ก่อนอื่นแนะนำตัวว่าเพิ่งสมัครได้ไม่นาน แต่เรื่องนี้อยากเล่ามานานแล้วค่ะ
เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว กับตัวเอง เรากับแฟนคบกันมา 1 ปีกว่าเกือบ 2 ปีค่ะ
ก็รักกันดี จับได้เรื่องเขามีกิ๊ก อยู่ 2 - 3 ครั้ง ก็ไม่มีัปัญหาอะไร จนเมื่อวันหนึ่งเขาคุย
กับเราแล้วบอกว่า เขามีความจำเป็นต้องแต่งงานนะ กับคนที่พ่อแม่เลือกให้ซึ่งเราเองก็ตกใจไม่น้อย
ถามเขาว่าไม่แต่งได้ไหม เขาตอบว่าไม่ได้เนื่องจากธุรกิจ ของครอบครัว ต้องให้ฝ่ายหญิงหนุน
เราก็ร้องไห้ตลอดค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เลิกกันจนวันนึงเขาบอกว่าเราต้องเลิกกันแล้วนะ
ให้เราตัดสินใจว่ายังไงเพราะเขาบอกว่าจะไม่เลิกกับเรา จะคบเราอยู่ แต่ต้องรอให้แต่งงานก่อน เขาจะมาหาเราเหมือนเดิม ซึ่งตัวเราเอง
ตอบทันทีค่ะว่า "ไม่" เพราะว่าเราไม่อยากให้ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาในอนาคต
ของเขาต้องเสียใจ เขาก็ถามซ้ำๆว่าไม่เสียใจแน่หรอที่ตัดสินใจแบบนี้
เราเสียใจมากแต่ต้องตอบไปว่าไม่เป็นไร แล้วก็เข้าสู่มรสุมในชีวิต(คิดว่าใหญ่แล้วสำหรับเรา เท่าที่เคยเจอเรื่องไม่ดีมา)
เริ่มต้นของความเสียใจ
----------------------------------------------------------------
เวลาที่คนเราไม่สมหวังกับความรักก็มักจะเสียใจเสมอ แต่เมื่อ
เสียใจจนเกินจุดหนึ่งก็เข้าสู่ภาวะซึมเศร้า เราเริ่มทำตัวเป็นนางเอกมิวสิกเจ้าน้ำตา
ฟังเพลงอะไรเป็นร้องไห้ไปหมด ร้องชนิดที่เรียกว่าน้ำตาเป็นลิตร
แล้วเราก็เลือกที่จะฟังแต่เพลงเศร้าเท่านั้น ซึ่งจริงๆแ้ล้วไม่ควรเลย
เราเริ่มคิดว่าทำไมๆๆๆๆ ในหัวมีแต่คำว่าทำไม เรื่องราวต่างๆเริ่มเข้ามาในหัว คิดถึงเขาทุกวัน (เรียกว่าทุกวินาทีดีกว่า)
ทำงานก็ไม่เป็นอันทำ นั่งร้องไห้ตลอดเวลา โทรฯหาเพื่อนทุกคนที่สนิท เพื่อนปลอบอะไรมันเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาตลอด
ทุกวันนี้ก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเวลานั้นเพื่อนพูดอะไร
อาการเริ่มมากขึ้น
----------------------------------------------------------------
จากที่เคยแค่เสียใจร้องไห้ทุกวันแล้ว ก็ยังมีอาการเหงา เหงาชนิดที่เรียกไม่ถูกว่ายังไง
รู้สึกแค่ว่าห้องที่เคยอยู่มันกว้างเกินไปที่จะอยู่คนเดียว เริ่มฟุ้งซ่าน เขียนไดอารี่ บรรยายความรักที่มีให้เขา แล้วเริ่มโทษ
โชคชะตาชีวิต ที่เป็นอยู่ ณ ช่วงเวลาที่มีอาการระยะที่ 2 นี้
ร้องไห้มากว่า 1 เดือนแล้ว จนเราต้องไปหาหมอ คำแรกหมอถามว่า เป็นอะไรมาครับ
เราตอบว่า เราอยากตายทุกวินาที แล้วร้องไห้ โฮ
คำตอบของเราทำให้หมอถึงกับตกใจและบอกว่าให้ไปพบจิตแพทย์ทันที
แต่การหาหมอก็ไม่ช่วยอะไรเราเลย เพราะเราไม่กินยาที่หมอให้ หมอจ่าย Xanax ให้ แต่ไม่กิน
ถึงที่สุดกลัวจะฆ่าตัวตาย
----------------------------------------------------------------
ในเดือนที่ 2 - 3 อาการหนักมาก เฝ้าคิดถึงความตายทุกวินาที
เดินถนน ก็เหม่อลอย ใจคิดว่าถ้าโดดไปให้รถทับจะเป็นยังไง จะตายทันทีเลยหรือเปล่า ขา แขน จะหักกี่ท่อน
อยู่ห้องไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้ระเบียง กลัวโดดลงไป ถ้าอยู่ใกล้เมื่อไร มันจะมีความคิดลอยมาทันที ว่า 5 ชั้นจะตายไหม
ตกไปจะตายหรือเปล่า โทรไปคุยกับเพื่อนเริ่มไม่ร้องไห้แ่ต่ลอยๆ
ชอบถามเพื่อนว่าถ้าเราตายจะมางานไหม ถ้าเราตายแกอย่าว่าเรานะ เราทนไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากอยู่ ความรู้สึก ตอนนั้น
บอกว่าเราอยู่ไม่ได้โลกนี้โหดร้ายกับเราเกินไป
จุดเปลี่ยนของชีวิต
----------------------------------------------------------------
ถึงที่สุดเราก็โทรไปคุยกับแม่ แต่เราไม่ได้บอกปัญหาที่เกิดขึ้นให้แม่รับรู้
แม่คือคนที่ฉุดให้เรากลับมาในโลกของความเป็นจริงและทำให้ยอมรับได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
แค่เราได้คุยกับแม่เราก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำตัวแบบนี้อีก เหมือนสลัดความทุกข์นั้นออกได้ และเริ่มกินยาที่หมอให้มา
ทำตัวให้ร่าเริงดูหนัง ดูการ์ตูน คุยกับเพื่อนๆเหมือนเดิม เรายอมรับตรงๆว่าอาการนี้มันโรคซึมเศร้า เรากล้าบอกกับใครๆได้
ว่าเราเคยเป็น แต่เราจะไม่ยอมให้มันมาทำลายชีวิตเราได้ ครั้งใดก็ตามที่เราเริ่มมีอาการอีก
เราจะคิดถึงวันที่เราเคยเป็นว่ามันทุกข์ทรมานแค่ไหน
เรื่องอาจจะสั้นไปนะค่ะ แต่ว่าก็เป็นเรื่องจริงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา บางคนมองว่าเป็นโรคที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ
แต่สำหรับเรา ณ เวลานั้นที่บอกกับเพื่อนว่าอยากจะตาย มันคืออารมณ์นั้นจริงๆ ไม่ได้ขู่ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ
หากคุณมีเพื่อนที่กำลังเป็นแบบนี้ขอให้เข้าใจเขา และคุยหรือหากิจกรรมให้เขาทำเพื่อลืม หรือพาไปปฏิบัติธรรมก็ดีนะค่ะ
หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างเล็กๆน้อยๆค่ะ
จากคุณ :
ชื่อแรกก็ซ้ำซะแล้ว
- [
15 พ.ค. 52 14:42:50
]