ความคิดเห็นที่ 1   ข้อ 1-4    ไม่แน่ใจค่ะ ข้อ 5         เดี๋ยวนี้มีการตรวจ 2 แบบค่ะ                     - thin prep  แบบบาง     ค่าใช้จ่ายประมาณ      1,000-1,200.  (รพ.เอกชน)                     - แบบปกติ                       "                       "       500. ข้อ 6        มะเร็งปากมดลูก แบ่งเป็น 2 ช่วง                     - ระยะก่อนมะเร็ง    4   ขั้น                     - ระยะมะเร็ง           4   ขั้น               ถ้ามีการตรวจพบตั้งแต่  ระยะก่อนมะเร็ง ขั้นต้นๆ การรักษาง่ายมากๆและไม่ยุ่งยาก และ      สามารถรักษาให้หายขาดได้    อีกทั้ง จาก ระยะก่อนมะเร็ง ไปจนถึง ระยะมะเร็ง ใช้เวลาพัฒนาเป็นปี เพราะฉะนั้นโดยปกติผู้หญิงทุกคนควรตรวจมะเร็งปากมดลูกทุกๆปี                      คุณควรไปตรวจเลยนะคะ  ไม่ต้องอายคุณหมอเราสามารถขอตรวจกับคุณหมอผู้หญิงได้ค่ะ  ใช้เวลาไม่นาน ไม่เจ็บ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 52 13:49:08 จากคุณ : กะปิคลองโคน (กะปิคลองโคน) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 13:48:03

ความคิดเห็นที่ 2   ลองอ่านเรื่องหูดหงอนไก่ครับ... http://www.bangkokhealth.com/index.php/2009-01-19-03-19-57/1193--condyloma-acuminata- จากคุณ : หมี่สดล้วน เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 14:24:07

ความคิดเห็นที่ 3   หูดหงอนไก่  เกิดจากเชื้อ HPV    ซึ่งเชื้อตัวนี้สามารถพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกได้  (เชื้อตัวเดียวกันแต่คนละ type)    ดาดว่า  เมื่อคุณเป็นหูดหงอนไก่  ก็คงอัตราความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกได้สูง การติดต่อของเชื้อนั้น  นอกจากจะมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีโรคนี้อยู่ซึ่งพบบ่อยที่สุดแล้ว  ยังเกิดจากการใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน  เช่น  ผ้าเช็ดตัว  เสื้อผ้า  หรือติดต่อโดยสัมผัสกับรอยโรคหรือเกาแล้วไปสัมผัสบริเวณอื่น  โรคนี้มีระยะฟักตัว 2-3 เดือน ส่วนหูดข้าวสุกนะค่ะ  เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม pox virus  ซึ่งติดต่อโดยการสัมผัส  การใช้สิ่งแปลกปลอมสัมผัสอวัยวะเพศ หลังจากได้รับเชื้อ  ผิวหนังที่ติดเชื้อจะมีตุ่มเลล็กๆขึ้น  ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร  ไม่เจ็บ  ไม่คัน  ตรงกลางตุ่มจะเป็นรอยบุ๋ม  ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้  ถ้าใช้เครื่องมือบีบตุ่ม  จะได้ของเหลวสีขาวคล้ายข้าวสุกออกจากรูตรงกลาง  ส่วนใหญ่จะหายไปได้เองภายใน 6-9 เดือน จากคุณ : Toey_Fish_Sea เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 17:36:35

ความคิดเห็นที่ 4   เราก็เคยเป็นคะ หูดหงอนไก่ ของเราคุณหมอบอกว่ามันขึ้นเองได้ โดยที่ไม่ได้ติดจากเพศสัมพันธ์ (จริงหรอ...ไม่น่าเชื่อ) แต่เราก็รักษาหายแล้วคะ แต่บางทีมันก็จะขึ้นบ้างถ้าร่างกายเราอ่อนแอ เพราะเชื้อมันคล้ายๆกับเชื้อเริม คือมันสบง แต่ไม่หายขาด แน่นอนคะว่าเป็นหูดหงอนไก่อัตรเสี่ยงการเป็นมะเร็งปากมดลูกย่อมสูงกว่าคนอื่นเพราะมันมีสาเหตุมาจากเชื่อไวรัส hpv ตัวเดียวกันแต่เป็นคนละ type (ซึ่งหูดหงอนไก่เป็น type เสี่ยงต่ำ) ฉะนั้นก็ต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำคะ ซึ่งวิธีการตรวจก็ตามที่ คห. ข้างบนให้ไว้ สำหรับคุณผู้ชายถ้าเขาไม่ได้ขลิบแต่ปลายสามารถรูดได้ก็ไม่เป็นปัญหานะคะ เพียงแต่เขาต้องหมั่นคอยรูดเปิดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าปลายปิดรูดไม่ได้เลยแนะนำว่าควรไปขลิบคะ ปล.หูดข้าวสุกไม่เคยเป็นง่ะคะ รอคห.ต่อไมแนะนำดีกว่านะคะ จากคุณ : ฉันนี้ล่ะคนไม่สวย เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 11:19:33

ความคิดเห็นที่ 5   การศึกษาล่าสุดยืนยันการขลิบสามารถลดการเกิดโรคร้ายได้ WASHINGTON (Reuters) ผลการศึกษาล่าสุด 3 ฉบับที่ถูกตีพิมพ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้เพิ่มหลักฐานยืนยันว่าการขลิบ สามารถป้องกันผู้ชายจากการเสียชีวิตด้วยโรค AIDS และการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก รายงานจากนิตยสารโรคติดเชื้อมีการพูดถึงเกี่ยวการขลิบทั้งในเด็กผู้ชายและในผู้ใหญ่ ว่าควรจะมีการขลิบเพื่อป้องกันสุขภาพของผู้ชายเอง และบางทียังสามารถส่งผลดีต่อคู่สมรสในอนาคตอีกด้วย DR. Bertran Auvert จากมหาวิทยาลัย Versailles ในประเทศฝรั่งเศส และทีมงานนักวิจัยในแอฟริกาใต้ ได้ทำการทดสอบในผู้ชายมากกว่า 1200 คนที่เข้ามาที่คลินิกของเขาในแอฟริกาใต้ เขาพบว่าประมาณน้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่ขลิบแล้ว และ 22 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ยังไม่ได้ขลิบมีการติดเชื้อ HPV virus ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ ในรายงานกล่าวว่า “สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ต่ำกว่าคนที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบ “ การหมักหมมของขี้เปียกและการที่ไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจทำให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคมากมาย และที่สำคัญคือ HPV ไวรัสครับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงและมะเร็งองคชาติใน เพศชาย ฉะนั้นจึงพบว่าผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีอัตราการ เกิดโรคนี้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้นและข้อดีนี้ก็ยังเผื่อแผ่ไปถึงสุขภาพของ ผู้หญิงด้วย และปัจจุบันทางการแพทย์ยังพบว่าการขลิบยังทำให้โอกาสติดเชื้อ HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ลดลงมากกว่าคนที่ไม่ได้ขลิบถึง 60 เปอร์เซนต์นะครับ ลองเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวการขลิบครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&date=12-01-2006&group=4&gblog=2 ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 20:08:35