าตัด (กรณีผ่าตัดเล็ก)  หรือ จะไปที่ รพ เอกชน ไปปุ๊บได้ตรวจปั๊บ วันรุ่งขี้นผ่าได้เลย ก็แล้วแต่จะเลือก ไงคะ จำได้คุณแม่เคยไปตรวจที่ รพ เอกชน อาจารย์หมอก็แนะนำให้ไปผ่าที่ รพ รัฐที่ท่านประจำอยู่ได้นะคะ รอช้านิดนึง ท่านตรวจแล้วว่าไม่ต้องรีบผ่าให้ทานยาไปก่อน ประหยัดเกินครึ่งค่ะ จากคุณ : invisible_cat - [ 9 พ.ค. 52 23:32:16 ]