ส่วนอันนี้เป็นคำอธิบายในเชิงเปรียบเทียบ
ที่คุณเอ เปรียบเทียบให้เห็นเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นครับ
ที่มา เวบsiamfitnessเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2550
+
+
+
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน
การกินแบบ Fast-5 ก็เหมือนการเติมน้ำมันรถ
คุณเติมน้ำมันครั้งเดียวจนเต็มถัง แล้วขับรถทั้งวันแทบไม่หยุด
บางครั้งก็บรรทุกของหนัก บางครั้งก็เร่งความเร็วแบบสุดๆ เพื่อแซงสิบล้อ ทำให้เปลืองน้ำมัน ขับจนน้ำมันหมดถึงขีดแดง
แล้วจึงเติมแบบเต็มถังอีกครั้งในตอนเย็น
เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีล้น ไม่มีน้ำมันเก่าสะสมเหนือขีดแดง
การกินแบบเก่า 3 มื้อต่อวันก็เหมือนการเติมน้ำมันรถตามตารางเวลา เช้า กลางวัน เย็น
โดยปริมาณที่เติมในแต่ละครั้งรวมกันแล้วอาจจะเท่ากับ หรือมากกว่าปริมาณน้ำมันเต็มถัง
แถมถ้าเจอน้ำมันราคาถูกข้างทางก็แวะเติมอีก
เช่น
ตอนเช้าเติม 1/3 ของปริมาณน้ำมันเต็มถัง แล้วขับไปจอดที่ทำงานจนถึงเที่ยง
ตอนออกไปกินข้าวกลางวันก็แวะเติมอีก 2/3 (เต็มถังแล้ว) แล้วขับมาจอดที่ทำงานจนถึง 5 โมงเย็น
พอเลิกงานก็ไปช๊อปปิ้ง
ระหว่างทางมีเร่งความเร็วแซงสิบล้อบ้าง
ตอน 1 ทุ่มก็เติมอีก 2/3 (ล้นถังแล้ว)
ขากลับเจอน้ำมันราคาถูกก็แวะเติมอีก 1/3 (ล้นถังอีกแล้ว)
แล้วก็กลับบ้าน
เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกวัน จนน้ำมันที่ล้นออกมาค่อยๆ กัดทำลายสีรถตรงบริเวณฝาถังไปเรื่อยๆ จนสีด้านและลอกในที่สุด
การเปลี่ยนจากการเติมน้ำมันตามตารางเวลาวันละ 3 ครั้งมาสู่การเติมครั้งเดียวแบบเต็มถัง
ในการเติมครั้งแรกๆ หลังการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีน้ำมันล้นออกมาเป็นเรื่องปกติ
อาจจะล้นมากจนคุณตกใจและไม่สบายใจ
(ความหิวในช่วงอด ความกดดันจากผู้คนรอบข้าง ความกังวลว่าน้ำหนักจะเพิ่มเพราะการกินมากตอนแรกๆ ในช่วงปรับตัวของ Fast-5)
แต่พอวันรุ่งขึ้นและวันต่อๆ ไป
มีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ
จากไม่ค่อยได้ขับ เอาแต่จอดแทบทั้งวัน ไปเป็นการขับแบบทั้งวันแทบไม่หยุด (ร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักในช่วงอด)
บางครั้งก็บรรทุกของหนัก บางครั้งก็เร่งความเร็วแบบสุดๆ เพื่อแซงสิบล้อ (การทำตัวกระฉับกระเฉงหรือการออกกำลังกายเพื่อช่วยเร่งการใช้ไขมัน)
จนน้ำมันหมดถึงขีดแดงในที่สุด
แล้วจึงเติมแบบเต็มถังอีกครั้งในตอนเย็น
เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่มีล้น ไม่มีน้ำมันเก่าสะสมเหนือขีดแดง (ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบ Fast-5 ได้แล้ว แต่ยังคงทำต่อไป)
บางครั้งเจอน้ำมันราคาถูกข้างทาง ก็แวะเติมจนล้นถังบ้าง เพื่อหวังของแถมจากปั๊ม
แต่ก็นานๆที
จนไม่มีผลอะไรกับสีรถตรงบริเวณฝาถัง
(บางครั้งนานๆที ในโอกาสพิเศษ คุณอาจจะกินมากแบบสวาปาม กินอาหารขยะมาก แต่ก็ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม คุณไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะเผลอกินอาหารมาก
ไม่ต้องรับกับความกดดันเพราะการจำกัดอาหารอีกต่อไป คุณเป็นอิสระ)
+
+
+
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายๆคนคงสงสัยว่า
ที่ผ่านมาเราเคยได้ยินมาว่าการกินอาหารมื้อเล็กๆ แต่กินบ่อยครั้งนั้น จะดีต่อสุขภาพกว่า การกินอาหารมื้อใหญ่แต่กินน้อยครั้ง
หรือเคยได้ยินมาว่าการงดอาหารเช้านั้นไม่ดีต่อสุขภาพ และอาจทำให้อ้วนขึ้นนี่นา
อย่างที่กระพ้มเคยบอกไว้ล่ะครับ
ว่าfast5นั้นเป็นวิธีการที่ค่อนข้างผิดไปจากความรู้ทางด้านโภชนาการสำหรับเราคนไทย
ดังนั้นหากจะใช้เทคนิคนี้จึงควรศึกษาให้ดีเสียก่อน
แล้วพิจารณาให้รอบคอบว่าควรจะทำหรือไม่
สำหรับตอนหน้ากระพ้มจะนำเสนอแนวคิดของวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ด้านการชะลอวัย
โดยวิธีที่เรียกว่า Intermittent Fasting (IF) และ Calorie Restriction (CR)
ที่จะอธิบายถึงรูปแบบการรับประทานอาหารของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ(ซึ่งวิธีFast5นั้นก็คือรูปแบบหนึ่งของ IF)
แล้วเราก็จะหายข้องใจเรื่องของมื้ออาหารในแต่ละวันครับพ้ม...^^
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
ลิ้งค์กระทู้เรื่องราวเกี่ยวกับfast5โดยหนุ่มY สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลครับ
[ตอนที่1-ภาพรวมเกี่ยวกับFAST-5]
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8048674/L8048674.html
[ตอนที่2-สำคัญมาก!!...ข้อควรระวัง และ ขั้นตอนการทำfast5]
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8051543/L8051543.html
[ตอนที่3-ตัวอย่างการAdjustment+ผลร้ายที่ไม่ได้Adjustment]
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8056088/L8056088.html
[ตอนที่4-หลักการทำงานของfast5 และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง]
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8060045/L8060045.html
[ตอนที่5-CR และ IF : แนวคิดเบื้องหลังของFast5]
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8067767/L8067767.html
[ตอนที่6-สรุปง่ายๆfast5คืออะไร ทำยังงัย?+FAQคำถามที่พบบ่อย]
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8072695/L8072695.html
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 12:21:10
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 22:14:32
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 52 23:30:06