ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนคำถามที่ว่า เราเป็นใคร ต้องการอะไรถึงต้องออกมาพูดแบบนี้ เราก็เป็นแค่ จักษุแพทย์คนหนึ่ง ค่ะ ไม่ได้ต้องการอะไร แต่ไม่อยากให้คนทั่วไปเข้าใจอะไรที่ไม่เป็นความจริง ก็เท่านั้นเอง แค่บังเอิญมีคนไข้มาตรวจกับเรา บอกว่าไปตรวจที่อื่นมาแล้ว หมอบอกเป็นต้อหิน เค้าเครียดมาก กังวลมากจนเกือบคิดฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากตาบอดแล้วต้องเป็นภาระคนอื่น แล้วเรื่องแบบนี้ จะมีใครมารับผิดชอบมั้ยคะ  คนที่พยายามเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ แล้วบอกว่า หวังดี รับผิดชอบกันไหวมั้ยล่ะคะถ้าเค้าคิดสั้นไปจริงๆ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 22:58:51

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้ ช่วยทำใจให้เป็นกลาง แล้วลองอ่านข้อสังเกตของเรานะคะ 1.  ไม่เคยมีคนไข้คนไหน ที่จะรัก และเทิดทูนหมอที่รักษาตัวเอง ขนาดที่คอยเฝ้าตามตอบกระทู้ใน internet ให้ชนิดเฝ้ากระทู้เป็นวันๆ ต่อให้เป็นหมอที่ผ่าตัดหัวใจช่วยชีวิตเค้าไว้ก็ตาม (แค่ข้อสังเกตนะคะ ถ้ามันไม่จริงก็ข้ามไปค่ะ) 2. ทำไมหมอคนหนึ่ง ต้องบอกคนไข้ว่าเป็นต้อหิน ประสาทตาเสื่อมไป 40-50% ทั้งๆที่ตาเค้าปกติ ถ้าอยากรู้ว่าปกติเป็นยังไง รบกวนดูที่ link ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8164565/L8164565.html#32 รูปนี้ เป็นขั้วประสาทตาปกติแน่นอนค่ะ อาจารย์หลายท่านก็ยืนยัน รวมทั้งอาจารย์ต้อหินด้วย ส่วนเกณฑ์อื่นๆที่ไม่ได้พูดถึงเพราะเห็นบอกว่าปกติ 3. แล้วทำไมคนในนี้ ถึงต้องย้ำกับคนอื่นๆว่า ถ้าจะตรวจต้องไปหาหมอคนนี้เท่านั้นนะ ทำไมคะ ไปตรวจกับหมอท่านอื่นไม่ได้เหรอ หมอตาในประเทศนี้มีตั้งเยอะ ไปหาแพทย์เฉพาะทางด้านต้อหินเลยไม่ดีกว่าเหรอ 4. ส่วนเรื่องนวดตา ไม่แปลกค่ะ นวดแล้วย่อมสบายขึ้น เหมือนไปนวดตัวนั่นแหละค่ะ  และที่บอกว่านวดแล้วความดันตาลง ก็ยิ่งไม่แปลกค่ะ ตอนนวดความดันตาก็ลงได้อยู่แล้ว แต่ไม่มีทางลงทั้งวันแน่นอน ในขณะที่จุดมุ่งหมายของการรักษาต้อหินคือการคุมความดันตาคนไข้ให้คงที่ตลอดวันค่ะ ยิ่งความดันขึ้นๆลงๆ โดยเฉพาะเวลาไปนวด ประสาทตาจะถูกทำลายมากขึ้นแน่นอนค่ะ อันนี้หมายถึงในคนเป็นโรคอยู่แล้ว ส่วนคนปกติก็อาจจะมีผลค่ะ เพราะประสาทตายังแข็งแรงอยู่ 5. วิธีการรักษาที่บอกว่าดี ถ้าดีจริง ก็ทำวิจัยมาเลยค่ะ เพราะสากลเค้าเชื่อผลการทดลองที่เป็นระบบที่พิสูจน์และอ้างอิงได้ค่ะ ที่บอกว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ เพราะอะไรคะ ทำไมถึงบอกว่าบอกเหตุผลไม่ได้ เพราะมันไม่มีเหตุผลหรือเปล่าค่ะ หรือเพราะเคยทำแล้วมันไม่ได้ผลก็เลยไม่อยากเผยแพร่ 6. ข้อความใน website ที่มีคนอ้างอิงไว้ ก็เป็นสิ่งที่คนๆเดียว คิดขึ้นมาเอง ไม่ได้รับการพิสูจน์หรือศึกษาวิจัยยืนยัน เป็นความคิดล้วนๆ ที่สำคัญ คนๆนี้เคยถูกแพทยสภาตรวจสอบ และขอให้ลบข้อความใน website ดังกล่าวแล้ว เนื่องจากไม่มีการศึกษาวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่ารักษาได้จริงรวมทั้งอาจเกิดผลเสียต่อผู้ป่วยหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง  แต่เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว คนๆนี้จึงได้นำข้อความมาเผยแพร่อีก จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 23:02:23

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องนี้เรากำลังรวบรวมและจะส่งเรื่องไปยังกรรมการจริยธรรมของแพทยสภา  ซึ่งตอนนี้มีอาจารย์จักษุแพทย์ทราบเรื่องหลายท่านแล้ว  ถ้าในนี้ไม่มีใครทำอะไรผิด อย่ากลัวค่ะ   ขอย้ำอีกครั้ง การจะวินิจฉัยต้อหินในคนไข้หนึ่งคน สำหรับจักษุแพทย์ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันจะอยู่กับเค้าไปตลอดชีวิต การคิดเกณฑ์ขึ้นมาเองลอยๆแล้ววินิจฉัยแปลกๆแบบนี้ ทั้งวิทยาศาสตร์และสังคมไม่ยอมรับค่ะ ลืมบอกไป ส่วนการใช้คอมพิวเตอร์ ถึงจะไม่ได้ทำให้เป็นต้อหิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าดีนะคะ  เพราะอาจจะทำให้มีโรคอื่น เช่น ปัญหาสายตา ตาแห้ง ฯลฯ ได้  พักสายตากันบ้างค่ะ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 23:05:34

ความคิดเห็นที่ 4 เออนั้่นดิ ตูเรียนหมอมาตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าเป็นต้อหินได้จากการเล่นคอมที่พันทิปนี่แหละ เห็นกระทู้มันแนะนำแสนนาน ผมก็ขี้เกียจพิมพ์อธิบาย เพราะรู้ว่าจะโดนอัดเละกับสังคมอุดมปัญญา(เหรอ) จขกท เจ๋งมากที่กล้าเปิดเผยความจริง ทั้งที่รู้ว่าจะโดนอัดเละ เอาเหอะ คนไทยก็แบบนี้ ว่ากันไป แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 23:26:23 จากคุณ : MDcute เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 23:15:13

ความคิดเห็นที่ 5 พึ่งไปไล่อ่านกระทู้เก่าๆดู หน้าม้ามีรึเปล่าไม่รู้หล่ะ วินิจฉัยคนที่ไม่ได้เป็นว่าเป็น แล้วรักษาโรคที่มันรักษาหายได้ เอาดีเข้าตัว ทั้งๆที่ตัวโรคต้อหินจริงๆ ย้ำ จริงๆ ต้องหยอดยาไปตลอดชีวิต แต่นี่มันใช้ความไม่รู้ของคน หาประโยชน์เข้าตัวเองนี่หว่า สุดๆ จากคุณ : MDcute เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 23:39:14

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นเรื่องปกติ.. ของหมอ(หรือไม่ใช่หมอ) ที่ประกอบทุรเวชปฏิบัติหลายๆ คน ส่วนมาก มักจะบอกว่าคนไข้เป็นโรคร้ายแรง รักษาไม่หาย อย่างเช่น - เป็นกระเพาะอักเสบ ก็บอกว่าเป็นมะเร็งกระเพาะ - เป็นหลอดลมอักเสบ บอกว่าเป็นมะเร็งปอด ฯลฯ เพื่อที่ว่า เวลารักษาแล้ว อาการคนไข้ดีขึ้่น จะได้เอาไปร่ำลือว่า หมอคนนี้ คลินิคนี้รักษามะเร็งกระเพาะ มะเร็งปอดหายด้วย เจอบ่อย แถวๆ สกล จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 00:46:21

ความคิดเห็นที่ 7 ............แค่บังเอิญมีคนไข้มาตรวจกับเรา บอกว่าไปตรวจที่อื่นมาแล้ว หมอบอกเป็นต้อหิน เค้าเครียดมาก กังวลมากจนเกือบคิดฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากตาบอดแล้วต้องเป็นภาระคนอื่น......... ประโยคนี้ ไม่ควรนะครับ จากคุณ : kleberson เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 01:06:41

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบคำนี้มาก "ทุรเวชปฏิบัติ" ขอขอบคุณ คุณหมอทุกท่านที่ได้สละเวลาเอาความจริงมาเปิดเผยครับ จากคุณ : ReMind Me เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 01:39:12

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วยโหวตนะคะ เพื่อนสมาชิกคนอื่นๆจะได้มีโอกาสอ่านและรับทราบความจริงมากขึ้นค่ะ จากคุณ : รอยคำ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 02:11:38

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อเท็จจริงมันต้องอย่างนี้ จากคุณ : 7thHelL เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 02:14:26

ความคิดเห็นที่ 11 ความจริง!!! จากคุณ : เด็กหญิงมะเดี่ยว เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 03:59:28

ความคิดเห็นที่ 12 จากทู้นั้น อิชั้นอ่านแล้วก็วิตกจริตไปเหมือนกันนะคะ ยังไปพูดกับเพื่อนเลยว่าเล่นคอมพ์มาก ๆ เสี่ยงต้อหินนะ..เดี๋ยวต้องไปแก้ไขความเข้าใจของเพื่อนซะใหม่แล้วตรู..^^" ขอบคุณสำหรับข้อมูลและข้อเท็จจริงดี ๆ นะคะ.. จากคุณ : i'm not superman เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 07:50:02

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับคุณหมอ ที่ช่วยให้ความกระจ่างครับ จากคุณ : reuse เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 08:27:10

ความคิดเห็นที่ 14 ดิดตามมาตลอด    อยู่ในเวชปฏิบัติมากว่า 25 ปี   หลาย ๆ อย่าง  ที่แพทย์ที่ทำงานมานานอาจมีหลงทาง  คิดอะไร ๆ ที่อาจนอกกรอบ เห็นด้วยกับ tachycardia  หลาย ๆ อย่าง     แต่การตรวจสอบจากแพทยสภา อาจต้องมีผู้่เสียหายก่อน กรรมการคงต้องให้คุณหมอฯ ชี้แจง  หากผลการสอบสวนพบว่า กระทำผิดจริงคงมีการลงโทษแน่  บวกการโฆษณาที่ไม่เหมาะสม   ทำให้เกิดความหลงผิดในวงกว้าง   ถือว่าอันตรายครับ จากคุณ : หมาน้อยธรรมดา เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 08:40:18

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาให้กำลังใจคนกล้าพูดความจริง กล้าค้านกระแสค่ะ ตัวเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมกระทู้นั้นถึงฮอตฮิตติดกระแสลมบนอยู่นานเหลือเกิน  แต่พอมาเจอหลังไมค์กับตัวเองให้เข้าไปช่วยโหวตก็ร้องอ๋อล่ะ  ไม่ชอบค่ะวิธีแบบนี้ ไม่ชอบมากๆ ขอบคุณคุณ tachycardia นะคะ ใครจะว่าคุณยังไงก็ช่าว ดิฉันว่าคนดีมีความกล้าหาญต้องประสบความเจริญใีนชีวิตค่ะ ^^ จากคุณ : Draconia เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:02:47

ความคิดเห็นที่ 16 มีคนหลังไมค์มาถึงผมครับ ส่งลิงก์กระทู้ที่ว่ามาให้ด้วย ผมไม่ใช่จักษุแพทย์  แค่เป็นคนหนึ่งในวงการสาธารณสุข ถามเพื่อนที่เป็นจักษุแพทย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ คำตอบเหมือนคุณหมอ tachycardia ครับ ขอบคุณ คุณหมอ tachycardia สำหรับข้อมูลที่ถูกต้อง ผมเชื่อว่า คุณหมอคงทราบดีว่า อะไรจะตามมาจากการโพสต์กระทู้นี้ หนึ่งกำลังใจมอบให้ครับผม   จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:03:38

ความคิดเห็นที่ 17 เอางี้นะคะ คห.2 ถ้าคุณสงสัย คุณไปถามหมอตรงๆค่ะ ไปฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันตรงๆเลย เราไม่ใช่หมอท่านนั้น  ไม่สามารถตอบรายละเอียดขนาดนั้นได้ จะทำให้กลายเป็นว่า หมอเค้าโดนอยู่คนเดียว ไม่มีโอกาสมาชี้แจง มันไม่ยุติธรรม   ส่วนเราเล่าเรื่องจริงๆที่เราเจอมาเท่านั้น และเราก็เป็นจริง แฟนเราก็เป็นจริง มาว่าเราเป็นหน้าม้า ได้ผลประโยชน์ ไม่จริงเลย แต่ถ้าบอกแค่นี้ ใครจะเชื่อ งั้นเราจะฟ้องคนที่กล่าวหาเราดู จะได้พิสูจน์ตัวเองไปด้วย อีกอย่างจะได้รู้ว่าคนที่ว่าเรา เค้าเป็นใครกันแน่ เจอตัวจริงๆกันดีกว่า อย่ามาด่าแบบไม่เห็นตัว อีกอย่างการที่หลังไมค์ไป มันก็ไม่ผิดกติกาในพันทิป ให้มาอ่านเอาเอง ใช้วิจารณญาณเอง เราผิดด้วยเหรอ อืม..แต่ถ้าคนที่ได้รับแล้วเห็นว่าเป็นการรบกวนก็ขออภัย ณ ตรงนี้ ด้วยนะคะ ถ้าคุณจะฟ้องหมอ ดีค่ะ ช่วยทำให้เรื่องมันกระจ่าง เราไม่ชอบเหมือนกัน ข้องใจกันแบบนี้ เรื่องงานวิจัย ไปตรวจสอบดูว่าทำไมถึงไม่วิจัย เรื่องแพทยสภาอีก เราก็อยากรู้เหมือนกัน และอยากรู้ว่านวดตาไปมันจะเป็นผลเสียหรือผลดี  ช่วยทำความจริงให้กระจ่างทีเถอะ หมอเค้าพร้อมจะให้ทำนานแล้ว ฟ้องเลยค่ะ  แล้วมานำเสนอเพื่อนๆในนี้ด้วย ดีกว่าไหมคะ   แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 11:38:44 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 09:15:08 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 09:12:52 จากคุณ : nongnou เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:09:07

ความคิดเห็นที่ 18 อุ้มเมืองคาน ก็ไปแล้ว นาธานเนปาล ก็โกอินเตอร์ไปแล้ว หว้ากอก็มีที่ชาร์ตแบ๊ตประหยัดน้ำมัน ไม่นึกว่าสวนลุมจะมีน้องหนูต้อหิน จะครบทุกห้องไหมเนี่ย แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 09:18:52 จากคุณ : MDcute เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:17:16

ความคิดเห็นที่ 19 พอยังไม่ได้วิจัยกลายเป็นคนเลวไป ทั้งที่ผลการรักษา สามารถช่วยคนได้มากมาย แถมคนป่วยอีกหลายๆคน ผ่านการรักษาและวินิจฉัยมาหลาย โรงพยาบาลมาแล้ว เอาหลักฐาน เอาความจริง มาพูดละกัน สรุปนะ สนับสนุนใหคุณtachycardia ฟ้องหมอท่านนั้นค่ะ  คุณเป็นหมอตาด้วย มีความรู้ ยิ่งดีใหญ่เลย จะได้รู้ข้อเท็จจริงไปด้วย แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 10:54:30 จากคุณ : nongnou เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:22:07

ความคิดเห็นที่ 20 บอกมาหมดแล้วในกระทู้ก่อน คงไม่ต้องบอกอะไรอีก เป็นผู้ป่วยค่ะ เชื่อว่าการใช้คอมหนักมีผลต่อตา เพราะเป็นมาหกเจ็ดปีแล้ว แต่ที่บอกว่ามันจะทำให้เป็นต้อหิน ไปค้นคว้าขอมูลและถามผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแล้วตามรายละเอียดกระทู้ก่อน ก็เห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วก็ไม่ชอบใจเลยที่มีข้อความส่วนตัว จากคุณnongnou  ขอให้ช่วยโหวตกระทู้นั้นโดยไม่เคยเข้าไปโพสอะไรเลย ประเด็นมันชัดเจนแล้วว่า กำลังพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ใช้คอมนานไม่ทำให้เป็นต้อหิน และโรคต้อหินเป็นแล้วรักษาไม่หายต้องเป็นไปตลอดชีวิต ไม่ได้มาค้านหรือไม่เชื่อว่ามีอาการ หรือไม่เชื่อว่าอาการที่เป็นไปหาหมอคนนี้แล้วรักษาหาย แล้วถ้าจะฟ้องว่าถูกกล่าวหา ไปแจ้งความได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอเจอตัวจริงด้วยตำรวจเขาติดต่อพันทิปเอง พันทิปไม่ให้ข้อมูลกับคู่กรณีอยู่ และระวังนิดหนึ่งนะคะ เจตนามันไม่ได้ดูที่คำพูดแต่มันดูที่สถานการณ์แวดล้อม ฝ่ายตรงข้ามคุณคงเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ที่สำคัญพยานที่เคยได้ข้อความส่วนตัวจากคุณคงมีเกือบค่อนหรือทั้งหมดของจำนวนสมาชิกที่นี่ จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:24:49

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ ทั้งสองฝ่ายถ้าไม่มีฝ่ายเริ่มก็ไม่มีฝ่ายแก้ แต่ขอให้คนที่คิดดีทำดีจงได้รับผลดีตอบแทนที่ดีเช่นกัน ส่วนคนที่คิดตรงข้ามก็ขอให้ตรงข้ามเหมือนกันค่ะ จากคุณ : tugsinat เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:29:37

ความคิดเห็นที่ 22 ขอยกความคิดเห็นของคุณ ส.มโนมัย จากกระทู้เดิมนะคะ ความคิดเห็นที่ 56     ผมก็เป็นหมอคนหนึ่ง หลังจากอ่านกระทู้แล้ว  จับประเด็นได้คือ 1.มีการเปิดประเด็นว่า  การเล่นคอมพ์มากๆ  อาจทำให้เกิดเป็นโรคต้อหิน  โดยคุณ  T-TprincecryT-T  และโดยการสนับสนุนอย่างแข็งขันของคุณน้องหนู  จากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L7825682/L7825682.html 2.คุณหมอ Tachycardia เข้ามาแย้งว่า  ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการใดๆพิสูจน์ว่า  การเล่นคอมพ์ทำให้เป็นโรคต้อหิน  จากกระทู้  http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8164565/L8164565.html และกระทู้http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8172853/L8172853.html 3.มีการเล่าถึงหมอท่านหนึ่งในร.พ.บางมด  ที่ชอบบอกคนไข้ว่าขั้วประสาทเสื่อม  และกำลังจะเป็นโรคต้อหิน  แต่ก็ได้รับการอธิบายจากคุณหมอ tachycardia ว่า  ประสาทตาของทุกคนในโลก  ก็ต้องเสื่อมอยู่แล้วตามกาลเวลา  ( แปลว่า ทุกคนในโลกกำลังจะเป็นโรคต้อหิน  ถ้าหมายความตามแพทย์ท่านแรก )  ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก  เพราะเหมือนการหลอกลวงคนไข้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง -เมื่อคนไข้คิดว่าตนเองเป็นหรือกำลังจะเป็นโรคต้อหิน  (ทั้งๆที่ไม่ได้เป็น)  เมื่อได้รับการรักษาจนอาการทุเลา  คนไข้ก็จะพูดจากปากต่อปากว่าหมอท่านนี้รักษาโรคต้อหินได้หายขาด  สุดท้ายหมอท่านนี้ก็เกือบจะเป็นหมอเทวดา  ค่า DF ก็จะมากไปเป็นเงาตามตัว 4.มีการพูดถึงการรักษาแบบ mal-practice ของหมอคนนี้  เรื่องนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของแพทยสภาครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 09:01:09 จากคุณ : ส.มโนมัย   เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 08:59:11 จากคุณ : Hmmm เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:37:25

ความคิดเห็นที่ 23 มาบอกว่ารำคาญกับการส่งหลังไมค์มาให้ช่วยโหวตกระทู้ต้อหิน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก ไม่เคยอ่าน..ไม่สนใจ... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:55:33

ความคิดเห็นที่ 24 จาก คคห ของคุณน้องหนู ทั้งในทู้นี้ และทู้ก่อนนี้ เราว่า คุณน้องหนูกำลังพูดคนละประเด็นกันนะคะ ที่ trachycardia พูดอยู่ ก็คือ การบอกว่า คนไข้เป็นต้อหิน ทั้งๆที่ไม่ได้เป็น (ยืนยันโดยหลักฐานด้านการแพทย์) เป็นการผิดจริยธรรมอย่างรุนแรง ข้อนี้ คุณน้องหนูเถียงดื้อๆว่า มันก็ไม่เห็นเสียหายอะไร ในเมื่อเขาก็รักษาให้ ในวงการแพทย์ ข้อนี้นับว่าเสียหายมากนะคะ ถ้าทำโดยรู้แท้ว่า ไม่ได้เป็น ก็คือ การหลอกลวงผู้ป่วย โดยอาจจะมีเจตนาชักนำให้มารับการรักษาที่ไม่จำเป็น นับว่าเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรง ดังนั้น การรักษา ที่กล่าวว่า ให้ผลดีนั้น ไม่ได้เป็นการรักษาต้อหิน (ที่ผู้ป่วยไม่ได้เป็นตั้งแต่ต้น แต่ถูกทำให้เข้าใจผิดว่า เป็น) แล้วทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันไปในวงกว้างว่า หมอผู้นี้รักษาได้ ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง มันก็เป็นเหมือนแพทย์ทางเลือก ที่ผู้ป่วยมีสิทธิไปแสวงหา หากไม่เชื่อมั่นในวิธีการรักษาโดยแพทย์แผนตะวันตก ปัญหาอยู่ที่ว่า แพทย์ที่รักษานั้น เป็นแพทย์แผนตะวันตก แต่ไม่ทำตามกระบวนการรักษาด้วยวิธีที่เป็นที่ยอมรับกันในด้านนั้น แต่ไปใช้กระบวนการอื่น แต่ก็ยังใช้ชื่อและวุฒิของแพทย์ด้านนั้น ซึ่งทำให้มีผลกระทบกระเทือนถึงแพทย์และผู้ป่วยคนอื่นๆด้วย ดังนั้น มองในแง่ผู้ป่วย หมอคนนี้ อาจจะเป็นหมอวิเศษ รักษาโรคที่ใครๆก็รักษาไม่ได้ (จริงหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) แต่ในสายตาแพทย์จักษุ หมอคนนี้ ก็คือหมอที่ใช้ความรู้ในทางที่ผิด อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนไข้ และต่อสังคมโดยรวม จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 09:58:49

ความคิดเห็นที่ 25 เรียนคุณหมอ tachycardia ครับ       ผมคิดว่าคุณหมอควรหยุดโพสต์กระทู้ตอบโต้กับผู้คนในเว็บบอร์ดสาธารณะ ในเรื่องข้อขัดแย้งทางการการแพทย์ โดยเฉพาะเรื่องโรคต้อหิน ซึ่งมีความซับซ้อนทางวิชาการค่อนข้างสูง หมอเป็นจักษุแพทย์ เรามีเว็บบอร์ดของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ที่พร้อมให้จักษุแพทย์ทุกท่านเข้าไปแสดงความเห็นทางวิชาการหรือเรื่องทั่วๆไปได้ครับ และผมก็ได้โพสต์หัวข้อประวัติการคิดค้นการนวดตารักษาต้อหินเอาไว้ให้แล้ว หมอลองเข้าไปดูซิครับ    ผมเชื่อว่าคุณหมอมีความตั้งใจดีที่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ป่วย มีจิตสาธารณะที่ช่วยเหลือผู้อื่นเช่นเดียวกับคุณน้องหนู เพียงแต่หมอยังไม่ทราบอะไรที่ลึกซึ้งพอเท่านั้น ฉะนั้น อย่าลังเลที่จะเข้าไปซักถามในเว็บบอร์ดของราชวิทยาลัยฯหรือ e-mail ซักถามผมเป็นการส่วนตัวก็ได้ครับ ยินดีตอบข้อข้องใจหรือคาใจทุกคำถาม  อาจารย์ทางด้านต้อหินที่คณะแพทยศาสตร์ท่านหนึ่ง เคยโทรสุ่มคุยกับผู้ป่วยในเว็บ www.geocities.com/glaucomathai  พบว่าผลการรักษาน่าจะได้ผลจริง จึงโทรศัพท์มาซักถามคำอธิบายทางวิชาการว่ากลไกที่ทำให้การรักษาได้ผลดี เป็นอย่างไร ผมก็ได้อธิบายจนท่านได้ความกระจ่างไป  หรืออาจารย์ทางด้านจอประสาทตาในโรงเรียนแพทย์ท่านหนึ่ง ได้แนะนำผุ้ป่วยเด็กอายุ 11 ปี ที่ป่วยเป็นโรค RP ให้มารักษากับผมด้วยการนวดตา และขณะนี้ผู้ป่วยดังกล่าวก็อาการดีขึ้นแล้ว ( ดูรายละเอียดในเว็บ www.geocities.com/rpsiam ) จากคุณ : นพ.สมเกียรติ (somkiatoo) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 10:51:53

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นคนอื่นเค้าได้ pm กัน เลยไปดูกล่องเรามั่ง อืม..มีเหมือนกันแหะ แต่เราไม่ได้สนใจอะ ปกติได้รับ pm คุณคุกกี้ ณ หลงป่ามาตามไปอ่านนู่นอ่านนี่อยู่แล้ว ... ชิน เราว่าเรื่องที่มันน่าสนใจ เราก็กดเข้าไปอ่านอยู่แล้วล่ะ ไม่เห็นต้องมาโปรโมตที่หลังบ้านเลย มาเพิ่มข้อความค่ะ คุณคุกกี้ #29 เข้าใจผิดเลย แง ๆ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 22:46:25 จากคุณ : เดินโซเซ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 10:55:33

ความคิดเห็นที่ 27 เคยโทรไปนัดคิวกับหมอคนนี้แล้ว แต่พยาบาลบอกว่าคนมาหาเยอะมากกๆๆๆๆให้นัดวันต่อวัน สงสัยมาจากในพันทิพนี่หล่ะ....แต่สรุปเราไม่ได้ไปเพราะขี้เกียจ!! จากคุณ : ton-orr เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:07:28

ความคิดเห็นที่ 28 เรียนคุณหมอ นพ.สมเกียรติ (somkiatoo) ครับ         ผมเป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยากจะรู้ข้อเท็จจริงในกรณีนี้ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ หากเกิดว่าโรคไม่ได้เป็นไปตาม ที่คุณหมอ tachycardia ได้บอกกล่าวไว้หรือเกิดการไม่โปร่งใสในการรักษาจริงๆ เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนตาดำๆ อย่างผมมากครับ         ดังนั้นถ้าหมอเห็นแก่ประชาชนตาดำๆ แบบผม ก็ขอให้ได้บอกกล่าว ข้อมูลต่างๆ ให้แก่ผมในที่นี้เถอะครับ อย่าไปโพสในที่ๆ เฉพาะของพวกหมอๆ เลยครับ         สุดท้ายผมก็ยังเชียร์คุณหมอ tachycardia อยู่ครับ เพราะข้อมูลที่ได้มา เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างผมมากครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ผมแอบดูกระทู้คุณอยู่ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:08:59

ความคิดเห็นที่ 29 .. แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 52 22:46:19 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:26:31

ความคิดเห็นที่ 30 เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้หลังไมค์มาให้ไปโหวตกระทู้เก่าค่ะ ขอขอบคุณ คุณ tachycardia ที่มาเปิดเผยความจริง เราจะได้ไม่วิตกจริตค่ะ ปล.คุณคุ๊กกี้ นี่เค้าหมายถึง เดอะคุ๊กกี้คอมปานีป่ะค่ะ เพราะเคยได้หลังไมค์มาชวนดูนู่นดูนี่บ่อย ๆ เหมือนกัน - -" เพิ่มเติมข้อความ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 11:31:08 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 11:30:25 จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:29:16

ความคิดเห็นที่ 31 กระทู้นี้สงสัยจะยาว มาช่วยกดโหวตค่ะ จากคุณ : joonzmaz เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 11:47:42

ความคิดเห็นที่ 32 เรียน คคห.17, 19 และ 25 จากเจ้าของกระทู้ค่ะ รบกวนช่วยอ่านเนื้อหาในกระทู้อีกครั้ง ชัดๆค่ะ ทั้ง 2 กระทู้ เราได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า เรื่องนวดตา เราไม่ยุ่ง ใครอยากทำเชิญเลย แต่เรื่องที่เราไม่ยุ่งไม่ได้เพราะคิดว่ามันสร้างความเข้าใจผิดให้คนทั่วไปอย่างรุนแรง คือการที่มีการวินิจฉัยคนปกติว่าเป็นต้อหิน แถมยังเผยแพร่ข้อมูลผิดๆในที่สาธารณะ เรื่องนี้เรารับไม่ได้ค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องมีผู้เสียหายก็ได้ เพราะเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง ซึ่งเรื่องนี้ก็เคยได้ถูกขอให้ลบข้อความออกแล้วด้วย ถ้ายังไงรบกวนมาตอบข้อสงสัยของเราเรื่องนี้ด้วยค่ะ อ้อ.. และเรายังมีความรู้ใหม่ว่ามีการส่งหลังไมค์ไปหาใครต่อให้ให้เข้ามาช่วยโหวตกระทู้ตัวเอง  เลยกลายเป็นคนดังไปเลย  แต่ระวังนะคะ คิดจะดัง อย่าดังแบบผิดๆค่ะ เดี๋ยวจะเดือดร้อน จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:08:50

ความคิดเห็นที่ 33 เกือบลืม.. ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ ขอบคุณมากๆเลย เราเจอแรงต้านไปตอนแรกก็เกือบจะท้อแล้วเหมือนกัน แต่ทบทวนดูแล้วยังไงก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ เชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้องค่ะ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:30:21

ความคิดเห็นที่ 34 มาให้กำลังใจค่ะ ตอนนี้กำลังเรียน ward นี้อยู่พอดี ได้ความรู้มากเลยค่ะ เมื่อวานเพิ่ง lecture เรื่องนี้เลย ตรงกับที่คุณ tachycardia บอกมาเลยค่ะ จากคุณ : zozoya เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:37:05

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณ คุณtachycardia จากคุณ : wrought เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:44:47

ความคิดเห็นที่ 36 ว้าว ตัวจริงมาแล้ว เรื่องการนวดตา แล้วต้อหินหาย.. เป็นจริงหรือเปล่า ผมไม่ทราบ แต่อยากให้มีการทำวิจัยขึ้นมาเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าแนวทางการรักษาดังกล่าว สามารถใช้ได้ผลจริงๆ.. เพื่อจะบรรจุเป็นแนวทางการรักษาโรคต้อหินในทางเวชปฏิบัติจริงๆ เสียทีครับ เหมือนอย่างนวด Valsava Maneuver ที่ลดอาการของ SVT ก็ยังทำได้ แล้วนวดตา (อาจจะตั้งชื่อว่า Somkiat Maneuver) ก็น่าจะลดอาการ Glaucoma ได้นะครับ ... (ถ้ามีการวิจัยจริงๆ อ่ะนะ) หามาเลย... หาคนไข้ Glaucoma สัก 100 ราย ที่วินิจฉัยเข้ากับ Criteria เป๊ะๆ.. วัด IOP ก่อนนวด แล้วนวดเสร็จ ก็วัด IOP ซ้ำ แล้วมา F/U เป็นระยะๆ ถ้า IOP ลดลงอย่างมีนัยนะสำคัญ จะได้เอาไปลง Journal สักที แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 12:53:14 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:50:43

ความคิดเห็นที่ 37 รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่มีหลังไมค์ให้ไปโหวตกระทู้แล้วครับ ในมุมมองของบุคลากรทางสาธารณสุขคนหนึ่ง คิดคล้ายๆคุณหมอ 447 ว่าไม่ชอบมาพากล แต่ไม่ใช่จักษุแพทย์จึงไม่สามารถเสนอแนะอะไรได้ การให้ข้อมูลในเวปสาธารณะ ถ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ ให้คำแนะนำ ก็โอเคครับ ยังไงก็เอาประโยชน์ของคนไข้เป็นที่ตั้ง ถ้าพูดคุยพบประวัติมีอาการที่น่าจะเป็นโรคก็แนะนำกันไป โดยให้คำแนะนำที่เป็นกลาง แต่ถ้าเริ่มมีการชักจูงให้คนไข้มารับการรักษากับตนเองหรือกับบุคลที่ตนเองมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เจตนาที่ดีแล้ว และหากให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับ เพื่อให้คนไข้มารับการรักษากับตนเอง เพื่อประโยชน์ส่วนตน... ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ไม่อยากให้เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บถูกแอบแฝงด้วยการโฆษนาชวนเชื่อเหมือนสินค้าอื่นๆ ยังไงก้ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก้ดีนะครับ จะได้รู้กันไปเลยว่า ความจริงเป็นอย่างไร แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 13:02:46 จากคุณ : Dr.ภพ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:56:09

ความคิดเห็นที่ 38 เรียนคุณหมอ tachycardia ครับ    พยายามทำใจให้สงบ ดับความโกรธในใจออกไป แล้วนำคำถามที่คาใจเข้าไปโพสต์ในเว็บบอร์ดของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ ผมขอยืนยันไม่ขอตอบโต้กับคุณหมอในเว็บบอร์ดสาธารณะ เพราะจะนำความเสื่อมเสียมาสู่วงการแพทย์ครับ และจะเป็น คห สุดท้ายที่ผมจะโพสต์ในกระทู้นี้ จากคุณ : นพ.สมเกียรติ (somkiatoo) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:58:24

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณค่ะ ^^ #29 เค้าหมายถึง cookie หลงป่ารึเปล่าคะ ? เหมือนเคยได้ยินว่ารายนั้นชอบส่งหลังไมค์ไปโปรโมทกระทู้ตัวเองบ่อยๆ (สมัยก่อน) จากคุณ : สาวแว่นเลี้ยวซ้าย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 12:58:29

ความคิดเห็นที่ 40 มาเชียร์คุณ tachycardia ค่ะ ร่วมติดตามและร่วมโหวต กระทู้ต้นเรื่องแปลกใจตรงที่ขอคะแนนกิฟ แปลก... จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 13:04:24

ความคิดเห็นที่ 41 ดีค่ะ คุณ นพ.สมเกียรติ (somkiatoo) เพราะดิชั้นรำคาญคุณค่ะ ทราบเจตนาคุณหลายคห.แล้ว แต่นี่บอร์ดสาธารณะ ทุกคนมีสิทธิ์จะแสดงความคิดเห็น ให้ความรู้ ในฐานะประชาชนตาดำๆ อย่างดิชั้น ก็อยากทราบมุมมองอีกด้าน และไม่ชอบให้ใครมาใช้พท.พันทิปทำมาหากินเนียนๆ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 13:08:59 จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 13:06:31

ความคิดเห็นที่ 42 นี่เป็นของฝากครับเรื่องจริยธรรมของแพทย์  ฝากให้คุณหมออ่านและทบทวนตัวเอง จริยธรรมในวิชาชีพแพทย์ แพทย์มีหน้าที่บำบัดรักษาความเจ็บป่วยซึ่งนำความทุกข์ทรมานมาสู่มนุษย์ และไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะหลีกเลี่ยงการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ วิชาชีพแพทย์จึงได้รับการยกย่องให้มีเกียรติและมีศักดิ์ศรีมาตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน ผู้ที่ทำหน้าที่แพทย์ในสมัยโบราณมักเป็น “ผู้รู้” ในสังคม เช่น นักปราชญ์หรือนักบวชในศาสนา ซึ่งมีกรอบที่ต้องประพฤติปฏิบัติแตกต่างจากสามัญชนอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากในคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งบันทึกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ได้ทำการรักษาผู้เจ็บป่วยมากมาย คนในสมัยโบราณเชื่อว่าความเจ็บป่วยเกิดจากอำนาจของภูติผีปีศาจ จึงเป็นหน้าที่ของพระ พราห์มณ์หรือนักบวชที่จะต้องทำการรักษาโดยการขับไล่ปีศาจ ต่อมาเมื่อมนุษย์มีความรู้เรื่องธรรมชาติมากขึ้น มีความเข้าใจในเรื่องเหตุผลและระเบียบวิธีวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดวิวัฒนาการทางการแพทย์ สังคมได้เรียกร้องคุณธรรมและจริยธรรมความเป็นแพทย์ หลักฐานที่สำคัญที่แสดงว่าสังคมตระหนักถึงความสำคัญของจริยธรรมในทางการแพทย์คือคำปฏิญาณของ ฮิปโปเครตีส (Hippocratic Oath) ซึ่งเป็นแพทย์ชาวกรีก มีชีวิตอยู่ในช่วง 470 ปีก่อนคริสตกาล อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพอพอลโลและ Aesculapius ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการรักษาโรคของกรีกโบราณ คำปฏิญาณของฮิปโปเครตีสกล่าวถึงประเด็นหลักของจริยธรรมการแพทย์คือ ความศักดิสิทธิ์และบริสุทธิ์สูงส่งของวิชาชีพแพทย์ ความมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ป่วย การรักษาความลับของผู้ป่วยและกล่าวถึงการป้องกันมิให้แพทย์กระทำการฉ้อฉลเบียดบังเอาประโยชน์จากผู้ป่วย รวมทั้งโทษของการกระทำดังกล่าว คำปฏิญาณของฮิปโปเครตีสถือเป็นแนวปฏิบัติของแพทย์ในยุคต่อมา แต่ก็ได้ผ่านการดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคสมัยต่างๆ ในปีค.ศ.1948 สมาคมแพทย์แห่งโลก (World Medical Association) ซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศของวิชาชีพแพทย์ได้จัดการประชุมนานาชาติที่กรุงเจนีวาโดยมีวัตถุประสงค์จะ ปรับปรุงคำปฏิญาณของฮิปโปเครตีสให้ทันสมัย หลังจากนั้นได้มีการประชุมอีกหลายครั้งในปีค.ศ.1949, 1968 และล่าสุดในปีค.ศ.1988 ที่อิตาลีโดยเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการทดลองในมนุษย์และสิทธิผู้ป่วย จากคุณ : หมาน้อยธรรมดา เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 13:11:24

ความคิดเห็นที่ 43 อีกนิดครับ ค่าตอบแทนในการประกอบวิชาชีพ แพทย์สามารถใช้วิชาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีฐานะอันสมควรอยู่ได้ในสังคม ค่าตอบแทนจากการประกอบวิชาชีพ (fee) มีลักษณะพิเศษจากค่าจ้างทำงานของอาชีพโดยทั่วไปคือ 1. มีจำนวนเงินที่ไม่สูงมากนัก 2. ไม่อาจเรียกร้องเงินเป็นเงื่อนไขในการให้บริการ หลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงว่าแพทย์ในยุคโบราณได้ค่าตอบแทนวิชาชีพในการดำรงชีวิต เป็นจำนวนที่ไม่สูงนัก และแพทย์ก็ไม่ได้ร่ำรวยกว่าอาชีพอื่น (8,9) จากการที่แพทย์ยึดหลักว่าคุณค่าของวิชาชีพแพทย์ไม่อาจประเมินค่าเป็นตัวเงิน กล่าวคือไม่อาจถูกซื้อหรือขายได้ เช่นเดียวกับคุณค่าของชีวิตมนุษย์ซึ่งไม่อาจประเมินเป็นตัวเงินได้ นับตั้งแต่ยุคของฮิปโปเครตีส แพทย์ได้ยึดหลักจริยธรรมคือประกอบวิชาชีพให้ดีที่สุด รักษามาตรฐานของวิชาชีพให้สูงสุดอยู่ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงอามิสสินจ้าง ซึ่งหมายความว่าถึงจะไม่มีเงินค่าจ้างตอบแทน หรือผู้ป่วยจะยากจนขัดสนเพียงใด แพทย์ก็ต้องให้การดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ซึ่งการปราศจากผลประโยชน์ทางลาภยศศฤงคารมาแทรกแซงนี้เองทำให้วิชาชีพแพทย์ได้รับการยกย่องอย่างสูง มาทุกยุคทุกสมัย จากคุณ : หมาน้อยธรรมดา เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 13:13:25

ความคิดเห็นที่ 44 คห. 30 & 39 ขอบคุณค่ะ เข้าใจแร๊ะส์ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 13:58:30

ความคิดเห็นที่ 45 ผมเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรนะกระทู้ต้อหินอะไรนั่นน่ะ ขนาดผมอ่านแล้วยังแอบบวิตกเลย (ก็ทำงานหน้าคอมมา เกือบสิบปี วันล่ะ 10 ชม+) ผมลองค้นข้อมูลเรื่องต้อหินแล้วคร่าวๆพบว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดต้อหินไม่ใช่การใช้ PC โดยตรง (เหมือนที่ จขกท โพสล่ะครับ) ผมเลยเลิกสนใจเรื่องนี้ไปเลย แต่จะมีถึง 10% ของคนอ่านกระทู้หรือเปล่าที่ตั้งใจจะตรวจสอบข้อมูลก่อนโดยไม่วิตกหรือรีบไปพบแพทย์ ผลเสียของการโพสกระทู้แบบไม่มีอ้างอิงที่เชื่อถือยืนยันได้ มันกระทบต่อคนจำนวนมากและร้ายแรงมากนะครับ ถ้าโพสเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงแล้วข้อมูลไม่สามารถตรวจสอบหรืออ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แล้วทำคนอื่นมานั่งวิตกหรือเป็นทุกข์เนี่ย สุดบรรยาย แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 14:24:16 จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 14:02:21

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านแว๊บ ๆ แอบกังวล แต่ยังไม่ว่างพอที่จะอ่านทั้งหมด รอดูต่อไป แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 52 14:18:21 จากคุณ : มุนีน้อย เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 14:16:05

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณคุณ tachycardia สำหรับความรู้ที่มีประโยชน์ จากคุณ : มีดปลายแหลมในความมืด เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 14:17:10

ความคิดเห็นที่ 48 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 14:41:20

ความคิดเห็นที่ 49 #18 ตกคุกกี้หลงป่าไปนะครับ จากคุณ : B@@M เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 15:39:53

ความคิดเห็นที่ 50   ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง  ไม่ได้เข้าข้างใคร ปัจจับันเป็นยุคโรคแห่งข้อมูล  บางครั้งมันก็มีมากเกินไปจนทำให้สับสน ผมชอบเรียกว่าโรคข้อมูลท่วม ปัจจุบัน ทางการแพทย์รู้เกี่ยวกับโรคและรักษาได้จริงอธิบายได้อย่างแจ่มชัดจริงๆ มีไม่ถึง 60 %(เป็นคำพูดที่อาจารย์แพทย์สอนต่อมา) ซึ่งเป็นเป็นความคิดที่ผมเห็นด้วย โดยส่วนตัว หากผู้ป่วยเป็นคนที่มีความรู้ พอที่จะเข้าใจอะไรได้ หมอเป็นเป็นเพียงคนให้ข้อมูล คนที่ตัดสินใจว่าจะเอา จะทำ จะรักาาอย่างไร ขึ้นกับผู้ป่วย การรักษาอะไรก็ตามหากมีผลดีต่อผู้ป่วยทั้งระยะสั้นและระยะยาว ถึงแม้มันเสี่ยงต่อการ malpractice(ณ เวลาปัจจุบันแต่ไม่ผิดกฎหมาย) หากผู้ป่วยทราบทั้งผลดีผลเสีย และยินยอมให้ทำ  ผมก็ทำให้ครับ ตอนเป็นหมอ จบใหม่---------------------จะทำตรงตามหลักวิชาแต่ ตอบโจทก์การรักของผู้ป่วยไม่ได้ เมื่อจบมาหลายปีจึงเข้าใจของคำว่า                            ใบประกอบโรคศิลป ถึงตรงนี้ผมอยากเพียงบอกว่า การทำอะไรก็ตามหากไม่มีหลักวิชามารองรับ ผู้ป่วยต้องยอมรับผลที่ตามมา(เป็นตัวทดลองเอง) ซึ่งจริงๆแล้วอาจเป็นการ กระทำที่ถูก หรือผิดก็ได้ ผมของยกตัวอย่างของหมอท่านนี้ที่เสียชีวิตไปแล้ว(เครดิตจากคุณ Burawat T. แห่ง TCC ) Ignaz Philipp Semmelweis   เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1818 ที่เมือง Budapest ประเทศฮังการี เขา เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยโดยเป็นลูกคนที่ 5 จากทั้งหมด 10 คนของ Jozsef Semmelweis (1778 – 1846) และ Terezia Mueller Semmelweis ค.ศ. 1837 เขาเข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งกรุงเวียนนา  แต่ปีต่อมาก็เปลี่ยนไปเรียนแพทย์และจบในปี ค.ศ. 1844 เนื่อง จากไม่ได้รับตำแหน่งด้านอายุรศาสตร์  เขาจึงตัดสินใจไปเป็นสูติแพทย์แทน  โดยเริ่มต้นเป็นผู้ช่วยของ Johann Klein (1788 – 1856) ศาสตราจารย์ด้านสูติศาสตร์ที่ Vienna General Hospital ประเทศออสเตรียเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1846 ที่นี่มีหอผู้ป่วย หลังคลอดอยู่ 2 ตึก  เขาสังเกตว่าตึกแรกที่ใช้สำหรับสอนนักเรียนแพทย์นั้น  ผู้ป่วยมีไข้หลังคลอดและอัตราการตายสูงถึง 13.10%  ขณะอีกตึกที่ใช้สำหรับสอนพยาบาลผดุงครรภ์มีอัตราการตายเพียง 2.03%  เขาตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากการศึกษาเขาพบว่าความแตกต่าง อยู่ที่นักเรียนแพทย์ต้องเข้าเรียนวิชาชันสู ตรศพก่อนจะมาตรวจผู้ป่วยในตึก  ขณะที่พยาบาลผดุงครรภ์ไม่ต้องเรียนวิชานี้  เขาจึงสันนิษฐานว่ามีอะไรบางอย่างจากศพเป็นสาเหตุของไข้ในหญิงหลังคลอด  แต่ตอนนั้นเขาไม่มีหลักฐานยืนยัน เกิดเหตุบังเอิญขึ้นในปี ค.ศ. 1847  เพื่อนร่วมงานที่ดีของเขาชื่อ Jakob Kolletschka (1804 – 1847) ขณะผ่าชันสูตรศพหญิงที่เสียชีวิตจากไข้หลังคลอด  มีดผ่าตัดของนักศึกษาเกิดทิ่มที่นิ้วมือเขา  ต่อมาเขาป่วยเป็นไข้อาการคล้ายคลึงกับผู้ป่วยไข้หลังคลอดและเสียชีวิตในที่ ส ุด  ผลการชันสูตรศพ Kolletschka พบว่ามีลักษณะเหมือนกับผลการชันสูตรศพหญิงที่เสียชีวิตจากไข้หลังคลอด  นับเป็นหลักฐานที่สนับสนุนความคิดของ Semmelweis  เขาจึงออกนโยบายให้มีการล้างมือหลังเรียนชันสูตรศพก่อนจะเข้าไปในตึกผู้ ป่วย   และเมื่อตรวจผู้ป่วยเสร็จต้องล้างมือก่อนจะเข้าไปตรวจผู้ป่วยรายต่อไป  ปรากฏว่าอัตราการตายลดลงจากเดิมมากและบางเดือนเป็นศูนย์เลย Semmelweis ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล (Nosocomial infection)  แต่น่าเสียดายคนส่วนใหญ่ที่นั่นไม่เชื่อทฤษฎีเชื้อโรคจึงไม่มีใครทำตามแถม ยั งต่อต้านอีกด้วย   ในที่สุด ค.ศ. 1850 เขาจึงย้ายออกจากกรุงเวียนนา กลับไปทำงานในโรงพยาบาลที่ Budapest บ้านเกิดของเขาเอง  แม้นโยบายการล้างมือของเขาสามารถลดอัตราการตายในหญิงหลังคลอดของโรงพยาบาล แห ่งนั้นเหลือเพียง 0.85%  แต่ทฤษฎีของเขาก็ยังคงถูกต่อต้าน ค.ศ. 1857 เขาแต่งงานกับ Maria Weidenhoffer (1837 – 1910) บุตรสาวของพ่อค้าผู้ประสบความสำเร็จใน Pest (เมือง Budapest มีสองส่วนคือ Buda กับ Pest) ค.ศ. 1861 เขาตีพิมพ์หนังสือชื่อ “Die Aetiologie, der Begriff und die Prophylaxis des Kindbettfiebers (The Cause, Concept and Prophylaxis of Childbed Fever)” แต่ไม่ได้รับความสนใจ  ต่อมา Semmelweis เริ่มแสดงอาการของโรคซึมเศร้า   อาการโรคซึมเศร้ากำเริบหนักจนวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1865 ตจแพทย์ชาวออสเตรีย Ferdinand Ritter von Hebra (1816 – 1880) ต้องหลอกล่อพาเขาเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช  เขาพยายามหลบหนีออกจากโรงพยาบาลจึงถูกยามหลายคนตี  เขาถูกใส่ straitjacket และอยู่ในห้องมืด  แผลที่ได้รับบาดเจ็บเกิดอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเดียวกับที่เป็น สาเหตุ ของไข้หลังคลอด   สองสัปดาห์ต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1865 เขาก็เสียชีวิตจากเชื้อโรคที่เขาพยายามหาทางป้องกันมาตลอดชีวิต จากคุณ : ethic&philosophy เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 16:40:36

ความคิดเห็นที่ 51   แต่กรณีนี้โดยส่วนตัว ผมว่ามันเสี่ยงและล่อแหลม เกี่ยวกับการโฆษณาวิชาชีพอย่างมาก เลยครับ จากคุณ : ethic&philosophy เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 16:51:52

ความคิดเห็นที่ 52 แหม พี่สมเกียรติไวจริงๆเลยนะครับ หุๆ จากคุณ : MDcute เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 16:55:30

ความคิดเห็นที่ 53 โหวตครับ ความจริงปรากฏ แบบนี้ ดีครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 17:15:50

ความคิดเห็นที่ 54 อืม ดีเลย  เชียร์คุณหมอtachycardiaด้วยคนค่ะ ที่เราพอรู้มาบ้าง  มันก็ไม่เกี่ยวกะเล่นคอมอ่ะ   งงเลย แต่ก็ไม่คิดอะไร  นึกว่าเป็นเรื่องใหม่  ๆ  แต่ก็ไม่ค่อยเชื่ออยู่ดีอ่ะค่ะ แต่พอคุณหมอtachycardia  ออกมาบอก  เราเริ่มคิดว่า คนในวงการแพทย์ก็แปลก  ๆ  หลาย  ๆ  คนแฮะ  เฮ้อ กำ จากคุณ : Fluoxtine เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 18:25:06

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาดู.. จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 20:42:11

ความคิดเห็นที่ 56 ตามเข้ามาอ่าน และตะหงิดๆแล้วตั้งแต่กระทู้โหวตแรกที่ไม่หล่นสักที อีกอย่างคือ ทำไมต้องนวดตา และมีคนที่อ่านกระทู้นั้นไปหาหมอคนนี้ตลอกเลย ทำไมไม่แนะนำให้ไปตรวจตากับจักษุแพทย์ปกติธรรมดา ทำไมต้องโฆษณาทั้งโรงพยาบาลที่ไปตรวจมา และสุดท้ายชื่อหมอที่รักษา ผมตั้งข้อสังเกตไว้ตั้งแต่แรกในใจว่า อาจมีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝง เพราะเห็นผลลัพธ์ที่ได้คือ มีคนไปหาหมอคนนี้มาก แต่ก็ไม่กล้าค้านกระแสครับ ปล.คุณหมอ tachycardia สู้ๆนะครับ ขอบคุณที่กล้าค้านกระแสโดยไม่กลัวอะไรใดๆ ถ้าสิ่งที่ทำนั้นมันทำให้คนที่เข้าใจผิดกลับมาเข้าใจใหม่อย่างถูกต้องครับ จากคุณ : Athlons เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 21:18:00

ความคิดเห็นที่ 57 ปล.เข้ามาบอกอีกครั้งว่า วันนี้ผมไปหาจักษุแพทย์ขยายม่านตามา(ก็ผลพวงจากกระทู้แนะนำนั่นแหล่ะ เลยกลัวๆ) หลังจากที่เคยตรวจแล้วเมื่อปี 47 ครับ ส่วนผล ของผมปกติครับ จอประสาทตาปกติดี จากคุณ : Athlons เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 21:27:06

ความคิดเห็นที่ 58 กระทู้ต้นเรื่อง อ่านไปแล้ว แอบกังวลๆแต่ก็ยังมีนิสัยเหมือนเเดิม เล่นหรือใช้งานเป็นปกติๆ กระทู้อยู่นานมากกกก จนไม่ได้สนใจเลย จนมาวันนี้เพิ่งจะสนใจและคลิ๊กเข้าไปดู เค้าไปกันถึงโน่นแล้วอ่ะ ขอบคุณค่ะ จขกท. ทำให้กระจ่างขึ้นมา สู้ๆนะคะ คุณ tachycardia แอบเชียร์ๆ   จากคุณ : fungjai เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 22:23:59

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณ คุณหมอมากครับ ที่เข้ามาให้ข้อมูล เข้ามาห้องนี้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้อ่านกระทู้แนะนำอันนั้น เพราะเคยได้อ่านเรื่องต้อหินจากคอมพ์ มาบ้างแล้วจากอีเมลย์ หรือ เวบบอร์ดอื่น เลยคิดว่าน่าจะข้อมูลเดิม บอกตามตรงครับ ได้ยินครั้งแรกก็เครียดเหมือนกัน เพราะต้องทำงานหน้าคอมพ์ตลอด (เป็นโปรแกรมเมอร์ครับ) แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกแปลกๆ เพราะที่บริษัืทผม ก็มีคนที่้ต้องทำงานหน้าคอมพ์แบบผมอยู่เยอะ แล้วเค้าก็ทำมาก่อนผมซัก 20 ปีได้ เป็นรุ่นบุกเบิกของวงการคอมพ์ก็ว่าได้ รวมทั้งที่อเมริกา ก็มีโปรแกรมเมอร์ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพ์ มาก่อนประเทศไทย หลายสิบปี และจอคอมพ์สมัยก่อน ก็แย่กว่าปัจจุบันเยอะ ถ้าใช้คอมพ์เยอะแล้วมันทำให้เกิดได้จริง ทำไมอเมริกา อังกฎษ ยุโรป ญี่ปุ่น ถึงยังไม่มีปัญหานี้รายงานออกมา ทั้งที่ใช้คอมพ์ มาก่อนไทยหลายสิบปี โดยเฉพาะ อาชีพโปรแกรมเมอร์อย่างผม ทำกันมาหลายสิบปีแล้ว มีคนในทีมผมที่อายุเกิน 50 หลายคนที่ทำด้านนี้มาตั้งแต่หนุ่ม ตอนนี้ก็ยังนั่งทำงานหน้าคอมพ์อยู่ ก็ไม่เห็นเค้าจะมีปัญหาอะไรนะครับ จริงๆก็อย่างที่หมอบอกนะครับ การจ้องจอคอมพ์นานๆ มันคงต้องมีผลเสียอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่ควรใ้ช้นานเกินไป แต่ก็ยังไม่ควรจะ วิตกกังวลเกินไป กะสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ผมเองก็จะพยายามใช้คอมพ์ให้น้อยลงเหมือนกัน แต่ก็ยากเหมือนกัน เพราะงานที่ทำต้องใช้คอมพ์ตลอด ป.ล. ตอนแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ ซักปีได้แล้วมั้งครับ ก็วิตกเหมือนกัน ตอนนั้นมีบางแว๊บ ที่เคยคิดว่าในระยะยาวอาจจะต้องหางานใหม่เพราะไม่อยากเสี่ยง แต่ตอนนี้โล่งขึ้นเยอะ ขอบคุณหมอครับ ... จากคุณ : KoiZora เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 22:34:45

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณ คุณหมอtachycardia มากๆค่ะ  เห็นกระทู้มานานละ คิดว่ามั่วและเนียน แต่ไม่ได้จบจักษุแพทย์มา ไม่รู้จะเอาอะไรมายัน  ชื่นชมในความกล้าหาญและเป็นคนดี มีจริยธรรมของคุณหมอค่ะ จากคุณ : Happy autumn เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 22:35:11

ความคิดเห็นที่ 61 พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา มีคนเค้ากล่าวไว้ว่า อาชีพ แพทย์ เป็นอาชีพที่ เสี่ยงมาก เพราะว่า เส้นแบ่งระหว่าง ความดี กับ ความเลว มันบางนิดเดียวเอง จากคุณ : M$Phobia (M$Phobia) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 22:51:58

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ส่วนตัวเราเคยเข้าไปอ่านกระทู้นั้นครั้งนึงเพราะเห็นเป็นกระทู้แนะนำแต่ไม่ว่างเลย Bookmark ไว้ หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์มีคนส่งลิงค์กระทู้นั้นมาทางหลังไมค์ (ถ้าแค่นี้เราจะคิดว่าเค้าหวังดี) แต่มันดันมีต่อท้ายมาว่าช่วยกดโหวตให้กระทู้อยู่นานๆด้วยนะคะ เราก็เลยไม่เคยเข้าไปดูกระทู้นั้นอีกเลย แต่ทุกครั้งที่เข้ามาสวนลุมก็จะเห็นกระทู้นั้นยังคงเป็นกระทู้แนะนำอยู่ ซึ่งจากที่เราอ่านผ่านๆ เรารู้สึกว่าบางอย่างจากกระทู้นั้นมันไม่ค่อยจริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน เพราะตัวเราเป็นวิศวะ ไม่มีความรู้ด้านนี้มากนัก แฮะๆ ขอบคุณคุณหมอนะคะที่มาให้ความกระจ่าง จากคุณ : DoNuT_KiK เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 00:39:44

ความคิดเห็นที่ 63 ขอแนบรูปหลังไมค์ที่มีคนส่งให้ไปโหวตกระทู้นั้นค่ะ ซึ่งจริงๆเราไม่เคยรู้จัก login นี้มาก่อน แต่แค่ได้กลิ่นแปลกๆจากการส่งเราก็เลยส่งกลับไปบอกเค้าประมาณว่า คุณไม่ควรส่งมาให้โหวตนะคะ เพราะสิทธิในการโหวตกระทู้มันเป็นของเรา ไม่ใช่ส่งมาชวนโหวตทางหลังไมคฺประมาณนี้ เค้าส่งกลับมาขอโทษเราเลยไม่ติดใจอะไร แต่ก็ไม่เคยเข้าไปดูกระทู้นั้นอีกเลย ทั้งๆที่เป็นกระทู้เเนะนำที่ยาวนาน แล้วเราก็เข้าสวนลุมประจำ จากคุณ : DoNuT_KiK เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 00:57:08

ความคิดเห็นที่ 64 เราก็ได้หลังไมค์ให้ช่วยโหวตกระทู้เหมือนกันค่ะ (แต่ลบไปแล้ว อ่านปุ๊บลบปั๊บ) ตอนได้ก็งงๆอยู่ว่าเราเคยแจมทู้นั้นหรือเปล่าเนี่ย เลยมีคนส่งหลังไมค์มาให้ งงๆเหมือนกันว่าทำไมกระทู้ให้ความรู้นี่ต้องมีการให้ช่วยโหวตด้วยเหรอ ไม่ใช่ AF สักหน่อย แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมกระทู้นั้นถึงติดแนะนำนานจังทั้งที่เป็นกระทู้ให้ความรู้แท้ๆ (คือ เท่าที่เคยเห็นมากระทู้ให้ความรู้จริงๆจังๆ ต่อให้ติดแนะนำก็ไม่น่าติดมาราธอนนนานขนาดนี้ ยกเว้นเกิดประเด็นร้อนในกระทู้เข้า) เคยเข้าไปอ่านผ่านๆแต่ไม่ได้สนใจดูจริงจังน่ะค่ะ ยิ่งหลังๆมาเห็นกระทู้ยาวด้วยเลยขี้เกียจย้อนอ่านค่ะ จากคุณ : White Amulet เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 01:35:25

ความคิดเห็นที่ 65 อ่าน #56 และ #61 แล้วก็คิดว่า มีเส้นบางๆกั้นอยู่นิดเดียว ระหว่าง เพื่อนแนะนำเพื่อนด้วยความหวังดี ในการรักษาโรค และ หน้าม้าที่โฆษณาการรักษาโดยหมอหนึ่งๆในคลินิกหนึ่งๆ แต่ถ้าถึงขั้น pm ไปชวนใครๆให้โหวตเนี่ยะ น่าจะเป็นแบบที่สองมากกว่าแบบที่หนึ่งนะ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 06:45:11

ความคิดเห็นที่ 66 จากคห. 63...  ชียังไม่หยุด ! จากคุณ : Draconia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:31:29

ความคิดเห็นที่ 67 อื่มมม น่าคิดครับผมก็กลัวมากจากการอ่านกระทู้ก่อนๆที่ผ่านมา เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะมีอาการหลายอย่างที่คล้ายกับบุคคลผู้ซึ่งใกล้จะเป็นโรคนั้น เกือบจะไปรักษาจริงๆเสียแล้ว ติดตรงเวลาไม่ค่อยมี รวมทั้งตังค์ด้วย พอมาเจอกระทู้ต้องเบรคแล้วคิดอีกทีหนึ่งว่าจะยังไงดี บอกตามตรงว่าอยากตรวจครับ คิดว่าปล่อยไว้นานคงไม่ดีแน่ อย่างไรก็ตามขอความชัดเจนอีกทีนะครับ ขอบคุณครับ... จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:00:03

ความคิดเห็นที่ 68 ^ ^ ก็ลองไปตรวจ ร.พ.รัฐดูสิคะ ถูกด้วย ไม่ต้องไปหาหมอที่กำลังถกเถียงกันอยู่ จะได้สบายใจ เป็นกลาง จากคุณ : ศศิลักษณา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:13:31

ความคิดเห็นที่ 69 T-TprincecryT-TกับNongnue เเละเพื่อนๆเค้าเตี้ยมกันครับ ผมถึงบอกว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มหน้าม้า มีการประชาสัมพันธ์เเละมีผู้รับประโยชน์ชัดเจน พวกเค้าไม่เนียนหรอกผมให้เพื่อนร่วมงานอ่านเเรกๆก็ตื่นตกใจไม่กล้าใช้คอมกัน เเต่ถ้าดูดีๆ จะเห็นได้ว่ามั่วมาก เตี๊ยมกันยกเเก๊งครับ จากคุณ : ReMind Me เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:43:43

ความคิดเห็นที่ 70 เหอๆ  คุณremind me นี่น่าขำจริงๆนะครับ  ถ้าได้อ่านกระทู้ของผมดีดี จะ พบนะครับว่าผมก็เป็นคนที่มีอาการทางสายตา  ซึ่งก็ได้เคยไปพบแพทย์ท่าน อื่น ท่านอื่นก็บอกว่าปกติ มีเพียงอาการวุ้นในตาเสื่อม ซึ่งผมก็หาข้อมูล ต่างๆ จากอากู๋ ก็ไปเจอ อาการ17-18อย่างที่ได้พิมพ์ไป แล้วพอดีมันมี อาการของผมอยู่ด้วย ก็คือไอ้ที่มองเห็นจุดดำสลับขาวไปมาอะครับ  จากนั้น ก็หาต่อไปเจอกระทั้งเจอเวปของคุณหมอสมเกียรติ ผมก้ได้เข้าไปอ่านและ ได้ลองสุ่มโทรหาคนไข้ในเวปนั้นดูว่าเป็นยังไงบ้าง (อาการที่คุณจขกทที่ว่า มาว่า เป็นอาการของต้อหิน ผมก็ทราบดีครับ ว่ามีอะไรบ้าง อากู๋เค้าบอกมา) และจากการที่นำข้อมูลมาลงก้เพราะว่า อยากให้เพื่อนๆทราบกัน และไม่ ชะล่าใจไปครับ  ส่วนขอ้มูลของคุณtachycardia ผมติดใจเรื่องขั้วประสาท ฝ่อปกติคือ0.4อะครับ เพราะถ้าเป็นยังงั้นจริง ก็แสดงว่าคุณหมอสมเกียรติ อาจจะเป็นแบบที่คุณบอกไว้จริง ยังไงรบกวน ขอข้อมูลตรงนี้หน่อยนะครับ และอยากฝากถึงอาการของผมด้วยครับ ช่วยวินิจฉรัยให้ทีว่าเป็นโรคอะไร ครับ มีอาการมองเห็นจุดดำขาวสลับไปมา  คล้ายๆทีวีเวลาปิดสถานีนะครับ เวลามืดๆ จะเห็นเป็นม่านฝุ่นเต็มไปหมดเลยครับ จากคุณ : T-TprincecryT-T เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 12:48:18

ความคิดเห็นที่ 71 คือ ก็ไม่ได้อ่านตั้งแต่กระทู้แรกนะคะ เพราะชื่อหัวข้อกระทู้ ก็ไม่ทำให้เราสนใจแม้แต่น้อย เพราะคิดด้วยตรรกะง่าย ๆ คือ คนรอบตัวที่รู้จัก ทำงานกับคอมมาตั้งแต่มีคอมเข้ามาฮิตในเมืองไทยยุคแรก ๆ จนบัดนี้ ยังไม่ปรากฎว่ามีใครเป็นต้อหินจากการเล่นคอมเลยแม้แต่คนเดียว ที่สำคัญ เราเองก็ทำงานอยู่ในวงการแพทย์ คนที่ทำงานก็ต้องเจอแพทย์ทุกแขนงทุกสาขาอยู่ทุกวัน ยังไม่ปรากฎว่ามีใครได้ยินเรื่องนี้จากแพทย์ท่านใดเลย คุณหมอแต่ละท่านที่บริษัทเราต้องทำงานด้วย ก็เป็นระดับปรมาจารย์ของเมืองไทยแทบจะทั้งนั้น หลาย ๆ เรื่องที่พี่ ๆ ในออฟฟิศไปพูดคุยกับคุณหมอมา ก็มักจะมีการนำมาเล่าสู่กันฟังเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลสุขภาพ เพราะฉะนั้น สำหรับดิฉันแล้ว กระทู้แรกตกไป ไม่น่าอ่านตั้งแต่หัวข้อกระทู้แล้ว ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เพียงใด อันนี้ต้องแล้วแต่วิจารณญาณของบุคคลผู้นั้น ส่วนกระทู้นี้ เราเองก็ยังคงต้องดูกันต่อไปว่า อะไรจะเป็นไง แต่เดี๋ยววันจันทร์จะลองให้พี่ที่ออฟฟิศไปถาม ๆ คุณหมอที่รู้จักกันดู ว่าข้อเท็จจริงเป็นไง ถ้ากระทู้นี้ยังไม่หาย ดิฉันคงได้มาเล่าให้ฟังต่อ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 14:03:49 จากคุณ : boonrodjang เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 13:59:52

ความคิดเห็นที่ 72 คคห.70 เรื่องขั้วประสาทตา เราอธิบายไว้ในกระทู้ก่อนแล้วค่ะ ส่วนเรื่องอาการของคุณ เราก็เห็นด้วยว่าเป็นจากวุ้นตาเสื่อม ไหนๆคุณก็ search google มาตั้งเยอะแล้วน่าจะพอทราบว่าโรคนี้ ไม่หายขาด นะคะ และไม่ว่าจะพยายามคิดหาเหตุผลยังไง การนวดตาก็ไม่น่าจะช่วยด้วยค่ะ วุ้นตาเสื่อมเป็นโรคตามอายุ แต่คนสายตาสั้นอาจจะเป็นได้เร็วกว่าคนปกติ ส่วนใหญ่จุดดำๆพวกนี้มักไม่หายไป แต่คนไข้จะชินกับมันซะมากกว่า และไม่มีการรักษาค่ะ ยกเว้นว่ามีภาวะแทรกซ้อนเรื่องจอประสาทตาร่วมด้วย (จอประสาทตา (retina) ไม่ใช่ขั้วประสาทตา (optic disc) นะคะ) ฉะนั้น ถ้าเพิ่งเป็นและไม่เคยตรวจมาก่อน แนะนำให้ไปตรวจค่ะ แต่ในเมื่อคุณเคยตรวจแล้ว และปกติ ก็ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านี้ค่ะ ต้อหิน ไม่ได้วินิจฉัยจากอาการนะคะ คนไข้ที่มีอาการคือเป็นมากแล้ว หลักๆที่วินิจฉัยต้อหินก็ดูจากขั้วประสาทตานี่แหละค่ะ และอาจจะมีความผิดปกติของลานสายตาร่วมด้วย ความดันตามักจะสูง แต่อาจจะไม่สูงก็ได้ คือพวก Normotension glaucoma หรือ NTG ที่พูดกันเยอะในกระทู้ของคุณน่ะค่ะ กว่าจักษุแพทย์จะวินิจฉัยคนไข้คนหนึ่งว่าเป็น NTG ต้องตรวจหลายอย่างเลย โดยเฉพาะ ลานสายตา ความหนาของกระจกตา ตรวจความดันตาหลายๆครั้ง ถ้าพวกนี้คุณยังไม่ได้ทำ จะมาวินิจฉัย NTG ไม่ได้ค่ะ อธิบายไม่ได้ด้วยหลักวิชาการเลย จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:06:37

ความคิดเห็นที่ 73 ไหนๆก็ไหนๆ พูดเรื่องวุ้นตาเสื่อมสักหน่อยแล้วกัน เห็นถามกันเยอะมากๆ จากภาพ ส่วนของวุ้นตา หรือ vitreous คือของเหลวใสที่อยู่ในลูกตา พออายุมากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบทำให้ความหนืดของวุ้นตาลดลงจึงหลุดออกจากส่วนที่ยึดติดกับจอประสาทตา จึงเห็นเหมือนอะไรลอยไปมาในตา โดยทั่วไปเป็นการเปลี่ยนแปลงตามอายุ และมักไม่เป็นอันตรายอะไร แต่มีส่วนน้อย ประมาณ 10% ที่อาจพบรูที่จอตาร่วมด้วย ถ้ากรณีนี้ต้องเลเซอร์ค่ะ ดังนั้น จุดดำที่เพิ่งเกิดใหม่/มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีแสงแฟลชร่วมด้วย แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจหารูที่จอประสาทตาค่ะ ส่วนที่เป็นมานานๆแล้วก็มักไม่มีปัญหาอะไร และจะไม่หายไปค่ะ ส่วนใหญ่จะชินกับมันไปเองซะมากกว่า ขอบคุณ รูปจาก thaiclinic.com ค่ะ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:13:00

ความคิดเห็นที่ 74 ขออีกนิดค่ะ ไม่ใช่ขั้วประสาทตาฝ่อปกติ 0.4 ค่ะ แต่มันคือ ขั้วประสาทตาปกติ (normal optic disc) ค่ะ คือ normal anatomy แบบนี้ค่ะ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:17:14

ความคิดเห็นที่ 75 แต่ถ้าเป็นต้อหิน cup ตรงกลางจะใหญ่ขึ้น แบบนี้ถึงจะเรียกว่าฝ่อค่ะ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:18:18

ความคิดเห็นที่ 76 หงะ อาการของผมมันจุดขาวดำสลับไปมาอะครับ เวลามืดๆ จะเห็นเป็นม่านฝุ่นอะครับ เหมือนทีวีปิดสถานีอะครับ ซึ่งผมไม่ทราบว่ามันคืออาการของอะไรอะครับ   ส่วนวุ้นในตาเสื่อมรักษาไม่หายครับ แต่มันจะหายได้เองครับ  อันนี้เซิสได้ตามที่คุณหมอว่ามา แต่อาการของผม ผมเซิสไม่เจออะครับ เจอแต่ กระทู้รวม17-18อาการของคุณหมอสมเกียรติ สมัยก่อนผมก็เคยตั้งกระทู้อาการผมในสวนลุม นี่แหล่ะครับ แต่ไม่มีนายแพทย์ท่านไหนมาตอบเลย ก็เลยได้แต่เซิสกุเกิล ความดันตาตรวจแล้วจ้า เป็นปกติ ความหนาก็ปกติ แต่ลานสายตายยังไม่ได้ตรวจอะครับ ตรวจแต่ไอ้กลมๆดำๆมาปิดตาแล้วมีรูตรงกลางอะครับ ส่วนเรื่องขั้วประสาทตาฝ่อที่เป็นปกติ อะครับ อย่างที่ได้ถามไปที่หลังไมค์อะครับว่า ช่วงของคนปกติเป็นเท่าไหร่ เพราะถ้ามันเป็นปกติในช่วง0.4 แสดงว่าผมเข้าใจผิดและนำมาบอกเพื่อนผิดด้วยครับ เพราะตอนแรกที่เข้าใจก็คือ มีขั้วประสาทตาฝ่อ+กับอาการ18ข้อ อะครับถึงเข้าข่ายต้อหิน   ว่าแต่พอมีรูปเปรียบเทียบ ของคนปกติกับไม่ปกติให้ดูไหมครับ อยากดูแบบชัดๆนะครับ ปล.อาการของผมมันคือวุ้นในตาเสื้อมแค่นั้นจริงหรอครับ มันจุดดำขาวเต็มตาเลยนะครับเวลามองมืดๆนี่ เห็นเป็นม่านฝุ่นเต็มไปหมดครับ  (วุ้นในตาเสื่อมมันจะลอยไปลอยมา แต่นี่มันอยู่กับที่อะครับ) อาการอีกอย่างชวงนี้คือ เล่นคอมไม่ได้นานครับถ้าใช้crt จะเล่นได้ประมาณ2ชม ถ้เป็นlcd ก็5ชม+สบายๆครับ  สมัยก่อน crt จ้องได้เป็นวันครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : T-TprincecryT-T เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:29:41

ความคิดเห็นที่ 77 ถึงT-TprincecryT-T อ่านดีๆใครก้อเหนครับว่ากำลังเตี๊ยมเเละโฆษนา ลองไปอ่าน คคห51 56 59 60 63 64 65 66 เปนต้น เเล้วก็สำนึกเถิด ว่าทุกคนเค้ารู้ความจริงเเล้ว เวลาแก้ตัวก้อชอบแถ วนเวียนไปมา จริงไม่จริงก้ออ่านกันดูทั้งหมดละกัน พวกคุณนะ หน้าเเตก เเล้ว จากคุณ : ReMind Me เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:35:17

ความคิดเห็นที่ 78 มาลงชื่อใน 1 ที่ได้หลังไมล์มา เข้ามาดูใน link แบบผ่านๆ ไม่ได้ซีเรียสหรือจริงจังอะไร ผมยังงงๆ อยู่ ทั้งที่ไม่ได้สุงสิงห้องนี้แต่ได้หลังไมล์มาอ่ะ จากคุณ : Wish You Were Here เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 15:40:13

ความคิดเห็นที่ 79 ทำไมไม่แนะนำให้ไปตรวจตากับจักษุแพทย์ปกติธรรมดาหน่ะเหรอครับ ทำไมใครมีปัีญหาสายตาต้องหมอสมเกียรติเท่านั้นหน่ะเหรอครับ ก็เพราะจักษุแพทย์คนอื่นวินิจฉัยไม่ได้เหมือนหมอสมเกียรติ ไม่สุดยอดเท่าหมอสมเกียรติไงครับ เอ้า เฮ............................................................ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 15:49:31 จากคุณ : MDcute เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 15:44:11

ความคิดเห็นที่ 80 เป็นกำลังใจให้ คุณtachycardia ด้วยอีกคนค่ะ เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เวลาไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นอะไรก็ต้องเชื่อทั้งนั้นแหละค่ะ บอกให้เรารักษาอย่างไงก็ต้องทำค่ะ จะถามมากก็ไม่กล้ากลัวหมอรำคาญ เฮ้อเหนี่อย (ขอโทษนะคะแอบบ่น) เพราะฉะนั้นดูแลสุขภาพตัวเองแล้วกัน จากคุณ : พรางฟ้า เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 15:50:46

ความคิดเห็นที่ 81 มาเป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : แดง สุขุมวิท เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 15:55:20

ความคิดเห็นที่ 82 เลิกกังวลสักที เพราะใช้คอมทุกวัน เช้ายันเย็น จากคุณ : ใบม่อนขาว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 16:45:49

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ MDcute เนี่ย จะเป็นหมอที่น่ารักมากกว่านี้ ถ้าคุณใช้คำพูดที่ดีกว่านี้อีกหน่อย และไม่คิดว่า คนอื่นโง่ไปมากกว่าคุณครับ (อ้างอิงจาก คห.4) จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 16:52:26

ความคิดเห็นที่ 84 ครับผม คุณ pittboy2603 หวังว่าจะได้มาเป็นลูกค้าผมนะครับ 555 จากคุณ : MDcute เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 17:11:13

ความคิดเห็นที่ 85 ขอถามว่าคุณ T-TprincecryT-T อายุเท่าไหร่คะ อาการต้อหินถึงมาหาคุณไวจัง จากคุณ : DoNuT_KiK เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 17:45:33

ความคิดเห็นที่ 86 Retinal Detachment กับ Glaucoma อาการมันต่างกันอยู่นา... จำได้ว่า รายการอโรคาปาร์ตี้ ก็เห็นเอามาออกอยู่นิ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 18:04:50

ความคิดเห็นที่ 87 จิ้มไป คุณ Remind Me คุณนะล่ะที่หน้าแตก  ที่คุณเชื่อเป็นจริงจังว่าผมเป็นหน้าม้า ตลกดีครับ   จิ้มไปที่คุณ DoNut_KiK อายุ28ครับ   อาการที่ผมมีก็คือมันจะ มองเห็นจุดดำขาวสลับไปมาอะครับ คล้ายๆสมัยก่อนเวลาทีวีปิดสถานีอะครับ ถ้ามีแสงสว่าง มองไปที่ขาวๆ มันจะเห็นดำๆอะครับเต็มไปหมดเลย ไม่ใช่วุ้นในตาเสื่อมนะครับ ไอ้นั่นก็มีบ้างๆ แต่ไอ้ที่เป็นตลอดก็คือ จุดดำขาวสลับไปมานี่ล่ะครับ ถ้าเวลามืดๆไม่มีแสงจะเห็นเป็นม่านฝุ่นเลยครับ ส่วนอาการที่เกิดน่าจะมาจากสมัยก่อนติดเกมออนไลน์ครับ เล่นวันละ10ชม+ จอcrtเสียด้วย แถมปกติชอบปิดไฟเล่นครับ +กับปัจจัยเสี่ยง ความดันโลหิตสูง สมัยก่อนสูง150+ได้ครับ ช่วงนี้ดีหน่อยออกกำลังกายเหลือ140นิดๆ (แต่ไม่อ้วนน้า 173 66)  แต่ชักไม่แน่ใจสะล่ะ เดี๋ยวจะต้องหาข้อมูลอีกสักพักอะครับ เพราะเรื่องขั้วประสาทตาที่คุณหมอสมเกียรติแกบอกมาของผมกับขอ้มุลที่ได้ปรึกษากับคุณหมอ tachycardia ค่อนข้างสวนทางกันอะครับ เดี๋ยวจะลองถ่ายรูปขั้วประสาทตาแล้วให้หมอหลายๆที่ลองวิเคราะห์กันดู และไปชี้ชัดขอคำตอบแบบเต็มตัวว่า ไอ้จุดขาวดำสลับไปมามันเป็นอะไรกันแน่ เพราะหาในอากู๋ก็จะมีแต่อาการ18ข้อของคุณหมอสมเกียรติอะครับ จากคุณ : T-TprincecryT-T เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 18:12:04

ความคิดเห็นที่ 88 ^ ^ ไม่ใช่แพ้แสงหรือครับ การใช้คอมนานๆ ยิ่งเสี่ยง ถ้าหากมีอาการสายตาสู้แดดไม่ได้.. จะมีตาพร่า น้ำตาไหลหรือเคืองตา ก็ยิ่งชัด.. จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 18:14:33

ความคิดเห็นที่ 89 จิ้มไปที่คุณ หมอก้อนหิน ถ้านอนเกิน6ชมจะไม่เป็นอะครับ  แต่ถ้าผมนอนน้อยกว่า6ชม. วุ้นในตาเสื่อมนี่ออกมาให้หรึ่มเลยครับ + กับมองท้องฟ้าไม่ได้เลย จ้ามาก ตาจะหยีเองอะครับ แต่ไอ้จุดขาวดำนี่ มันมาตลอดศกเลยครับ ถ้าอธิบายให้เห็นชัดก็ เหมือนสถานีตอนปิดอะครับ มันจะขาวดำเต็มไปหมดเลย ถ้ามืดๆ ก็จะเห็นเป็นกำแพงฝุ่นเลยอะครับ ไม่ใช่จุดสองจุดนะครับแต่ เต็มพื้นที่ที่มองไปเลยครับ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งด้วยนะครับที่ผมค่อนข้างเชื่อตอนที่หมอแกบอกมาเพราะว่า ผมไปเช็คทีอื่นมาก็บอกปกติอะครับ มีแค่วุ้นในตาเสื่อมเอง แต่อาการผมมันมีไอ้จุดขาวดำนี่ดิครับ ที่มันไม่หายไปเลย จากคุณ : T-TprincecryT-T เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 18:28:30

ความคิดเห็นที่ 90 ไอ้นี่ใช่ไหมครับคุณหมอ tachycardia พอดีเซิสไปเซิสมาแล้วบังเอิญเจอลิ้งนี้อะครับ   http://www.rcopt.org/download/Optic%20nerve%20evaluation%20in%20glaucoma%20Priest%20hospital.pdf 3.Cup-disc ratio < 10 % of normal population had c/d>0.5 < 5 % of normal population had c/d > 0.6 Jonas et al average normal vertical c/d 0.42 ( 0-0.79) average normal horizontal c/d 0.50 (0-0.84) OHTS vertical cup-disc ratio > 0.5 is predictive of glaucoma จากคุณ : T-TprincecryT-T เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 19:29:23

ความคิดเห็นที่ 91 ^ ^ จิ้มไปที่ 89 เรามักจะเป็นเวลามองจ้องทีวีนานๆอะ พอไปมองที่อื่นที่มันขาวๆมันเหมือนเป็นสีดำๆ (แต่ถ้าสังเกตดีๆมันเป็นภาพติดตาอะ) แต่มันไม่เป็นจุดแหะ แค่เหมือนเป็นเงาๆ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 20:06:29 จากคุณ : ข้าวปั้นหน้าไข่กุ้ง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 20:05:44

ความคิดเห็นที่ 92 ของผมมันไม่ใช่ภาพติดตาอะครับ ไม่ว่าจะทำอะไรยังไงก็เห็นอะครับ แล้วแต่หลับตายังเห็นเป็นจุดขาวๆเต็มไปหมดเลยครับ เป็นจุดน้า ไม่ใช่แสงไฟเน้อ จากคุณ : T-TprincecryT-T เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 20:07:40

ความคิดเห็นที่ 93 อืม เห็นชอบหลังไมค์มาให้โหวตเป็นกระทู้แนะนำ ไม่รู้ต้องการอะไรเหมือนกัน จากคุณ : Bluedonut เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 21:32:51

ความคิดเห็นที่ 94 แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ทำไมตรงใจแบบนี้หนอ นึกอยู่เชียวว่ากระทู้นั้นทำไมนานจังฟระ ทั้งๆที่กระทู้ร้อนแรงกว่านี้ยังไปไวเลยอะ จากคุณ : Angel in Big City เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 22:12:17

ความคิดเห็นที่ 95   อยากให้คุณหมอสมเกรียติมาตอบในกระทู้นี้ครับ ไม่ต้องไปตอบที่อื่น อยากรู้ครับ คนทั่วไปจะได้รู้ได้ทราบกัน ว่าอาการที่เป็นมันเกิดจากอะไร รักษายังไง เคลียร์หน่อยครับผม จากคุณ : unap ณ เมืองตาก เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 22:41:13

ความคิดเห็นที่ 96 หากอาการต้อหิน เกิดจากการเล่นคอมจริง เราขอเดาว่า..... ซักวันบิล เกท ต้องเป็นต้อหินแน่ๆ!! และเหล่าพนักงาน Programmer อย่างของMicrosoftหรือบริษัทอื่นๆอีก ต้องเป็นต้อหินกันทั้งบริษัทชัวๆร์! จากคุณ : Pon Pon Pata Pon! เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 02:03:26

ความคิดเห็นที่ 97 เสต๊ปคุ้นๆ จากคุณ : ไทยไทย เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 08:55:56

ความคิดเห็นที่ 98 คุณนพ.สมเกียรติ (somkiatoo) เมื่อวันที่ 06 Aug 2009 หลังจากเจ้าของกระทู้ตั้งกระทู้เรื่องข้อเท็จจริงเรื่องต้อหินที่เป็นกระทู้ที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ ดิฉันเข้าไปในเวปไซด์ของคุณเพื่อจะ Copy ชื่อผู้วิจัยชาวญี่ปุ่นที่คุณเอางานวิจัยเขามาอ้างอิงความคิดคุณ ดิฉันยังไม่เห็นคำแถลงของคุณเลย คืนวันที่ 07 Aug 2009 เวปคุณเข้าไม่ได้ หลังจากเข้าได้ ก็มีคำแถลงออกมารวมทั้งเริ่มอ้างอิงผู้วิจัยต่างประเทศท่านใหม่ที่ไม่เคยอ้างถึงมาก่อน และใช้คำว่า การคิดค้นส่วนตัว แต่ไม่บอกรายละเอียดใดๆ จะให้ดิฉันเอาข้อมูลรายละเอียดมาโพสแบบเดียวกับนักวิจัยชาวญี่ปุ่นอีกไหมคะ ว่าตกลงแล้ว ที่คุณอ้างว่า จากประสบการณ์การคิดค้นส่วนตัวร่วมกับ.....ค้นพบว่าระบบไหลเวียนของเลือดเป็นสาเหตุสำคัญของต้อหิน มันมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ดิฉันติดใจตรง Last date 6 Feb 2009 นี่แหละค่ะ เพราะ 06 Aug 2009 มันยังไม่มี ป.ล. ขณะนี้เวปนั้นเข้าไม่ได้ชั๋วคราวอีกแล้วค่ะ แต่ดิฉันsave หน้าเวปไว้ตั้งแต่วันที่ 6 แล้ว ไม่ลงลิงค์นะคะ ไม่ต้องการช่วยใครโฆษณาค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 52 09:05:30 จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 09:04:52

ความคิดเห็นที่ 99 ลืมรูปค่ะ จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 09:07:06

ความคิดเห็นที่ 100 มาติดตามความเคลื่อนไหว  ขอบคุณ คุณหมอtachycardia มากนะคะ ที่ช่วยชี้แจงข้อสงสัยให้ทราบ  เพราะทีแรกก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่เหมือนกัน จากคุณ : ด้วยดินสอและน้ำตา เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 10:16:10

ความคิดเห็นที่ 101   ขอนิดหนึ่ง จากเรื่องนี้ชวนให้คิดว่า อีกหน่อย ต้องระวังข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตให้มากๆ ส่งแววว่าจะมีข้อมูลผิดๆ เพื่อการโฆษณาเป็นจำนวนมาก พวก forward เมล์ก็อีก ... เยอะเหลือเกิน ไม่รู้เรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง ตย. การล่อลวงที่อาจเกิดต่อไป อาจมีคนกลุ่มหนึ่งตั้งว่าไข่สามารถรักษาโรคกระดูกได้ แล้วไปโพสๆๆๆๆๆๆๆ คน search เจอมากๆเข้านึกว่าเรื่องจริง กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ ข่าวลือเยอะจริงหนอ ถึงเวลารึยังที่สังคมไทยต้องพิจารณาข้อเท็จจริงมากกว่าคำว่า "เขาว่า" อย่างที่แล้วมา ขอบคุณ "คนพันธ์ทิพย์" ที่ตามล่าความจริง (ล่าสุด นาธาน โอมาน) ก็ฝากกันไว้ ... เป็นหูเป็นตา ช่วยกันนะ ท้ายสุดขอบคุณ จขกท ... ที่นำความจริงมาตีแผ่ให้รับรู้ ทำดีได้ดี ... แม้อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด ทำดี ... ก็ดีแล้ว เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : เจเลเป้ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 11:16:14

ความคิดเห็นที่ 102 http://74.125.153.132/search?q=cache:kfpqOkgf53QJ:www.geocities.com/glaucomathai/+%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th จากคุณ : airtime เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 11:22:57

ความคิดเห็นที่ 103 แบบนี้น่ะเหรอ ได้เยอะเลย จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 11:42:53

ความคิดเห็นที่ 104 ลืมรูปซะงั้น จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 11:43:25

ความคิดเห็นที่ 105 เรื่องความเชื่อของคนเป็นเรื่องที่แก้ให้เชื่อตรงกันยากมากครับ ไม่งั้นเราคงไม่ได้ยินข่าวคนตีกัน ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง ศาสนา เป็นต้น ขอบคุณ คุณ tachycardia ที่ได้เข้ามาให้ความเข้าใจที่ถูกต้องครับ อย่างน้อยคนที่เค้าอ่านที่คุณเขียน เค้าก็มีวิจารณญาณ ที่จะเอาไปใช้ต่อเอง ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรรมที่แต่ละคนทำมา เราจะไปให้เค้าเลิกเชื่อ เลิกทำแบบเราคงไม่ได้ ก็ต้องอุเบกขา ครับ ทุกอย่างที่คุณทำ ทำดีแล้วครับ ผมเห็นด้วย จากคุณ : Pitor (pitor) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 12:01:24

ความคิดเห็นที่ 106 มายืนยันอีกคนว่าได้หลังไมค์ เห็นปุ๊บ "ลบทันที" จากคุณ : Assasin Lady เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 13:54:30

ความคิดเห็นที่ 107 ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอ tachycardia ค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณนพ.สมเกียรติมาชี้แจงเพิ่มเติม  เพื่อตอบข้อสงสัยในประเด็นกระทู้ เพื่อความชัดเจนในทางวิชาการ  เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ   และเป็นประโยชน์แก่พวกเราในที่นี้ค่ะ จากคุณ : dreamin เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 14:46:44

ความคิดเห็นที่ 108 ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ และทุกความเห็นนะคะ ตอนที่มาตั้งกระทู้แรกแล้วเจอแบบนี้ เราก็เกือบจะท้อแล้วเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้กระแสความเชื่อผิดๆถูกเผยแพร่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว จริงๆก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ไม่ออกมาพูดแบบนี้ตั้งแต่ที่เห็นว่าเป็นกระทู้แนะนำ (น่าจะหลายเดือนแล้วนะ) ตอนนั้นเท่าที่อ่านผ่านๆ ก็รู้ว่าไม่จริง แต่ก็คิดว่าไม่ได้เสียหายอะไรมาก เพราะอย่างที่บอกว่าจริงๆการใช้คอมฯมากๆ มันก็ไม่ดีกับดวงตาของเราอยู่แล้ว บอกตรงๆว่าไม่อยากต้านกระแสให้เจ็บตัว เพราะคิดว่าเดี๋ยวกระทู้ก็คงตกไป เรามาอ่านกระทู้นั้นอีกทีเมื่อวันที่มาตั้งกระทู้ จึงได้มาเป็นภาพ ขั้วประสาทตาปกติ ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ต้อหิน ตอนนั้นก็อึ้งไปเหมือนกัน เลยคิดว่าว่าคงต้องอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจแล้วล่ะ เรื่องราวหลังจากนั้น เพื่อนๆคงได้เห็นในกระทู้แล้ว หลังจากนี้เราอาจจะไม่ได้ตอบกระทู้มาก เพราะคิดว่าได้พูดสิ่งที่อยากบอกไปหมดแล้ว  แต่ไม่ว่ายังไงเรายังเข้ามาในห้องนี้ (และกระทู้นี้) เป็นระยะเพื่อติดตามเรื่องอยู่และจะส่งไปยังแพทยสภาในเร็วๆนี้ค่ะ ถึงตอนนั้นจะมารายงานให้ทราบอีกครั้ง ขอบคุณเพื่อนๆอีกครั้งจริงๆค่ะ ที่ทำให้เราได้เห็นว่าอย่างน้อยสิ่งที่เราพยายามทำไป มันก็ไม่สูญเปล่า และยังได้รับน้ำใจดีๆจากเพื่อนในสังคมออนไลน์่ค่ะ จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 14:51:09

ความคิดเห็นที่ 109 อ๋อ  ความจริงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง จากคุณ : ButterVanilla เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 16:37:42

ความคิดเห็นที่ 110   เนื่องจากเรามีอาการปวดตา และมีอาการคล้ายเหมือน กระทู้แนะนำ ได้ไปหาหมอที่ Universitätsklinikum Münterล่าอาการให้คุณหมอฟัง ว่าเราสงสัยว่าเราจะมีอาการปวดตาจากการ เล่นคอมมาก เราื่อ่านเจอทางเน็ตอาการของเราคล้ายมาก เราสงสัยว่าจะเป้นตอหิน หมอบอกว่าอาการคล้ายเหมือน กระทู้แนะนำไม่เกี่ยวเลย จากการเล่นคอมมาก สรุปอาการของเรา ยังตรวจหาสาเหตุไม่พบ แต่คุณหมอวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะมาจากพันธุุกรรม ่ จากคุณ : Germany เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 17:41:53 A:79.241.101.96 X: TicketID:228037

ความคิดเห็นที่ 111 คุณนพ.สมเกียรติ (somkiatoo) ถ้ากรณีการเกิดต้อหินจากการใช้คอมมากๆ นี่ ผมว่าคุณหมอต้องตรวจ Mr. Fusion หน่อยครับแล้วชวนไปนวดๆๆ จากคุณ : หมอนกเขา (Nokkao) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 18:03:29

ความคิดเห็นที่ 112 ไม่เคยอ่าน กระทู้ต้อหินมาก่อนเลย เคยอ่านครั้งแรก ครั้งเดียวแบบผ่าน ๆ เลยไม่รู้อะไรมาก แค่สงสัยว่า ทำไมติดกระทู้แนะนำได้นานมาก มันมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยหรอ พอมารู้ว่า ทีการส่งหลังไมค์ให้ช่วยกดโหวตกระทู้ แบบนี้ ชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะครับ จากคุณ : zaxofone เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 19:13:34