ความคิดเห็นที่ 1   เอาหล่ะ เข้าเรื่องนะคะ เรื่องน่าจะเริ่มต้นวันพุธที่ 1 ก.ค. ลูกชาย( เรียน ม.3 ) โทรมาหา บอกว่ามีโรงเรียนมีเด็กม. 1 เป็นหวัด 2009  เราก็เห็นว่าคนละชั้นไม่น่าเป็นอะไร  พอวันพฤหัสก็ยังให้เค้าไปเรียนตามปกติ ( ไม่ค่อยยอมให้ลูกหยุดเรียนเท่าไหร่ )  เค้าก็โทรกลับมาอีกว่า ห้องที่มีคนติดเชื้อหยุดทั้งห้องแล้ว เพราะมีคนติดเพิ่ม   และ ม.4 ก็ติดแล้ว แล้วเค้าก็หนาว ๆ หลัง ตัวร้อน ๆ  เราก็ยังแซวว่า แหม ติดมั่งเนอะ จะหยุดเรียนหล่ะซิ ยังหัวเราะกันเลย พอวันศุกร์เค้าก็โทรมาอีกบอก เพื่อนเค้าบางคนผู้ปกครองมารับกลับ แม่ไม่มารับเค้าเหรอะ ก็ถามเค้าว่า แล้วเราไม่สบายเหรอะ เรียนถึงเย็นก็หยุดแล้ว อย่าลาเลย  พอเย็นรับกลับบ้านก็นั่งเล่นแต่เกมส์ ไม่เห็นบ่นตัวร้อนหรือหนาวเลย วันเสาร์ปกติ เรากับแฟนจะไปค้างที่บ้านสวนต่างจังหวัด ก็ปล่อยให้เจ้าลูกชายตัวดี อยู่บ้านเล่นไป พอกลับมาวันอาทิตย์ ก็เห็นเค้าไอ เราก็ให้กินยาแก้แพ้ เพราะปกติเค้าเป็นภูมิแพ้อยู่ จะมีไอ กับน้ำมูกใส ๆ   แล้วก็ให้นอนตอน 4 ทุ่ม เพราะพรุ่งนี้จะไปดูดอกกระเจียวกัน จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:28:07

ความคิดเห็นที่ 2   พอตี 2 วันจันทร์ ก็พากันปลุกตื่น แต่งตัวไปดูดอกกระเจียว ออกจากบ้านตี 3 ครึ่ง เค้าก็นอนไปตลอดทาง ( ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว ) ถึงทุ่งดอกกระเจียว 6 โมงเช้า ตอนแรกตกลงกันว่า จะหาที่ค้างที่นครนายกกัน แต่ลูกชายบ่นแต่อยากกลับบ้าน สุดท้ายก็ยอมกลับบ้าน แต่ไปแวะน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ลูกชายเดินไปหอบไป บ่นเหนื่อย ไอ้เราก็ยังกระแหนะกระแหนว่าเป็นเพราะเค้าเล่นแต่เกมส์ ไม่ออกกำลังกาย เลยเหนื่อยง่ายแบบนี้ แวะกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านครูต้อ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ลูกชายกินเสต็กไม่หมด ก็เริ่มแปลกใจ พ่อกับแม่ก็กินที่เหลือจนหมด ( แม่อาจติดตอนนี้ก็ได้ ) ระหว่างทาง เราก็คอยเอามือแตะหน้าดูเรื่อย ๆ รู้สึกว่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เลยตกลงกันว่าไม่เข้าบ้าน จะไปร.พ.เลย พอถึงร.พ.เราก็พาลูกเดินไปประชาสัมพันธ์ พอไปหน้าห้องตรวจ เค้าซักประวัติ ดูอาการ แล้วก็เล่าให้เค้าฟังเรื่องเด็ก ม.1ด้วย แต่ก็บอกว่า ไม่ได้เรียนร่วมกันเลย พยาบาลเห็นอาการก็สั่งเตียงมาให้นอนรอเลย ดูท่าตกใจกันใหญ่ เราก็เลยพลอยตกใจไปด้วยว่าลูกเราอาการหนักมากเลยเหรอะ แล้วเค้าก็วัดอ๊อกซิเจนในเลือด ปรากฎต่ำมาก เค้าเอาท่ออ๊อกซิเจนมาใส่จมูกทันที แล้วเข็นลูกออกไปข้างนอนก เพราะเค้ามีห้องที่จัดไว้สำหรับหวัด 2009 ต่างหาก หมอมาตรวจ สั่งเอ็กซ์เรย์ปอด ปรากฎปอดอักเสบ  ตอนเข้านอนที่ร.พ. ระหว่างอยู่ร.พ.ตอนแรกหมอให้ยาแก้อักเสบทางสายน้ำเกลือ พอหมอโรคปอดมา ก็สั่งเปลี่ยนยาเป็นแบบแรงเลย เรามารู้ที่หลังว่าเค้าห่วงมากเพราะ เชื้อ  2009 นี่ โจมตีปอดเลย ไอ้ยาอักเสบตัวใหม่เนี่ย มีผลข้างเคียง คือคลื่นไส้ ถุงแรก ต้องทน นอนรับยาไปบ่นไป พอวันที่สองบอกหมอ เค้าก็ให้ยาแก้คลื่นไส้ ทำให้ไม่มีอาการเหมือนวันก่อน แต่หมอที่นี่เค้าดีนะ เค้าไม่รอผลตรวจ เค้ามาคุยกับเราว่า ให้ยาต้านไวรัสเลย เพราะปอดอักเสบทั้ง 2 ข้างเลย ( ดีนะที่ไม่รอ เพราะกว่าจะได้ผล อีก 5 วันต่อมา ) อยู่ ร.พ. 3 วัน 2 คืน ก็ให้ออก เพราะ วันที่ 2 ลูกชายก็กินได้ตามปกติแล้ว ข้าวร.พ.หมดทุกมื้อ ก็ได้ออกจากรพ.วันพุธ จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:28:46

ความคิดเห็นที่ 3   กลับมานอนบ้านได้คืนวันพุธ เราเองก็เริ่มมีอาการ  ต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้านั้น เราเป็นหลอดลมอักเสบอยู่แล้ว ไปอยู่ก่อนที่ลูกจะติดเชื้อแล้ว แต่ไม่มีเวลาไปรักษาจริงจังซักที พอวันพฤหัส แย่ลง เราก็รอดูอาการ เพราะคุณหมอบอกว่า ถ้าร่างกายแข็งแรงถึงจะติดเชื้อก็จะหายได้เอง อาจจะมีอาการหวัดบ้าง แต่หายใน 3 วัน แต่เราเพิ่มกินอะไรไม่ลง พอประมาณ บ่าย 3 ก็วัดอุณหภูมิตัวเองได้ 39.0 ไม่กล้ากินยาลดไข้ เดี๋ยวอาการจะซ่อน เลยเรียกแฟนมาพาไปร.พ.ดีกว่า พอถึงร.พ.ก็แจ้งเค้าตามอาการ แต่บอกว่าลูกต้องสงสัยเป็นหวัด 2009 เพิ่งออกจาก ร.พ.ไป ยังไม่ทราบผล เค้าวัดอุณหภูมิได้ 39.7 เค้าก็เอาเข้า ห้องฉุกเฉินเลย เค้าตรวจขั้นต้นก่อน ป้ายเสมหะไปตรวจ ใช้เวลา 15 นาที ผลออกมาเป็น Type A ซึ่งอยู่ในข่าย หวัด 2009 ( แต่ต้องตรวจเพิ่มจึงรู้ว่าเป็น 2009 หรือเปล่า ) ( ถ้าเป็น Type B จะไม่ใช่ไม่ต้องตรวจต่อ เป็นหวัดธรรมดา ) สรุปว่าเป็นหลอดลมอักเสบ แต่ปอดไม่เป็นอะไร ยังไม่อักเสบ ตัวร้อนตลอด 2 วัน ปวดหัวอยู่ 2 วันเหมือนกัน อยู่ ร.พ. 3 คือ 2 วันเหมือนกัน หมอให้ยาต้านไวรัสเลย แล้วถามว่าเราจะตรวจเชื้อไม๊ เพราะตอนนี้ให้ยาแล้ว ผลออกมายังงก็รักษาแบบนี้ เราเลยตัดสินใจไม่ตรวจเชื้อ เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าเป็น 2009  หลังจากตัดสินใจไม่ตรวจ วันต่อมา ผลของลูกชายก็ออกมาเค้าโทรแจ้งว่าเป็นหวัด 2009 แน่นอน และในที่สุดก็ได้ออกจาก ร.พ. วันเสาร์ ที่จริง ยังไม่หายสนิท แต่ขอหมอ บอกว่า เดี๋ยวอดดู AF6 เพราะที่ รพ. ไม่มีให้ดู กลับมานอนอยู่บ้านคืนวันเสาร์ ได้ดู AF6 ตามที่ต้องการ แต่ไม่สมใจเลย อาทิตย์นี้ไม่เจ๋งเลย  เอ้า..นอกเรื่องกลับเข้ามา จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:29:13

ความคิดเห็นที่ 4   พอวันอาทิตย์ แฟนก็มีอาการ คอยวัดอุณหภูมิเรื่อย ๆ จนบ่ายอีกหน่ะแหละ ก็วัดได้ 39 ไป ร.พ.อีกครั้ง คราวนี้ พอเค้าเข้าฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลก็จำได้เลย แต่แฟนเดินเข้าเองนะคะ ไม่หนักจนต้องนั่งรถเข็น  ส่วนเราต้องไปด้วย เพราะทั้งบ้านมีกัน 3 คน ถ้าเค้าต้องแอดมิดจะไม่มีคนติดต่อ เราก็เตรียมหน้ากากไป ตอนนั่งรอก็เลือกจุดที่ไม่มีคน ใช้ผ้าคาดปากตลอด กลัวเอาไปติดคนอื่นเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำยังไง เพราะจำเป็นต้องไป สรุปแล้ว แฟนเราเอ๊กซ์เรย์ปอดแล้วไม่อักเสบเหมือนกัน แต่ตรวจเสมหะ เป็นเชื้อ Type A   ไม่ต้องนอนร.พ. แต่เค้าให้ยาต้านไวรัสไปกินที่บ้าน ก็มีอาการไข้อยู่ 1 วัน และไอ ตอนนี้ ลูกชายหายขาดแล้ว ไปโรงเรียนตั้งแต่วันอังคารแล้ว ( สอบ ) ส่วนเรากับแฟน หมอให้หยุดอยู่บ้านถึงวันพุธ เราออกจากบ้านเฉพาะ ไปส่งลูกชายไปเรียน กับ รับกลับเท่านั้น ไม่ได้ออกจากรถเลย แถมแฟนเราตอนขับรถก็ใส่ผ้าคาดปากไปด้วย ส่วนเราตอนนี้ยังไออยู่เล็กน้อย แฟนก็ยังไออยู่บ้าง เรากะว่า วันพฤหัสจะไปหาหมออีกรอบ กังวลว่ายังไออยู่ จะติดคนอื่นได้ไม๊ จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:29:37

ความคิดเห็นที่ 5   ถึงตอนสุดท้ายแล้ว  อาจเป็นเพราะเราหาหมอเร็ว อาการเลยไม่มากนัก    เพื่อน ๆ ได้อ่านแล้ว ไม่รู้เบาใจ หรือหนักใจขึ้นกัน   จุดประสงค์เรา อยากให้ เบาใจกันขึ้นนะ  แต่อย่าชะล่าใจ มีอาการก็ไปหาหมอเลย อย่ารอผลตรอจเลย เพราะช้ามาก ถ้าอาการเข้า และตรวจแล้วเป็น Type A ขอให้หมอจ่ายยาต้านเลยไม่งั้นอาจช้าไป ( ไม่รู้ได้หรือเปล่า ก้าวก่ายเกินไปไม๊เนี่ย ) เขียนตามความรู้สึกเรานะคะ อาการก็มี ไข้สูง 39 องศา  หายใจยาก ( เหนื่อย ) ไอ ปวดเมื่อยตัว  อาการจะเหมือนไข้หวัดใหญ่  แต่ถ้าตรวจเสมหะก็จะรู้ อ้อ..หมอบอกว่า ตามปกติของโรคแบบนี้ คนที่เป็นแล้ว จะมีภูมิคุ้มกัน สำหรับหวัด 2009 นะ  แต่ยังไม่ยืนยัน เพราะ โรคนี้ใหม่มาก นี่บอกตามแนวปกติของเชื้อแบบนี้ สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อน ๆ แข็งแรงกันทุกคนนะคะ อย่างที่หมอบอกว่า ถ้าร่างกายแข็งแรง เชื้อก็จะโจมตีเราไม่ได้มากนัก จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:29:57

ความคิดเห็นที่ 6   รพ.อะไรครับ ท่าทางชำนาญหวัด 2009 จากคุณ : anonyS เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:37:58

ความคิดเห็นที่ 7   ขอบคุณค่ะ เป็นห่วงลูกที่โรงเรียนเหมือนกัน บางกระแสก็บอกว่าถ้ายังไม่หนักมากก็ไม่ต้องไปรพ เพราะที่รพ มีแต่เชื้อโรค ให้ผักผ่อนดื่มน้ำ กินยาอยู่ที่บ้าน บางกระแสก็ให้ไปหาเลย  เพราะจะได้รักษาได้ทัน ถ้าเป้นป้า มีอาการแบบนี้ก็คงต้องไปรพ แล้วล่ะ เพราะป้าก็กัว   จากคุณ : ป้าแมงฯ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:40:20

ความคิดเห็นที่ 8   ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ จากคุณ : kritartist เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:42:11

ความคิดเห็นที่ 9   ดีครับ และขอบคุณครับ ผมอยากให้ทุกคนที่เคยเป็นโรคนี้แล้วหายดี มาช่วยให้ข้อมูลกันเยอะๆ  จะได้รู้จักโรคนี้กันถูกต้องมากยิ่งขึ้น จากคุณ : taweesak19 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:51:10

ความคิดเห็นที่ 10   ร.พ เอกชนหรือรัฐบาลคะ   บริการดีทีเดียว จากคุณ : หลอดสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:51:20

ความคิดเห็นที่ 11       มาเพิ่มเติมเรื่องค่าใช้จ่ายให้ค่ะ  ลูกชาย สามหมื่นกว่าบาท   เรา สองหมื่นกว่าบาท ( น้อยกว่าเพราะไม่ตรวจเชื้อ 2009 เพราะราคา 5000 บาท )  ส่วน แฟนที่ไม่ได้นอน ร.พ. รับยาต้าน กับยาอื่น ๆ ไปเท่านั้น 2 พันกว่าบาทค่ะ          ร.พ.เอกชนค่ะ    ตาม คห. 6 ไม่รู้บอก ร.พ. ได้ไม๊ เดี๋ยวหลังไมค์ไปละกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 52 10:52:07 จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:51:31

ความคิดเห็นที่ 12   ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะที่มาเล่าประสบการณ์ .. เพราะหลาย ๆ คนคงสงสัยว่าตกลงเค้าร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงกันแน่ ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : That's the way I am เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:52:06

ความคิดเห็นที่ 13   ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังค่ะ โหวตนะ จากคุณ : minnymin เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:53:44

ความคิดเห็นที่ 14   ก็เหมือนตามที่นายกเคยออกมาเตือนบ่อยๆ  แต่ไม่เชื่อกัน  เห็นหลายโดยเฉพาะห้องอื่น โจมตีกันใหญ่เลย  ประชาชนไม่เชื่อฟัง  การควบคุมคนมาก  มันก็ย่อมไม่ได้ผล   ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสังคม  หมั่นดูแลตัวเอง  ทุกอย่างก็จะควบคุมได้  ขอบคุณ จขกท. ที่ทำให้มั่นใจขึ้นค่ะ จากคุณ : ลูกนกหลงทาง เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:58:13

ความคิดเห็นที่ 15   ขอบคุณค่ะ ที่มาเล่าอาการให้ฟังค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ จากคุณ : y_ariesgirl เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 10:58:33

ความคิดเห็นที่ 16   ขอบคุณที่เล่าให้ฟังค่ะ พี่สะใภ้ก็เข้าข่ายเป็นหวัด 2009 เหมือนกัน  ตรวจสารคัดหลั่งแล้วเป็น Type A  แต่เอ็กซเรย์ปอดปกติ  หมอไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสค่ะ  กลัวว่าไม่ได้เป็นจริง แล้วพอต่อไปเป็นจริงๆ ขึ้นมาจะดื้อยา  และเนื่องจากนอน รพ. ได้คืนเดียวไข้ก็ที่สูง 39 กว่าๆ ก็ค่อยๆ ลดลงด้วย  หมอเลยไม่จ่ายยาให้  สรุปนอนอยู่ 2 คืน  กลับมาพักฟื้นที่บ้านได้วันเดียว  รพ. ก็โทรมาบอกผลตรวจเลือดว่าไม่ได้เป็น 2009  เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จากคุณ : Minnie On The Road เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:00:04

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะคะ จากคุณ : ปลากระป๋องจอมกวนตัวแสบ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:11:21

ความคิดเห็นที่ 18   ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ขอให้หายเร็วๆนะคะ รักษาสุขภาพค่ะ จากคุณ : bodiamond1 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:12:34

ความคิดเห็นที่ 19   ขอบคุณคะ ได้รับความรู้มากมายเลย จากคุณ : numontvxq เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:30:00

ความคิดเห็นที่ 20   ร้ายแรงแน่นอน ถ้าคุณไปช้ากว่านี้สักวันสองวัน เพราะเชื้อมันจะเข้าไปทำลายปอดโดยตรง  โอกาสเสียชีวิตสูงมาก  คุณโชคดีมากที่ไปหาหมอรักษาและตรวจเจออาการได้ทัน แต่คนอื่นอีกมาก ที่ไม่รู้รายละเอียดของโรคนี้ คิดว่าเป็นหวัดธรรมดา เดี๋ยวก็หายเองได้ หรืออาจจะติดขัดปัญหาเรื่อง ค่าใช้จ่ายในการรักษา ต้องไปซื้อยาตามร้านยามากินเอง พวกเค้าเหล่านี้กว่าจะมาถึงมือหมอ อาการก็หนักแล้วครับ  ลองสังเกตุดูไหมครับ ว่า โรคนี้ ถ้าคนพอมีกำลังในการจ่าย โอกาสเสียชีวิตจะน้อยมาก เพราะไปถึงมือหมอเร็วมาก จากคุณ : Pita เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:30:27

ความคิดเห็นที่ 21   #20 ก็ว่ากันไป คนที่ติดหวัก 2009 ไม่จำเป็นต้องมีปอดอักเสบทุกคนครับ แล้วแต่คน บางคนไม่มีอาการเลยก็มี บางคนอาการรุนแรงมากถึงเสียชีวิตก็มี ไม่มีใครพยากรณ์ได้หรอกครับว่า "คนนี้จะเป็นปอดอักเสบ คนนี้จะลามขึ้นสมอง คนนี้จะลงไปไขกระดูก คนนี้จะลงไปทวารหนัก คนนี้เชื้อหวัดจะระบายออกหู(อันหลังๆเนี่ยเริ่มมั่ว) ถ้าพยากรณ์ได้ หมอคงไม่ต้องให้นอนโรงพยาบาลแล้วบอกว่า "ให้นอนรอสังเกตุอาการ" หรอกครับ ปล. ไอ้พวกปั่นกระแสที่บอกว่าเชื้อนี้พิเศษกว่าตัวอื่นตรงที่มันทำลายปอดโดยตรงเนี่ย โคตรอยากกระโดดถีบต้นตอข่าวเลย ไวรัสไข้หวัดใหญ่ทุกตัวมันทำลายปอดได้หมด ไม่รู้ว่าตัวนี้มันพิเศษกว่าตัวอื่นตรงใหน จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 11:39:32

ความคิดเห็นที่ 22   โรงพยาบาลอะไรคะ รบกวนด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : แฟนอองรี เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:16:46

ความคิดเห็นที่ 23   เมื่อวานมีอาการไข้ ปวดหัว เพราะตอนเย็นไปข้างนอกแล้วนั่งรถไฟฟ้ามาค่ะ คนแน่นมาก เราก็เลยกลัวว่าจะติดเพราะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปโรงบาล รามาค่ะ หมอก็ดีนะ มาตรวจแล้วก็อธิบายให้ฟัง เพราะตอนนี้คนป่วยโรคนี้ เต็มรามาเลย ไม่มีที่นะนอนแล้ว ต้องเอาเตียงมาวางๆ ไว้ทุกมุมของห้องเลย แออัดมาก หมอบอกว่า ถ้ารู้ตัวก็กินยาดักเอาไว้ดีกว่า แค่ปวดหัว ตัวร้อนนิดเดียวดักไว้เลย ทานน้ำเยอะๆ  กินให้เยอะเข้าไว้ อยู่ใบที่อากาศโล่งๆ (ที่บ้าน)   แต่คนที่ป่วยหนักๆก็คือคนที่ไม่คิดว่าจะเป็นอะไร ยังไง ก็ใส่ผ้าปิดจมูกไว้ก็ดีนะ จากคุณ : XCHANGE2 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:17:23

ความคิดเห็นที่ 24   ขอบคุณค่ะ ที่มาเล่าประสบการณ์ ขอให้หายไว ๆ นะคะ รบกวนชื่อโรงพยาบาลด้วยค่ะ เพราะชำนาญมาก จากคุณ : ลูกแพะ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:39:27

ความคิดเห็นที่ 25   ขอบคุณที่แวะมาเล่าให้ฟังค่ะ ตอนนี้เราท้อง 4 เดือน กังวลมากมายค่ะ ได้แต่พยายามหลีกเลี่ยงที่ชุมชนคนเยอะ ๆ แล้วก็ทำร่างกายให้แข็งแรงที่สุดค่ะ จากคุณ : cotton_ud เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:43:54

ความคิดเห็นที่ 26   ถ้าคนพอมีฐานะ ไม่น่าห่วงเท่าไหร่หรอกครับ ถ้าระดับคนหาเข้ากินค่ำ กลุ่มนี้สิน่าเป็นห่วง เพราะถ้าไม่สาหัสจริง พี่ทั่นบางคนไม่ยอมเข้า ร.พ.ให้เสียเวลาทำมาหากินหรอก ยิ่งตอนนี้ ทั้งสื่อ ทั้งรัฐ ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย ตัวใครตัวมันเหอะครับ (ดูแลตัวเองดีที่สุด) จากคุณ : ซุ่มอยู่ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 12:58:18

ความคิดเห็นที่ 27   ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังนะคะ จากคุณ : ไร้นาม เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:05:38

ความคิดเห็นที่ 28   แล้วถ้าไม่มีตังค์สามหมื่นล่ะครับ -  -" //ซื้อผ้าปิดจมูก ผืนละ30 มาใส่ก่อนดีกว่า ^ ^! จากคุณ : espucino-ccj เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:16:23

ความคิดเห็นที่ 29   ขอบคุณคุณจุกที่เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์   ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่า ทุกคนจะมีอาการแบบเดียวกัน ดีที่สุด คือ ระยะนี้  ต้องตัดตอน  ไม่คลุกคลี หรือเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัดเพิ่มความเสี่ยง AF6 นี่  ดูในทีวีดีกว่าค่ะ  ไม่อยากให้ไปรวมกันมากๆอย่างนั้นเลย ขอให้กุศลในการแบ่งปันนี้ คุ้มครองครอบครัวที่ยังไม่ป่วยด้วยค่ะ จากคุณ : ป้าจายท้ายสวน (-.-) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:33:00

ความคิดเห็นที่ 30   หายแล้ว ๆ ดีใจด้วยนะคะ ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังนะคะ เล่าจากประสบการณ์จริงมีประโยชน์ทีเดียว จากคุณ : LaDy_GrApE (angunjah..) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:50:06

ความคิดเห็นที่ 31   ขอให้คุณจุกและครอบครัวมีสุขภาพ แข็งแรงนะคะ ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันเรื่องราวของหวัด 2009 จากคุณ : ดอกสารภี เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 13:54:59

ความคิดเห็นที่ 32   หายแล้วดีใจด้วยนะคะที่รักษาทัน จากคุณ : มดแดงน้อย เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:13:04

ความคิดเห็นที่ 33   ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังครับ น้องชายผมก็เป็นเหมือนกัน เรียนประถมเอง แต่หายแล้ว ผมก็ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมายหมือนกัน จากคุณ : PERFECT not ME เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 14:58:56

ความคิดเห็นที่ 34   ค่ารักษาสองคนก็ครึ่งแสนเข้าไปแล้ว โรงพยาบาลรัฐคงไม่ดูแลดีขนาดนี้หรอก จากคุณ : คนจนห้ามป่วย เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 15:40:01 A:210.86.214.245 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 35   ค่ารักษาพยาบาล ฟังแล้วน่ากลัวกว่าโรคอีกนะครับ สำหรับ มนุษย์เงินเดือนอย่างผม เอ้า ใจร่มๆ ฟิตร่างกายสู้โรค จากคุณ : Dalre2006 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:47:30

ความคิดเห็นที่ 36   ไม่ไหวล่ะค่ะ ไม่รู้สิ เห็นพูดกันจังๆว่าอย่าตระหนกตกใจ เอ่อ เราว่า ทั้งระแวง ทั้งระวัง ก็ไม่เห็นเสียหาย ดูคนไทยจะรับข่าวสาร ว่าไม่ต้องตกใจจนมากกกพอแล้วล่ะค่ะ ใครจะบอกว่าไม่อันตรายอย่างที่คิด ก็ไม่ไหวค่ะ ไอ้ตัวเราเป็นยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเอาไปติด คุณพ่อคุณแม่ที่ลำพังอายุก็แย่แล้ว แถมมีโรคประจำตัวอีก คงไม่ไหวจริง เฮ้ออออเมื่อไหร่จะทำอะไรมากกว่ารัฐออกสื่อ ว่าไม่อันตรายนะ เครียดดดดดดดดดดดว๊อยยยเป็นห่วงพ่อแม่- -" ปล. ขอบคุณคุณจขกทด้วยค่ะที่มาเล่าประสบการ์ณให้ฟัง (ค่ารักษาแอบแพงเนาะ) จากคุณ : กลิ่นหมอก เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 16:49:02

ความคิดเห็นที่ 37   โรงพยาบาลอะไรครับ ช่วยบอกด้วย หรือ nopmsn@hotmail.com และ nopmsn@gmail.com จากคุณ : nopisme เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 17:31:16

ความคิดเห็นที่ 38   ขอบคุณค่ะ ที่นำประสบการณ์มาเล่าเป็นความรู้ และขอให้หายจากป่วยกันทั้งครอบครัวนะคะ จากคุณ : ดอกคูนเสียงขิม เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 17:40:13

ความคิดเห็นที่ 39   น่ากลัวตรงค่ารักษาแพงนี่สิคะ จากคุณ : ผูกพันหรือคุ้นเคย เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 17:48:58

ความคิดเห็นที่ 40   อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ว่าถ้าไม่มีเงินค่ารักษาอย่างเรา คงตายแหง๋ๆ จากคุณ : ปริศนาไขกระจ่างแล้ว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:03:29

ความคิดเห็นที่ 41   น้องผู้หญิงที่ติดไข่หวัด2009แล้วเสียชีวิต  คือเค้าเป้นโรคเกี่ยวกับปอดมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วด้วยสุขภาพไม่นี้อยู่แล้วหนะค่ะ จากคุณ : uxbridge เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:07:05

ความคิดเห็นที่ 42   ขอบคุณที่นำข้อมูลที่มีประโยชน์มาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ อ่านมาถึงตรงที่น้องไม่สบายแล้วยังอยู่ตั้งหลายวันกว่าจะได้ไปหาหมอน่ากลัวมากๆ โชคดีเหลือเกิน บุญรักษานะลูก ขอให้หายป่วยไวไวทุกคนนะคะ จากคุณ : bualoy เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 18:32:14

ความคิดเห็นที่ 43   โหย รพ.เอกชนยิ้มเลยนะ ทั้งค่าตรวจ ค่ายา ใครที่หายจากรพ.รัฐก็มาแชร์บ้างนะ สามหมื่นนี่ ผมว่ามันอาจจะไม่คุ้มก็ได้ จากคุณ : natefang เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 19:08:21

ความคิดเห็นที่ 44   ขอบคุณที่มาเล่าเรื่องไข้หวัด 2009 นะคะ โหวต จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 19:10:40

ความคิดเห็นที่ 45   ขอบคุณครับ รบกวนขอชื่อรพ.ด้วยครับ หลังไมค์ครับ จากคุณ : afood เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 19:50:10

ความคิดเห็นที่ 46   วันนี้ มงฟอร์ตวิทยาลัยแผนกประถม เชียงใหม่ ประกาศปิดโรงเรียนตั้งแต่พรุ่งนี้ครับ เปิดนู่น วันอังคารเลย.. จะโดนด้วยไหมเนี่ย เฮ้อ. กลัวค่ารักษา จะเป็นลมเพราะบิลค่ายานี่แหละ จากคุณ : Jacob777 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 20:02:27

ความคิดเห็นที่ 47   ปรินส์ฯก็ปิดค่ะ หนึ่งอาทิตย์ เปิดอีกทีพุธหน้าเลยค่ะ จากคุณ : Kinny เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 20:18:06

ความคิดเห็นที่ 48   โรงพยาบาลอะไรครับเนี้ย แพงจริงๆ คนระดับคุณโรคแค่นี้มันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าเป็นผมก็คงจะไปนั่งไอค๊อกแค๊กอยู่รพ.รัฐ หนึ่งวัน ได้ยาพารากลับมาดูอาการที่บ้าน แล้วติดพ่อแม่ผม ติดคนในครอบครัว แล้วถ้าคนในครอบครัวผมเป็นโรคหอบหืด เบาหวาน ความดัน ไม่รอดครับ ถ้าคนทั้งประเทศไทยมีเงินแบบนี้ คงจะไม่มีคนตายในประเทศไทยเหมือนที่นายกของเราว่าไว้จริงๆน่ะแหละครับ จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 20:29:48

ความคิดเห็นที่ 49   ขอบคุณ.....คุณจุก...... ที่ทำให้เราค่อยคลายความกลัวลงหน่อย จิตตกจริงๆ ไม่กล้าไปเดินห้างเลย เพราะเป็นภูมิแพ้ด้วย โหวดคะ จากคุณ : เทพธิดาปลากระป๋อง เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:14:45

ความคิดเห็นที่ 50   คนไม่มีเงินก็คงจะป่วยตาย แหละครับ ทุกคนก็ต้องทำงานหาเงินกันหมด แต่คนที่มีโอกาส มาก กว่าก็น่าจะเห็นใจคนที่ไม่มีโอกาส ผ่อนได้ก็น่าจะให้ผ่อน บนอุบ อิบ สุขภาพแข็งแรงกันทุกๆคนครับ สาธุ จากคุณ : ฺเข้ามาอ่าน (Bancha.2518) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:36:32

ความคิดเห็นที่ 51   ขอบคุณคุณจขกท.ที่มาเล่าให้ฟังค่ะ ขอชื่อโรงพยาบาลหลังไมค์ด้วนะคะ จากคุณ : ~MiZuuMi~ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:39:57

ความคิดเห็นที่ 52   ไม่เกี่ยวแต่ใช้ประกันได้ไหม ค่ารักษาแพงมาก จากคุณ : อัญมณี (pss.nat) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:41:57

ความคิดเห็นที่ 53   โชคดีครับที่ไม่เป็นอะไรมาก  แต่ดูแล้วคุณจะชะล่าใจไปหน่อยในช่วงที่มีการเริ่มแพร่เชื้อที่โรงเรียนลูก  จนสุดท้ายลูกก็ติดหวัดมา อ่านแล้วก็ยังน่าตระหนกและต้องระวังตัวต่อไป เพราะดูอาการแล้ว ไข้สูงใช่เล่น นี่ถ้าห่างมือหมอหน่อย หรือชะล่าใจมีโอกาสมีอาการรุนแรงได้ทันที เป็นห่วงคนไทยในต่างจังหวัดครับ เพราะการเข้าถึงบริการทางสาธารณะสุขจะไม่ดีเท่าเมืองกรุง ถ้าติดขึ้นมาแล้วไปหาหมอไม่ทันอาการอาจรุนแรงและเสียชีวิตได้ ก็ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งวางใจ หรือชะล่าใจนะครับ ห้ามประมาท ไม่ติดเชื็อได้เป็นดีที่สุด เพราะถ้าติดแล้วเราคงไม่รู้หรอกนะว่าเราจะเป็นคนส่วนน้อยที่จะมีอาการรุนแรงจนเสียชีวิตหรือไม่ ขอบคุณ จขกท ที่แบ่งปันประสบการณ์ ไปทึ่ชุมชนอย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยกันนะครับ จากคุณ : bigbig เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:42:20

ความคิดเห็นที่ 54   เย้ ได้เป็นหวัด2009แล้ว ดูเทรนดีค่ะ - -* (เป็นความคิดที่ใครๆก็บอกว่าปัญญาอ่อนที่สุด) ตอนนี้กลับจากโรงบาล หยุดงาน นอนเล่น บ้าเกาหลีอยู่บ้าน ได้หยุดงานเท่ากับอาทิตย์ที่แล้วเลย ^^ ทำไงได้ ถึงจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่สังคมยังรังเกียจอยู่ ที่ทำงานขอร้องให้นอนบ้าเกาหลีตามสบายอยู่ที่บ้านอะ จากคุณ : Gravy เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 21:53:21

ความคิดเห็นที่ 55   ทำไม รพ นี้คิดค่าตรวจเชื้อแพงอ่ะ เห็นออกข่าวว่าทุก รพ ไม่เกิน 3500 บาทนี่นา แต่เห็นค่ารักษาแล้ว..ปาดเหงื่อ รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะครับ ทุกๆคน จากคุณ : takop เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:38:39

ความคิดเห็นที่ 56   ขอบคุณครับที่มาแบ่งปัน ๆ อยากทราบโรงพยาบาลด้วยเช่นกันครับ รบกวนด้วยนะครับผม จากคุณ : Climber เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:42:00

ความคิดเห็นที่ 57   ข้อมูลดีๆ แบบนี้ ต้องโหวตให้ค่ะ เพื่อนพ้องจะได้เห็นทั่วหน้า รู้ทันโรค จะได้ไม่ประมาทค่ะ จากคุณ : ยูมิมาไกล เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:56:34

ความคิดเห็นที่ 58   น้องที่ทำงานป่วยเป็นหวัด 2009 ค่ะ รักษารพ.รัฐบาล รอผลตรวจแค่ 1 วันเองค่ะ   อาการไม่หนักมาก แค่มีไข้สูง 2 วัน จากนั้นก็ปกติ โชคดีที่น้องเค้าใส่หน้ากากตลอดเวลา คนในครอบครัวเลยไม่ติดค่ะ ตอนนี้หยุดงานครบ 7 วันแล้ว อาการปกติ ก็กลับมาทำงานได้นะคะ มันก็ไม่ได้ร้ายแรงมากมายอย่างที่คิดค่ะ แต่เราทุกคนต้องรู้จักป้องกันตัวเอง จากคุณ : jclub เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 23:01:39

ความคิดเห็นที่ 59   ขอบคุณจขกท.ที่มาเล่าให้ฟัง อยากทราบชื่อรพ.เหมือนกัน รบกวนหลังไมค์มาทีนะคะ ว่าแต่ว่า จขกท.ดูAF6 เชียร์ วีไหนค่ะ ส่วนตัวชอบ V4 น่ารักดีค่ะ จากคุณ : โฮ่งฮับ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 23:34:55

ความคิดเห็นที่ 60   ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังค่ะ เราเองก้อกลัวอย่เหมือนกัน เพราะหลายวันก่อนพาเด็กต่างชาติที่บ้านไปขอโควต้าทำงาน ไป 2 วันติดต่อกัน คนเยอะมาก แถมไม่สบายกันทั้งนั้น.. แอบกังวลว่าอาจจะมีใครซักคนแถวนั้นมีเชื้อบ้าง.. โรคนี้ใกล้ตัวมากๆเลยนะคะ จากคุณ : แก่ม แก๊ม เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 00:05:07

ความคิดเห็นที่ 61   เราก็ยังโกรธตัวเองเลยค่ะว่าชะล่าใจมากเรื่อวลูกชาย ไม่นึกว่าจะใกล้ตัวขนาดนี้ ค่ารักษาใช้ประกันได้ค่ะ เพราะเราก็ใช้เประกัน ถ้าต้องจ่ายทั้งก้อนขนาดนั้นก็หนักเหมือนกัน แต่เข้าใจว่า ประกันสังคมก็น่าจะรักษาได้ดีพอกัน ขอให้ไปแต่เนิ่น ๆ ละกัน แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 52 08:25:20 จากคุณ : จุก (khunnawat) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:24:13

ความคิดเห็นที่ 62   ที่มีข่าวว่าคนที่เป็นแล้วจะไม่เป็นโรคนี้อีก เพราะมีภูมิคุ้มกัน จริงหรือไม่คะ แล้วมั่นใจได้ไง เพราะเชื้อนี้เป็นเชื่อตัวใหม่ไม่ใช่เหรอ ใครมีข้อมูลช่วยแชร์หน่อยค่ะ จากคุณ : เฉลียงลมโชย (เฉลียงลมโชย) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:22:41

ความคิดเห็นที่ 63   ตอบคห.62 ใช่ค่ะ ถ้ามันยังไม่กลายพันธุ์ไป คนเป็นระยะแพร่เชื้อนี่กี่วันคะ หายแล้วยังต้องแยกตัวอีกกี่วัน จากคุณ : แดดอ่อนๆลมเบาๆกับคนเหงาๆ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:11:57

ความคิดเห็นที่ 64   นี่ยังไม่น่ากลัวอีกหรือ ขนาดปอดอักเสบเนี้ยนะ ลองคิดดูถ้าไปช้ากว่านี้ซัก 2 วัน คุณอาจจะเสียลูกไปก็ได้นะ จากคุณ : bloody_bunny เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:24:10

ความคิดเห็นที่ 65   แล้วถ้าเป็นคนจนเข้าโรงพยาบาลรัฐบางแห่งต้องรอผลตรวจหลายวันจะรอดมั้ยเนี่ย ที่คุณเจ้าของกระทู้หายปกติถือว่าโชคดีมากๆครับ คงเพราะโรงพยาบาลดีและบริการเร็วด้วย  แต่ตอนนี้โรงพยาบาลประจำจังหวัดคนเยอะมาก ไม่รู้จะตรวจเชื้อกันทันหรือเปล่า อยากให้รัฐทุ่มงบลงมาเยอะๆหน่อย อย่ามัวใจเย็นอยู่เลย เดี๋ยวเอาไม่ทันจะหาว่าไม่เตือน จากคุณ : น้ำแข็งnk เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 13:17:27

ความคิดเห็นที่ 66   ขอบคุณที่มาแบ่งปัน ความรู้เรื่องหวัดตัวใหม่ค่ะ ^^ ลูกสาวและสามีดิฉันเอง.. ก็ป่วยเป็นไข้หวัด2009ค่ะ ตัวลูกสาวติดจากที่ รร. และติดจากพ่อเค้า.. สามีไม่มีไข้สูง ..ไอบ่อยมาก แต่ไม่หอบ ไม่ปวดเมื่อย หลานที่เป็นหมอบอกว่า ..ผู้ใหญ่ที่แข็งแรง จะไม่ค่อยมีไข้สูง เพราะเป็นคนออกกำลังกายเสมอ เวลาเป็นเลยไม่หนักน่ะค่ะ เค้าก็ทานยาแก้ไออย่างเดียว ทานอาหารมีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ ไปไหนต้องปิดหน้ากากตลอด..นอนเยอะๆ อาการก็หายไปเองค่ะ แต่ลูกสาว 10 ขวบ ไข้สูงมาก 39-40 และไอตลอดค่ะ ไม่มีอาการปวดเมื่อย ไม่อาเจียน ไม่ท้องเสีย.. หมอเจาะเลือด ปรากฎว่าเกร็ดเลือดต่ำไปจากปกติ เลยให้น้ำเกลือ และX-ray ปอด แต่ปอดไม่อักเสบ ก็รักษาตามอาการหวัด พอไข้ลง ทานข้าวได้..ก็หายค่ะ ไม่ต้องรับยาทามิฟลู (ถ้าอาการหนักถึงใช้ยาทามิฟลู) ตรวจพบเชื้อไข้หวัด 2009 ค่ะ รักษารพ.รัฐบาลค่ะ เห็นด้วยกับ จขกท ว่า.มีอาการให้หาหมอเลย (ไข้สูง-ไอหอบ) อย่ารอผลตรวจเลย เพราะโอกาสเป็น หวัด2009 มีสูง ถ้ามีโรคเสี่ยงประจำตัวตามสื่อต่างๆบอกไว้ ยิ่งต้องระวังตัวมากกว่าคนปกติ เพราะไวรัสจะเข้าปอดเร็วกว่าค่ะ ดิฉันเองไม่เป็นไรเลย ไม่ติดจากลูกทั้งๆที่นอนเฝ้าไข้กัน 5 วัน ขอให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง..ดูแลตัวเองให้ดี อย่าโทษคนอื่นๆ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ..กลุ่มเสี่ยงมากกว่าที่เป็นอันตรายค่ะ จากคุณ : cosmo lady (cosmo lady) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 14:08:34

ความคิดเห็นที่ 67   โชคดีแล้วค่ะคุณจขกท. ที่เป็นกันแล้วทั้งครอบครัวและหายดีแล้วทุกคน เพราะโรคนี้เป็นครั้งเดียวในชีวิต เป็นแล้วมันจะไม่เป็นอีก มันจะสร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับร่างกายไปตลอดชีวิตเลย นี่หมอเป็นคนออกข่าวนะคะ จากคุณ : No More No Mood!!! เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:47:36

ความคิดเห็นที่ 68   ขอบคุณที่มาแบ่งปันค่ะ คนรอบ ๆ ตัว ก็ท่าทางว่าจะผ่านการเป็น 2009 มาแล้วเหมือนกัน เค้าก็แนะนำให้พักผ่อนเยอะ ๆ กันไว้แต่เนิ่น ๆ คิดว่าเป็นก็ไปโรงพยาบาลเลย ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ จากคุณ : น้องใบหญ้า เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 15:49:10

ความคิดเห็นที่ 69   ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ คับ.. ขอให้หายไวๆ นะคับ เป็นห่วงคนที่บ้านเหมือนกัน เพราะเค้ามีโรคประจำตัว เป็นโรคหอบ อ่ะคับ จากคุณ : Korjoke เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 17:34:28

ความคิดเห็นที่ 70   ขอบคุณครับที่นำมาเล่าให้ฟัง จะได้คลายความวิตกกังวลลงไปบ้าง ว่า หวัด 2009 ไม่ใช่เอดส์ หรือ โรคซาห์ ครับ สำหรับจขกท. คงไม่กล้านำชื่อโรงพยาบาลมาบอกให้ทราบเพราะอาจติดเรื่อง ค่ารักษาที่ดูสูงไปหน่อย ในสายตาคนชั้นกลาง เลยกลัวจะมีผลต่อ โรงพยาบาล นั้นครับ แต่ จริงๆแล้ว โรงพยาบาลเอกชน ถ้ารักษาด้วยเงินของเรา (ไม่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม) ก็ค่าใช้จ่ายทำนองนี้ทั้งนั้นครับ  คุณป้าของแฟนผมเข้าไปวันเดียวยังเป็นหมื่นบาท รักษา 1 สัปดาห์ก็เป็นแสนบาท ท่านเป็นโรคเบาหวาน ครับ แต่ถ้าคุณมีเงินพอจ่ายได้ก็ไปใช้บริการเถิดครับ อย่างน้อยก็ไม่ไปแย่งกับคนทั่วไป ที่ไม่สามารถจ่ายได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:40:00

ความคิดเห็นที่ 71   แต่ จริงๆแล้ว โรงพยาบาลเอกชน ถ้ารักษาด้วยเงินของเรา (ไม่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม) ก็ค่าใช้จ่ายทำนองนี้ทั้งนั้นครับ  คุณป้าของแฟนผมเข้าไปวันเดียวยังเป็นหมื่นบาท รักษา 1 สัปดาห์ก็เป็นแสนบาท ท่านเป็นโรคเบาหวาน ครับ แต่ถ้าคุณมีเงินพอจ่ายได้ก็ไปใช้บริการเถิดครับ อย่างน้อยก็ไม่ไปแย่งกับคนทั่วไป ที่ไม่สามารถจ่ายได้ครับ ---- ชอบค่ะ... ถ้ามีกำลัง (หรือใช้ประกัน) อย่าไปรพ. รัฐเลยค่ะ ให้โอกาสคนอื่นๆ เถิด จากคุณ : Blue Lighthouse เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:56:08

ความคิดเห็นที่ 72   ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 19:08:53

ความคิดเห็นที่ 73   มาเล่าด้วยคน วันศุกร์ที่ 10 ตอนเย็นผมเริ่มเมื่อยเนื้อตัว แล้วพอตกกลางคืน ไข้ขึ้น ครับแต่ไม่สูง วันที่ 11 ไข้สูง นึกว่าไม่เ็้ป็นไร ไปลัลล๊ากับเพื่อน ตอนกลางคืน ไข้ขึ้นอีกแล้ว พอวันที่ 12 ไม่ยอมลดครับ สูงด้วยคราวนี้ถึงขั้นมือเกร็งงอไม่ได้เลยและตัวชาไปทั้งตัว(นึกว่าจะชักแล้ว)เลยบอกแม่ว่า ไม่ไหวแล้วช่วยพาไปโรงบาลที เลยขอนอนโรงบาลเลยครับ โรงบาล X-ray ปอดด้วยครับ นอนจนถึงวันที่ 14 แล้วตกเย็นวันนี้รู้ผลแล้ว ว่าเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 สาธารณสุขจังหวัด โทรมาซักประวัติยิกๆเลยครับ อาการ : ผมมีไข้สูง ปวดหัวนิดหน่อย(นิดหน่อยจริงๆ) ไม่เจ็บคอ เสมหะมีนิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 52 21:55:41 จากคุณ : เหนื่อยใจคิดชื่อไม่ออก เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 21:53:59

ความคิดเห็นที่ 74   ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ แต่ค่ารักษาแพงขนาดนี้ คนไม่มีคงแย่ จากคุณ : lovehappiness เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 22:35:37

ความคิดเห็นที่ 75   ขอบคุณมากค่ะที่มาแบ่งปัน แต่เห็นด้วยว่าถ้าคนไม่มีเงินคงแย่ ยิ่งเป็นทั้งครอบครัว จากคุณ : kitty_jeedy เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 23:17:05

ความคิดเห็นที่ 76   ที่บ้านก็เป็นกันทั้งครอบครัว แต่อาการโดยรวมไม่หนักมาก ไม่ต้องนอน รพ. ไม่ได้กินยาต้าน ตอนนั้นไม่ได้นึกกลัว หรือเอะใจว่าเราจะเป็น อาจจะเพราะตอนที่เป็น เป็นช่วงแรกๆ ที่เริ่มระบาด (ช่วงกลางเดือน มิย.) อาการของลูก (ลูก ๖ ขวบกว่า ป.๑) ลูกบ่นปวดแขน ปวดขา ก่อนวันที่มีไข้ ๑ วัน วันต่อมา ไข้ขึ้นต่ำๆ ให้ทานยาไข้ลด วันนั้นตรงกับวันอาทิตย์ ครอบครัวเราออกไปทานข้าวกลางวัน และซื้อของเข้าบ้านที่ซุปเปอร์ตามปกติ พอตอนกลางคืนลูกไข้ขึ้นอีก แต่ไข้สูงมาก กินยาพารา ไข้ก็ไม่ลด ตื่นมาตอนกลางคืน บ่นปวดท้อง ไม่เหมือนปกติ ที่ทานยาแล้วไข้มักจะลด พอครบ ๔-๖ ชม. หลังทานยาไข้จึงจะเริ่มขึ้นอีก คืนนี้เลยไม่ได้นอน คอยเช็ดตัวให้ลูกตลอดทั้งคืน กลัวชัก พอเช้า เลยรีบโทรไปนัดหมอ คิวเต็ม เลยต้องไปแทรกคิว นั่งรอกว่าจะได้หา ชั่วโมงกว่าๆ (รพ.เอกชน) ระหว่างรอ คุณครูโทรมาสอบถาม เลยได้ความมาว่าเด็กหยุดพร้อมกันหลายคน ถ้ามีอะไรให้โทรรายงานครูด่วน หลังจากวางสายกับคุณครู เลยโทรคุยกับเพื่อนจึงรู้ว่าที่ รร ก็มีเด็กเป็นแล้วเหมือนกัน เป็นเป็นเด็กชั้นโต ไม่ใช่ชั้นเดียวกับลูก วางโทรศัพท์ซักพักก็ถึงคิวตรวจซักที คุณหมอสอบถามอาการ เช็คคอ คอไม่แดง ลูกไม่ไอ ไม่หอบ ไม่ค่อยเจ็บคอ อาการชัดๆ ที่สังเกตุได้ ไข้สูง 39-40 ทานยาไข้ไม่ลด ปวดเมื่อยตามแขนขา ปวดเบ้าตา ปวดท้อง ลุกไม่ขึ้น เดินไม่ไหว คุณหมอถามว่าที่ รร มีใครเป็นมั้ย เราก็เล่าไปเท่าที่รู้มา เลยขอตรวจ ตอนนั้นคุณหมอเองก็ไม่คิดว่าจะเป็น คุณหมอบอกว่าตรวจมาหลายคนแล้วยังไม่มีใครเป็น แต่ถ้าอยากตรวจก็ตรวจ หมอไม่ได้ให้ทามิฟลู หมอกลัวลูกจะคลื่นไส้ อาเจียน อีกอย่างหมอคิดว่าไม่น่าจะใช่ หลังจากนั้นก็ ไปห้องเก็บเชื้อ ตอบแบบสอบถาม แล้ว พยบ.ก็เอาคัตตอนบัดมาป้ายน้ำลายที่คอลูกไป เสร็จแล้วก็กลับบ้าน ลูกลุกไม่ขึ้น 2 คืนกับ 1 วันเต็มๆ อาหารทานได้นิดหน่อย วันที่สาม ลุกขึ้นมาเล่นได้ ทานอาหารได้มากขึ้น มีน้ำมูกนิดหน่อย ตอนนี้คิดว่าลูกคงไม่เป็นหรอก ลุกขึ้นได้แล้ว หมอก็ไม่เห็นโทรมาบอกผลซักที วันนี้ลูกลุกไหวแล้ว แต่พ่อลุกไม่ไหว ไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน เลยต้องพาสามีไปหาหมอ พกลูกไปด้วย (ที่บ้านไม่มีพี่เลี้ยง) นั่งรถแท็กซี่ไป รพ. กัน เพราะเราขับรถไม่เป็น (ไม่รู้พี่คนขับติดหวัดรึเปล่า ขอโทษด้วยนะคะ) ตอนที่สามีไปหาหมอ ผลตรวจของลูกยังไม่ออก หมอตรวจดูแล้วทุกอย่างก็ดูปกติ เหมือนไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้ให้ทามิฟลู หาหมอเสร็จก็ไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ รพ. (ช่วงนั้นเราต้องดูแลทั้งลูกทั้งสามี เลยไม่ได้ทำกับข้าวค่ะ ไม่ไหว อดหลับอดนอน เหนื่อย ง่วง) ทานข้าวเสร็จก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน ตอนเย็นวันนั้นหมอของลูกเพิ่งจะโทรมาบอกว่า ผลตรวจออกมาแล้ว เป็นหวัด 2009!!! หมอขอความร่วมมือให้อยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน 7 วัน ตอนนี้หายดีแล้ว ทั้งพ่อลูก ส่วนเราไม่ค่อยมีอาการ มีไข้ต่ำ วันเดียว และรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อยอยู่ 2 วัน เพิ่มเติมเรื่อง โรคประจำตัวของลูก กับสามี ลูกเป็นภูมิแพ้ ส่วนสามีเป็นภูมิแพ้ และเคยจี้หัวใจลัดวงจรเมื่อ 4 ปีก่อน แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 52 09:00:40 จากคุณ : NoNoTan เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 08:55:37

ความคิดเห็นที่ 77   อ่อยยยย เราจะเป็นมั๊ยเนี่ยย รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนกัน มึนหัว แต่ยังไม่มีไข้ ระวังตัวหน่อยดีกว่าเรา ติดกันง่ายเหลือเกิน จากคุณ : ++Love Shuffle++ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 15:49:57

ความคิดเห็นที่ 78   คห. 20 และ 21ไม่ต้องเถียงกัน ไม่ถูกทั้งคู่    อ่านหว้ากอกระทู้นี้ครับ   http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8083238/X8083238.html คัดบางตอนมาจากหมอแมว 5. . เชื้อนี้มันใหม่มาก ยอมรับเถอะว่าหมอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ดังนั้นเชื่อตัวเองดีที่สุดอย่าไปเชื่อพวกหมอเลย เพิ่งรู้ว่าที่มันร้ายกว่าหวัดธรรมดาเพราะมันโจมตีไปที่ปอดและติดเชื้อได้รุนแรงกว่าหวัดธรรมดาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง...(เมืองนอกนะ) ข้อมูลเดิมก็คือ เราเอามันไปพ่วงกับหวัดนก โดยให้ยาทามีฟู หลังๆ เริ่มรู้ว่ามันน่าจะเป็นญาติของหวัดสเปนเนื่องจากรหัส H1N1 เหมือนกันก็เลยให้ยาโอเซลทามีเวีย ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามาตรการต่างๆ ล้วนแต่ออกมาตามคำแนะนำของผู้ที่รู้แต่ไม่เชี่ยวชาญทั้งสิ้น...เพราะมันใหม่ มากๆ.เคสก็เพิ่งมี..ตัวอย่างเลือดและสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อก็เพิ่งได้เมื่อ เดือนที่แล้ว.... นี่คือตัวอย่างของความเห็นหนึ่งที่แสดงถึงความไม่มั่นใจในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ (ขอไม่บอกว่าเอามาจากความเห็นใคร) และคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงความยากในการอธิบายให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ให้เข้าใจในส่วนที่เป็นประเด็นลึกๆ เช่นในเรื่อง เราเพิ่งรู้ว่ามันร้ายแรงกว่าหวัดธรรมดา ... ก็ไม่จริง เพราะว่าเรารู้ตั้งแต่เมื่อมันแพร่ที่เม็กซิโกแล้วว่ามันเป็นไข้หวัดใหญ่ซึ่งแน่นอนว่าในรายที่รุนแรงเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันโจมตีปอดได้ ... แต่เราก็รู้อีกว่า ในประชากรราวๆล้านคนที่ติดเชื้อนี้ มีคนตายไปเป็นหลักร้อย (ในอเมริกา) ดังนั้นอันนี้ไม่ใช่เพิ่งรู้ ... เพียงแต่ว่ามีงานวิจัยที่ประกาศผลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าในสัตว์ทดลอง พบว่าในสัตว์ทดลองที่เป็นปอดบวม อาการปอดบวมรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่เดิม  ... หรือที่บอกว่าไปพ่วงกับหวัดนกเลยให้ทามิฟลู หลังๆเพิ่งมารู้ว่าเป็นญาติหวัดสเปนเลยให้โอเซลทามีเวีย ประการแรก ทามิฟลู คือชื่อการค้าของ โอเซลทามีเวีย ... มันคือยาตัวเดียวกัน -_-' ประการที่สอง ไข้หวัดใหญ่ ไม่ว่าจะตัวไหน ก็ให้ยากลุ่มเดียวกัน เพราะยามันออกฤทธิ์ด้วยกลไกเดียวกัน ประการที่สาม เราไม่ได้เพิ่งรู้ว่ามันเป็นญาติกับไข้หวัดสเปน ... แต่นั่นคือสิ่งแรกที่เรารู้ครับ ... เรารู้ว่ามันเป็น H1N1 ก่อนที่จะรู้ว่ามันคือตัวใหม่เสียอีก -_-' ประการที่สี่ ถ้าใครลองไปค้นกระทู้เก่าๆสมัยหวัดนกหรือซาร์สระบาด จะเห็นว่าหลายๆคนออกมาเตือนเรื่องไข้หวัดใหญ่ระบาดกันแล้ว ... บอกถึงความรุนแรงและการระบาดฯลฯ แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจกัน นี่เป็นแค่คำถามเล็กๆน้อยๆที่บอกให้เห็นว่าหลายคนยังไม่เชื่อมั่น ... แต่สิ่งที่อันตรายคือ บางคนพอไม่เชื่อมั่นแล้วถึงขนาดพาลไม่เชื่อคำแนะนำเลย ... ความจริงคือ ความรู้เกี่ยวกับหวัดพวกนี้เราก็รู้พอสมควร ... แต่การอธิบายให้เข้าใจแก่คนในวงกว้างมันยากครับ อย่างถ้าผมมานั่งอธิบายเรื่องว่า ทำไมหวัดนกมันรุนแรงกว่าหวัดหมู (ส่วนประกอบของ H antigenเป็นตัวกำหนดความรุนแรง) ก็คงงงกันเป็นแถว หรืออย่างที่ตอนนี้หมอหลายคนพยายามอธิบายว่าความน่ากลัวของมันไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรงของโรค แต่อยู่ที่ความเสี่ยงในการกลายพันธุ์ และการที่มันระบาดเร็วจนทำให้เกิดการloadงานในระบบสาธารณสุข .... คนก็ยังไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ที่เค้ารู้กันมาตั้งนานแล้วว่ามันคือไข้หวัดใหญ่ซึ่งมีอัตราการตายสูงกว่าไข้หวัดธรรมดา ... แต่คนบางคนยังเข้าใจผิดคิดว่านักวิทยาศาสตร์เพิ่งรู้ เอาเป็นว่ามาถึงตอนนี้แล้ว ผมลองไล่อ่านกระทู้ที่หมอ/เภสัช เขียนหลายกระทู้ตามห้องต่างๆ Theme ของการเชียนมีตั้งแต่มองโลกในแง่ดี(อย่าเพิ่งกลัวไปก่อน ป้องกันตัวกันดีกว่า) ไปจนมองโลกในแง่ร้าย(อย่าชะล่าใจนะ ป้องกันตัวกันดีกว่า) ... สุดท้ายไม่ว่าใครก็บอกตรงๆกันครับว่าให้ป้องกัน ดังนั้นมาถึงวินาทีนี้ไม่เชื่อผมไม่เป็นไร ... แต่ขอร้องเถอะครับ อย่าแค่ไปเปิดwikipediaแล้วอ่านประโยคแค่ไม่กี่ประโยคจากนั้นเอามาตีความเองจนตกใจ และถ้าจะหาความเป็นวิชาการที่เชื่อถือได้ ก็อย่าไปฟังจากพวกNGO นักการเมือง มากนัก เพราะบางอันอ่านแล้วมึนๆเหมือนกัน ตย. ขนาดเป็นนักการเมืองที่เป็นหมอแท้ๆ ยังไม่เข้าใจเรื่องการตรวจเลย เอาแต่อารมณ์และความรู้สึกเป็นที่ตั้ง http://news.mjob.in.th/social/cat2/news13632/ ... ดังนั้นถ้าสงสัยอะไรลองถามหมอที่คุณรู้จัก ... หรือถ้าไม่รู้จักหมอ ถามทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ... หรือสัตวแพทย์ก็ได้ครับ จากคุณ : หมอแมว จากคุณ : ZXR เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 17:47:42

ความคิดเห็นที่ 79   เป็นมาก อาการหนัก << ชะล่าใจ ไม่รีบมาตรวจ แต่เนินๆ เป็นไม่มาก อาการเข้าเคล้า << วิตกจริต นอนพักรักษาตัวที่บ้านก็หาย เป็นได้ก็หายเอง ไม่รู้ เอาไงดี - -* จากคุณ : To Write เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 22:37:44

ความคิดเห็นที่ 80   ^ ^ ก็ถูกทั้งคู่แหละครับ เป็นไม่มาก ไม่เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่อาการเข้าเค้า นอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ออกไปแพร่เชื้อ เป็นมาก อาการหนัก ไข้สูง เพลียมาก ก็ไปตรวจเสีย แต่ถึงเป็นไม่มาก ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ มีโรคความเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต อายุมากกว่า 65 น้อยกว่า 5 ก็ควรไปตรวจครับ จากคุณ : เหวเห้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 52 18:56:25

ความคิดเห็นที่ 81   ดีนะ ที่ทำประกันชีวิตทั้งครอบครัว  ถ้าไม่ทำเป็นที เงินเกือบครึ่งแสนคงไม่มีปัญญาแน่ๆ เราว่าโรคนี้ไข้หวัด 2009 อย่างไงก็น่ากลัวอยู่ดี เพราะมันติดง่ายเหลือเกิน  ถ้าหากเราไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา  แล้วไปติดคนอื่น  บางคนฐานะไม่ดี เขาก็รักษาเขาเองหายามากิน  เพราะค่าตรวจไข้หวัด2009 แพงอยู่ไม่ใช่เหรอประมาณ 3000 หรือเปล่าไม่รู้ .. จากคุณ : PiNK CuTe เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 52 23:09:34

ความคิดเห็นที่ 82   ผมว่าอย่าประมาทดีกว่านะครับ เข้าใจว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องโรคนี้มากนัก เพราะมันเพิ่งเกิด ดังนั้นจะบอกว่ามันไม่เป็นอะไร เป็นเองหายเองได้ เนี่ย ไม่น่าจะใช่นะครับ ไม่ได้สร้างกระแสอะไร แต่อย่าประมาทไว้ก่อนดีกว่า จากคุณ : LamoonMan เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 13:52:13

ความคิดเห็นที่ 83   แพงเนอะ คนไม่มีเงินอย่างจขกท.จะทำยังไงหล่ะเนี่ย จากคุณ : Athlons เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 16:57:11

ความคิดเห็นที่ 84   พึ่งเจอกระทู้นี้ค่ะ ไม่อยู่บ้าน 5 วัน ไปเฝ้าลูกที่ป่วยเป็น 2009 ลูกสองคน โดนไปคนละสองหมื่นกว่าค่ะ และต้องหยุดเรียน 15-22 แต่คิดว่าคงถึง 27 กลัวจะไปแพร่เชื้อ เพราะลูกคนโตมีโรคประจำตัวเป็นไซนัส หมอบอกว่าน่าจะไอนาน 1 อาทิตย์ จากคุณ : ถิ่นดาว เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 18:03:14

ความคิดเห็นที่ 85   สรุปว่า งง ไปหมดแล้ว ใส่หน้ากาก หมกตัวอยู่บ้าน ไม่ไปเที่ยวห้างถ้าไม่จำเป็น ไปก่อนละกัน งดดูหนังโรงด้วย = = จากคุณ : -‘•[I]dentity•’-[22] เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 19:53:42