ความคิดเห็นที่ 1 1. น้ำหนักเท่าไหร่ครับ  ถ้าน้ำหนักตัวเยอะ มีผลกับข้อต่อต่างๆ นะครับ ข้อเข่า ข้อเท้า  ถ้าจะเจ็บก็ไม่เปลกครับ ซึ่งถ้าเป็ฯกรณีนี้ แนะนำให้เดินเร็วๆ เอาครับ หรือไม่ก็ปั่นจักรยาน 2. ถ้าน้ำหนักตัวไม่เกินมาตรฐานมาก  เปลี่ยนรองเท้าเลยครับ  ไปหารองเท้าวิ่งดี ๆ ซักคู่ ซึ่งจะรองรับแรงกระแทก จะวิ่งสบายขาขึ้นเยอะ ส่วนนันยางทิ้งไปเลยครับ ไม่ควรนำมาใช้นอกจากเดินเล่น วิ่งเล่นนะครับ จริงแล้ววิ่งวันละ 20-30 นาที นี่ไม่ถือว่าเยอะเลยครับ โดยเฉพาะวิ่งๆ เดินๆ ด้วยแล้ว  แต่ถ้าเพิ่งเริ่มต้นก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดี๋ยวร่างกายปรับตัวจะวิ่วงได้นานขึ้นเองครับ จากคุณ : ผมอยู่ที่นี่เพื่อคุณ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 18:33:24

ความคิดเห็นที่ 2 น้ำหนัก75ครับ สูง175 เกินหรือเปล่าครับ อ่อ งั้นต้องไปหารองเท้าวิ่งลดราคามาสักคู่แล้วครับ วิ่งแค่ 20-30นาทีก็ไม่ค่อยจะไหวแล้วครับ เป็นคนไม่เคยออกกำลังกาย แต่อยากปฏิวัติตัวเองให้ผอมเหมือนแต่ก่อน จากคุณ : poa_busy เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 18:40:03

ความคิดเห็นที่ 3 น้ำหนัก75ครับ สูง175 เกินหรือเปล่าครับ >>> ก็ไม่ได้เกินไปนะนั่น ผม 165 หนัก 65 Y Y หารองเท้าดีๆ ซักคู่ ถ้าเจ็บก็อย่างที่พี่ข้างบนว่า เดินเร็วๆ เอาสลับกับวิ่ง วิ่งได้เท่าไหนก็เท่านั้นครับ พยายามไปเรื่อยๆ สนับสนุนให้ออกกำลังกาย (ผมก็เพิ่งจะเริ่มวิ่ง แหะๆ) จากคุณ : - WelL - เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 19:19:30

ความคิดเห็นที่ 4 ออกกำลังกายอย่างอื่นก่อนดีมั้ยคะ  ปั่นจักรยาน  ว่ายน้ำ  อย่าเพิ่ง ให้ขารับน้ำหนักมากเกินไปค่ะ  หรือไม่ก็ใช้เดินเร็ว ๆ เอาค่ะ  ไว้น้ำหนัก ลงกว่านี้ซักหน่อยค่อยลองวิ่งดูอีกที จากคุณ : ดิจิคาเมะเกิร์ล เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 19:25:49

ความคิดเห็นที่ 5 ลองวิ่งในน้ำดู วิธีลด นน ของคนที่อ้วนมาก ไม่ทรมานข้อต่อ จากคุณ : GetCha เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 19:33:56

ความคิดเห็นที่ 6 น้ำหนัก 75 สูง 175 ถือว่าไม่เยอะนะครับ (ผมก็สูง 176 หนัก 77 ก็ยังวิ่งได้ครับ) ถ้าหาอุปกรณ์ดีน่าจะช่วยได้ แต่อาจจะต้องลงทุนสักหน่อย แต่ว่าคุ้มครับ รองเท้าวิ่งเนี่ยหาซื้อแบบที่พอดีกับรูปทรงเท้านะครับ ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นเจ็บฝ่าเท้าอีกเรื่องนึงได้ ตามที่ความคิดเห็นบนๆบอก ว่ายน้ำด้วยอีกจะทำให้น้ำหนักลดเร็วมากครับ ปล. ลู่วิ่งของมหาลัยไม่มีแบบที่เป็นยางหรือครับ?? จากคุณ : สุรารำพัน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 19:50:47

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างนี้เดี๋ยวจะซื้อรองเท้าใหม่ครับ ไปเดินๆวิ่งๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ที่ ม เป็นวิทยาเขตเล็กๆ ไม่มีลู่อะไร วิ่งกันข้างถนนครับ สระว่ายน้ำแถวนี้ก็หาไม่ค่อยมีครับ จากคุณ : poa_busy เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 20:21:24

ความคิดเห็นที่ 8   จากการที่เล่นฟิตเนสเป็ยประจำ ยังมีอิกหลายท่านที่ไม่ทราบว่า การวิ่ง ทำลายสุขภาพของเรา ข้อเข่าจะโต และเสื่อมเร็วค่ะ แนะนำให้เดินเร็ว ๆ หรือเดินไปเรื่อย ๆ จะดีกว่าค่ะ จากคุณ : แพทริเซียกับทีคัพฝูงนึง เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 20:25:32

ความคิดเห็นที่ 9 1. แนะนำเรื่องการเปลี่ยนรองเท้า เป็นรองเท้าสำหรับการวิ่งโดยเฉพาะ จะช่วยลดการบาดเจ็บได้มากเลยทีเดียว 2. ถ้าบาดเจ็บ (ไม่ใช่แค่การปวดเมื่อย) ต้องงดวิ่งก่อน พักรักษาตัวให้หาย แล้วค่อยๆ เริ่มใหม่ อย่าฝืนเด็ดขาด 3. อย่าใจร้อน ให้ค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปเทียบกับคนอื่น ดูอาการของเราเป็นหลัก 4. ต้องสังเกตุ ว่าเรามีฝ่าเท้าเอียงหรือเปล่า โดยดูจากการสึกของพื้นรองเท้า 5. ประโยคที่ว่า "การวิ่งทำให้ข้อเสื่อม หัวใจโต น่องโต..ฯลฯ" ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ลองเข้าไปดูข้อมูลเรื่องวิ่งมากมายได้ที่ http://thairunning.com ครับ จากคุณ : ทะเลระยอง เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 21:18:47

ความคิดเห็นที่ 10 สูง 175 หนัก 75  ไม่มากเท่าไหร่ครับวิ่งได้สบายๆ ถ้าคนไม่เคยวิ่งมาก่อน เพิ่งมาวิ่ง มันก็เจ็บบ้างธรรมดา แล้วค่อยๆเข้าที่เอง ท่าวิ่งก็เกี่ยว การลงเท้าก็สำคัญ อีกกรณี รองเท้า และ ลักษณะเท้าเข้ากับรองเท้าหรือเปล่า รองเท้าก็ควรเป็นรองเท้าวิ่ง แต่ รองเท้าวิ่งยังแยก สำหรับคนที่มีลักษณะเท้าต่างๆกัน  เบื้องต้น ควรทำ Wet Test ดูลักษณะรอยฝ่าเท้าว่าเป็นแบบไหน ลองไปหาตามwebวิ่งหรือผู้ผลิตรองเท้าดังๆจะมีบอกไว้ครับ เมื่อก่อนผมเองมีปัญหาเข่าเจ็บ ตอนหลังเปลี่ยน รองเท้าให้เข้ากะลักษณะฝ่าเท้า และขา อาการก็ค่อยๆทุเลาลงเรื่อยๆ ยังไงลงทุนกับรองเท้านิดนึง ครับ คิดว่าเราไม่ได้ซื้อรองเท้า แต่เราซื้อ สุขภาพ ความแข็งแรง ซื้อการปกป้องขาและเท้าเราครับ ค่ารักษาเข่าตาม ร.พ. เห็นราคาแล้วหนาวครับ ตอนนี้รองเท้า มีลดราคาหลายที่ครับ ส่วนท่านที่ว่าวิ่งทำให้เข่าเสื่อม คงไปได้ความรู้ผิดๆมาครับ มันไม่จริงเสมอครับ ผมว่าส่วนนึงมันเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดครับ คือคนที่วิ่งมักไม่ค่อยเหลียวมองเข้าฟิตเนสครับ วิ่งตามสวนมีความสุขกว่ามากมาย ทำให้พวกฟิตเนสเสียลูกค้ากลุ่มนี้ เขาก็คงปล่อยข้อมูลไม่ให้เสียลูกค้าไปกับการวิ่งมากกว่า แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 52 21:49:24 จากคุณ : Poonoi เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 21:38:59

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อก่อนตอนเราเริ่มวิ่งตอนนั้นน้ำหนักตัว 80 โล ก็หารองเท้าสำหรับวิ่งอ่ะแหระมาใส่ แต่ก็ยังปวดทั้งขาและเข่าอยู่นะ ปวดข้อเท้าด้วย อาการปวดนั้นก็ไม่ได้ใช่ว่าจะเป็นแค่แป๊บเดียวนะ วิ่งทุกวันติดต่อกันก็ไม่หาย แต่สุดท้ายอาการปวดที่ว่าก็หายไปแต่ช้าหน่อย ปวดอยู่ประมาณ 2 เดือนกว่าๆเข้าเดือนที่ 3 ถึงหายปวดแล้วก็ไม่เคยปวดอีกเลย จากคุณ : ทราย Inter... เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 21:47:57

ความคิดเห็นที่ 12 มีงบส่วนตัว 2000 บาท บวกได้นิดหน่อย ประมาณ200 จะพอหาซื้อรองเท้าวิ่งดีๆสักคู่ได้ไหมครับ จากคุณ : poa_busy เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 22:22:33

ความคิดเห็นที่ 13 วอร์มกับ บริหารข้อเท้าก่อนวิ่งด้วยนะครับ จากคุณ : YTali เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 22:45:56

ความคิดเห็นที่ 14 แหะ รองเท้าเพิ่งซื้อมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเลย ไนกี้รุ่นไรก็ไม่รุ 1700 ครับ เท่าที่ไปวิ่งมา 4-5 รอบยังไม่เจอปัญหาอะไร ไม่รู้จะทนไม้ EDITED: ความจริงอยากได้รุ่นที่มันมีช่องใส่ตัวเชื่อสัญญาณ ipod จะได้จับระยะทาง... แต่แพงงิบเลย Y Y แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 52 23:11:00 จากคุณ : - WelL - เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 23:10:10

ความคิดเห็นที่ 15 ผม 173 น้ำหนัก 71.5 ก็ยังวิ่งได้ครับ วิ่งจาก 76 ลงมาเหลือ 71.5 แล้วครับ ^^ ใช้นันยางนั่นแหละผมอ่ะ วิ่งโลด เหอะๆ จากคุณ : ทาสเทคโนโลยี เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:20:11

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่เคยออกกำลังกายเลยก็ย่อมเจ็บเป็นธรรมดาค่ะ ขนาดเราออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่มาบ้าเล่นหนัก 8-9 เดือนที่ผ่านมา ยังตึงๆ เจ็บๆอยู่บ้างเลยค่ะ พอพักนิดหน่อย ก็หาย ตอนนี้แข็งแรงกว่าเดิมแล้ว ต่อให้วิ่งสม่ำเสมอมานาน ก็ยังมีเจ็บบ้างเลยค่ะ อย่างคุณพ่อเรา วิ่งสิบกิโลมาเป็นสิบปี ก็ยังมีเจ็บขึ้นมาบ้าง ดังนั้นอย่าท้อ อย่าหยุด และห้ามถอยนะคะ เจ็บนิดๆหน่อยๆ ทนไปเดี๋ยวก็แข็งแรงเองค่ะ อย่างที่คนอื่นๆบอกค่ะ เปลี่ยนรองเท้า แนะนำรุ่นสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ วอร์มร่างกายก่อนวิ่งและคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย เช็คท่าวิ่งตัวเองว่าถูกต้องหรือยัง ฝึกยืดเส้นยืดสายทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย ถ้าให้ดี ผู้ชายฝึกเล่นเวทบ้าง ให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อ และฝึกท่าที่ทำให้ข้อต่อต่างๆแข็งแรงขึ้น จะยิ่งทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นอีกนิดด้วยค่ะ จากคุณ : animE' เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 04:13:12

ความคิดเห็นที่ 17 รองเท้าผมว่าเป็นสาเหตุหลักเลย เพราะตอนแรกผมไปวิ่ง ใช้พวก vans ,converse one star  วิ่งแล้วกลับมาปวดข้อเท้ามาก เลยตัดสินใจไปซื้อรองเท้าวิ่ง  nb มันเหมือนว่าเซลล์ตลอดปีอยู่แล้ว เลยไปซื้อมา ใส่วิ่งมาตอนนี้ไม่มีปัญหาปวดข้ออีกเลย มีแต่ปัญหา ปวดหน้าแข้ง ซึ่งเดาว่า คูลดาวน์ น้อยไปนั่นเอง -*- แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 14:59:31 จากคุณ : Hernf@ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 14:37:40

ความคิดเห็นที่ 18 น่าสนใจทุก คห.ครับ ตอบดังนี่ครับ 1.ก่อนออกกำลังกายทุกครั้งไม่ว่าอ้วน ผอม ต้องทำการยืด เหยียดกล้ามเนื้อ  ก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อที่ต้องใช้งานในกิจกรรมนั้นๆอย่างน้อย 10 นาที่ ทำก่อนและหลังออกกำลังกายทุกครั้ง ที่เขาเรียกแบบฝรั่งว่า warm up / cool down 2.รองเท้าต้องเปลื่ยนอย่างเดียว สำหรับวิ่งเท่านั้น ย้ำว่า วิ่ง เท่านั้น บาส บอล ตะกร้อ เทนนิส ใช้ไม่ได้มันคนละเรื่องครับ มีตั้งแต่พันเดียวจนถึงหย่อนหมื่น 3.อย่าวิตกกังวลมากครับ ปรึกษาคุณหมอดีที่สุดครับว่าสาเหตุเกิดได้อย่างไรจะได้แก้ไข 4.ไม่ต้องวิ่งเดินก้าวเท้ายาวๆแกว่งแขนสูงๆประมาณ 1 ชั่วโมง 5.ออกกำลังกายแล้วควบคุมอาหารด้วยครับ จึงจะเห็นผลครับ สุดท้ายความตั้งใจครับ โชคดีครับ จากคุณ : kata2002 (kata2002) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 16:53:50

ความคิดเห็นที่ 19   สวัสดีครับ วิธีของนักกีฬาวิ่งมาราธอนครับใน 1 อาทิตย์ วิ่งวันละครึ่งชั่วโมง เป็นเวลา 6 วัน หลังจากนั้นวันที่ 7 ของสัปดาห์ให้หยุดพัก ความเร็วไม่มีผล ให้ใช้เวลาให้มากที่สุด คือให้วิ่งช้าๆ หลังจากวิ่งเสร็จแล้วให้ warm down ด้วยการถีบจักรยาน เพราะลักษณะของการเคลื่อนที่ของกระดูกจะได้กลับสู่สภาพปกติ สาเหตุที่เจ็บหัวเข่าต้องแยกเป็น 2 กรณีครับ 1 หัวเข่าเสื่อม เกี่ยวกับอายุ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 2 เจ็บหัวเข่า เนื่องจาก warm down ไม่ถูกวิธี โดยปกติกระบวนการ burn ในร่างกายจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 30 นาทีแรก ของการออกกำลังกาย คือ ในขณะที่ออกกำลังกาย ร่างกายจะดึงน้ำตาลในเลือดไปเป็นพลังงานเพื่อใช้ในการออกแรง โดยปกติเวลา 30 นาทีร่างกายจะ burn น้ำตาลหมด เพราะฉะนั้นคนที่ออกกำลังกายทุกวันแต่ไม่ถึง 30 นาทีก็จะไม่มีผลเนื่องจากน้ำตาลในกระแสเลือดไม่หมด หลังจากน้ำตาลในกระแสเลือดหมดแล้ว ถ้ายังคงออกกำลังกายต่อไป ระบบจะใช้พลังงานจากไขมันส่วนเกินที่สะสมไว้ เป็นสาเหตุให้น้ำหนักลดลงครับ วิธีดูว่าเราออกกำลังกายพอแล้วหรือยังในแต่ละวัน ให้สังเกตในกรณีที่เราวิ่งอยู่ เมื่อเราวิ่งถึงเวลาที่บอกเอาไว้ในตอนต้น คือประมาณ 30 นาทีแรก เราจะเริ่มรู้สึกสบายตัวมีความคิดว่าไม่เหนื่อย อยากวิ่งอีก นั้นหมายความว่าร่างกายกำลังหลั่งสารชนิดหนึ่ง ซึ่งเราเรียกว่า แอนโดฟีน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข อารมณ์ประมาณว่ามี sex เรียบร้อยแล้วหลั่งน้ำอสุจิออกมา อารมณ์เดี๋ยวกันครับ ฮอร์โมนก็ตัวเดี๋ยวกันครับ เมื่อเราวิ่งไปนานนาน เราจะติดเพราะเราอยากได้ แอนโดฟีนครับ ในภาษานักวิ่งเค้าเรียกติดยาครับ สังเกตไม่ครับคนอายุมากมาก ที่ไปวิ่งคือติดยาครับ 555555555555555555555555 เนื่องจากไม่สามารถมีอะไรอะไรก็ไม่รู้ครับ จบภาค 1 ครับ จากคุณ : ตั้ม เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 09:26:52 A:125.26.102.218 X: TicketID:228608

ความคิดเห็นที่ 20   ภาค 2 ครับ สุขภาพร่างกาย เมื่อเราออกกำลังกายโดยการวิ่ง ผลที่ได้รับก็คือ เหนื่อยๆๆๆๆ 55555 ล้อเล่น ผลของมันก็คือ น้ำหนักลด ระดับฮอร์โมนทุกตัวเป็นปกติ หรือเกือบจะปกติ สำหรับคนสูงอายุ หน้าตาแจ่มใส ไขมันลดลง ผิวพรรณสะอาด ดูดี ความสามารถในการมี sex ดีขึ้น [ ชอบละซิข้อนี้ ] ร่างกายแข็ง แรงก็มีด้วย ความสามารถในการดื่มนานขึ้น [ขี้เหล้าชอบ ] สูบบุหรี่ได้นานเพิ่มหลายปี [ ขี้ยาชอบ] สุขภาพจิตดี มองโลกในแง่ดี สมองปลอดโปร่ง ไม่เป็นหวัด ปอดแข็งแรง หัวใจดีไม่อกหัก การวิ่งคือการออกกำลังกายที่ปอดและหัวใจได้ทำงานอย่างดี จบภาค 2 จากคุณ : ตั้ม เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 09:47:35 A:125.26.102.218 X: TicketID:228608

ความคิดเห็นที่ 21   ภาค 3 ครับ วิธีการลดน้ำหนัก 15 กิโล ภายใน 3 เดือน 1. อุปกรณ ์ รองเท้าวิ่ง ถุงเท้า [ ให้ใส่ถุงเท้าที่นักกีฬาเทนนิสใส่ ของ usa ลองถามคนเล่นเทนนิสดูคู่ละประมาณ 400 บาท ถ้าจำไม่ผิด เพราะว่าถุงเท้าประเภทนี้จะ absorb แรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ] กางเกง เสื้อก้าง 2. เวลาที่สะดวก ในการวิ่ง กลางวัน หรือ กลางคืน กลางวัน เช้าดีที่สุด ถ้ามีแดดควรใส่แว่นกันแดดที่เป็นพลาสติกเนื่องจากมีน้ำหนักเบาใส่ได้นาน oakley the best ไม่ได้โม้ หมวกด้วยครับ แนะนำ กลางคืน วิ่งได้ในกรณีที่สถานที่วิ่งไม่มีต้นไม้มากนัก เนื่องจากในเวลากลางคืน ต้นไม้คาย co2 ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการวิ่ง แต่ถ้าไม่มากไม่เป็นไร 3. การรับประทานอาหาร สามารถทานอาหารก่อนวิ่งได้ แต่อย่าทานมาก ความเข้าใจในอดีตบอกว่าก่อนออกกำลังกายห้ามทานอาหารเพราะจะทำให้จุกเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน 4.เมื่อเตรียมความพร้อมเสร็จแล้วก็ just do it คุ้นๆๆ ไหม เรามาเริ่ม routine job กันเลย ตาราง first week วันที่ 1 วิ่งไปเรื่อยโดยไม่หยุดเป็นเวลา 30 นาที ช้าไม่ต้องเร็ว เวลาสำคัญ เอาเวลาไม่ใช่ความเร็ว หลังจากนั้น warm down ด้วยการเดิน 5 นาที ต่อด้วยการปั่นจักรยาน 5 นาที ในกรณีว่าไม่มีจักรยานให้ใช้ วิธี ถีบขาในอากาศคล้ายๆกับปั่นจักรยาน ครั้งละ 100 [ นับให้ครบ 100 ] เนื่องจากการปั่นจักรยานจะช่วยหัวเข่ากลับสู่สภาพปกติ วันที่ 2 - 5 ทำเหมือนเดิม วันที่ 6 หลังจากวิ่งไปแล้ว 30 นาที อย่าหยุด ให้วิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะ เบื่อ ภาษานักวิ่งเค้าเรียกว่าลากยาว ไม่ต้องกว่าว่าจะวิ่งไม่ได้ ร่าง กายมนุษย์สามารถทำได้ แล้วคุณจะรู้ว่าร่างกายวิเศษมาก ให้ดู นักวิ่งมาราธอนเป็นตัวอย่าง เค้าไม่ได้วิ่งไกลทุกวัน เค้าจะวิ่งในวัน สุดท้ายของการซ้อม วันที่ 7 หยุดพัก จากคุณ : ตั้ม เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 10:24:26 A:125.26.102.218 X: TicketID:228608