Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อลูกเราเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A พร้อมกันสองคน  

ต้องออกตัวก่อนว่าเราไม่เคยตั้งกระทู้ยาวๆ แบบนี้  อาจจะอ่านยาก หรืองงบ้างก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ เนื่องจากอาจเรียบเรียงคำไม่ค่อยถูกนัก
        แต่คิดว่าการตั้งกระทู้นี้อาจมีประโยชน์บ้าง  โดยเฉพาะสำหรับคุณแม่ที่ลูกเป็นไข้หวัดใหญ่ และสงสัยว่าจะเป็นตัว 2009 จึงเอาประสบการณ์ของตัวเองมาเล่าให้ฟัง

     เนื่องจากลูกเรา  คนโตอายุ 9 ขวบกว่า ตื่นเช้ามาวันจันทร์ มีอาการปวดหัว และเจ็บคอ เราก็ให้นอนและกินยาพารา(พอดีว่าโรงเรียนปิด 1 สัปดาห์ เพราะมีเด็กป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009) พอตอนบ่ายมาก็ดีขึ้น  แต่เริ่มไอ เช้าวันอังคารไอมากขึ้นและปวดหัว ไม่ยอมกินข้าว แต่ไม่มีไข้ก็ให้กินพาราต่อ  ตกตอนเย็นเริ่มเห็นลูกหน้าแดง ลองวัดไข้ดู โอ้ 38.8   เอาไงดีล่ะ ให้กินพาราแล้วนอน  ระหว่างนั้นก็โทรไปโรงพยาบาลที่ลูกเรารักษาอยู่ประจำ  เค้าแนะนำว่าให้ลองเช็คตัว และกินยาดู ถ้าพรุ่งนี้ไข้ยังไม่ลงให้มาโรงพยาบาลเลย  ก็โอเคให้ลูกอาบน้ำ กินยาเช็คไข้ดูอีกที   อ่ะลดล่ะสบายใจหน่อย วันพุธตื่นเช้ามาไข้สูงอีกละ 38.5 ไปหาหมอดีกว่า
    ว่าแล้วก็เอาเจ้าตัวเล็ก 2 ขวบกว่าไปฝากบ้านแม่ไว้ แล้วไปโรงพยาบาล(เอกชน)  หมอส่งเอกซเรย์ปอด กับตรวจเบื้องต้นแบบที่เอาสำลีมาป้ายในจมูก ซึ่ง ผลปรากฎว่า เป็นชนิด A   เอ้า........ต้องเอทมิท  และคุยกับหมอว่าควรจะส่งตรวจว่าเป็นตัว 2009 รึเปล่า เพราะในเมื่อรู้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่แน่นอน และการรักษาก็เหมือนกัน ยังไงก็ต้องได้ยาต้าน หมอกับเรามีความเห็นตรงกันว่าควรส่งตรวจ   แต่แอบคิดว่าค่าตรวจแพงจัง หมอบอกว่าประมาณ 3,000 +     เฮ้อ............ประกันจะจ่ายให้ไหมนี่

      แต่แล้วโทรศัพท์ดัง...................... น้องสาวโทรมาบอกว่า ลูกคนเล็กที่เอาไปฝากไว้เมื่อเช้า ตอนนี้ตัวร้อนจี๋   งานเข้าอีกแล้ว  ทิ้งคนโตไว้กับพ่อเค้า แล้วบึ่งรถไปรับเจ้าตัวเล็ก ถึงโรงพยาบาลหมอจับตรวจ ผลคือ เป็นชนิด A เหมือนกัน  
     สรุป แอทมิทอยู่ห้องเดียวกัน   เจ้าคนโต ได้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาต้านไวรัส  ไข้เริ่มลดลงเรื่อยๆ    แต่คนเล็กเริ่มซึมและไข้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ  เอายาให้ทานก็อ้วกออกมาหมด  ไม่ว่าจะเป็นยาต้าน หรือยาลดไข้  ก็เช็ดตัวกันไปเรื่อยๆ และคอยป้อนยาต้านกันไปเรื่อยๆ เหมือนกัน  (ตรงนี้สำคัญ ก่อนหน้านี้คิดไม่ถึงเรื่องการกินยาเลยว่าจะมีปัญหาขนาดนี้) เพราะเด็กเล็กมักจะป้อนยายากมาก และยาต้านไวรัส คือยาคามิฟูไม่สามารถให้ทางอื่นได้ นอกจากทาน ยาเป็นแบบแคปซูลและต้องตัดเอาข้างในมาผสมน้ำ ให้ตามสัดส่วนน้ำหนัก และยาก็ขมมาก  ต้องทำทุกอย่าง ลองผสมยากับน้ำส้มป้อนดูกินได้ครึ่งเดียวก็อ้วกออกมา  พยาบาลไปเอามาใหม่คราวนี้ผสมน้ำหวาน  ไม่ยอมกินต้องล็อคกัน  ผลคืออ้วกอีก  เฮ้อ...................
    เอ้าทำไงดี ลองให้ยาแก้อ้วกแล้วกัน  ผลปรากฎว่าอ้วกอีก  อ้วกจนตัวเกร็งไปหมด  สงสารลูกมาก  แทบจะทำไรไม่ถูกเลย  วัดไข้ก็ขึ้นไปเรื่อย จาก 39.2   เช็ดตัวกันทุกครึ่งชั่วโมง หมอให้ยาลดไข้ซึ่งเป็นแบบสอดตรงก้น   ไข้ก็ยังขึ้นอีก  จนถึง 39.9 ไม่ไหวแล้ว จับเช็คตัวอีก  ยังไม่ลด (แต่ยังดีที่ไม่ชัก)  จนสุดท้ายก็อุณหภูมิทะลุที่วัดไข้ซึ่งเป็นแบบแผ่น  พยาบาลบอกว่าเพราะไม่ได้ยาต้านไวรัส  เอ้าเอามาอีกที  เม็ดที่ 3 ล่ะ (แอบถามได้ความว่าเม็ดละประมาณ สองร้อยกว่าบาท)  คราวนี้ลองผสมกับโค๊กดู ถึงจะเสี่ยงกับประสิทธิภาพยาที่ลดลงก็ต้องยอม  เพราะลูกเริ่มเข็ดที่จะกินอย่างอื่น แต่ชอบกินโค๊กมาก  คราวนี้ได้ผลแฮะ  กินจนหมดแล้วก็หลับ  คิดว่ายาลดไข้ที่สอดก้นไว้คงออกฤทธิ์ด้วย  (ช้าจัง สองชั่วโมงผ่านมาแล้วพึ่งออกฤทธิ์ มิน่าเค้าถึงพยายามให้ยากินก่อน)  ทีนี้หลับยาวเลย (ตอนนี้ตีห้า)

      แปดโมงเช้าวันพฤหัสเจ้าคนโตไม่มีไข้แล้ว  ส่วนตัวเล็กไข้ก็ลดลงไปตั้งเยอะ และไม่อ้วกแล้วกินนมได้  เลยเอายาต้านไวรัสผสมกับนมให้กิน  ก็โอเคกินได้  ส่วนยาลดไข้ก็สอดเอา   เช็คตัวกันไป
     วันศุกร์  เจ้าคนโตไม่มีไข้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน  เลยขอหมอกลับก่อน  เอายาต้านไปกินต่อให้ครบ 5 วัน  ส่วนเจ้าคนเล็กอยู่ดูอาการอีกวัน เพราะไข้ยังขึ้นๆ ลงๆอยู่
   ณ. วันนี้ วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม  คนเล็กได้กลับบ้านแล้ว เพราะไม่มีไข้มาตั้งแต่เมื่อคืน    เย้.......................ได้กลับไปนอนเตียงนิ่มๆซะที    ส่วนเรากับแฟนหลังจากมีอาการปวดเนื้อปวดตัว แล้วก็ไอ  มาวันนี้รู้สึกดีขึ้นจากวันก่อนๆ มาก (ไม่ได้ตรวจ ไม่ได้กินยา)   ผลตรวจออกแล้วค่ะ เมื่อกี้เอง ยืนยันว่า พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A (H1N1)   (ส่งตรวจเฉพาะคนพี่)  ตอนนี้ก็หวังว่าจะไม่มีใครติดจากลูกเรา  ทั้งแม่ และน้องสาวกับหลาน  (ขอโทษ..............น้า  ตอนฝากลืมคิดไปจริงๆ)  

สุดท้ายแล้วค่ะ  (ยาวมั๊ก มาก)
1. เราคิดว่าประสบการณ์ของเรา  อาจจะเป็นประโยชน์กับคุณแม่คนอื่นได้บ้าง  ก็เลยพยายามเล่าให้ละเอียดที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาการ  และการรักษา  ป้อนยา  เลยทำให้ยาวไปบ้าง
2. เราคิดว่าเราโชคดีกว่าคนอีกมาก  เพราะพอจะมีเงินทำประกันสุขภาพให้ลูก  ซึ่งตัวเราเองถ้าเป็นอะไรจะใช้บัตรทองค่ะ แต่กับลูกยอมรับว่าสงสารที่จะต้องให้ไปรอคิว  นานๆ  ไม่ใช่โรงพยาบาลรัฐไม่ดีนะคะ  เพราะตัวเองก็ไปโรงพยาบาลรัฐที่ใช้สิทธิบัตรทองอยู่ บอกได้เต็มปากว่าดีค่ะ
3. ยังไงก็เป็น กำลังใจให้ทุกๆคน ที่กำลังเป็นหรือมีคนใกล้ตัวที่คิดว่าน่าจะเป็น  ไข้หวัดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ หรือสายพันธุ์เดิม  เพราะไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหน  ขึ้นชื่อว่าไข้หวัดใหญ่อันตรายทั้งนั้นค่ะ  ถ้าเกิดกับคนไม่แข็งแรงหรือกลุ่มเสี่ยง   ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ

จากคุณ : keekik
เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 16:06:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com