ประสบการณ์ตรงจาก...คนเป็นหวัด2009
|
|
ณ ตอนนี้คงต้องยอมรับกันแล้วว่า “ไข้หวัดใหญ่ 2009” เป็นคำฮิตติดหูพวกเรา ที่เจอกันตั้งแต่เช้าจนเย็นก็จะมีแต่รายงานเกี่ยวยอดผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวันและยอดผู้เสียชีวิต รวมทั้งนักวิชาการต่างๆที่ออกมา วิเคราะห์ วิจารณ์แต่ก็ยังไม่เห็นมีคนที่ป่วยมาให้ประสบการณ์กันเท่าไร เราก็อยากเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์นั้น ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้
วันนั้นเราไปงานรับปริญญาเพื่อนที่รพ.ดังแห่งหนึ่ง เพื่อนของเราเป็นหมอ แต่วันจริงกับวันซ้อมใหญ่เราไปไม่ได้ ติดธุระ เราจึงตัดสินใจไปยินดีกับเพื่อนที่รพ.นั้น เพราะเค้าแต่งชุดซ้อมด้วย ในลานนั้นเต็มไปด้วยนักศึกษาแพทย์และแพทย์จากที่ต่างๆ(ซึ่งว่าเป็นศูนย์รวมเชื้อโรคจากหลายที่) รวมทั้งญาติพี่น้องของบัณฑิตแออัดกันอยู่ เราอยู่ในนั้นประมานชม.กว่าๆ ไปกินเลี้ยงกันต่อที่เซ็นทรัลเวิร์ด และเพื่อนเราก็ขับรถกลับไปส่งที่บ้าน ด้วยดีไม่มีอะไร
วันรุ่งขึ้น เราก็ใช้ชีวิตเต็มที่ ตื่นแต่เช้าจากบ้าน กลับบ้านมืดค่ำ และมานั่งคุยกับเพื่อนต่อจนตีหนึ่งกว่าๆได้ พอเข้านอนได้ไม่กี่ชม. ต้องตื่นแต่เช้าไปต่างจังหวัดกับครอบครัว ตอนนั้นอาการก็เริ่มแปลกๆนิด รู้สึกไม่ค่อยปกติ หลังจากถึงที่พักก็ยังร่าเริงไม่มีอะไร จนมาตอนบ่ายๆ ก็เกิดคิดถึงเพื่อนขึ้นมา เลยโทรไปถามข่าวคราวว่าเป็นยังไงบ้าง ปรากฏว่าเพื่อนเราไปนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยอาการมีไข้สูงมาก ตั้งแต่เมื่อคืน เราก็ตกใจ “เอาแล้วไง...จะรอดมั้ย” หลังจากนั้นเราก็นอนพัก อาการก็ยังปกติดี จนถึงช่วงตอนกลางคืน เริ่มเจ็บคอ ปวดหัว แต่ใจมันสู้ ยังมีแรงไปเดินเล่นได้ไม่เป็นไร ก่อนนอนก็กินพาราที่แม่ไปซื้อมาให้ไป 2 เม็ด แต่ก็ไม่รอด อาการเริ่มหนักขึ้น มันเหมือนจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอมากขึ้นกว่าเดิม มีเสมหะเขียวข้น สำหรับเราซึ่งเป็นภูมิแพ้ มันคือเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้ใส่ใจอะไร ดื่มมากลางดึกกินน้ำอุ่นๆ แล้วนอนต่อได้
ในเช้าตรู่วันนั้นเราและครอบครัวก็ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าสนุกลืมป่วยกันเลย อาจจะด้วยนานเกินไป ตัวเราอาการเริ่มแย่ขึ้นแต่ยังไม่บอกใคร แดดเริ่มร้อนจนเริมปวดตา ปวดหัวเลยต้องยอมแพ้กลับเข้าห้อง ใจเราอยากนอนมากๆ แต่ต้องช่วยเก็บของเดินทางกลับ เลยคิดว่าเก็บให้เสร็จค่อยนอนพัก เดี๋ยวก็หาย พ่อกับแม่ให้โทรไปเช็คเพื่อนที่นอนรพ. มันก็บอกว่าดีขึ้นแล้ว กำลังรอผลตรวจอยู่ เนื่องจากเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้ผลออกช้า พอหลังจากเก็บของเสร็จเราก็ขอนอนพัก ตอนนั้นรู้ตัวเองแล้วว่ามันวีคมากๆ ไม่ไหวแล้ว ต้องนอนเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเดินทางกลับบ้าน และเราก็อยากไปวังๆหนึ่งมาก ซึ่งเป็นทางผ่าน พอขึ้นรถไปก็หลับตลอดทางด้วยฤทธิ์ของไข้ที่ขึ้นๆลงๆ สู้กับพารา เราก็ยังเรียกร้องจะไปวังนั้นให้ได้ แม่เดินไปก็บ่นไปตลอดทาง เราก็ขอเพราะไม่ได้มากันง่ายๆ เดินอยู่ในนั้นประมาณชม.กว่า ทีแรกแพลนไว้ครึ่งชม.เอง วังมันใหญ่มากและหาทางออกไม่ได้ อิอิ ก็เลยเดินกันเหนื่อยเลย จนมาได้ขึ้นรถกินข้าว กินยา หลังจากนั้นเราก็สลบหลับไม่รู้เรื่องจนถึงบ้านเลย อาการเป็นลูกผีลูกคน ไข้ลงก็จาเดินได้ ไข้ขึ้นก็นอนซม แม่ก็ไปซื้อยามาให้กิน คืนนั้นเป็นอะไรที่ทรมานที่สุด ไข้มันไม่ลงเลย เราทำได้แค่นอนอย่างเดียวกินยาทุกขนาน กินน้ำ จำได้ว่าหนาวสั่นๆ พ่อกับแม่ต้องมาค่อยดูตลอดเวลา ในตอนเช้าแม่จะพาไปหาหมอ แต่ด้วยความที่แม่ทำงานอยู่รพ. รู้ว่ารพ.เป็นแหล่งเชื้อโรคเลย ยิ่งร่างกายอ่อนแอ แล้วเราไม่ได้เป็นไร อาจไปรับเชื้อมากกว่า ประกอบด้วยเป็นวันหยุดยาว ถ้าเราไปก็ต้องไปนอนอยู่ที่ห้องฉุกเฉินรวม แม่ตัวสินใจดูแลเอง และสังเกตอาการซักระยะหนึ่ง ถ้าไข้ยังไม่ลด ยังไงต้องพาไปหาหมอ เดชะบุญที่เราอาการดีขึ้น ไข้ลดลง ไม่ปวดเมื่อย ไม่ไอ้เท่าไร จึงได้ออกเดินได้ กินได้ คุยได้ อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังรู้สึกไม่ปกติ เลยตัวสินใจไปหาหมอที่คลินิกแถวบ้าน ซึ่งคุณหมอทั้งสองเก่งมาก และใจดี พร้อมทั้งให้คำแนะนำดีดี ท่านบอกว่าถ้าผลเพื่อนเราออกว่าเป็นเราต้องรีบไปรพ.เลย ท่านบอกว่าถ้าใครเป็นหวัดตอนนี้ก็ต้องสงสัยว่าเป็นไว้ก่อน รีบรักษาตัว นอนพักผ่อน และดื่มน้ำเยอะๆ ท่านยังย้ำว่าการพักผ่อนไม่ได้แปลว่าอยู่บ้าน แล้วคุณนั่งเล่นเกมส์ ดูทีวีจนดึก ไม่นอน เพราะฉะนั้นอยากหายเร็วๆ ต้องนอนเท่านั้น กินยา แล้วก็นอนให้เยอะที่สุด อย่าลืมดื่นน้ำเยอะ เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยให้เราหายเร็วขึ้น ของแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับตัวเราอย่างเดียว ก็ต้องรักตัวเองให้มากๆนะ ใครบอกใครเตือนแล้วเราไม่ทำมันก็เท่ากับเราทำลายตัวเอง โดยมีไข้หวัดเป็นตัวช่วยให้...เร็วขึ้นหลายเท่าตัวเลย เราปฎิบัติตามที่หมอบอกทุกประการ จนอาการเราเกือบเหมือนคนปกติ
พอวันถัดมาเพื่อนก็โทรมารายงานผลว่า แจ๊กพ็อตแตกเป็นที่เรียบร้อย เพื่อนเราเป็นไข้หวัด2009 แต่มันได้รับยาต้านเชื้อไวรัส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่บ้านเราก็มานั่งกลุ้มใจเพราะแต่ละคนเข้าค่ายกลุ่มเสี่ยงกันหมด รวมทั้งตัวเราที่ยังไม่ปกติดี เรายังคงไอต่อเนื่องตลอด เลยทำการจับแยกจริงๆ แยกทุกอย่างจนกว่าอาการดีขึ้น เราไม่อาบน้ำเลยเช็คตัวอย่างเดียว แม่เราค่อยดูไม่ให้ตัวชื้น ไม่งั้นจาเป็นปอดบวมได้ง่าย เปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ เราโทรถามเพื่อนที่เป็นหมออีกหลายคน เพื่อนแนะนำว่าถ้าหายแล้วก็ไม่ต้องมารพ.แล้ว มาหมอก็รักษาเหมือนหวัดปกติ ไม่ให้ยาต้านไวรัสอยู่ดี ถ้าไม่เป็นหนัก เราก็ต้องอยู่บ้านอย่างระมัดระวังสองสามวันกว่าจาออกนอกไปได้ ถึงตอนนี้เราจะหายเกือบเป็นปกติแล้ว ออกไปเดินห้างได้ แต่เราก็ยังปิดผ้าปิดบอกอยู่เพื่อนป้องกันตัวเองและคนอื่นๆ
เราอยากแนะนำเพื่อนและคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ว่า การที่เราใช้ผ้าปิดปากไม่ใช้เรื่องเสียหาย อย่าไปกลัวคนอื่นจะมองว่าเราเป็นหวัด ใช้มันเผื่อป้องกันตัวคุณเองและข้างตัวคุณที่คุณรักเค้าและเค้ารักคุณ ใส่กันเหอะอย่างน้อยโอกาสที่เราจะต้องเสียใจจะได้ลดลง อีกอย่างเชื้อโรคตัวนี้มันตัวใหญ่และหนัก อายุสั้นประมาณครึ่งชม.ก็ตายแล้ว แม็สสามารถป้องกันได้ รวมทั้งการทำความสะอาดมือ พื้น และของต่างๆ ช่วยให้การติดต่อลดลง ก็ขอให้เรื่องของเราเป็นเครื่องเตือนใจใครอีกหลายๆคนที่ยังไม่ได้เป็นว่าอย่าประมาทเพราะมันอยู่ใกล้ตัวคุณจริง ถ้าเราใช้ร่างกายไม่หนักมากเท่านั้น เราอาจจะไม่เป็นไรเลยก็ได้ อย่ามาเลี่ยงตายกับโรคไข้หวัด2009นี้ รักษาชีวิตไว้ดีกว่า อย่าลืม สโลแกนของกระทรวงสาธารณสุขด้วยว่า “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เติมให้อีกข้อ ใส่ผ้าปิดปากด้วย ปิดท้ายด้วยสุภาษิตไทยๆที่ว่า "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" จ้า
จากคุณ |
:
earnnie
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ค. 52 23:42:28
|
|
|
|