โปรดอ่านให้จบก่อนจะกดโหวตหรือจะให้ลบนะครับ วิจารณ์ตามสบายครับ อิอิ
อันเนื่องมาจากกระทู้ กลุ้มใจของผม http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L7924528/L7924528.html
ขอบคุณท่านที่มาให้กำลังใจด้วยนะครับ
หลังจากฝากไปเวลาแห่งความหรรษา ของผมก็มาถึง ผลชิ้นเนื้อทุกชิ้นมาแล้ว
1.ที่กระเพาะอาหารก็เป็นกระเพาะอักเสบ+เปื่อย รักษาตามอาการก็จะหายเป็นปกติ
2.เนื้องอกที่ลำไส้นี่สิ ตุ่มๆต๊อมๆ ว่าจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ผลปรากฏว่า
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
แอ๊น แอน แอ้น ลุ้นกันสิท่า อิอิ จากชิ้นเนื้อทั้งสามชิ้นที่ตัดไปตรวจ มีค่าสารบ่งชี้ความเป็นมะเร็งค่อนข้างสูง แต่ไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ถ้าปล่อยไว้ ในอนาคตอาจเปลี่ยนจากเนื้อดีไปเป็นเนื้อร้ายได้ครับ ตกอกตกใจหมดเลย แต่ตอนที่ส่องกล้อง หมอได้ตัดบางส่วนออกไปแล้ว
อีก 3 เดือนมาส่องดูใหม่ว่า จะงอกอีกไหม หรือว่ามีจุดอื่นอีกหรือเปล่า
หลังจากประสบพบเหตุการณ์ต่างๆนี้มาจึงอยากจะมาฝากเตือนและแนะนำเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ดังนี้ครับ
1.เวลาปวดท้องหรือรู้ตัวว่าเป็นโรคกระเพาะ อย่าปล่อยเอาไว้นานๆ แค่คิดมันเป็นเพียงโรคกระเพาะ กินข้าวเดียวมันก็หายและไปซื้อยามากินเอง เพราะผมเองเป็นโรคกระเพาะรักษามา เกือบปี ยังไม่หาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่นการกินข้าวให้ตรงเวลา ทั้ง สามมื้อ เพราะ ร่างกายจะเป็นเหมือนนาฬิกาชีวิตครับว่า เช้า กลางวัน เย็น กินข้าวเวลาไหน ถึงเวลา กระเพาะจะหลั่งกรดออกมา หากไม่มีอาหารให้มันย่อย มันก็ย่อยกระเพาะเราและจะลามไปย่อยลำไส้ส่วนต้น จนอาจจะเป็นแผลได้ ถ้าเป็นหนัก ถึงขั้นกระเพาะทะลุ อันตรายต่อชื่วิตนะครับ ผมเองไม่เคยกินมื้อเย็นตรงเวลาเลยเพราะกลับบ้านไม่ตรงเวลาสักวัน ที่ผมเตือนว่าอย่าไปซื้อยามาทานเอง เพราะว่าหมอบอกว่า อาการ โรคกระเพาะนอกจาก กรดหลั่งมาย่อยตอนท้องว่างแล้ว ยังมี เชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง(ต้องขอโทษด้วยที่จำชื่อไม่ได้) จะเจอก็ต่อเมื่อส่องกล้องลงไปตรวจเท่านั้น หากเจอ ต้องกินยาปฎิชีวนะ ประมาณ 14-21 วันต่อเนื่อง หากไม่รักษา อาการกระเพาะก็จะเป็นๆหายๆ หลังจาดพูดคุยกับหมอจึงสรุปข้อแนะนำข้อที่ 1 ได้ประมาณนี้นะครับ
-เอาตั้งแต่ตื่นอนกันเลย หมอแนะนำว่าตื่นนอนมา เพื่อเป็นการลดกรดในกระเพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นโรคกระเพาะหรือไม่ ให้ทานน้ำเข้าไปเยอะๆ เพื่อไปช่วยเจือจางกรดในกระเพาะ และจะได้ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายด้วยครับ
-นิสัยการตรงต่อเวลาในการทานอาหาร พยายามทานให้ตรงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มื้อเช้า หมอแนะนำว่าให้ทานให้ครบ 5 หมุ่ อย่าทานแค่ นม ขนมปังเอาแค่ท้องอื่ม เพราะเรารู้กันอยู่ว่ามื้อเช้าสมองต้องใช้พลังงานเยอะ การทางอาหารไม่ครบ 5 หมู่ทำให้ระบบร่างกายทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จะทำให้อาการ กรดหลั่งออกมาได้ ส่วนมื้อ เที่ยงก็ทานให้ตรงเวลา ส่วนมื้อเย็นอย่าทานเยอะๆ เพราะกระเพาะท่านๆจะไม่ได้พักเลยต้องย่อยกันทั้งคืน และหมอแนะว่า พยายามอย่าทานให้เกินเวลาสัก 2-3ทุ่ม เพราะกระเพาะ ต้องใช้เวลาย่อยอาหาร 7-10 ชม. ถ้าทานไม่เกินเวลานี้ กระเพาะ ก็จะย่อยหมดในช่วงเช้ามืดก้จะมีเวลาได้พัก ก่อนที่ท่านๆจะทานอาหารเช้าเข้าไป ก้จะเป็นการช่วยลดการบีบรัดกระเพาะ การหลังกรดไปในตัว
-นิสัยการเคี้ยวอาหาร บางคนเคี้ยว 2-3 คำไม่ทันละเอียด ก็กลืนลงไป นี่เป็นการทำร้ายกระเพาะอย่างรุนแรงเพราะกระเพาะต้องย่อยอาหารชิ้นใหญ่ หมอแนะนำให้เคี้ยวนานๆทานช้าๆ ไม่ต้องรีบ เคี้ยวให้ละเอียด เพื่อช่วยให้กระเพาะทำงานน้อยลง
-ชนิดของอาหารที่ทาน ในเมื่อเป็นโรคกระเพาะแล้ว น่าจะรู้ว่าไม่ควรทานอาหารอะไรบ้าง เผ็ด เปรี้ยว มันจะไปกัดกระเพาะหากมีแผลก้ยิ่งทำให้โอกาสกระเพาะ เลือดออก หรือทะลุเข้าไปอีก มันๆนี่ก็ทำให้กระเพาะต้องย่อยหนักมากๆ ผมเองตอนที่เป็นหนักๆ กินอาหาร เละๆจืดเป็นเดือน แต่เพื่อชีวิตตนเองก็เอาไว้ก่อน และที่สำคัญ เหล้าครับเหล้า คงไม่ต้องบอกนะครับว่าทำไม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถามว่าผมทำไมถึงรักษาเป็นปีๆไม่หายเพราะผมเองก้ปฎิบัติได้ไม่หมดทุกข้อที่หมอแนะนำ ก็จะเป็นๆหายๆเป็นพักส่วนมากจาก อาทิตย์เว้นอาทิตย์ จนตอนนี้เป็นสองสามเดือนอาการมาปวดสักทีครับก้ดีขึ้นครับ
เขียนมาก็ย๊าวยาวแล้วก้ขอเขียนให้หมดไปเลยแล้วกันนะครับ
2.เรื่องการขับถ่าย ถามว่าเกี่ยวอะไรกับโรคกระเพาะ อันนี้มันมาจากอาการของผมเนื่องจากว่า ถามหมอว่า ปรกติเป็นโรคกระเพาะอาจจะไม่มีอาการเกี่ยวกับการขับถ่ายก็ได้ แต่ผมเองมีปัญหา แต่ไม่ได้รุนแรงอะไร ขอเล่าเท้าความหน่อย ปกติผมตื่นเช้าก็จะพยายามให้ถ่ายเป็นนิสัย ซึ่งปกติก็จะถ่ายได้ปกติครับ แต่ตั้งแต่มีอาการโรคกระเพาะ ก็เริ่มมีอาการครับ เริ่มท้องผูกบ้างเช้าถ่ายไม่ออก หรือถ่ายเหลวเละ แต่ไม่ถึงกะเสีย หรือบางทีก็อาจจมีท้องเสียบ้าง แต่อย่างน้อย ถ้าเช้าไม่ออก ในหนึ่งวัน ก็ถ่าย ซึ่งหมอก็บอกว่า อาการแบบนี้ เกิดได้เนื่องจากระบบ ย่อยของกระเพาะทำงานไม่เต็มที่ เลยส่งผลต่อไปถึง ลำไส้ เรื่องการบีบรัดตัวจึงมีอาการข้างต้นได้ แต่ถ้าคุณยังถ่ายใน 1วันก็ถือว่ายังโอเคอยู่ แต่หากไม่ถ่ายสองสามวัน หรือถ่ายผิดปกติ ถ้ามีโรคกระเพาะร่วมด้วยนี้อาจเป็นโรคอื่นๆเช่นมะเร็ง ได้ครับ มาสรุปวิธีการขับถ่ายกันดีกว่าครับ
-พยายามขับถ่ายให้เป็นเวลาและนิสัยเหมือนการกิน คือตื่นเช้า ทานน้ำเยอะๆ จะได้ถ่ายคล่อง พยายามให้ถ่ายช่วงเช้าจะดีที่สุด หมอบอกว่าพยายามให้ถ่ายก่อน 7-8 โมงเช้า เนื่องจากว่าถ้าหลังจาก 7-8 โมงไปแล้ว อุจจาระที่ค้างในลำไส้ใหญ่ร่างกายจะดูดน้ำกลับเข้าสู้ร่างกายซึ่งก้หมายความว่า เอาของเสียกลับเข้าสู้ร่างกายนั้นเอง แต่ที่สำคัญการที่อุจจาระถูกดูดน้ำกลับไปแล้ว อุจจาระก้จะแข็งตัว ทำให้ถ่ายลำบาก ท้องผูก ริดสีดวง แผลในล้ำไส้ ไปจะถึงมะเร็งได้ครับ แต่อย่าน้อย วันหนึ่งถ่ายซะหน่อยก็จะดีครับดีกว่าไม่ถ่ายออกมาเลย อย่างน้อยร่างกายก้เอาของเสียออกไปบ้าง
-ก่อนกดชักโครก ก้มมอง สิ่งที่ไม่น่าดูเท่าไหรสักหน่อย อย่าคิดว่ามันน่ารังเกียดว่า สีผิดปกติไหม เช่นดำ (อันนี้หากทานอาหารปกติ ไม่ได้ทานอะไรที่ถ่ายมาเป็นสีดำนะครับ) มีเลือดออกปนมาหรือไม อะไรลักษณะนี้ บ่งบอกว่าคุณเองมีการผิดไม่มากก็น้อยนะครับ
-ทานผักให้เยอะกว่าเนื้อสัตว์สักหน่อย กระเพาะจะได้ทำงานน้อยหน่อย ถ่ายคล่องอีกหน่อย
-โรคกระเพาะและลำไส้ ส่วนมากอาการจะจุกแสบบริเวณลิ้นปี่ลงไปจนถึงเหนือสะดือ หากมีอาการปวดท้องตำกว่าสะดืออย่าคิดว่าเป้นโรคกระเพาะนะครับ ไปพบแพทย์ด่วน
3.ว่าด้วยการส่องกล้องสำไส้ใหญ่ (ส่องสวนทวาร) ผมเองตอนแรกก้ไม่อยากส่องไม่ได้กล้องเรื่องโดนสวน ตุ๊สสสสสส นะคะ อุ๊ย!! กลับมาครับ หมอบอกไหนๆ ส่องกระเพาะก็ส่อง ลำไส้ใหญ่ไปด้วย โอมายกอด ถ้าไม่ส่องป่านนี้ทิ้งไว้คงร้ายแรงกว่านี้ ผมเองส่องไปเจอเนื้องอก 2.5 cm ทั้งนี้เนื้องอกเหล่านี้มีได้หลายแบบ เช่นเนื้องอกปกติ แบบมะเร็ง แบบมายิง เอ้ย นอกเรื่องละผมหากปล่อยเอาไว้คงรู้นะครับว่าจะร้ายแรงแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเนื้องอกประเภทไหนถ้าไม่เอาออกอาจเกิดอาการเช่น ล้ำไส้อักเสบเนื่องจากมีอุจจาระไปดันเนื้องอนจะมันอักเสบ หรือเนื้องอกขยายลามไปบริเวณอื่น ทั้งนี้ถึงตัดไปแล้ว ก็ต้องไปส่องซ้ำใน 3-6 เดือนว่าหมดแน่ๆหรือยังไม่หมด รักษาตามอาการ เวลาตัดก้ใช้กล้องส่องเข้าไปตัด ไม่ต้องเปิดแผลใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้การส่องกระเพาะและลำไส้ไม่ต้องกลัวคร้บว่าจะเจ็บ หรือจะอ๊วก ผมเองนะได้ยินคนขู่มาเยอะมาก อ๊วก เจ็บคอหลังส่อง ผมได้ เวเลี่ยมเข้าไป สลึมสลือ ตื่นมาก้เสร็จไปแล้วไม่เจ็บไม่อะไรเลย อย่าไปกลัวครับ อ้อมีเรื่องดีท๊อกซ์มาฝากนิสสสสสสสสสส ครับ
-โดยลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์ลำไส้มีหน้าที่ ดีท๊อกซ์โดยตัวมันเองอยู่แล้ว และล้ำไส้เป็นสิ่งที่ปล่อยออกไม่ได้มีหน้าที่เอาอะไรสวนหรือใส่เข้าไป หมอว่าดีท๊อกซ์ที่สวนๆเข้าไปพวกกาแฟ อะไรพวกนี้นะครับ ลำไส้รับเข้าไปได้ลึกสุดก้ไม่เกิน 1 ไม้บรรทัด เพราะ ร่งกายมันจะต่อต้านให้เอาออก ทำยังไงล้ำไส้ก้ไม่สะอาดหรอกครับ ที่ผมเชื่อเพราะอะไรรู้ไหม ก่อนที่ผมจะส่องลำไส้ใหญ่ตอน 7โมงเช้า ตอน 3 ทุ่มหมอจะเอายา คล้ายๆยาถ่าย มาให้กิน 1 เป๊ก แล้วตามด้วยน้ำ 2ลิตร ภายใน 2 ชม.คุณเอยถ่ายออกพร้อมน้ำ 2ลิตร เนี้ยล้างล้ำไส้ของแท้ ไม่พอ 5 ทุ่ม มาอีก 1 เป๊ก พร้อมน้ำอีก 2 ลิตร คุณพระช่วย ถ่ายทั้งคืนที่ผมเชื่อว่าดีท๊อกซ์โดยการสวนเข้าจะล้างหมดไม่มีทางเลยครับ ผมเอง ยา2 เป๊ก กับ4ลิตร ตอนไปส่องกล้อง บอกตรงๆไม่ได้หยาบหรือทำให้มันดูอุบาทว์นะครับ อุจจาระและของเสีย ยังมีค้างตามลำไส้เลยครับ ตอนหมอส่อง ต้องเอาน้ำฉีดเข้าไปเพื่อไล่ออก เพื่อจะได้ส่องผนังล้ำไส้ได้ ผมนะนับถือหมอมากๆที่ทนเห็นภาพแบบนั้นได้ขณะส่องกล้อง ถึงแม้สลึมสลือจากยา แต่ก้รู้ตัว เหมือนผายลมตลอดเวลาอะครับ เพราะมันมีอะไรฉีดเข้าไปร่ายกายมันต้องผลักออกตามธรรมชาติแน่นอนครับ แล้วการดีท๊อกซ์น้ำ 1-2 ลิตรคิดว่ามันล้างหมดหรือเปล่าครับ อันนี้ ก้อยู่กับความเห็นแต่ละคนนะครับ แต่ขอบอกว่ายอกที่ให้กินล้างล้ำไส้รสชาด อุบาทว์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เปรี้ยวๆเหนียว แหวะสุด ข้างกล้องเขียนเลยสำหรับล้องกระเพาะและลำไส้ก่อนส่องกล้อง
เขียนมาตั้งมากมายยังไม่รู้จะมีใครมาอ่านเลยหรือเปล่า
มาดูอาการอื่นๆที่ร้ายแรงกันสักหน่อย คืออาการเลือดออกในกระเพาะ หมอบอกว่าอันตรายมากๆนะครับหากไม่รู้ตัว อาการแน่มีอาการเสียเลือด ถ้าออกมากๆนี้เท่ากับคนโดนแทงด้วยมืดแล้วเสียเลือดตายได้เลยนะครับ กลับไปสังเกตข้อแรก ว่าอาจจะมีอาการถ่ายเป็นลดปนออกมา มีอาการร่วมพวกหน้ามืด ตัวเย็น อาการเหมือนคนเสียเลือดนะครับ ระวังกันหน่อยนะครับ
หากตรวจเจอแผลในกระเพาะอาหาร หรือล้ำไส้ส่วนต้นอย่าปล่อยทิ้งไว้รักษาให้หายโดยไว้เพราะอาการเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ถึงกระเพาะทะลุ ทีนี้ละตัดกระเพาะทิ้งได้ผอมสนใจแน่ๆ
เวลาปวดกระเพาะงดนะครับ พารา แอสไพลิน เพราะมันกัดกระเพาะ หรือว่าเวลาท่านๆไปหาหมอ ด้วยโรคอื่นแจ้งหมอด้วยครับว่าเป็นโรคกระเพาะอยู่ เนื่องจากยาบางตัวกัดกระเพาะ
สำหรับท่านที่เป็นโรคกระเพาะอยู่แล้วส่องกล้องตรวจดูสักหน่อยก็จะเป็นการดีนะครับ ส่วนท่านที่ไม่มีโรคกระเพาะ+ล้ำไส้เนี้ย หมอแนะนำอย่างงี้ครับปกติกระเพาะและล้ำไส้หมอจะแนะให้คนที่อายุ 35+ให้ส่อง ทุก 3-5 ปี/ครั้ง แต่ผมว่าโรคสมัยนี้มันอุบัติไวนะครับ ผมเองอายุยังไม่ถึง 30 ก็เจอเนื้องอกจนได้ คนที่มีอาการโรคกระเพาะ ไปตรวจบ้างก้ดีนะครับ
ผมไม่โปรโมท รพ ดีกว่า เอาเป็นว่า ส่องกระเพาะ+ลำไส้ ราคา 11,200 บาท ใครอยากรู้ก็หลังไมค์นะครับ แต่ทั้งนี้ราคาอาจไม่เท่ากัน เพราะเคยเห้นจากกระทู้อื่นเคยถามเรื่องราคากันไว้ หมอพูดติดตลกอีกนะครับ ว่าอันที่ส่องปากกับตุ๊สสสสส คนละอันกันนะครับ เอาเข้าจริงหมอใช้อันเดียวกันก้คงไม่รู้หรอก เพราะหลับสลึมสลือ 555
อ่านมาเยอะแล้วเนี้ยหลายท่านคงสงสัยอินี่ เขียนอย่างกับเป็นหมอซะเอง ผมเองจบ สาธาฯก็พอมีความรู้ระดับนึง แต่ผมเองเหมือนโรคจิตครับไปหาหมอ เล่าอาการแบบไม่มีกั๊กครับ เลอ ตด อาการไรพิศดาร บอกหมอหมดเปลือกครับ จะได้เป็นข้อมูลในการวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง อีกอย่างที่เขียนได้ขนาดนี้เพราะผมลูกอีช่างถาม ถามเผื่อไปหมด ถ้าเป็นแบบนี้แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ ทั้งๆที่มันยังไม่เกิดด้วยซ้ำ บอกไม่มีกั๊ก และถามไม่มียั้ง หมอก็ใจดี๊ใจดี หมอบอกไม่มีกั๊กเหมือนกันครับ
จบสักที หากมีไรสงสัยก็เขียนถามานะครับ จะไปถามหมอมาบอกให้ หรือเดียวนึกอะไรออกจะมาบอกเพิ่มนะครับ
ปล.ผมขอสองสามเรื่อง
1.คำสะกดคงมีผิดบ้างเพราะพิมพ์เยอะเหลือเกิน บอกกันดีๆนะครับอย่าด่า
2.หากเรื่องไหนท่านใดมีข้อแย้งก็เขียนมาได้ครับจะได้แชร์ความรู้และประสบการณ์กันที่ผมพิมพ์ก็มาจากการถามหมอ ซึ่งหมอ 10 คนอาจจะตอบ 10 แบบ ครับ
3.ขอแค่กำลังใจในการส่องกล้องซ้ำของผมในอีก สามเดือนข้างหน้าก็พอครับ ถ้าเห็นว่ามันจะมีประโยชน์ก็โหวต ถ้ามันไร้สาระก็ให้ลบได้ครับ
ผมไม่เคยเขียนอะไรมีสาระ มาก่อนตั้งแต่เป็นสมาชิกนะเนี้ย
น้ำหนักลงไป 7 โลแล้ว อิอิ ออกกำลังกายกันเยอะๆ อย่าเครียดด้วยนะครับ
อัพเดทแก้คำผิดอยู่นะครับจะพยายามหาให้เจอทุกคำครับ
เลื่อนตนเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 13:56:42
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 10:29:23
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 01:21:41
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 01:00:34
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 00:43:04
จากคุณ :
CSI_NY
- [
8 มิ.ย. 52 00:19:58
]