ความคิดเห็นที่ 1 อายุแค่ยี่สิบหก เป็นเร็วไปนิดนึง ถ้าให้เดาก็คงจะอ้วน น้ำหนักเกิน การวินิจฉัยก็ต้องเจาะน้ำตาลเกิน 126 mg%เกิน สอง ครั้ง หรือมีอาการหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด เบาหวานมักไม่หายขาด การรักษาต้องติดตามกับหมอที่รักษาอย่างใกล้ชิด ลดน้ำหนัก ลดอาหารหวาน ลดแป้ง ลดน้ำตาล ออกกำลังกาย ดื่มชาได้แต่อาจจะไม่เกี่ยวกับโรคเบาหวานครับ ยังไงๆก็อย่าลืมไปตามนัดหมอนะครับ จากคุณ : drbjps - [ 26 พ.ค. 52 15:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณเจ้าของกระทู้ครับ ผมพอมีความรู้เรื่องโรคนี้ ยังงัยติดต่อมาที่ jetjum@hotmail.com นะครับ พี่สาวอายุยังน้อยมีโอกาสหายครับ จากคุณ : มีทางออก - [ 26 พ.ค. 52 16:22:21 A:210.188.140.68 X: TicketID:018193 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่บอกว่าเป็นเบาหวานนี่ ตรวจยืนยันแล้วใช่มั้ยครับ การที่จะบอกว่าเป็นเบาหวาน ก็อย่างที่คุณ drbjps บอกไว้ครับ ตรวจยืนยันซ้ำสองครั้ง โดยต้องงดอาหารอยางน้อย 8 hr หรืออีกกรณีก็คือครั้งเดียว แต่ว่ามีอาการของโรคเบาหวานร่วมด้วย ได้แก่ กินน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะตอนกลางคืน น้ำหนักลด เพราะฉะนั้นอันดับแรก เลยต้องยืนยันก่อนว่าเป็นจริงๆ ถ้าเป็นจริงๆ แล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นเบาหวานในคนอายุน้อย ซึ่งถ้าตรวจพบเจอ โดยที่ไม่ได้มีอาการรุนแรงของเบาหวานมาก่อน ก็น่าจะเป็นกลุ่มชนิดที่ 2 คือ ร่างกายยังสร้างอินสุลินได้ แต่ไม่เพียงพอ หรือ มีแต่ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้เท่าที่ควร ซึ่งกรณีหลังนั้นมักจะพบในผู้ที่มีน้ำหนักเยอะ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรือเป็นกลุ่มโรคที่เรียกว่า metabolic syndrome ซึ่งจะมีลักษณะสำคัญ คือ อ้วนลงพุง ระดับไขมันในเลือดสูง สำหรับการรักษานั้น ทางการแพทย์ โรคเบาหวานที่ไม่ได้มีสาเหตุจากยา  เป็นโรคที่รักษาไม่หาย คำว่ารักษาไม่หาย ฟังดูโหดร้าย ผมมักจะบอกคนไข้ว่า คิดซะว่าเหมือนกับการที่เราเกิดมาแล้วสูงเท่านี้แล้ว จะทำให้สูงกว่านี้ หรือเตี้ยกว่านี้มันไม่ได้แล้ว คิดซะว่าเราจะอยู่กับมันยังไงดีกว่า ถ้าเราดูแลตัวเองได้ดี มันก็ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวอะไรนัก แต่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ที่สำคัญคือการมีวินัยต่อตัวเอง ทั้งการกินอาหาร การออกกำลังกาย ที่ต้องย้ำเรื่องรักษาไม่หาย เพราะ คนเราทุกคนมักจะมีความหวัง ความหวังว่าโรคจะหาย พอเวลาผ่านไป รักษากับหมอแล้วมันก็ต้องกินยาไปเรื่อยๆ หรือต้องควบคุมตัวเองอยู่ตลอด พอมีคนมาบอกว่า กินยานี้สิแล้วหาย มีญาติกินแล้วดี ไม่ต้องกินยาหมออีกเลย ก็เป็นธรรมดาที่อยากลอง แต่เท่าที่เคยเจอส่วนใหญ่ (ย้ำว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ทุกคน) ไม่ได้มีผลอะไร และการไปกินยาอื่นๆ กลับจะทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลยากขึ้น การมีวินัยกับตัวเองเป็นกุญแจสำคัญที่สุดครับ หลายคน แรกเริ่มต้องกินยา แต่เวลาผ่านไป ไม่ต้องกินยาเลยก็ได้ อย่างนี้เรียกว่าหายหรือเปล่า ? สำหรับผมแล้วก็เคยเจอนะครับ แต่ก็ต้องควบคุมตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ ส่วนตัวแล้วไม่เรียกว่าหาย ตอบมาซะยืดยาว หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ^-^ จากคุณ : pigletdora - [ 26 พ.ค. 52 17:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ ขอตอบ ค.ห 1 นะคะ พี่สาวหนัก 65 สูง 170 ค่ะ คิดว่าไม่น่าจะอ้วนมากไปนะคะ ค.ห 2 จะแอ๊ดเมลล์ไปนะคะ ค.ห 3 ขอบคุณมากๆๆสำหรับคำตอบค่ะ อาการของพี่สาวคือวูบๆบ่อย หลังจากวูบต้องกินน้ำละลายน้ำตาล ถึงจะดีขึ้น เมื่อวานพี่สาวเพิ่งไปตรวจครั้งแรกหมอก็บอกมาว่าเป็นเบาหวาน ต้องตรวจสองครั้งในที่นี้หมายความว่ายังไงอ่ะคะ คิดว่าพี่สาวน่าจะตรวจเลือดครั้งเดียว ที่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องโรคนี้เลยค่ะ แม่อายุ 62แล้วก็ไม่เป็นเบาหวาน พี่สาวเป็นคนแรกเลย เค้าก็ไม่ได้กินหวานมากจนขาดไม่ได้ หรือกินประจำมานานๆ ไม่อ้วนด้วยค่ะ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเค้าถึงเป็นได้ คุณ ค.ห 3 เป็นหมอใช่มั้ยคะ รบกวนอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้มั้ยคะ ถ้ายังไงให้พี่สาวไปตรวจซ้ำดีมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : bolibumpa - [ 27 พ.ค. 52 00:17:58 A:83.252.233.177 X: TicketID:196076 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อาการของพี่สาว จขกท. นั้น สรุปก็คือ วูบๆ กินน้ำตาลแล้วดีขึ้น ? ผมสรุปถูกใช่มั้ยครับ ถ้าอาการแค่นี้ก็ไม่เหมือนโรคของเบาหวานนะครับ การตรวจซ้ำก็คือ การตรวจหลังงดอาหารอย่างน้อย 8 ชม. แล้วค่าเกิน 126 โดยไม่มีอาการอย่างที่บอกไปข้างบนนู้น  2 ครั้ง การตรวจมาตรฐานเป็นเช่นนั้นครับ เจาะเลือดจากเส้นเลือดดำ แล้วคุณหมอที่ตรวจบอกว่าเป็นเบาหวานแล้ว ให้คำแนะนำ + การรักษายังไงบ้างครับ อีกอย่างเรื่องอ้วนไม่อ้วน ต้องวัดรอบเอวนะครับ การวัดรอบเอวไม่เหมือนเอวตัดเสื้อ ง่ายๆ คือ วัดระดับสะดือครับ สำหรับผู้หญิง 38 cm ครับ จากคุณ : pigletdora - [ 27 พ.ค. 52 08:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ซื้อที่ตรวจน้ำตาล ที่เจาะปลายนิ้ว  ตรวจหลังอาหาร 2 ชั่วโมง  ตรวจเช็คบ่อยๆๆ ถ้าไม่อยากกินยา   ลองคุมอาหาร  ไม่กินหวาน แป้ง ผลไม้  ขนม  แล้วก็ออกกำลังกายค่ะ  วิ่ง วิ่ง ค่ะ    แต่กินยา ต้องระวัง เพราะว่า ออกกำลังกาย อาจทำให้น้ำตาลต่ำ  ดื่มแต่น้ำปล่าวค่ะ ตรวจเจอเร็ว  ถือว่าโชคดีค่ะ  จะได้ดูแลสุขภาพ จากคุณ : j_pang - [ 27 พ.ค. 52 09:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เบาหวาน รักษาไม่หายขาด แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้อย่างมีความสุขครับ ระวังเรื่องอาหาร ระวังพวกมาแสวงหาผลประโยชน์ด้วยน่ะครับ ทางที่ดีปรึกษาแพทย์ที่เราทำการรักษาดีที่สุดครับ จากคุณ : Pita - [ 27 พ.ค. 52 09:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เจ้าของกระทู้คะ เราเองก้อเป็นเบาหวานมา4ปีเเล้วคะ เป็นตอนอายุ30ปี ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตโดยประมาท ทำงานกลับมาเหนื่อยเเล้วก้อรับประทานอาหาร ไม่ค่อยได้ดูเเลตัวเองเท่าที่ควร ตอนนี้รับมือกับมันได้เเล้วควบคุมอาหาร ทางที่ดีปรึกษากับโภชนาการจะดีกว่านะคะ งดดื่มชากาเเฟเเละน้ำอัดลม ท่องเอาไว้เลยว่าน้ำเปล่าดีที่สุด ออกกำลังกายเบาๆ อย่านั่งหน้าทีวีมากกเกินไป ไปหาคุณหมอตรวจอีกครั้งนะคะเเละพบกับโภชนาการอย่าเชื่อพวกอาหารเสริมนะคะออกกำลังกายควบคุมอาหาร ตามใจปากจะลำบากตัวเองนะคะจำเอาไว้เราเองก้อเคยน้ำตาลขึ้นสูงมาเเล้วเข็ดมากเเละไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก เอาใจช่วยพี่สาวของคุณคะ จากคุณ : Sugar free (jk no.2) - [ 27 พ.ค. 52 12:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ค.ห 5 คะ ใช่ค่ะ อาการวูบทานน้ำตาลแล้วดีขึ้น วันนี้ได้โทรถามพี่แล้วค่ะ เค้าอดอาหารก่อนไปตรวจ คุณหมอบอกว่าเป็นเบาหวาน และให้ยามาทานร่วมกับควบคุมอาหาร ไม่ดื่มชากาแฟ เป็นแน่ๆๆๆแล้วนะคะ เมื่ออื่นเข้ามาอ่านกระทู้แอบมีลุ้นว่าหมออาจะตรวจผิดพลาด หรือว่าพี่สาวไม่ได้อดอาหาร อิอิ ตอนนี้ต้องยอมรับแล้วค่ะ ยังคิดอยู่ว่าแค่เบาหวานยังเสียใจแทนพี่มากๆๆถ้าร้ายแรงกว่านี้คงจะแย่น่าดู ขอถามเพิ่มนิดนึงนะคะ เผื่อว่าคุณ pigletdora จะแวะเข้ามาอ่านอีกรอบนึง ผู้หญิงที่ลงพุง จะเป็นเบาหวานทุกคนมั๊ยคะ เพราะเราก็ลงพุงอ่ะค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มควบคุมอาหารแล้ว กลัวจะเป็นเหมือนกัน จะมีวิธีแก้ไขยังไงให้ลดความเสี่ยงลงได้คะ ถ้าแวะเข้ามาอ่านอธิบายให้นิดนะคะ ขอบคุณค่ะ คุณ Sugar free (jk no.2) ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับคำแนะนำจะบอกให้พี่สาวทำและหนูก็จะทำด้วยค่ะ เมื่อก่อนคิดแต่ว่าอายุยังน้อย คงไม่เป็น พอมาเจอกับพี่สาว แย่ๆเลยค่ะ พี่ก็สู้ๆๆๆๆ เหมือนกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : Bolibumpa - [ 27 พ.ค. 52 21:08:10 A:83.252.233.205 X: TicketID:196076 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โหวตๆๆค่ะ เป็นความรู้ที่ดีมากๆ จากคุณ : สายลมแห่งความทรงจำ - [ 27 พ.ค. 52 21:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอถามคุณ pigletdora อีกคำถามนะคะ คำถามเหมือนกับที่ถามไปตอนต้น ตอนนี้พี่สาวต้องทานยาจากหมอ้วย และเค้าเป็นคนติดชากาแฟ ถ้าเค้าเปลี่ยนเป็นดื่มชาธรรมดา เช่น ชาสมุนไพร ชาขาว ชาผลไม้ ที่เป็นยี่ห้อชาลิปตัน จะได้มั้ยคะ ชาจะทำให้ยาลดประสิทธิภาพลงมั้ยคะ ไม่รู้ว่าที่ไทยมีขายหรือป่าว อธิบายไม่ถูกอ่ะค่ะ ชาที่เอามาแช่น้ำร้อนแล้วดื่ม แต่เป็นพวกขิง เมนทอล แล้วก็พวกชาผลไม้ ที่ไม่มีรสหวาน ถ้าหากเค้าดื่มได้ จะได้ส่งไปให้เค้าค่ะ อยากทำอะไรให้เค้าบ้าง เค้าจะได้มีกำลังใจ ไม่คิดมาก รบกวนตอบให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Bolibumpa - [ 27 พ.ค. 52 22:24:40 A:83.252.233.205 X: TicketID:196076 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อายุน้อย ๆ เป็นเบาหวาน น่าจะเป็นเหมือนเรา คือเป็นแบบที่หนึ่ง ชนิดต้องพึ่งอินซูลิน คือต้องฉีดยาใช่ไหมคะ เราน่ะ ฉีดยาวันละอินซูลินวันละสี่รอบ เจาะตรวจน้ำตาลอีกวันละสี่รอบ (อย่างต่ำ) มาจะสองปีแล้วค่ะ ชีวิตก็มีความสุขดี แต่เราจะเบื่อมาก ๆ เวลาที่เราบอกคนว่าเราเป็นเบาหวาน แล้วคนบอกว่า อ๋อ ยายฉันก็เป็น ปู่ฉันก็เป็น นี่เธอต้องทำแบบนั้นแบบนี้นะ บลา ๆๆ คือก็เข้าใจนะว่าคนเค้าแคร์เรา แต่เราขี้เกียจอธิบายว่าเบาหวานที่เราเป็นมันไม่เหมือนกับเบาหวานที่คนแก่ ๆ เค้าเป็นกัน อันที่จริง การปฏิบัติตัวในผู้ป่วยเบาหวานแบบที่หนึ่ง กับสองไม่เหมือนกันนะคะ (ไม่ชอบคำนี้เลย รู้สึกว่าคนเป็นเบาหวานไม่ใช่คนป่วย) ตอนที่เราเป็นแรก ๆ ก็เครียดค่ะ ใช้เวลาซักพัก ปรับวิถีชีวิตในการกินอาหารให้ดี ก็ใช้ชีวิตได้เป็นปรกติค่ะ ดีเสียอีกที่ทำให้เราเอาใจใส่ตัวเราเองมากขึ้น ชา กาแฟ ไม่หวาน ดื่มได้นะคะ เราติดกาแฟมาก ๆ เลยค่ะ แต่ทานกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ถ้าน้องอยู่ต่างประเทศ ก็จะมีผลิตภัณฑ์พวกช็อกโกแลกหรือขนมสำหรับคนเป็นเบาหวานขายค่ะ จริง ๆ แล้วของพวกนี้ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกค่ะ แต่ถ้าหากอยากจะให้เค้ามีกำลังใจก็ลองดูนะคะ แหม ใช้บัตรผ่านเน๊อะ ไม่งั้นจะบอกให้หลังไมค์มาคุยค่ะ จากคุณ : pimm's - [ 28 พ.ค. 52 00:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีค่ะ พี่ pimm's พี่สาวหนูเพิ่งเริ่มทานยาอ่ะค่ะ เค้าเพิ่งรู้เมื่อสองวันนี้เองค่ะ ตอนนี้ก็ส่งชาไปให้เค้าแล้ว อยากให่เค้ารู้ว่าเราเป็นห่วง เค้าจะได้ดูแลตัวเองดีๆๆ เพิ่งมีลูกน้อยๆด้วยค่ะ หนูก็เคยได้ยินมาเยอะค่ะเกี่ยวกับเบาหวาน แต่หนักๆทั้งนั้นเลย ก็เลยกลัวๆๆ ต่อไปนี้ จะทานอะไรต้องคิดหนักๆๆเลย กลัวตัวเองจะเป็นเหมือนกันค่ะ เพราะลงพุง อิอิ ถ้าพี่มีเวลาว่าง ช่วยอธิบายการปฏิบัติของผู้ป่วยแบบที่หนึ่งให้หน่อยได้มั้ยคะ จะได้ไปบอกให้พี่สาวทำตาม จะให้เค้าศึกษาเอง เค้าก็ยุ่งมาก มีลูกน้อย และต้องทำงานอีกด้วย ขอบคุณที่เข้ามาตอบกระทู้นะคะ จากคุณ : bolibumpa - [ 28 พ.ค. 52 01:26:48 A:83.252.233.205 X: TicketID:196076 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เบาหวานมีสองแบบค่ะ แบบที่หนึ่ง (หรือแบบเฉียบพลัน) มักจะเป็นกับเด็ก หรือคนอายุต่ำกว่าสี่สิบ แบบนี้จะเกิดขึ้นเร็ว บางรายต้องแอทมิทเข้าโรงพยาบาล เบาหวานชนิดนี้ ร่างกายเลิกผลิตอินซูลินซะเฉย ๆ ดังนั้น การรักษา ต้องใช้วิธีการฉีดอินซูลินอย่างเดียวค่ะ ส่วนแบบที่สอง มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือคนที่อ้วนมาก ๆ ง่าย ๆ ก็คือว่าร่างกายยังผลิตอินซูลินได้บ้าง แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย การรักษาใช้วิธีการทานยาได้ค่ะ แต่บางราย ทานยาไปนาน ๆ ไม่ไหว ก็อาจจะใช้เปลี่ยนมาใช้วิธีการฉีดอินซูลินได้เหมือนกัน วิธีการดูแลตัวเองของคนเป็นเบาหวานแบบที่หนึ่งกับแบบที่สองจะต่างกันค่ะ สำหรับคนเป็นเบาหวานแบบที่หนึ่ง ขึ้นอยู่กับลักษณะของอินซูลินที่ใช้ คร่าว ๆ ก็คือ เน้นหลักความสม่ำเสมอเข้าไว้ ยึดทางสายกลาง ทานทุกอย่างได้แต่ให้พอดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่หนักจนเกินไป พี่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับแบบที่สองมากนักนะคะ แต่พี่คิดว่าควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่หวานจัด หรือถ้าเปลี่ยนมาทานพวกข้าวกล้องได้ก็จะดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เบาหวาน ไม่ใช่โรคที่ตายวันนี้พรุ่งนี้หรอกค่ะ แต่จะเกิดผลในระยะยาวมากกว่า เพราะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้มาก เพราะถ้าควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีเป็นระยะเวลานาน ๆ ระบบการหมุนเวียนเลือดในร่างกายจะไม่ดี และมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น หัวใจ โรคไต ฯลฯ ดังนั้นก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี และสม่ำเสมอค่ะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่หวานจัด ออกกำลังกาย อ้อ ดูแลเท้าให้ดีด้วย อย่าให้เป็นแผล คอยสังเกตเกี่ยวกับประสาทสัมผัสที่ปลายเท้า เพราะเท้าเป็นส่วนที่ห่างจากหัวใจที่สุด ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่คนทุกคนควรทำอยู่แล้ว แม้จะไม่เป็นเบาหวานล่ะค่ะ การเป็นเบาหวานทำให้เราเอาใจใส่กับตัวเองดีขึ้นกว่าคนที่ไม่เป็นซะอีกนะคะ จากคุณ : pimm's - [ 28 พ.ค. 52 04:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบ จขกท. นะครับ อ้วนลงพุงแล้วจะเป็นเบาหวานกันทุกคนหรือเปล่า ---> เปล่าครับ ปัจจุบันเราพบว่าการอ้วนลงพุงนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจในอนาคต โดยนอกจาก อ้วนลงพุงแล้ว ก็มีระดับไขมันที่ผิดปกติ มีความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของอินสุลิน (ง่ายๆ ก็คือถ้าอินสุลินทำงานได้น้อยมากๆ ก็กลายเป็นเบาหวาน ถ้าเริ่มต้นก็แค่ทำงานผิดปกติเท่านั้นยังไม่ถึงขั้นเบาหวาน) เพราะฉะนั้นอ้วนลงพุง ไม่ได้บอกว่าจะเป็นเบาหวาน แต่มันอาจจะมาพร้อมๆ กับโรคอื่นๆ ครับ รวมแล้วเรียกว่า metabolic syndrome (ไม่แน่ใจว่าเขาใช้คำภาษาไทยว่าอะไร) วิธีลดความเสี่ยงที่ดีที่สุดก็ ควบคุมน้ำหนักตัว ออกกำลังกาย ครับ ฟังเหมือนสูตรสำเร็จนะครับ แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ จากคุณ : pigletdora - [ 28 พ.ค. 52 09:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อนะครับ เรื่องการกินชา โดยทั่วไปไม่มีผลอะไรครับ จะกินกาแฟต่อก็ได้นะครับ แต่ต้องลดน้ำตาล หรือใช้น้ำตาลเทียมแทน ส่วนจะเป็นชนิดหนึ่ง หรือ สอง นั้น โดยทั่วไปก็อย่างที่ คุณ pimm's เล่าไปนั่นแหละครับ แต่ปัจจุบัน การพบคนไข้ ชนิดที่สอง ในอายุที่น้อยลงก็เยอะขึ้นครับ การดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มนั้น ทั่วไปการปฏิบัติตัวไม่ต่างกัน การใช้ยาก็มีสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ ยากิน กับ ยาฉีดอินสุลิน ถ้าเป็นคนไข้ชนิดที่หนึ่งนั้น เราเชื่อว่า ร่างกายไม่สามารถผลิตอินสุลินได้ การรักษาก็ต้องเป็นการฉีดอินสุลินเข้าไปทดแทน (อินสุลินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตออกมา ส่งผลต่อร่างกายคือ ทำให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ถ้าไม่มีอินสุลิน น้ำตาลในร่างกายที่ได้จากการกินอาหารนั้น ก็ไม่ถูกนำไปใช้ น้ำตาลในร่างกายสูง ----> เป็นเบาหวาน) ส่วนคนไข้ชนิดที่สองนั้น ร่างกายสร้างอินสุลินได้ แต่อาจจะสร้างได้น้อย หรือ ร่างกายตอบสนองต่ออินสุลินน้อยลง ยาที่ใช้ ก็เป็นยากิน ที่มีท้ังกระตุ้นการสร้างอินสุลินให้มากขึ้น ยาที่ช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อินสุลินได้ดีขึ้น สำหรับ พี่สาวจขกท. ก็คงต้องเริ่มด้วยการกินยาก่อน เนื่องจากไม่มีอาการของเบาหวานชนิดที่หนึ่ง ที่มักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการรุนแรง ตอนนี้ที่ช่วยได้ก็คือ ควบคุมอาหารหวาน ของหวาน ผลไม้หวานๆ ควบคุมน้ำหนักตัว ถ้าออกกำลังได้ก็ดีครับ เบาหวานนั้นที่สำคัญคือ ต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องครับ เพราะผลเสียระยะยาวจะมีมากถ้าควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี จากคุณ : pigletdora - [ 28 พ.ค. 52 09:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มดคะ กระทู้มันตกไปเยอะแล้ว เลยตอบหลังไมค์ไปนะคะ จากคุณ : pimm's - [ 28 พ.ค. 52 19:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นเบาหวานไม่หายนะครับ (ในระยะยาวอาจเป็นบ่อเกิดของโรคอื่นๆด้วยเช่น ความดัน โรคหัวใจ ) แต่เราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดไม่ให้สูง หรือต่ำจนเกินไป คุณพ่อผมก็เป็นเบาหวาน ลองทานมะรุมแคปซูลสิครับ คุณพ่อผมก็ทาน ท่านบอกว่าช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้(ทานคู่กับยาสามัญ) http://marumthaiherb.plazathai.com/beauty/show111442/ จากคุณ : safetymanhour (themaroomman) - [ 28 พ.ค. 52 21:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกๆคำตอบและทุกๆคำแนะนำของทุกๆคนนะคะ ตอนนี้เข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ขึ้นเยอะเลยค่ะ และจะนำคำแนะนำและความรู้ไปบอกพี่สาวอีกทีค่ะ ขอบคุณคุณหมอ pigletdora มากๆๆค่ะที่สละเวลาเข้ามาตอบมาอธิบายให้ ถ้าไม่มีคุณหมอมาอธิบายให้ ก็ไม่รู้จะไปถามหมอที่ไหนเลย อยู่ไกลบ้านด้วย ขอบคุณมากๆๆค่ะ ขอบคุณทุกๆกระทู้อีกครั้งค่ะ ที่สละเวลาเข้ามาตอบ ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงทุกๆๆท่านนะคะ หากมีอะไรที่ไม่เข้าใจหาทางออกไม่ได้ จะมาตั้งกระทู้รบกวนถามพี่ๆอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Bolibumpa - [ 29 พ.ค. 52 03:34:18 A:83.252.228.174 X: TicketID:196076 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่หายขาดอ่าคะ ต้องดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย และที่สำคัญเราว่าอาหารเสริมก็จำเป็นนะคะ เพราะจะช่วยบำรุงสุขภาพและมันช่วยลดความดัน เบาหวาน คอลเลสเตอรอลด้วย เพราะคนพวกนี้เป็นเบาหวานมักจะมีอาการพวกนี้ด้วยอะคะ ที่แนะนำเพระจากคุณแม่เราจ้า ตอนนี้ก็ทานอยู่นะคะ น้ำตาลในเลือดก็ต่ำลง อยู่ในระดับดีเลย ไม่ต้องไปหาหมอถี่ๆ สบายใจขึ้นมาก ๆ ยังไงถ้าสนใจอาหารเสริมก็คุยกันหลังไมค์ละกันเน้อ ยินดีให้คำปรึกษาและข้อแนะนำดีๆ จ้า จากคุณ : chococherry (ChocoCherry) - [ 31 พ.ค. 52 00:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ป้านิตยา อายุ 70 ปี อยู่ จังหวัดสุรินทร์ เป็นโรคเบาหวาน และก็เป็นกรวยไตอักเสบด้วยครับ มีคนแนะนำให้คุณป้าดื่มชาพระจันทร์ยิ้ม 1 ซอง ดื่มได้ประมาณ 15 วัน  ป้าดื่ม 2 ซอง ตอนนี้กรวยไตอักเสบหายแล้ว  ส่วนเบาหวานป้าบอกดีขึ้นมาก ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ไม่ค่อยอ่อนเพลีย ป้าดื่มแค่เดือนเดียว ไปตรวจน้ำตาลในเลือด ปรากฏว่า น้ำตาลในเลือดจาก 160 ลงเหลือ 86 หมอชอบใจมาก บอกให้ป้าดื่มชาพระจันทร์ยิ้มต่อไป เรื่อย ๆ ถ้าอยากรู้ลองโทรถามป้าดูนะครับแกใจดีมาก โทร. 044-551027 เป็นทางเลือกของคนเป็นเบาหวาน หรือถ้าต้องการทราบรายละเอียดของชาพระจันทร์ยิ้มคุณลองหา คำว่า "ชาล้างไต” ใน Google ดูนะครับ หรือปรึกษาได้ที่คุณจุไรรัตน์ โทร. 084-8273300 เราอาจช่วยคนให้สุขภาพดีได้อีกมากเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : tanaphan (tanaphan5043) - [ 22 มิ.ย. 52 10:17:28 ]