ความคิดเห็นที่ 1 1. จะผู้หญิงประจำเดือนสม่ำเสมอหรือไม่สม่ำเสมอการนับวันก็ยังทำให้ท้องได้ค่ะ เลิกคิดไปได้เลยถ้ายังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ เราเอาแน่กะธรรมชาติไม่ได้หรอกนะคะ การนับวันมันเป็นเพียงแค่ค่าเฉลี่ยโอกาสเสี่ยงท้องน้อยแต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ท้อง เหมือนหน้าร้อนฝนก็ยังตกได้เลย คนเราก็เหมือนกันค่ะ อสุจิอาจจะอยู่รอดได้นาน ไข่อาจจะตกก่อนหรือหลังหรือตกเบิ้ลกว่าที่ควรจะเป็นก็ได้ และยังมีปัจจัยอื่นๆอีก 2. มีโอกาสท้องได้ค่ะ โดยทั่วไปอยู่ได้ 48 ชม. แต่อย่างว่าเราเอาแน่กะธรรมชาติไม่ได้ เคยมีรายงานอยู่รอดได้ถึง 7 วันมาแล้วนะคะ 3. การที่เราจะตั้งท้องมีหลายปัจจัย ไม่ใช่เรื่องไข่ตกอย่างเดียว ถ้าไข่ตกช่วงนั้นโอกาสท้องก็สูงค่ะ แต่คงพูดไม่ได้ว่าชัวร์หรือเปล่า 4. โดยปกติคนเราไข่จะตกนับไปก่อนหรือหลังวันแรกที่มีประจำเดือนไป 14 วันซึ่งเป็นแค่ค่าเฉลี่ย ความเป็นจริงอาจจะตกนอกเหนือเวลานั้นก็ได้ค่ะ 5. คนที่พลาดท้องส่วนมากเกิดจากความประมาท ความเข้าใจผิดๆ การเข้าใจว่าการนับวันป้องกันได้ก็เป็นความเข้าใจผิดที่มักนิยมกันเพราะสะดวก แท้จริงมันแค่เป็นวิธีลดความเสี่ยง แต่ไม่ใช่วิธีป้องกันนะคะ จากคุณ : GetCha - [ 9 พ.ค. 52 17:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. ) แล้วในกรณีที่ผู้หญิงประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอล่ะค่ะ ใช้ได้ด้วยรึเปล่า อย่างเช่น เดือนนี้มาช้าไป 2 วัน เราควรจะนับวันแรกที่มีเลือดไหลออกมา เป็นวันที่ 3 เลย หรือว่านับเป็นวันที่ 1 คะ ? นับวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 เสมอค่ะ แล้วจึงนับต่อไปจากวันนี้อีก 6 วัน รวมเป็น 7 วันค่ะ 2.) แล้วถ้าสมมติว่ามีอะไรกันวันที่ 5 อสุจิยังสามารถอยู่ได้อีก 24 ชั่วโมงได้ของเหลว (หรือ 48 จำไม่ได้ค่ะ) แบบนี้มีโอกาสท้องมั้ยคะ? โอกาสท้องมีไม๊ คิดว่าไม่มีแน่นอนค่ะ เพราะยังไง ไข่ไม่ตกภายใน 7 วันหลังมีประจำเดือนวันแรกแน่นอนค่ะ 3.) คือเรายังไม่เข้าใจเรื่องวันไข่ตกอะค่ะ ไม่รู้ใช้คำถามนี้ได้มั้ย ว่า ถ้าไข่ตกตรงกับวันที่ประจำเดือนมา (ตั้งแต่วันที่ 1 - 7)  แบบนี้ท้องชัวร์เลยมั้ยคะ? อันนี้ก็ใช่ค่ะ ถ้าไข่ตกตอนไหนท้องได้ทั้งนั้น แต่ไข่ไม่ตกช่วงมีประจำเดือนหรอกค่ะ เนื่องจาก ประจำเดือนจะมีก็ต่อเมื่อหลังไข่ตกไป 14 วันค่ะ เพราะจะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนต่ำพอดีค่ะ 4.) จากข้อสามนี่ ถ้าไข่ไม่สามารถตกวันเดียวกับที่ประจำเดือนมา ขอความรู้เรื่องวันที่ไข่ตกด้วยค่ะ วันที่ไข่ตกกำหนดแน่นอนไม่ได้ค่ะ  โดยปกติก็จะตกประมาณวันที่ 14 หลังมีประจำเดือนวันแรกค่ะ แต่วันนี้เลื่อนไปเลื่อนมาได้ค่ะ แล้วแต่รอบเดือนรอบฮอร์โมนของแต่ละคนค่ะ แต่หลังจากวันไข่ตกนี่ก็จะค่อนข้างแน่นอนว่าหลังจากวันนั้น 14 วันจะมีประจำเดือนมาค่ะ 5.) ข้อสุดท้ายค่ะ แล้วคนที่พลาดท้องนี่เกิดจาดเค้านับวันผิด หรือว่าสูตรนี้ใช้ไม่ได้คะ ทำไมคะ? ส่วนใหญ่จะนับวันผิดค่ะ อาจจะเป็นว่านับหลังเจ็ดหลังจากวันที่เมนส์มาวันสุดท้าย(หรือวันที่เมนส์หมดค่ะ)  หรือนับหน้าเจ็ดโดยที่ปกติแล้วประจำเดือนของฝ่ายหญิงมาไม่แน่นอนค่ะ ^^ จากคุณ : InGy - [ 9 พ.ค. 52 19:17:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าต้องหลังเจ็ด.................................................สิบ จากคุณ : ไม่รู้แต่ช่วยดัน (virgoman) - [ 9 พ.ค. 52 20:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาเพิ่มเติมให้อีกนิด คนเข้าใจผิดเชื่อผิดกันเยอะพอสมควร และที่พลาดท้องกันก็เพราะงี้นี่แหละ แม้วันที่มีประจำเดือนมาไข่ก็ตกได้ค่ะ เข้าไปอ่านเองแล้วกันค่ะ http://www.clinicrak.com/birthcontrol/lady_mensuation01.html เมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว มีวารสารการแพทย์ฉบับหนึ่ง ได้รายงานการวิจัยหญิงที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ 28 วัน จำนวนประมาณ 200 คน พบว่า ความรู้เดิมๆที่เราเคยเชื่อกันว่า มีไข่ตกในช่วง 8 วันอันตรายนั้นไม่จริงเสียแล้ว ถ้าเปรียบการตกไข่เหมือนฝนตกแล้ว ฝนจะตกชุกในช่วง 8 วันอันตราย ส่วนวันอื่นๆก็อาจมีฝนตกได้บ้างเปาะแปะ รวมทั้ง 7 วันแรกที่มีรอบเดือน และ 7 วันก่อนมีรอบเดือนก็อาจมีไข่ตกได้ อย่างไรก็ตามผู้รายงานสรุปว่า จำนวนตัวอย่างที่ทำยังน้อย คงต้องทำมากกว่านี้เพื่อหาคำอธิบายว่าทำไม่จึงเป็นอย่างนั้น สำหรับผมจึงอยากเตือนว่า การใช้วิธีนับวันนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก ถ้ายังไม่แต่งงานแล้วมีเพศสัมพันธ์ละก็ ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพสัมพันธ์ดีที่สุดครับ .....27 ธันวาคม 2000 นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 21:33:18 จากคุณ : GetCha - [ 9 พ.ค. 52 21:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รับทราบข้อมูลจากคุณ GetCha นะคะ แต่ยังขอไม่เชื่อถือในขณะนี้ เนื่องจากประเด็นด้านหลักฐานที่ไม่มีการอ้างอิงถึงข้อมูลที่แน่ชัด และเนื่องด้วยระยะเวลาที่ตีพิมพ์เอกสารนี้ก็เมื่อหลายปีก่อนแต่ยังไม่มีข้อมูลที่เคยเห็นค่ะ แต่เห็นด้วยกับการเตือนว่า กการใช้วิธีนับวันนนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก เพราะยังไงก็เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงมากที่สุดค่ะ ^^ อีกอย่างถึงไข่จะตกได้ในช่วงนี้ ยังไงก็คงไม่สามารถฝังตัวที่มดลูกได้ค่ะ เนื่องจาก ผนังมดลูกที่เป็นที่ฝังตัวของไข่ ได้กลายมาเป็นประจำเดือนไปแล้วค่ะ จากคุณ : InGy - [ 9 พ.ค. 52 22:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณพี่ทุกคนมากนะคะ จะกลับมาอ่านเรื่อยๆค่ะ จากคุณ : iamkeita (iamkeita) - [ 10 พ.ค. 52 08:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณIngyคะ ข้อมูลที่เราเอามาถูกเขียนโดย นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ  บทความที่ท่านเขียนอาจจะถูกเขียนตีพิมพ์หลายปีแล้ว นั่นยิ่งทำให้เราเชื่อว่าปัจจุบันน่าจะยิ่งมีหลักฐานอ้างอิงสิ่งที่ท่านเขียนมากขึ้นด้วยซ้ำ^_- ส่วนตัวเราเองถ้าเข้าเวบ ตปท. ก็จะเห็นมีเขียนทำนองเดียวกัน อย่างอันนี้เล่าว่าจากการทดลองในผู้หญิงหลายๆคนผู้หญิงบางคนเริ่มมีการตกไข่ในวันที่ 7 ซึ่งถ้าแจ๊กพอตสุขภาพสมบูรณ์จริงๆ อสุจิแข็งแรงว่ายไปได้ไกลหรืออยู่ได้นานโอกาสท้องก็เป็นไปได้ ยังมีรายละเอียดหลายอย่างลองอ่านดูเองค่ะ http://womenshealth.about.com/cs/pregnancy/a/whenpregoccur.htm อันนี้เป็นเพียงแค่1ในหลายๆเวบที่เราอ่านเจอนะคะ เราเองก็ไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่ายๆหรือเชื่อเพียงแค่ตำราเดียวที่บอกว่านับวันไม่ท้อง อย่างที่บอกการนับวันมันแค่ลดความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่การป้องกันที่ถูกต้อง วิธีนับวันแม้จะนับวันถูกต้องและใช้ในผู้หญิงที่ประจำเดือนมาตรงก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี เอาแน่กะธรรมชาติไม่ได้ ที่จริงๆมันทำนองเดียวกะคนที่ได้ลูกแฝด มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาให้มีลูกแฝด แต่เราจะเอาแน่อะไรกะธรรมชาติที่ไม่แน่นอนล่ะคะ ร่างกายผู้หญิงแปรปรวนง่ายขึ้นอยู่กะหลายปัจจัย เช่น อารมณ์ อาหาร ความเครียด การใช้ยา เพราะฉะนั้นการที่มีเลือดออกบางครั้งอาจจะไม่ใช่การมีประจำเดือนก็ได้ หรือบางคนเยื่อบุมดลูกหลุดลอกหลายวันแล้ว แต่เลือดคั่งค้างอยู่ข้างในถึงเพิ่งจะไหลออกมาก็ยังได้ เพราะฉะนั้นจะคิดง่ายๆแค่ว่ามีเลือดออก ต้องเป็นประจำเดือน ไข่ฝังตัวไม่ได้จึงไม่ใช่เสมอไป  ตรงข้ามบางกรณีไข่อาจจะฝังตัวได้ง่ายมากๆโดยที่เยื่อบุหลุดลอกไปแล้วมันก็ยังฝังได้ คุณไม่มีทางรู้แน่ชัดนะคะว่าเมื่อไหร่ที่มันหลุดลอกเมื่อไหร่ที่เลือดไหลออกเป็นประจำเดือน สมมุติว่าถ้ามันหลุดลอกหลายวันแล้ว โอกาสที่มดลูกจะสร้างเยื่อบุขึ้นมาใหม่มันก็เป็นไปได้อีกนะคะ ไม่ได้แปลว่าหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนแล้วจะฝังตัวท้องไม่ได้ ไข่บางกรณีไม่ได้ฝังในมดลูกก็มี(ในรายที่มีปัญหา) รายละเอียดปัจจัยที่ทำให้การนับวันไม่ปลอดภัย แม้จะนับถูกต้องและประจำเดือนมาตรง รายละเอียดยังมีอีกเยอะค่ะ ยึดติดแค่ว่ามีประจำเดือนแล้วไม่ท้องเป็นความเชื่อที่เก่าไปแล้ว^^ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 52 11:44:21 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 52 11:32:41 จากคุณ : GetCha - [ 10 พ.ค. 52 11:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ คุณ GetCha รับทราบข้อมูลค่ะ และเนื่องด้วยเหตุนี้ ไม่ทราบว่าจะขอเว็บต่างประเทศที่คุณอ้างถึงไว้หน่อยได้ไหมคะ? หรือช่วยบอกวิธีการ search หาข้อมูลใน google ที่สามารถเจอข้อมูลตรงนี้ได้ก็ได้ค่ะ เพราะเราเองยังค้นหาข้อมูลดังกล่าวไม่เจอค่ะ (แต่ไม่ใช่ไมเจอแล้วจะไม่เชื่อนะคะ เราเองก็คิดว่าอาจเป็นได้แต่แค่ยังไม่มีข้อมูลที่เป็นชิ้นเป็นอันค่ะ) นอกจากนี้ จะได้เป็นการอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ให้กับตัวเอง เผื่อมีคนมาถามเรา เราจะได้ตอบให้ถูกต้องค่ะ เนื่องด้วยเป็นคนทางสาธารณสุขจึงควรที่จะรู้ไว้และมีหลักฐานอ้างอิงที่สามารถนำไปใช้ได้จริงด้วยค่ะ (เผื่อเอาไว้ยันกับคุณหมอค่ะ) เนื่องจากที่เคยเรียนมาทั้งหมดทั้งในวิชา Anatomy, Physiology รวมถึง Reproductive sciences ไม่มีการพูดถึงเรือ่งทำนองนี้เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 52 11:37:54 จากคุณ : InGy - [ 10 พ.ค. 52 11:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 (ใน คห. 7 เอาลิ้งตัวอย่างมาให้ดู แต่คงแก้ไขไม่ทันคุณโพส คห. 8 ^_-) ยินดีค่ะคุณ Ingy คะ ข้อมูลเป็นชิ้นเป็นอันมันมีเยอะแยะค่ะ อยู่ที่เราหาหรือเปล่า เพราะส่วนมากเรียนกันมาแบบท่องจำจากตำราอย่างเดียว ทั้งที่ในตำราเขาคงไม่ได้ลงลึกขนาดนั้นเว้นแต่จะเป็นตำราแพทย์  เด็กๆไทยเรียนแล้วก็เข้าใจผิดหลงคิดว่าเป็นวิธีป้องกันเอามาใช้กันพร่ำเพรื่อ ตำราที่เรียนๆกันน่ะถ้ารุ่นเราอายุยี่สิบกว่าๆ ตำราก็น่าจะถูกเขียนไม่ต่ำกว่า 10-20 ปีด้วยซ้ำ(เก่ากว่าบทความที่เราให้ดูซะอีก) ง่ายๆ เลยค่ะ คุณ Ingy ลอง Search โดยใช้คำว่า "Safe days" หรือ "Natural protection" หรือคำอื่นๆที่คิดได้ ข้อมูลจะขึ้นมามากมายเลยค่ะ อ่านแทบไม่หวัดไม่ไหว^^ หรือถ้าจะลองอีเมลไปสอบถามนายแพทย์ที่เขียนบทความนี้โดยตรงก็ได้นะคะ เวบแกเป็นที่รู้จักพอสมควร เข้าไปน่าจะมีอีเมลติดต่ออยู่แล้ว ที่เวบนี้เลยค่ะ www.clinicrak.com เราเองก็อยากให้เด็กๆเข้าใจเเละเลิกใช้วิธีนี้ในการป้องกันซักที วิธีนี้น่าจะเหมาะกะคู่ที่แต่งงานแล้วหรือมีลูกก็ไม่เป็นไรไม่ใช่วิธีที่ควรเอามาใช้ทั่วไป เช่นเดียวกะคนที่พึ่งใช้ยาคุมฉุกเฉิน นอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้ว ประจำเดือนระบบในร่างกายแปรปรวนไปหมดทำให้ยิ่งเครียด จะเริ่มกินยาคุมแบบปกติก็เริ่มไม่ถูก เพราะยาคุมฉุกเฉินมักทำให้มีเลือดออก เลือดออกหรือประจำเดือนก็ยากที่จะรู้ชัด ไปๆมาๆคนกินกลุ้มกว่าเก่า! จากคุณ : GetCha - [ 10 พ.ค. 52 11:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะ เพิ่งเข้ามาเห็นว่าคุณแก้ไขเว็บไว้ให้แล้วค่ะ  ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^^ เพียงแต่ที่เราข้องใจเองก็คือ แปลกที่ว่าทำไมทางคณะที่เราเรียนถึงไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลยแค่นั้นแหละค่ะ (เป็นคณะทางวิทยาศาสตร์สุขภาพค่ะ) และอีกอย่างคือวิชาที่เราเรียนเราก็เรียนกับคุณหมอ เป็นคุณหมอทางสูติเลยค่ะที่มาสอน ก็เลยแอบสงสัยค่ะ จะว่าเราหลับก็ไม่ใช่ค่ะ เพราะวิชานั้นเป็นวิชาที่น่าสนใจมากๆๆ แถมอาจารย์สอนสนุกมากๆ ค่ะ 55  แค่สงสัยนะคะ ไม่ได้จะว่าอะไรคุณนะคะ ^^   ส่วนตัวเราเอง เราก็เชื่อเช่นเดียวกับคุณ GetCha นะคะ ตรงที่  "ผู้หญิงบางคนเริ่มมีการตกไข่ในวันที่ 7 ซึ่งถ้าแจ๊กพอตสุขภาพสมบูรณ์จริงๆ อสุจิแข็งแรงว่ายไปได้ไกลหรืออยู่ได้นานโอกาสท้องก็เป็นไปได้"  เพราะกรณีนี้ก็คิดว่าเป็นไปได้ค่ะ ^^ เพราะสมมติเรามีอะไรกับแฟนตอนวันที่ 7 ของระยะหลัง 7 อสุจิดันอยู่ได้ในสภาวะแวดล้อมดีดีอีกสามสี่วัน พอดีแจ๊กพอตได้เลยพอดีค่ะ ^^ อีกทั้งก็คิดเหมือนคุณเช่นกันว่าสำหรับวิธีนี้เหมาะกับคู่ที่แต่งงานแล้วหรือมีลูกก็ไม่เป็นไรค่ะ ^^ ขอบคุณคุณ GetCha มากๆ ค่ะ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นความรู้อย่างนี้ชอบมากเลยค่ะ ^^ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : InGy - [ 10 พ.ค. 52 13:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มันเป็นอย่างนี้นะคะ ที่รู้กันนี้อาจจะเก่าไปซะหน่อย หวังว่าคุณเจ้าของกระทู้คงไม่งงไปซะก่อน คำตอบหลัก ๆ มันคล้ายกับที่คุณ Ingy ตอบนั้นแหละคะ แต่ว่า ย้ำอีกทีตัวแรง ๆ ว่า ทุกอย่างในโลกไม่มีอะไรครบ 100 อย่างที่คุณ GetCha ว่าเอาไว้ ทีนี้ถ้ามันไม่ปลอดภัย การนับ 7 วันอันตรายหน้าหลังนี้ คิดว่าคุณ จขกท. น่าจะรู้ว่าตัวเองแปรปรวนแค่ไหน มันไม่ปลอดภัยหรอกนะคะ ในกรณีที่รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ ทางที่ดี ยาคุมดีกว่า การใช้ยาคุมฉุกเฉินนั้น ที่ว่าช่วยได้ไม่ 100 เปอร์ อาจเป็นเพราะกินผิดวิธี เช่นหลัง 72 ชม. ไปแล้ว หรือว่ากินแล้วอ้วก อะไรทำนองนี้ ส่วนประจำเดือนจะแปรปรวนไปหมดนั้น มันเป็นแค่ระยะแรกค่ะ ไม่ถาวร ซึ่งก็กลับมาปกติได้อีก หลัก ๆ คือปวดประจำเดือนมากขึ้น เลยทำให้ผู้หญิงเข้าใจว่าผิดปกติมากแร้วว อันนี้เห็นกระทู้แบบนี้เยอะ ซึ่งก็ไปตอบให้มากมายเกี่ยวกับการเริ่มยาคุม กรณีที่มันชัดก็คือ ไม่กล้าถาม ไปซื้อครั้งแรกแล้วคิดว่าจะอ่านเอกสารกำกับยาได้ พออ่านแล้วไม่เข้าใจ เพราะมันเขียนวกวนเหลือเกิน ก็เลยมาถาม (นี่ไม่ได้ว่าคุณ จขกท. ประการใดค่ะ แค่ชี้แจงให้เข้าใจ) ดังนั้นมีอะไรถามได้ สำหรับตัวเองนะคะ ถ้ามีใครมาถามเรื่องหน้าเจ็ดหลังเจ็ด จะถามก่อนเลยว่า แปรปรวนมั้ย สม่ำเสมอรึเปล่า ถามความพร้อมของเขาด้วยว่า มันไม่เต็มร้อยนะวิธีนี้และควรเปลี่ยนวิธี เขาพร้อมจะมีลูกมั้ยกรณีพลาด ถ้าไม่ ก็จะหัวเด็ดตีนขาดให้ยาคุมเลยค่ะ อันนี้เราเองก็ใช่ว่าจะตอบให้เค้าได้ แต่ของอย่างนี้แนะนำกันได้ ดีค่ะ ทีได้มาอัพเดทความรู้ แต่การตกไข่ในช่วง หน้า 7 หลังเจ็ดนั้น เป็นอะไรที่ยาก แต่ที่เคยเชื่อมานานนมก็อาจถูกหักล้างกันได้ แต่หลักฐานมันก็อาจจะยังไม่ยอมรับในแวดวงวิชาการ คิดว่าที่คุณหมอท่านออกมาเตือนเพราะอยากให้ตระหนักว่าเออ มันมีกรณีพลาดได้นะ อย่าเอาเป็นหลักป้องกันมากกว่านะคะ ก็เหมือนที่บนฉลากยามักเขียนคำเตือนไว้ ซึ่งบางอย่างแค่พบน้อยเคส เค้าก็เอามารายงานเพื่อเตือนไว้ การตกไข่ในช่วงเวลานั้นอาจเกิดจากความผิดปกติจริง ๆ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ไม่ใช่ฟันธงว่า ไม่ตกชัวร์ หรือตกชัวร์ เห็นด้วยกับคุณ GetCha ที่อยากให้เด็ก ๆ เลิกป้องกันตัวด้วยวิธีนี้ เราก็ทำได้แค่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเข้ามาตอบคำถามค่ะ เพราะบอกแล้วว่ามันไม่ร้อยเปอร์ อะไรไม่แน่ไม่นอน แทนที่จะเถียงเรื่องหน้า 7 หลัง 7 น่าจะแนะนำวิธีอื่นให้เค้าดีกว่าค่ะ จากคุณ : i_ji_ko_burry - [ 10 พ.ค. 52 13:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ Ingy คะ เราคิดว่าคุณหมอที่มาสอนอาจจะไม่ได้พูดถึง อาจจะเพราะแกไม่ได้เจาะลึกหัวข้อเรื่องนับวันโดยเฉพาะก็ได้มั้งคะ อีกอย่างเราเชื่อว่าอาจารณ์หรือหมอถึงแม้ไม่ได้พูดถึงแต่ก็คงจะไม่ได้ถึงกะฟันธงให้อยู่ดีว่ามีประจำเดือนแล้วไม่ท้อง 100% อย่างบางครั้งเลือดประจำเดือนออกมาสีคล้ำๆเพราะมันค้างอยู่ในร่างกายเราหลายวัน ซึ่งกว่าจะไหลออกมาก็เป็นไปได้ที่ไข่จะตกแล้ว บวกกะถ้าอสุจิอยู่รอดในร่างกายได้นาน อย่างไรก็ตามถ้าประจำเดือนมาตรง นับวันไม่ผิดโอกาสท้องก็น้อยมากๆ แต่คนส่วนใหญ่เวลาเขาเข้าใจแทนที่จะเข้าใจว่าโอกาสท้องน้อยมาก เขากลับเข้าใจว่าไม่ท้องแน่ๆ100%  ทำให้เกิดการผิดพลาด อยากให้เพศศึกษาย้ำกะเด็กตรงนี้มากๆจะได้กลัวกัน เพราะวัยรุ่นสมัยนี้ใช้วิธีนับวันกันเยอะมาก คนที่ประจำเดือนมาตรงนับวันถูกต้องแล้วท้องอาจจะเป็น 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 50 ก็ได้ แต่ก็ยังถือว่ามีโอกาสเพราะมีตัวแปรอื่นอีก เรื่องนี้ตอนเรารู้แรกๆก็งง งง เหมือนกันนะคะ ก็พยามหาข้อมูลถึงได้เข้าใจ ^^ จากคุณ : GetCha - [ 10 พ.ค. 52 16:17:26 ]