ความคิดเห็นที่ 1 ปริ๊ดแตก เนี่ยน่าอายมาก ๆ นะครับ จากคุณ : Babbitry Boy เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 23:23:50

ความคิดเห็นที่ 2 ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองโป่ง&แตก ได้แก่ สูงอายุ(peak~50-60 ปี), เพศหญิง, การสูบบุหรี่, โรคทางระบบหัวใจหลอดเลือด(โดยเฉพาะ ความดันโลหิตสูง ที่มักไม่ยอมรักษา), การดื่มแอลกอฮอล์, ประวัติของการเกิดโรคนี้ในครอบครัว และเคยแตกมาก่อน คนปกติที่ไม่มีโรคอะไรซ่อนอยู่ โกรธ&ของขึ้นง่าย ไม่น่าจะทำให้อยู่ดีๆแตก ที่เขาพูดๆกัน น่าจะเป็นการเปรียบเปรยมากกว่า ถ้ามันโป่ง หรือกำลังจะแตก จะปวดรุนแรง ถึงขั้นสลบไปเลยครับ ส่วนที่โกรธแล้วเวียนหัว เป็นไปได้ไหมว่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เพราะสูบฉีดไปเลี้ยงมือกับเท้ามากกว่า 555+ จากคุณ : อามาคุสะ ริว เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 01:25:55

ความคิดเห็นที่ 3 ปัจจัยเสี่ยงตามที่ความเห็นสองว่าไว้เลยค่ะ . . คุณหมอที่จุฬาเคยเล่าให้ฟังว่า โรคนี้เหมือนเป็นระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ในสมอง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน คุณแม่ของเรา ท่านเป็นคนรักษาสุขภาพ เข้าคลาสฟิตเนสและเล่นโยคะกับเพื่อนทุกอาทิตย์ ไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ  ประวัติครอบครัวไม่มีใครเจ็บป่วยเป็นโรคอะไรร้ายแรง ชอบทานอาหารชีวจิต  กินผักเก่ง  ดื่มน้ำผลไม้สดเป็นประจำ  เป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น  และดูอ่อนกว่าวัยมาก .. .. แต่สุดท้าย ท่านก็เส้นเลือดในสมองแตกค่ะ  ..   เป็นเรื่องที่ทำให้ครอบครัวและคนรอบข้างช๊อคมาก มันไม่น่าจะเกิดได้ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว เคยมีเคสคนไข้เส้นเลือดในสมองแตกเพราะมีนิสัยชอบดัดคอ (ให้ดังกรอกแกรก เวลาเมื่อยๆ) ด้วยล่ะ -_-" จากคุณ : MollyJinx เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 08:32:36

ความคิดเห็นที่ 4 พระท่านว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ยังไงก็พยายามเอาธรรมะเข้าข่ม เวลาโกรธ ไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่าปรี๊ดบ่อย มันไม่ดีต่อตัวเองนะคะ เป็นห่วงจริงๆ เลย ปรี๊ด ปรี๊ด เนี่ย .. จากคุณ : มารุโกะจัง (กองกำลัง12วานร) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:22:05

ความคิดเห็นที่ 5 ปรี๊ด เมื่อไหร่ ให้พยายามนับหนึ่งให้ถึงร้อยเข้าไว้นะคะ จากคุณ : มารุโกะจัง (กองกำลัง12วานร) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:22:46

ความคิดเห็นที่ 6 ผมแนะว่า ให้ไปนวดแผนโบราณ ผ่อนคลายทั้งจิตใจและกาย  บางทีเพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้หัวเราตื้อๆ คิดอะไรไม่ออก จากคุณ : kamenriderkiva เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 13:24:24