PANTIP.COM : L7890630 วีดีโออัพเดท เพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อรีดไขมัน [คลับลดความอ้วน]

วีดีโออัพเดท เพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อรีดไขมัน

การออกกำลังกาย...
เป้าหมายของแต่ละคนแตกต่างกัน วิธีลดความอ้วนของยายหนูคือ เพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อรีดไขมัน ไม่ไช่ลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องเสริมการฝึกเวทเข้าไปในโปรแกรม ยิ่งเล่นยิ่งชอบ...

อาหาร....
ยายหนูอายุมากแล้ว ดังนั้นการทานอาหารจึงจำเป็นเน้นที่เพื่อสุขภาพในสูตรของหมอคือ ทานอาหารเพื่อบำบัดโรคไม่พึ่งยา เพราะยายหนูเป็นเส้นเลือดขอด จึงต้องทานอาหารที่ให้ไขมันดี เพื่อขับไล่ไขมันเลวออกจากเส้นเลือด และออกกำลังกายเพื่อให้เลือดสูบฉีดไหลเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งการฝึกเวทเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายและกระดูกแข็งแรง...
นมพร่องไขมันเนย ยายหนูดื่มเพราะนมให้ไวตามินดีและแคลเซี่ยมซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุ ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง วันละ 3แก้ว
Muscle Milk ยายหนูอยู่อลาสก้า และเมืองเล็กๆห่างไกลจากความเจริญ อาหารส่วนใหญ่จะแช่แข็ง ยายหนูไม่ชอบหมูและเนื้อวัว ปริมาณสารโปรตีนจึงน้อยมาก จึงต้องการโปรตีนเสริม ซึ่ง Muscle Milk สะดวกพร้อมดื่ม รสชาติอร่อย คล้ายๆเวย์โปรตีน ไม่ต้องชง ช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อ ฝึกหนัก ร่างกายต้องการโปรตีน ดื่มมากหน่อย ช่วงนี้ดื่มน้อยลงเพราะได้กล้ามเนื้อมากเป็นที่พอใจในระดับหนึ่งแล้ว จึงเป็นช่วงที่เน้นคาร์ดิโอ..

ขนมปังโฮลวีท ทำมาจากข้าวสาลี แรกๆยายหนูชอบมากเหมือนกันต่อมาพอได้ลอง 100% Whole Grain ซึ่งทำมาจากเมล็ดธัญญพืช จึงติดใจมากถึงขนาดทานแทนข้าวได้เลย ทาเนยถั่วบดสัก 1ชช.กล้วยหอมครึ่งลูก ฝรั่งเรียก แซนวิชกล้วยหอม ถั่วบดก็เป็นแบบ Natural Peanut Butter ทำจากถั่ว 100% ไม่มีส่วนผสมอื่นๆเจือปน โดยดื่มกับนมพร่องอุ่นจัด ชงใส่ผงโกโก้100% ไม่มีส่วนผสมของครีมหรือน้ำตาลใดๆทั้งสิ้น เขาว่าดื่มเป็นประจำจะทำให้อายุยืน ใส่น้ำตาลทรายเทียม สารให้ความหวานนี้ยายหนูใช้ Splenda ไม่มีแคลอรี่และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพถ้าเรารับในปริมาณที่เหมาะสม...

การรีดไขมันของยายหนูคือต้องการทานอาหารให้อยู่ในระดับ "รักษาน้ำหนัก" คือเป็นค่าของ BMR+กิจวัตรประจำวัน=1400+300 ยายหนูเป็นแม่ครัวมือไม่ว่างแต่ขาไม่ได้เดินไปไหน การเผาผลาญแคลอรี่จึงน้อยมาก ยายหนูไม่ต้องการตัดแคลอรี่ด้วยการทานอาหารให้น้อยไปกว่า 1700แคลอรี่ 1400คือแคลอรี่ที่ยายหนูสามารถรับได้ถึงแม้ว่าในวันนั้นๆจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม บวกแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ในกิจวัตรประจำวัน เพิ่มให้ 300 ก็คือทานอยู่ที่ 1700และทำงานเท่านี้ น้ำหนักจะคงที่เท่ากับเป็นการรักษาน้ำหนัก

ถ้าลดอาหารลง น้ำหนักก็จะลดลงจนได้ระดับหนึ่ง ร่างกายก็จะปรับระบบการเผาผลาญอาหารให้อยู่ในระดับนั้น ทำให้น้ำหนักไม่ลดลงอีก เมื่อถึงตอนนี้จะทำอย่างไร จะลดอาหารให้น้อยลงอีกก็ไม่ได้ ดังนั้นยายหนูจึงใช้วิธีออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน โดยยังทานอยู่ที่1700 หลังจากได้น้ำหนักตามที่ต้องการแล้ว ถ้ายายหนูไม่ออกกำลังกายก็ได้ แต่ต้องทานอยู่ที่ 1700 แต่ถ้ายังต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแบบบริหารร่างกาย ก็สามารถทานได้มากถึง 2000
และเนื่องจากร่างกายของเราสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานะการณ์ ไม่ว่าจะร้อน จะหนาว จะอดอยากไม่มีอาหารกิน แต่ก็ยังคงอยู่รอด ลองกลับมาดูอีกวิธีหนึ่ง

จากคุณ : ยายหนูAK - [ 22 พ.ค. 52 11:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 1

สมมุติว่ายายหนูลดความอ้วนด้วยการลดปริมาณอาหารจาก 2000 ซึ่งเป็นปริมาณที่ทำให้ยายหนูอ้วน ยายหนูก็ลดปริมาณอาหารมาอยู่ที่ 1700 น้ำหนักก็ไม่ลดลงเพราะมันเป็นปริมาณรักษาน้ำหนักให้คงที่ ยังไม่ถึงขั้นติดลบพอที่จะทำให้ผอมลงได้ ยายหนูจึงต้องลดอาหารให้น้อยลงมาอีกให้อยู่ที่ประมาณ 1400 น้ำหนักจึงจะลดลง แต่พอลงมาถึงระยะหนึ่งร่างกายก็จะชิน น้ำหนักเกิดไม่ลด ดังนั้นยายหนูจึงต้องลดอาหารลงไปอีก ให้เหลือประมาณ 1100-1200 น้ำหนักก็ลดลงมาอีก และสมมุติว่ายายหนูได้น้ำหนักตามที่ต้องการแล้ว ในเวลาเดียวกันร่างกายก็เกิดชินกับการทานน้อยเท่านี้ ถ้าทานมากขึ้นร่างกายก็จะเผาผลาญไม่หมดทำให้อ้วนอีก ยายหนูก็ต้องทานน้อยๆอย่างนี้ไปตลอดชีวิต..

ดังนั้นยายหนูจึงลดความอ้วนด้วยการกำลังกาย โดยฝึกเวทและคาร์ดิโอ ช่วงแรกทำสองอย่างพร้อมกัน เพราะการฝึกเวทเป็นการฝึกขั้นเริ่มต้น เป็นเพียงการกระตุ้นเซลกล้ามเนื้อให้ตื่นตัวและพองขยายขึ้น ยังไม่ถึงขั้นฝึกหนักถึงกับทำให้เซลของกล้ามเนื้อฉีกขาด และคาร์ดิโอด้วยการเดินเร็วบนเทรดมิล

พอเห็นบริเวณกล้ามเนื้อไบเซบเริ่มปูดๆหนุ่ยๆเห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็ดีใจ ช่วงนี้น้ำหนักลดลงแบบไม่ประติดประต่อเท่าไรนัก แต่ก็ลดไปได้ 10กิโล โดยใช้เวลาถึง 7เดือน เพราะกำลังคึก ว่างก็เดินๆๆๆๆ และแล้วร่างกายก็ชินกับการออกกำลังกายกับการเดินๆอย่างนี้ ยายหนูจึงหยุดพัก และเปลี่ยนการทำคาร์ดิโอใหม่ ด้วยการปั่นอิลลิปติคอล น้ำหนักจึงขยับลง...

ทุกวันยายหนูจะไม่เคยอยู่เฉยเมื่อใดที่มีเวลาว่าง จะคอยค้นหา อ่านตามแหล่งข้อมูลต่างๆทั้งไทยและเทศ ซึ่งไทยนั้นเชื่อถือไม่ค่อยได้ เพราะก็อปและแปลมาจากเทศอีกที บางบทความล้าสมัยมากๆ เรียกว่าเดินตามหลังฝรั่งอยู่หลายปี พอได้ความรู้เพิ่มและพอที่จะเชื่อถือได้ บวกกับเรียนรู้แล้วปฏิบัติตามอย่างเห็นผล ล่าสุดจึงตัดสินใจเข้าสู่ช่วงฝึกเวทแบบหนักหน่วง เพื่อเสิรมส้รางกล้ามเนื้อ เพราะไม่อยากแก่แล้วพึ่งไม้เท้า หรือนั่งรถเข็น แต่เนื่องด้วยสังขารอีกแหละ จึงทำให้ฝึกได้ไม่เต็มที่ แต่ก็เป็นที่น่าพอใจ น้ำหนักเพิ่มขึ้นนิดหน่อย พร้อมกับกล้ามเนื้อที่ขึ้นให้เห็นเป็นเงาๆในวีดีโอ แต่พอเอามือลูบ อึม..ไม่น้อยเลย....

การทำคาร์ดิโอ เป็นการออกกำลังกายที่สามารถเผาผลาญไขมันที่เห็นผลที่สุด น้ำหนักที่หายไปของการทำคาร์ดิโอนี้จึงเป็นไขมันส่วนหนึ่งและปริมาณน้ำที่สะสมอยู่ตามเซลต่างๆของร่างกายอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้นคนที่ออกด้วยวิธีนี้ น้ำหนักตัวจะลดลงเร็ว แต่เมื่อหยุดน้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาเร็วเช่นกัน จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมคนที่ทำคาร์ดิโอเพียงอย่างเดียว เมื่อผอมลงจึงบ่นว่าเนื้อหนังไม่กระชับเพราะกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งาน ไม่พองขยาย บวกกับสูญเสียน้ำออกไป จึงทำให้ไม่เต่งตึง...

ตรงกันข้ามกับการฝึกเวท กล้ามเนื้อถูกใช้งาน เส้นเลือดตามเซลกล้ามเนื้อพองขยาย เส้นเลือดสูบฉีด เมื่อเซลของกล้ามเนื้อเกิดการพองขยาย มันก็จะดูดซึมของเหลวไว้ ส่วนไขมันจะถูกใช้ไปมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่ที่ขนาดของกล้ามเนื้อและความหนักในการฝึก ดังนั้นผู้ที่ฝึกเวทร่างกายจึงดูเต่งตึง น้ำหนักอาจจะไม่ลดลง นอกจากคนที่แข็งแรงและมุมานะจริงๆ เขาจะควบคุมอาหาร ฝึกหนัก และทำคาร์ดิโอไปพร้อมๆกัน หลายคนใช้ Fat Burner เป็นตัวช่วย แต่ถ้าไม่แข็งแรงจริงๆ มีสิทธิ์วูบได้...

ยายหนูฝึกแบบไปเรื่อยๆ ตามกำลัง เวลาและโอกาส นอกจากเหตุผลที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น ยังต้องทำธุรกิจควบคู่ไปอีกด้วย จึงไม่สามารถทำตามโปรแกรมได้เต็มที่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ.....

สุดท้ายหวังว่า บทความจากประสบการณ์จริงคงจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อย....Love your Body
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 13:22:12

จากคุณ : ยายหนูAK - [ 22 พ.ค. 52 11:30:37 ]