ความคิดเห็นที่ 1 ขอโทษค่ะ อยากได้แง่คิดดีๆจากเพื่อนๆห้องลุมพินี* (เข้าโต๊ะเครื่องแป้งบ่อยจนชินมือค่ะ ^^" ) จากคุณ : ถอดล้อกอินมาบ่น - [ 27 มิ.ย. 52 20:46:02 A:124.121.211.97 X: TicketID:221948 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่อย่างน้อย...ถ้าการไหว้พระ ทำบุญ เป็นเนื้อในของเค้าจริงๆ ยังไงมันก็ดีกว่ามาแค่คราบของคนดีไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่าง...อย่าวัดอะไรจากที่บ้านค่ะ คุณรักเค้าเค้ารักคุณ คุณเข้ากับที่บ้านเค้าได้ดี ทุกอย่างลงตัว จะแคร์อะไรคะ หรือกลัว...อะไรสักอย่างเมื่อเวลาผ่านไปนานกว่านี้ ต้องทำใจค่ะว่า...บนโลกนี้ไม่มีใคร Perfect นะคะ ต้องทำตัวให้มีความสุขค่ะ จากคุณ : Wild Monkey - [ 27 มิ.ย. 52 20:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หรือกลัว...อะไรสักอย่างเมื่อเวลาผ่านไปนานกว่านี้ ใช่เลยค่ะ จากคุณ : ถอดล้อกอินมาบ่น - [ 27 มิ.ย. 52 20:59:13 A:124.121.211.97 X: TicketID:221948 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนสร้างตัว จะชั่วยังไง ทำทุกอย่าง พอรวยแล้ว ก็เข้าวัด ทำบุญ หายใจเป็นเทพ ตดเป็นสายลม มีคนแบบนี้อยู่จริงๆ คนประเภทนี้ ต่อให้สร้างวัดเป็นร้อย ก็ใช้กรรมไม่หมด ตกนรกอยู่ดี จากคุณ : lastman - [ 27 มิ.ย. 52 21:57:21 A:58.9.20.211 X: TicketID:197895 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไหว้พระ - ใครๆ ก็ไหว้ได้ ทำบุญ - ใครๆ ก็ทำได้ พูดจาธรรมะธัมโม - ใครๆ ก็พูดได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดอะไรเลยครับ จากคุณ : udom_su - [ 27 มิ.ย. 52 21:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 4 + 5 ครับ  โดยเฉพาะ #4   โดนมาก จากคุณ : Bellis Perennis - [ 27 มิ.ย. 52 22:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราก็ชอบความเห็น 4 นะ ความเห็น 5 ก็ชอบ อืมม ... ถ้าคิดว่าเข้ากันได้ดี กำลังไปได้สวย ก็มองกันให้ลึกขึ้น ยาวขึ้นอีกก็ดีค่ะ แต่เราว่าคุณก็มีคำตอบในใจแล้วล่ะ :) จากคุณ : j o y z - [ 27 มิ.ย. 52 22:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บุญและบาป หักล้างกันไม่ได้ ไม่ว่าทำอะไร ก็ต้องได้รับผลทางนั้น ไม่ทางใดก็ทางนึงนะคะ สิ่งที่คุณต้องทำ: พยายามช่วย (หาวิธีดีๆที่เหมาะกับเขา) ให้เขาออกมาจากสิ่งที่เป็นบาป ...ได้ทีละนิดๆๆๆ ไม่ต้องรีบเร่ง หรือโผงผาง แต่เรื่อยๆและสม่ำเสมอ จากคุณ : MaLiDee - [ 27 มิ.ย. 52 23:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 มิ.ย. 52 23:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นเราก็คงคิดหนักเหมือนกัน  .... จากคุณ : หลอดสีรุ้ง - [ 27 มิ.ย. 52 23:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าจะเลิกคบเพราะสาเหตุจากกิจการที่บ้าน ก็เหมือนไร้เหตุผลไปหน่อย แต่ถ้าคบต่อ มันก็ขัดความรู้สึกเรา.พอเข้าใจความรู้สึก จขกท. แล้วที่บ้านเขาทำธุรกิจนี้..แล้วตัวเขาเคยใช้บริการหรือทดสอบคุณภาพสินค้ามั้ยครับ - -" ถ้าเขาบอกจะเลิกทำ.. ลองดูเหตุและผลดีๆแล้วกันครับ.. ว่าที่บ้านเขามีแผนในการเลิกกิจการนี้อย่างไร .. ที่ให้เป็นรูปธรรมน่ะ (เพราะแค่บอกว่า "จะเลิก" มันไม่ได้ชี้วัดอะไรเลย) ถ้าเขาใฝ่ดีจริง ถ้าอนาคตเลิกได้จริง .. คงไม่เสียหายอะไรถ้าจะยังคบกับเขา คุณลองนึกย้อนดูแล้วกันว่า คบเขาเพราะอะไร รักเขาเพราะอะไร ? คนทุกคนเกิดมา มีทั้งดีและไม่ดีในตัวเองทุกคน บางคนก็อาจมีประวัติไม่สวยงาม มันอยู่ที่การกระทำในปัจจุบันมากกว่า ถ้าการกระทำเขาพัฒนาตัวเอง ก็น่าจะยอมรับได้ ถ้าคุณคิดว่าคุณคือเนื้อคู่เขา..คงต้องช่วยนำพาสู่ความเจริญมากขึ้น ถ้ารักเขาจริง..ถ้าเรื่องกรรมมีจริง แม้ชาตินี้เขาต้องใช้กรรม.. แล้วต้องเกิดใหม่ชาติหน้ามาคู่กับคุณต่อไป .. คุณรับได้มั้ย ? ถ้าเขาดีจริง ถ้าคุณรักเขา..ช่วยกันนำพาออกห่างจากอบายสู่ความเจริญด้วยกันน่าจะดีสุด ปล.1 ถ้าที่บ้านเขาทำกิจการนี้ก่อนเขาจะเกิด..เขาก็เลือกไม่ได้หรอก ปล.2 มีบัตรลดซัก 90% มั้ยครับ...ล้อเล่นน่ะ อิอิ จากคุณ : ทะเลสีดำ หัวใจสีชมพู - [ 28 มิ.ย. 52 00:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผิดศีลก็เห็นอยู่ชัดๆ ทำกรรม กรรมก็สนองวันนึง ทนเห็นเขา หรือครอบครัวรับกรรมได้หรือเปล่าละ ถ้ามีลูก ลูกก็เป็นคนหนึ่งที่รับกรรมของพ่อด้วย ดูครอบครัวทักษินเป็นตัวอย่าง มันกระทบทั้งครอบครัวแม้ว่า พ่อจะเป็นคนทำชั่วชัดๆแค่เพียงคนเดียว แต่ลูกเต้าก็หามีค สุขไม่ จากคุณ : ตาน - [ 28 มิ.ย. 52 00:34:05 A:94.225.25.156 X: TicketID:019698 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คนสมัยนี้ถือคติว่าอดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันและอนาคตสำคัญกว่า ดังนั้น จึงมีคนจำนวนมาก จึงได้กระทำการอันเป็นการเบียดเบียนผุ้อื่น เพื่อให้ ตัวเองร่ำรวยมีเงินทองขึ้นมา พอมีเงินทองแล้ว คนก็ไม่ค่อยจะสนใจว่าเงินนั้นได้มาอย่างไร สะอาด หรือสกปรกหรือเปล่า คนก็แห่นับหน้าถือตา ล้อมหน้าล้อมหลังไป คนแบบนี้เอง ที่ทำให้คนอื่น ๆ ไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิดเบียดเบียน คนอื่น เพราะเห็นทำแล้วร่ำรวย เงินทองเยอะแยะ มีคนนับหน้าถือตา ยุคสมัยที่คนยึดเอาวัตถุเป็นที่ตั้ง บูชาเงินเป็นพระเจ้า มันก็เป็นแบบนี้ จากคุณ : phukhao - [ 28 มิ.ย. 52 00:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท แนะนำว่าให้กลับมาอยู่ในโลกความเป็นจริงครับ มันไม่มีอะไรสวยงามเสมอไปหรอก   หรือคิดซะว่า อาบอบนวดเป็นการสร้างงานอย่างนึง จากคุณ : BonShi - [ 28 มิ.ย. 52 06:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 - -'' ในโลกนี้้ไม่มีคนที่ดีทุกอย่างหรอกครับ จากคุณ : kanoomtan - [ 28 มิ.ย. 52 07:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วธุรกิจอาบอบนวด มันผิดศีลธรรมอย่างไรหรือครับ บริการอาบน้ำ นวดตัว ก็ไม่ต่างอะไรจากตัดผม สระ-เซ็ท-ซอย-ไดร์ เท่าไรเลยนี่นา ส่วนเรื่องลูกค้าจะทำอะไรกับหมอนวด นั่นไม่ใช่เรื่องของคนทำธุรกิจที่จะไปรับรู้และเกี่ยวข้องครับ เป็นข้อตกลงระหว่างลูกจ้างกับลูกค้า ในส่วนของการบริการที่มิได้จัดให้โดยองค์กร แต่เป็น"บริการพิเศษ" ที่ลูกจ้างเสนอให้ลูกค้าเท่านั้น องค์กรไม่เกี่ยว ไม่เข้าใจว่าผิดศีลอย่างไร จากคุณ : powerconduit - [ 28 มิ.ย. 52 08:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตัดใจเลิกเหอะคุณ จขทก. เราก็เป็นคนซีเรียสเรื่องศีลธรรมเหมือนกัน ถ้ามาเจออย่างนี้แล้วรับไม่ได้ เป็นเพื่อนกันโอเค แต่ให้แต่งงานเป็นแฟนคงไม่ไหว อีกอย่างเค้าปกปิดความจริง ไม่ยอมบอกคุณเรื่องนี้ ก็เรียกว่าไม่ค่อยซื่อสัตย์ด้วย จะคบเป็นเพื่อนยังไม่อยากจะคบเลย....เฮ้อ (ถ้าบอกกันตรงๆแต่แรก ยังคบเป็นเพื่อนได้นะ) ส่งเสริมให้คนผิดศีลกาเม...คนไปเที่ยวผู้หญิงอย่างมากก็ทำผิดกับครอบครัวตัวเองอย่างเดียว แต่เจ้าของธุรกิจส่งเสริมให้มีการทำผิดกันหลายหลังคาเรือน...มิน่า เค้าถึงต้องเข้าวัด ทำบุญ แต่คนจะดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่การทำบุญเลยด้วยซ้ำ ต้องดูพฤติกรรมอีกทีว่าเป็นพวกมีธรรมะในใจจริงๆ หรือทำโมะกันแน่ จากคุณ : เหอๆ - [ 28 มิ.ย. 52 09:05:55 A:58.8.161.173 X: TicketID:149227 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ ทะเลดำ ล้อเล่นงี้ไก้ไงครับ 50% ก็มากแล้ว มีซัก30 % ไหมครับ ปล.ไม่เข้าใจจริงๆว่ากลัวอะไร (กลัวโรคหรือเปล่าครับ) จากคุณ : - NPie - - [ 28 มิ.ย. 52 09:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านมาจนจบผมก็ยังไม่เห็นว่าไอ้ธุรกิจอาบอบนวดมันชั่วตรงใหน โดยส่วนตัวไม่เคยเที่ยวอาบอบนวด เพราะไม่ชอบแนวนั้น แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามันไม่ดียังงัย แล้วพนักงานอาบอบนวดนี่เขาโดนครอบครัวแฟนคุณบังคับล่อลวงมาหรือเปล่า หรือเขาเลี่ยงภาษี หรือเขาไม่รับประกันรายได้พนักงาน ต่อคน ต่อวัน แล้วการไปใช้บริการอาบอบนวดแต่ละครั้งก็ไม่ใช่ถูกๆ 2,000 - 3,000 ขึ้นทั้งนั้น แล้วผมเชื่อเลยว่าคนที่มาใช้บริการนี่ 80% ต้องเป็นคนที่มีการศึกษาดี มีหน้าที่การงานที่ดี ไม่งั้นไม่มีตังค์มาเที่ยวหรอกครับ ผมยังอยากลองไปเที่ยวเลย แต่ไม่ใหว ผมเงินเดือน 3,500 ลองบอกข้อชั่วของอาบอบนวดให้ผมรู้บ้างได้ใหมครับ เผื่อผมจะไม่อยากไป จากคุณ : samasuk - [ 28 มิ.ย. 52 09:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ อ้าว นึกว่าเคยมีประสบการณ์เคยเข้าแล้ว ก็คงต้องมองไปว่า เป็น อาบอบนวด แบบแฝงบริการพิเศษ รึเปล่าด้วยละครับ หลายๆ แห่ง ก็ไม่แฝงบริการ อันนั้น ก็ปล่อยเค้าทำไปก็ได้ ส่วนที่แฝงบริการก็ กรรมใครกรรมมัน ละกัน จากคุณ : น้องปลาดาว - [ 28 มิ.ย. 52 09:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อาบอบนวดแท้จริงก็คือการค้ามนุษย์บวกค้าประเวณี ขายบริการทางเพศ ซ่องกะหรี่นั่นเอง เลิกเถอะก่อนสายเกินไป ไม่เชื่อถามชูวิทย์ จากคุณ : น้องโมบางใหญ่ - [ 28 มิ.ย. 52 09:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เราว่าเค้าคงไม่เลิดกิจการนี้หรอกค่ะ ดูมันจะทำรายได้ให้มหาศาลที่เดียว..ธุรกิจที่เกี่ยวกับความบันเทิงของคนเราเนี่ย จากคุณ : ชะนีน้อยหอยดอง - [ 28 มิ.ย. 52 11:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ก่อนเคยรู้จักคนที่ค้ายาอยู่ เวลาปกติจะทำบุญเยอะมาก เงินจากการค้ายาทั้งนั้น คงทำเพราะกลัวบาปกรรม และสร้างภาพให้ดูเป็นคนดีไปพร้อมกัน แปลกใจมากที่ยังเป็นคนที่ใครๆก็ชอบคบด้วย ทั้งๆที่หลายคนก็รู้ตัวตนจริงๆ เคยไปนอนคุกพักนึง แต่สุดท้ายหลักฐานไม่แน่น ก็เลยได้ออกมา คราวนี้คงทำแบบแนบเนียนขึ้น แต่ให้ตายมันก็ไม่เลิกหรอก ของที่มันมีแต่ละอย่าง คนที่ทำอาชีพสุจริตแทบไม่มีปัญญาหามาใช้กันหรอก จากคุณ : หมาทอง - [ 28 มิ.ย. 52 11:26:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราแค่รู้สึกว่า คนไปอาบอบนวดโดยส่วนน้อยจะไปให้เขาอาบน้ำอย่างเดียว เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าผช.ส่วนใหญ่ไปอาบอบนวดทำไม ถ้าคิดแบบหลายๆคห.ด้านบนเช่น คห.16 มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นนะ องค์กรไม่เกี่ยว....จริงๆแล้ว เราก็มีเพื่อนทำธุรกิจนี้อยู่เหมือนกัน แม้กระทั่งที่บ้านเพื่อนทำบ่อนก็มี(บ่อนไม่ได้อยู่ในเมืองไทย) เป็นเพื่อนมันก็โอเค แต่พอมาเป็นคนที่เราคบนี่สิ...รู้สึกไม่ดีเลย เมื่อวานเราคุยกับเค้าตรงๆแล้วล่ะเรื่องนี้ ตัวเค้าก็ดูเข้าใจเรามากๆเพราะตัวเค้าเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน จริงๆแล้วบ้านเค้าไม่ได้รวยขึ้นมาจากธุรกิจนี้เลย คือมีธุรกิจหลักและใหญ่พอที่จะให้ลูกใช้จ่ายอยู่กินอย่างสบายๆ ไหนจะธุรกิจย่อยอย่างอื่นอีก แต่เราก็ไม่ทราบว่าทำไมรวยแล้วถึงจะมาทำธุรกิจพวกนี้ด้วย(อันนี้ก็เรื่องของเค้า ไม่อยากสนใจ) ดูมันไม่ค่อยส่งเสริมสังคมเลย ตัวเราทำงานส่งเสริมสังคมเสียด้วยซ้ำ ทั้งให้การศึกษา ไปอยู่บนดอยเป็นครูอาสาเราก็ทำได้ พอมารู้เรื่องนี้ทีหลังเราก็รู้สึกแย่ๆ ส่วนเรื่องของคนที่เราคบอยู่ตอนนี้เค้าไม่ได้ทำงานของที่บ้านเลยค่ะ เค้ามีทาง(การงาน)ของเค้าเอง เค้าไม่ต้องการเข้าไปบริหารงานของบ้านเค้า ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ตปท. เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากจะไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้น แต่เค้าทำอะไรไม่ได้ อันนี้มันเลยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นที่ตัวเค้าไม่ข้องแวะกับเรื่องพวกนี้ พอลองมองย้อนไปอีกทีว่าเรารักเค้าตรงไหน ชอบเค้าตรงไหน มันเลยทำให้เรามีกำลังใจที่จะคบเค้าต่อไป สิ่งที่เค้าทำตอนนี้มันแหวกจากงานของที่บ้านเค้ามากๆ และก็ไม่ได้สบายเท่าไหร่นัก หนทางที่เค้าทำยังอีกไกล สิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรทำตอนนี้คือเป็นกำลังใจที่ดีให้แก่เค้า เลยอยากจะลืมๆเรื่องพวกนี้ไปบ้าง ขอบคุณหลายๆความเห็นที่มาแชร์กันนะคะ ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกดีขึ้น จะพยายามไม่คิดเรื่องพวกนี้มาเป็นตัวแปรให้มากนัก อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไง แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดค่ะ จากคุณ : จขกท. (ถอดล้อกอินมาบ่น) - [ 28 มิ.ย. 52 11:37:44 A:124.120.224.107 X: TicketID:221948 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คนเราเลือกเกิดไม่ได้นะคะแต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ จากคุณ : แม่คนขยัน (หมอนกฮูก) - [ 28 มิ.ย. 52 11:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาเห็นใจจขกทคะ เราเอง ไม่ชอบคนเล่นหวย การพนัน จนเราคบกับแฟน แฟนไม่ได้เล่นหวยหรอกคะ แต่ที่บ้านเขา คุณแม่เขาเล่นเยอะมาก งวดหนึ่งเป็นแสน ไปวัดไปขอหวย ต้นเดือนทีก็แทง กลางเดือนก็แทง บ้านเขาจะงมงายกับเรื่องความเชื่อต่างๆ จนเราแอบวิตกแบบจขกท แต่พอคิดแล้ว แฟนเราไม่ได้เป็นอย่างบ้านเขาเลยซักนิด เงินสักบาทยังไม่เคยซื้อหวยมาเล่นเลย เป็นคนประหยัด เก็บเงิน ไม่งมงาย ส่วนเรื่องคุณแม่เขา ใครๆก็ฉุดไม่อยู่แล้ว ก็ปล่อยกันไป ถือว่าเป็นความสุขส่วนตัวเขา คุณแม่เขายังเคยเป็นเจ้ามือหวยใต้ดินเลย แต่ตอนหลังเลิกแล้ว ยังไงเป็นกำลังใจให้คะ nobody is perfect คะ ถ้าหากยังคบไม่นานก็คงต้องดูกันต่อไปคะ จากคุณ : - (แว่นที่หายไป) - [ 28 มิ.ย. 52 13:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่า ตามความเห็นข้างต้นครับ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะดี จะชั่วได้... ดังนั้น หากกิจการนั้นเป็นของครอบครัว แต่เค้าปฎิเสธที่จะไม่ทำ หรือดูแลกิจการงานอื่นๆ... และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการนั้นแล้ว น่าจะเป็นคนที่ใช้ได้พอสมควร เพียงแต่ไม่สามารถโน้มน้าวให้ที่บ้าน เลิกกิจการไปได้ เพราะกว่าจะมาถึงกิจการนี้ได้ ต้องเสียค่าใช้จ่ายนับไม่ถ้วน แน่นอนครับสำหรับกิจการประเภทนี้... แต่หากว่า เค้ามีส่วนร่วมเข้าทำกิจการนี้ด้วย ก็คงต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่จะบอกว่าให้คุณทำใจเสียแต่ตอนนี้จะดีกว่าครับ ... จากคุณ : idEA** - [ 28 มิ.ย. 52 16:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้ารับไม่ได้ ก็เลิกกันซะตอนนี้ ดีกว่าถลำลึกไปเรื่อยๆ ถ้ารักเค้ามากกว่า ก็อย่าไปสนใจซะ อาบอบนวดไม่ใช่ธุรกิจที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะสาวๆที่ไปทำงานแบบนี้ ส่วนมากเต็มใจที่จะทำ เพราะเงินมันหาง่าย รายได้ดีกว่าทำงานหนักเยอะ แบบว่า นารีมีรูปเป็นทรัพย์ อย่าถามนะว่าผมรู้ได้ยังไง ^^ ถ้าเลือกข้อ2 ขอบัตรส่วนลดมาแจกกำลังใจที่ได้หน่อยนะครับ อิอิ จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค - [ 28 มิ.ย. 52 20:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าคิดมากครับ...คนเราอายุไม่ได้ยืนยาวนักหรอก จากคุณ : The man on the net - [ 28 มิ.ย. 52 21:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เว่อร์ค่ะ ธรรมมะธรรมโม  เอาอะไรมาวัดคะ   อีกอย่าง อาบอบนวด ไม่ผิดศีลค่ะ  ดีกว่าไปแอบกิ๊กกั๊กกับเมียชาวบ้านเป็นไหนๆ จากคุณ : ยัยนู๋งก - [ 28 มิ.ย. 52 23:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตักบาตรทุกเช้า ถ้าวันพระจะมีการสวดมนต์ตอนเช้าชุดใหญ่ งานบุญไม่เคยขาด ทำแบบปิดทองหลังพระ ตอนสึนามิ ส่งคนไปช่วยเยอะมากและบินไปช่วยเองด้วย และอื่นๆอีก แบบนี้ที่เราเรียกว่าธรรมมะธรรมโมนี่ถูกมั้ยคะ? อาบอบนวด ไม่ผิดศีลหรอคะ? จากคุณ : จขกท. - [ 28 มิ.ย. 52 23:48:05 A:124.120.224.107 X: TicketID:221948 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าอาบอบนวด ที่ให้บริการประหนึ่งสปา ก็คงไม่ผิดศีลหรอกค่ะ แต่ก็เป็นที่รู้ๆกัน ว่ามันแฝงบริการทางเพศทั้งนั้น! แล้วแบบนี้จะไม่ผิดศีลธรรมได้ยังไง??? เฮ่ออออออออ.... สำหรับคุณจขกท ลองคิดให้ดีๆค่ะ ว่านั่นมันคือธุรกิจของครอบครัว แต่ถ้าตัวแฟนคุณเค้าไม่ข้องเกี่ยว ก็โอเครึป่าว ปล.เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า พวกคนที่เคยทำงาน ทำมาหาหกินแบบผิดศีล ชอบมาเข้าวัด บำรุงกันทีหลัง ไม่ว่าจะพวกเมียน้อย พวกเล่นการพนัน ฯลฯ คงคิดว่าจะชดใช้ได้ล่ะมัง -"- ... จากคุณ : Spirited A's way - [ 28 มิ.ย. 52 23:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 และที่ทำงานบุญด้านบน ไม่มีออกหน้าว่าฉันทำบุญนะคะ ไม่เคยให้สื่อถ่ายรูปลงนิตยสารเลย แต่ที่อยากทราบ คืออาบอบนวดนี่ไม่ผิดศีลจริงๆหรอคะ? แต่เราก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดีนะ จากคุณ : จขกท. - [ 28 มิ.ย. 52 23:53:34 A:124.120.224.107 X: TicketID:221948 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นั่นสิ เราก็รู้ว่ามันเป็นธุรกิจไม่ผิดกฏหมาย เอาผิดไม่ได้ ไม่ใช่พวกค้าประเวณีแบบที่จะจับมือมาดมได้ แต่รู้อยู่แก่ใจว่าผิดศีล เพราะมันแอบแฝงอะไรกันเราก็รู้ๆกันอยู่ มันจะไม่ผิดศีลได้อย่างไง เราก็รู้สึกเหมือนกันว่าทำบุญหนีบาป....แต่แค่เค้าไม่ไปข้องเกี่ยวถือว่าเป็นบุญของเรามากๆละค่ะ แต่ยอมรับนะคะ ว่ามันสะเทือนใจเราพอสมควร ทุกวันนี้ยังนอยอยู่เลย จากคุณ : จขกท. - [ 28 มิ.ย. 52 23:57:31 A:124.120.224.107 X: TicketID:221948 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คนเรามีหลายประเภท เห็นพ่อแม่ทำอะไร แล้วทำตาม ก็ประเภทนึง เห็นพ่อแม่ทำอะไร แล้วไม่อยากทำตาม ก็อีกประเภทหนึ่ง และทั้งสองประเภทคงไม่มีใครห้ามให้พ่อแม่เลิกทำได้สำเร็จ ดูว่าเขาเป็นคนยังไงก็พอนะเราว่า จากคุณ : พิณณ์อวี - [ 29 มิ.ย. 52 00:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบทำบุญที่วัดโพ วัดไซ หรือวัดดอน ครับ หรือทั้ง 3 วัด รวมกัน จากคุณ : saksayam - [ 29 มิ.ย. 52 01:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 #32 เป็นที่รู้ๆกัน!!! โอ้ เหตุผลสุดยอด ไปกระทรวงพาณิชย์นะครับ แล้วถามหาทะเบียนการค้า ว่าองค์กรของเขาจดทะเบียนว่าทำอะไรบ้าง แค่นั้นครับ ไม่มีนอกเหนือ ที่ทำกันเองนั้น ลูกจ้างใช้พื้นที่ขององค์กรในการทำธุรกิจส่วนตัวทั้งสิ้น จากคุณ : powerconduit - [ 29 มิ.ย. 52 10:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ต้องแยกให้ออก ระหว่างกิจการงานกับเรื่องส่วนตัว  โดยรวมแล้วสถานบริการหากเปิดถูกต้อง ก็ไม่น่าผิด เพราะผู้ที่มา  ใช้บริการและทำงานก็โต ๆ กันแล้ว คงไม่ใช่หลอกลวง ข่มขู่มา  หากเขาเป็นคนดี และไม่ไปมั่วสุมตรงกิจการตรงนั้น  ก็ไม่เห็นเป็นไร  ที่สำคัญ  คุณรักเขา  ที่ตรงไหน........เชื่อมั่นเขาขนาดไหน ต่างหากค่ะ จากคุณ : army doi - [ 29 มิ.ย. 52 12:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มีบัตรลดไหมครับ เอ้ย ไม่สบายใจก็เลืกไปครับ ระหว่างเลิกกันไม่มีเหตผล กับทนคบไปอย่างมีเหตุผล เอาอันไหนดี จากคุณ : เด็กสร้างบ้าน คนสร้างภาพ - [ 29 มิ.ย. 52 16:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คิดมากไปหรือเปล่า แค่เป็นธุรกิจทางบ้าน เค้าไม่ได้ทำเองซะหน่อย พ่อแม่พี่น้อง เค้าจะทำอะไรเราไปห้ามเค้าได้เหรอ เราก็ทำสิ่งที่เราชอบไปสิ อยู่ในโลกความจริงดีกว่า ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องไร้สาระ ขอแค่ให้แน่ใจว่าเค้าเป็นคนดีจริง และเข้ากับเราได้ก็พอแล้ว จากคุณ : หนุ่มน้ำชี - [ 29 มิ.ย. 52 18:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วคิดว่าเค้าจะยังไม่เคยลองเด็กเค้าเองรึป่าวอ่ะครับ อิอิ จากคุณ : evefy - [ 29 มิ.ย. 52 21:18:13 A:125.24.198.236 X: TicketID:221150 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เอ่่ออ  บริการทางเพศ  มันผิดศีลข้อไหนคะ  หมายถึงข้อ สามหรอ ร่วมรักกันโดยมิได้บังคับ ข่มขู่  ไม่ใช่ลูกเขาเมียใคร   นี่มันก็เหมือนการร่วมเพศธรรมดาๆอ่ะคะ่   ฝ่ายนั้นทำเพื่อเงิน  หารายได้   อีกฝ่ายเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ  ต่างฝ่ายต่างได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการ   มันไม่ใช่การข่มขืนนะคะ  ที่เหล่านี้มันเป็นแหล่งรองรับอารมณ์ของผู้ชาย ที่ต้องการปลดปล่อยกับคนที่พร้อมจะให้ค่ะ   ดีกว่าให้เค้าไปข่มขืนสาวๆที่ไหนนะคะ จากคุณ : ยัยนู๋งก - [ 29 มิ.ย. 52 23:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เหตุผลเดียวที่คุณควรแต่งกับเค้าคือ เค้ารวย ถ้าคุณไม่ชอบเหตุผลนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่ต้องคบกับเค้า จากคุณ : thelegendary - [ 30 มิ.ย. 52 03:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กรณีนี้ คุณเจ้าของกระทู้เป็นคนใฝ่ธรรมะ เชื่อในบุญบาบ ผมคิดว่าเข้าใจจขกทนะครับ ว่าคุณลำบากใจที่สุดต้องมีเรื่องนี้เเน่ ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่เเน่ไม่นอนเเละเราไม่สามารถรู้ก่อนได้ นั่นก็คือ หากคุณสองคนเเต่งงานกันไป เเล้วมีลูก คุณคงกลัวว่าบาปมันจะไม่ตกที่พวกคุณ เเต่มันอาจจะไปเกิดกับลูกที่คุณรักเเทนใช่มั้ยครับ ซึ่งผมเชื่อว่า จขกทเองคงอยากให้บาปที่ครอบครัวเเฟนคุณก่อคุณ มาตกที่รุ่นพวกคุณเองมากกว่าไปตกที่ลูกเเน่นอน หากเป็นผมเจอเรื่องนี้เข้าไปก็คิดไม่ตกเหมือนกัน จากคุณ : bbred - [ 30 มิ.ย. 52 13:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จะว่าจากที่เล่ามา ท่าทางเค้าจะรวยเลยนะเนี่ย เข้าเรื่อง ถ้าเค้าไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจนี้ แบบว่าเข้าไปดูแล ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ถ้าเค้าเข้าไปดูแลเมื่อไร ก็ค่อยๆถอยออกมาเหอะคับ จากคุณ : เด็กผี ปีศาจแดง - [ 30 มิ.ย. 52 16:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ทุกอย่างอยู่ที่  เจตนา จากคุณ : dannypantip - [ 1 ก.ค. 52 00:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ ยิ่งเสมอกัน (ตรงตามความจริง ไม่ใช่ภาพลวง) ชีวิตคู่ยิ่งยืนนาน สำคัญในเวลานี้ หากจะดูที่ ศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ แล้วก็ต้องดูให้นานขึ้น ฝากให้คิดอย่างหนึ่งว่า คนที่มีศีลแน่นหนักอยู่ในใจจริง ๆ นั้น ความคิด คำพูด และการกระทำ จะแตกต่างจากคนที่มีศีลแค่เปลือกไหม และแตกต่างกันอย่างไร ทำใจให้ว่างจากอารมณ์ขุ่นมัว เมื่อสว่าง เมื่อสงบ ก็ค่อยใช้สติ ใช้ปัญญา พิจารณาทบทวน อย่าให้อคติ ฉันทาคติ หรือรักชอบเกลียดชัง มาเจือปนระหว่างความคิด : ) แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 01:01:28 จากคุณ : in my heart - [ 2 ก.ค. 52 01:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่อยากให้เจ้าของกระทู้คิดมากครับ ไม่มีอะไรเสียหายครับ คนที่ทำธุรกิจอาบอบนวด ไม่ได้ไปบังคับให้คนเขามาทำงานกับสถานบันเทิง ทุกคนมาด้วยความสมัครใจ ผมเข้าใจดี เข้าใจถึงบ้านแฟนคุณด้วยว่า ทำไมเขาถึงเลือกเส้นทางนี้ ทั้งๆที่เค้าไม่อยากทำก็ตาม แต่ก็ต้องทำ ต้องยกความดีให้แก่คุณพ่อของแฟนคุณ เพราะมีอยู่เหตุผลหนึ่งที่คนเลือกมาเส้นทางนี้ เพราะไม่อยากให้ครอบครัวลำบาก ไม่อยากเห็นคนที่เป็นภรรยาและลูกลำบาก เพราะโลกแห่งความจริงคือเรายังต้องใช้เงิน การมีเงินมากไม่ได้หมายความว่าต้องใช้มาก แต่มันหมายถึงความอุ่นใจที่พร้อมจะจ่ายได้ในยามขับขัน (อันนี้สำคัญมาก) คุณคงประหลาดใจว่าทำไมครอบครัวแฟนคุณถึงเข้าวัด ทำบุญ เพราะจริงๆแล้วไม่มีอะไรมาก ชีวิตมนุษย์ เราต้องรู้จักแยกแยะอะไรคือธุรกิจ อะไรคือตัวตนของเรา เรื่องทำบุญลบบาป อันนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นผม ผมก็เลือกเส้นทางนี้ ติดอยู่ที่ว่าผมยังไม่มีเงิน ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกทางเดินได้ การที่ครอบครัวของแฟนคุณเลือกทางเดินสายนี้ ก็หมายความว่า เขาเตรียมพร้อมแล้วที่จะรับผิดชอบไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ตาม เป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้าคุณและเขารักกันทุกอย่างไม่มีคำบรรยายใดๆแล้วครับ ทุกสิ่งขึ้นอยู่ที่ตัวเราเท่านั้นเอง สวัสดีครับ ป.ล.อยากทำครับ แต่ยังไม่มีตัง 5555+ จากคุณ : กันติพงศ์ - [ 11 ก.ค. 52 18:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าพูดกันเรื่องบุญบาปนั้น ต้องถือว่าอาชีพค้าบริการ เป็นการสร้างกรรมไม่ดีให้เกิดขึ้นครับ คนที่สร้างกรรมนั้นย่อมได้รับผลกรรมต่อไป ไม่ช้าหรือเร็ว ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นมิได้ข้องเกี่ยวโดยตรง แต่กรรมสนับสนุน (ครอบครัวเป็นผู้บริหาร) จะส่งผลในอนาคตชาติ แน่นอนครับ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย คือต้องใช้กรรมแต่จะมากหรือน้อยขึ้นกับ เจตนาของผู้ทำกรรมครับ ส่วนคุณผู้หญิงที่เป็นแฟนกับเขาคงมีกรรมพัวพันกับเขาในอดีตชาติครับจึงต้องมาพานพบกับอบายมุขเช่นนี้ แต่ถ้าชักชวนให้เขาเลิกก็จะได้บุญมากครับ ส่วนการผิดศีล นั้นผิดแน่ครับ เพราะพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อาชีพที่มิควรทำนั้นมี 4 อย่างนั่นคือ ค้ามนุษย์ ค้าสัตว์ ค้าอาวุธ และ ค้าสิ่งเสพติด ซึ่งอาบ อบ นวด นั้น เป็นการค้ามนุษย์ เพื่อส่งเสริมให้คนติดอบายมุขโดยตรง (กาม ราคะ) และเปรียบเสมือนเป็นสิ่งเสพติด ที่ล่อลวงให้คนหลงมัวเมาอีกด้วยครับ ส่วยคนที่ไปเที่ยวนั้น ถ้าแต่งงานมีลูกเมีย แล้วถือว่าผิดศีลข้อ 3 แน่นอนครับ แต่ถ้ายังโสดและหญิงที่ไปมีอะไรด้วยนั้นไม่มีเจ้าของและทำด้วยความเต็มใจนั้นถือว่าไม่ผิดศีลข้อ 3 ครับ (เจ้าของในที่นี้หมายถึง มีสามี มี คู่ครองหรือมีบุพการีคอยดูแล อยู่นะครับ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันจะทำให้ศีลที่ เราถืออยู่มัวหมองไม่บริสุทธิ์นะครับ เพราะเราไปลุ่มหลงในอบายมุขมาก เป็นหนทางแห่งความวิบัติได้ครับ ทั้งยังทำให้เรามีโอกาสตกนรก ถึงแม้ว่าเรามีกรรมดีก็ตาม คือขึ้นกับว่าตอนใกล้ตาย เรานึกถึง กามราคะ หรือ บุญบาร มากน้อยกว่ากัน ยิ่งพวกที่ชอบเที่ยวมากๆครับ ชาติหน้ามีโอกาสเกิดมาเป็นหญิงอาบ อบ นวด หรือ หญิงขายบริการครับ เพราะเราลุ่มหลงในกามตัณหามากเกินไป ส่วนพวกผู้หญิงพวกนั้น ชาติก่อน เค้าก้อชอบเที่ยวอย่างนี้แหละครับ ชาตินี้จึงต้องมาใช้กรรม ส่วนพวกที่ค้ายา แล้วเอาเงินที่ได้จากการค้ายา มาทำบุญนั้น ถือว่าเขามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ คือทำบุญหวังไม่ให้ทางการจับได้และ ปัจจัยที่เอามาทำบุญนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ครับเพราะได้มาจากการค้ายาเสพติด แม่ว่าเนื่อนาบุญจะบริสุทธิ์ก็มิอาจทดแทนกันได้ครับ เพราะการทำบุญ (มี 3 วิธี คือ ทำทาน ถือศีล และ เจริญภาวนาสมาธิ) ต้องมีองค์ประกอบครบดังนี้ครับ คือ เจตนาบริสุทธิ์ สิ่งที่ทำทานต้องบริสุทธิ์ และ เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์ ครับ ผมเคยอ่านเรื่องของ หญิงคนนึงที่เก็บเอาเงินค่านายหน้าของหญิงบริการวันละเล็กวันละน้อยแล้วพอแกแก่ก็นำเงินส่วนนั้นไปสร้างโบสถ์ถวายวัด แต่ปรากฎว่าตอนแกตายบุญส่วนนี้กลับไม่ส่งผล แกตายไปเป็นเปรตครับ เพราะทำบุญด้วยโลภะ (ความโลภ) ยังไงก็ฝากไปคิดให้ ครอบครัวของแฟนคุณออกจากสิ่งไม่ดีด้วยครับ แต่ถ้าพูดกันในทางโลกนั้น ก็ถือว่ากิจการทำไปเผื่อผลกำไรอย่างเดียวครับ แต่ถ้ารวยอยู่แล้วก็พยายาม ลด ละ เลิก สิ่งที่ไม่ดีจะดีกว่าครับ จากคุณ : Sen (wickypappy) - [ 22 ก.ค. 52 23:57:38 ]