ความคิดเห็นที่ 1 ผมเองก็อยากคลิปเหมือนกันครับ อย่างน้อยช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกให้คนรักเราด้วย ฝากถามเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยแล้วกันนะครับถูกๆก็ยิ่งดี ^^ จากคุณ : Mrshadow - [ 22 มิ.ย. 52 19:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไปขลิบมา เสีย1500บาท เป็นคลีนิคอะครับ ไม่ต้องเตรียมอะไร เตรียมใจ คืนแรกจะสนุกมาก คืนที่สองจะดีกว่าคืนแรก ผมก็คลิบตอนอายุ32เหมือนกัน จากคุณ : จะคิดถึงแม่โมชิตลอดไป - [ 22 มิ.ย. 52 19:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่ขลิบ"ปลาย" นะครับ  เขาขลิบ"หนังหุ้มปลาย"  จ้า ตอนเจ็บนิดเดียว เอง        แต่ถ้าใช้งานขณะแผลยังไม่หาย    อาจจะโดนขลิบปลายจริงๆ  แผลอาจอักเสบจนปลายด้วนนะ จากคุณ : น้าช่าง - [ 22 มิ.ย. 52 21:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การหมักหมมของขี้เปียกและการที่ไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจทำให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคมากมาย และที่สำคัญคือ HPV ไวรัสครับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงและมะเร็งองคชาติใน เพศชาย ฉะนั้นจึงพบว่าผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีอัตราการ เกิดโรคนี้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้นและข้อดีนี้ก็ยังเผื่อแผ่ไปถึงสุขภาพของ ผู้หญิงด้วย และปัจจุบันทางการแพทย์ยังพบว่าการขลิบยังทำให้โอกาสติดเชื้อ HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ลดลงมากกว่าคนที่ไม่ได้ขลิบถึง 60 เปอร์เซนต์นะครับ ซึ่งตอนนี้ องค์การอนามัยโลก who กำลังถกกันอยู่ว่าควรจะประกาศให้ทุกประเทศส่งเสริมการขลิบเป็นกิจวัตรหรือเปล่า เนื่องจากกลัวว่ามันจะกลายเป็นคนที่ขลิบแล้วมั่วกันแหลกครับ  ลืมใส่ถุงยางกันเลย เรื่องจำเป็นหรือไม่นี่อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนครับ คนที่ไม่เคยมีปัญหา ก็จะมองว่าไม่จำเป็น หรือไม่สำคัญ ส่วนคนที่เคยประสบกับปัญหา หรือมีคนใกล้ตัวมีปัญหา ก็คิดว่าทำน่าจะดีกว่าครับ การขลิบก็คือหัตถการการแพทย์อย่างนึง ซึ่งประโยชน์ของมัน ก็คือเพื่อการดูแลทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ทำให้ดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้น อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กัน คือผู้ชายทุกคนจะมีหนังหุ้มบริเวณปลายของอวัยวะเพศ ซึ่งบางคนที่โชคดีหน่อย หนังไม่ยาวมาก ดังนั้นเวลาโตขึ้นหนังก็จะร่นไปด้านล่างได้ แต่ก็มีผู้ชายอีกจำนวนมากเช่นกัน ที่หนังหุ้มปลายยังยาวอยู่ ทำให้มันคลุมบริเวณหัวของตัวอวัยวะ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะเวลาเราเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง หลังทำธุระเสร็จก็จะมีคราบหรือหยดของฉี่มาค้างไว้ และยิ่งประกอบกับเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทั้งเหงื่อ ทั้งขี้ไคลมาหมัก ๆ คลุกเคล้า ๆรวมกันจนเข้าที่ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ ซึ่งคนที่ขลิบจะช่วยเรื่องนี้ได้เยอะครับ เจ็บหรือไม่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เด็กๆหลายคนก็แค่ฉีดยาชาก็ไหวครับ  ไกลหัวใจ เมืองไทยเมืองร้อน ใส่เสื้อแขนยาวทำอะไรก็ลำบาก จะล้างมือ จะหยิบของก็ไม่สะดวก จะถกแขนเสื้อไปข้อศอก ซักพักแขนเสื้อก็ตกลงมาอีก และพอแขนเสื้อเปียกน้ำ มันก็ชื้น เหนอะหนะครับ  ดังนั้นหาเสื้อแขนสั้นมาใส่ดีกว่า จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นครับ หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ ลองเข้าไปชมดูนะครับ ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=4 ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 22 มิ.ย. 52 21:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องบวมมันเป็นเรื่องปกติของธรรมชาติเวลาแผลจะหายครับ เอาง่าย ๆ เมื่อร่างกายเกิดแผล ก็จะมีสารพัดเซลล์มารวม มีการสร้างเส้นเลือด สร้างเซลล์ประสาทมาสมานกัน โดยร่างกายจะสร้างเผื่อไว้ก่อนครับ ดังนั้นช่วงแรกคนเป็นแผลจะคัน ๆ ครับ เพราะสารพวกนี้แหละ จากนั้นแผลก็จะเริ่มนูนขึ้นครับ จากเซลล์มาสะสม พอสะสมได้ที่แล้ว ร่างกายก็จะเริ่มปรับรูปร่างครับ ดังนั้นช่วง 3 อาทิตย์หลังเป็นแผล แผลจะยุบลงครับ และก็ใช้เวลาอีกประมาณเดือนกว่าเสริมความแข็งแรง ดังนั้นใจเย็น ๆ ครับ ส่วนอยากให้แผลสวย ๆ คือต้องพักเยอะ ๆ ครับ อย่างที่ผมบอกคือหลังทำให้งดใช้ซักเดือนครึ่ง ไม่งั้นสีไปสีมา ร่างกายก็ปรับสภาพไม่ถูกซักที ออกมาบิด ๆ เบี้ยว ๆ จะเสียใจครับ ส่วนเรื่องอาหารที่มีประโยชน์ต่อการหายของแผลครับ ก็พวกอาหารพวกโปรตีนครับ ทานได้เต็มที่ ไม่มีแสลงครับ อ้อ และที่สำคัญคือวิตะมินซีครับ มีส่วนช่วยเรื่องคอลลาเจนในการสร้างเซลล์มาสมานของแผลครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน - [ 22 มิ.ย. 52 21:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คือของผมมัน แบบว่า หัวแดงๆข้างในมันโผล่ออกมา ไม่ว่าจะตื่นตัวหรือไม่ก็ตาม หนังมันไม่สามารถยืดไปคลุมหัวได้เเล้วครับ แบบนี้ก็ไม่ต้องขลิบแล้วใช่มั้ยอ่าครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : งง - [ 22 มิ.ย. 52 23:50:56 A:58.9.212.5 X: TicketID:158369 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากกๆครับ กับข้อมูลของทุกท่าน ละเอียดดีจังเลย ขอบคุณครับ ไอ้เจ็บตอนทำอะผมไม่กลัวหรอกครับ กลัวเจ็บตอนที่ดักแด้น้อยมันพักฟื้นนี้สิ อีกอย่างถ้าจะให้หยุดปฏิบัติการ เดือนครึ่งผมว่ามันคนเป็นไปไม่ได้ อิอิ แต่ไม่เป็นไรครับ จะพยายาม ปกติผมเป็นคน ทำความสะอาดได้ดีพอสมควร ไม่เคยหมักหมม แต่พอเวลามันแข็งตัว หนังมันจะรัด ตรงปลายนิดๆๆ เจ็บบ้าง เวลาปฏิบัติการ แต่ก็ทนได้ แต่พอมาคิดไปคิดมา ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมว่าตัดๆๆทิ้งไปก็ดี มันจะได้ไม่เจ็บไปเลย จากคุณ : คาสิรากิ - [ 23 มิ.ย. 52 08:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บ้าแล้ว.. หยุดปฏิบัติการอะไรตั้งเดือนครึ่ง ช่วงยังไม่ตัดไหม ตอนแผลเริ่มแห้งไหมเย็บแข็งเป็นหนามรอบหัว เหมือนกระบองเพชร นั่นแหละ เป็นช่วงสุดยอดแห่งความหฤหรรษ ทั้งคุณและแฟน และจะเป็นช่วงโอกาสเดียวในชีวิต อย่าได้พลาดโอกาสนี้ทีเดียวเชียว มิฉะนั้นจะเสียดายไปตลอดชีพ จากคุณ : อุตสา - [ 23 มิ.ย. 52 09:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ มันยังเหลือ ให้ขลิบอยู่เหรอคับ จากคุณ : goosada - [ 23 มิ.ย. 52 09:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หยุดใช้สองเดือน เพื่อความชัวร์ แต่ถ้าอยากลองเจ็บ (อีกครั้งหลังจากโดนขลิบ) ก็ลุยได้เลย แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนกันล่ะ จากคุณ : ตึกร้อยสี่ - [ 24 มิ.ย. 52 06:00:21 ]