ผมเข้ามาอ่านในกระทู้ของชาวสวนลุมพินี ได้มาระยะหนึ่งแล้วครับ และก็เข้าไปฮากับกระทู้ (เรท) บ้างน่ะครับ แต่หลัง ๆ เริ่มไม่ "บ้างแล้วสิ" แต่มีบางอย่างที่เป็นห่วง และไม่เข้าใจเลยครับ กับกระทู้ที่มีมาสอบถามประมาณว่า
"........ แล้วจะท้องไหม"
ผมว่าคนส่วนมากที่เข้ามาในโลกไซเบอร์ได้นั้น ระดับความรู้นั้นต้องมีระดับหนึ่งอยู่แล้วครับ กับคำถามบางอย่าง
1) เผลอปล่อยข้างใน กังวลว่าจะท้องไหม
2) ลืมทานยาคุม จะท้องไหม
3) ลืมใส่ถุงยางอนามัย จะท้องไหม
ฯลฯ
คำตอบส่วนมาก็คือ "มีโอกาสท้อง" ซึ่งผมว่าคนที่ถามก็พอจะรู้อยู่แล้วว่า "มีโอกาส" ใช่ไหมครับ คุณก็รู้คำตอบ แต่การเข้ามาตั้งกระทู้ ก็เพื่ออยากได้ความเห็นที่ว่า "ไม่น่าท้อง" หรือ "อย่างนี้ไม่น่าจะท้องนะ" เพื่อปลอบใจตัวเองใช่ไหมครับ...
ผมอ่านบางกระทู้เกี่ยวกับไอ้ท้อง หรือไม่ท้องนั้น .... ผมว่าส่วนหนึ่งมีพฤติกรรม "ลักลอบได้เสียกัน" เพราะถ้าแต่งงานถูกต้องผู้ใหญ่รับทราบ เรื่องจะท้องไม่ท้องนั้น บางทีปรึกษาคุณหมอก็ได้ครับ ปรึกษากับคุณแม่ หรือญาติที่มีประสบการณ์การแต่งงานมาก่อนก็ได้ ไม่ต้องมาตั้งกระทู้ถามให้เมื่อยหรอกครับ
"ผมล่ะห่วง เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ กันโดยที่ยังไม่พร้อม" กรณีท้อง...
1) ผู้หญิงเอาไงล่ะครับ ท้องก่อนแต่ง ไม่ใช่ว่าไม่มีทางออก แต่ชีวิตคุณกำลังเจอโจทย์ที่ยากมาก ๆ เพราะส่วนมากสังคมมักจะมีข้อติติงกับกรณีอย่างนี้...
2) กรณีไปทำแท้ง ความรู้สึกบาปในการ "ฆ่าคนตาย" ก็จะติดตรึงเป็นตราบาปของคุณไปตลอดชีวิต และที่สำคัญการทำแท้งนี่มันเสี่ยงกับตัวผู้หญิงด้วย หลายรายก็มีอาการตกเลือด และเสียชีวิต
3) ผู้ชายล่ะครับ ถ้ายังมีความรับผิดชอบ ก็ต้องยุ่งกับการอธิบายให้กับพ่อแม่ฟังอีก .... เรื่องยาวแน่ ๆ ถ้าไม่มีความรับผิดชอบก็ต้องหนี แต่คุณจะหนีความผิดได้ตลอดไปหรือครับ .... มันก็เป็นตราบาปในชีวิตคุณไปจนตายอีกนั่นล่ะ
ผมอยากให้คนที่คบกันเป็นแฟน ถ้ารู้จักรักษาระยะห่างกันไว้สักนิดก็จะดีครับ อย่าให้มีอะไรที่มันเกินเลย ทั้งหญิงและชายต้องช่วยกันรักษาระยะตรงนี้ให้ดี ใครเผลอไผลอีกฝ่ายก็ต้องเตือน ... อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำให้เราต้องทำอะไรผิดพลาด
ผมนับถือหลาย ๆ คน ที่ตัดสินใจว่า "จะไม่มีอะไรกับแฟน จนกว่าจะแต่งงาน" เพียงเหตุผล..
1) เวลาเจอพ่อ เจอแม่ผู้หญิง แล้วจะได้ไม่รู้สึกว่าต้องปิดบัง หรือกำความลับอะไร ไม่ต้องระแวง
2) ถ้าหากโชคชะตาทำให้ความสัมพันธ์ของสองเราไปถึงวันแต่งงานร่วมหอลงโรง เป็นสามีภรรยากัน เรายังคงคืน "ความเป็นเพื่อน" ให้กันและกันได้ และหากวันใดวันหนึ่งเธอพบกับผู้ชายที่ดีพอที่จะเป็นสามีเธอ เราก็ยังสามารถไปงานแต่งงานเธอได้โดยสนิทใจ
แต่ถ้าหญิงชายคู่หนึ่ง ที่เป็นแฟนกัน และได้เป็นของกันและกันแล้ว อันนี้ผมแนะนำว่า...
1) ควรป้องกันให้ดีครับ ผมว่าวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การให้ผู้ชายสวมใส่ถุงยางอนามัย เดี๋ยวนี้เขามีให้เลือกหลายแบบ หลายรุ่น ผมว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นส่วนใหญ่ผู้ที่สมอารมณ์หมายที่สุดคือ "ผู้ชาย" อย่างน้อยผู้ชายก็ควรจะเป็นฝ่ายป้องกันน่ะครับ นอกจากจะ "ไม่ท้อง" แล้ว ยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยนะครับ ผู้หญิงทั้งหลายจำไว้นะครับ ถ้าผู้ชายทีเป็นแฟนเรา แล้วยอมใส่ถุงยาง ถือว่าเขายังคงมี Spirit อยู่บ้าง แล้วเวลาใส่ ก็ไม่ต้องใส่ 2 - 3 ชั้นหรอกครับ ดูคำแนะนำในการใส่ แล้วก็ใส่ตามนั้นครับ การใส่หลายชั้น รังแต่จะทำให้การปฏิบัติภารกิจไม่สะดวก แถมยังมีโอกาสถุงรั่วได้ง่ายอีกครับ
2) การให้ผู้หญิงทานยาคุมกำเนิด ไม่ว่าแบบไหน ผมว่าเป็นการทำให้ระบบฮอร์โมนของฝ่ายหญิงบกพร่องในระยะยาวได้ครับ ผมว่าวิธีนี้ไม่เหมาะเลยครับ ขนาดคู่ที่เขาแต่งงานแล้ว สามีที่รักภรรยายังไม่ค่อยอยากให้ภรรยาทานยาคุมกำเนิดเลยครับ ห่วงสุขภาพภรรยา
สำหรับผู้หญิงที่พลาดท้องไปแล้ว.... ก็ไม่ต้องถึงกับคิดว่าไม่มีทางแก้ครับ แต่ควรยอมรับความจริง ให้พ่อแม่คุณทราบเรื่อง และบอกให้ฝ่ายชายไปบอกครอบครัวเขาให้เรียบร้อย
1) อย่าทำแท้ง ถ้าไม่คิดถึงเรื่องกรรมเรื่องเวรอะไร ก็ให้คิดว่า การทำแท้งนั้นฝ่ายหญิงก็มีความเสี่ยงนะครับ การทำแท้งในวงการสูตินรีแพทย์ ยังต้องทำกันอย่างระมัดระวัง และคุณหมอส่วนใหญ่มักจะเลือกวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายในการรักษา หากเกิดกรณีการตั้งครรภ์ที่มีปัญหา
2) กรณีที่ฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ ผมว่าก็ไม่ต้องไปทวงถามความรับผิดชอบหรอกครับ เพราะขนาดนี้แล้วมันยังไม่รับผิดชอบ ก็ไม่ต้องไปหาความรับผิดชอบอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้วครับ ถ้าไปบังคับเขา อีกหน่อยเขาทิ้งเรา โดยมีลูก 2 - 3 คน แล้วจะยิ่งช้ำใจ ยอมรับกับปัญหา ปรึกษากับพ่อแม่เรานี่ล่ะครับดีที่สุด อาจจะโดนด่า โดนว่าบ้าง แต่ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้ว พ่อแม่เรานี่ล่ะ จะช่วยเราหาทางออกได้ครับ
สุดท้าย หลัง ๆ นี้เวลาผมอ่านกระทู้ที่มาถามว่า "จะท้องไหม???" ผมจะคิดว่า
"มรึงก็รู้อยู่แล้ว ว่ามีโอกาส แล้วมรึงจะมาถามทำม้ายยยยยยยย ....อ๋ออออ จะถามเพื่อความสบายใจ"
ป้องกันไว้ก่อน อย่าให้เจอปัญหาแล้วมาตั้งกระทู้ถามดีที่สุดครับ
จากคุณ :
นักอ่านตัวยง
- [
6 ก.ค. 52 14:12:47
]