9 เงื่อนไข ห่างไกล อ้วนบวมน้ำ

อาการตัวบวมๆ จนรู้สึกอึดอัด สามารถหยุด หรือ ลดลงได้ แต่มีเงื่อนไข 9 ข้อดังนี้
1.ตัวบวมๆ ท้องอืดๆ ช่วงมีประจำเดือน
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอาการท้องอืดหรือ ตัวบวมๆช่วงมีประจำเดือนเสมอ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากไม่สมดุลกันของฮอร์โมน เอสโตรเจน และ ไพรเจสเตอโรน ทำให้มีการกักเก็บของเหลวในร่างกายมากกว่าปกติ จึงทำให้มีอาการบวมน้ำและท้องอืดได้
จากการวิจัยถ้าคุณได้รับแมกนีเซียมเพียงวันละ 200 มิลิกรัม จะช่วยลดอาการท้องอืดได้เกือบ 50% แมกนีเซียมมีมากในอาหารประเภท ถั่ว เมล็ดทานตะวัน ผักโขม จมูกข้าว และ อโวคาโด

2.ดื่มน้ำให้มากๆ ลดอาการบวมน้ำได้
มีหลายต่อหลายคนคิดว่า ดื่มน้ำแล้วทำให้อ้วน หรือทำให้ตัวบวม ตรงกันข้าม คุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยลดระดับ และช่วยทำละลายของแปลกปลอมที่เข้าไปสู่ร่างกายของคุณได้ คราวหน้าถ้าเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ รู้สึกแน่นท้องอึดอัด ก็ต้องดื่มน้ำเข้าไปมากๆ น้ำจะช่วยทำละลายสารแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายเราได้

3. ลดอาหารเค็ม..ลดอาการบวมน้ำ
เนื่องจากในอาหารเค็ม จะมีโซเดียมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกลือเป็นเหมือนพระเอกในคราบผู้ร้าย ถ้าคุณเผลอหรือหลงใหลในรสชาติอาหารเค็ม น้ำหนักของคุณอาจเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัมได้เพียงชั่วข้ามคืน เป็นเพราะ ถ้าร่างกายได้รับเกลือมากเกินไป ก็จะเกิดอาการเก็บน้ำ หรือเก็บกักของเหลวในร่างกายเอาไว้ เพื่อที่จะพยายามขับเกลือออก โดยขับทางไต แต่กว่าจะขับได้ คุณก็จะรู้สึกอึดอัด น้ำหนักขึ้น ตัวบวม
ดังนั้นถ้าไม่อยากมีอาการดังกล่าว ก็ต้องพยายาม เบรกๆตัวเอง เรื่องความเค็มเอาไว้บ้าง
นอกจากอาหารที่มีรสเค็มแล้ว อาหารที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบในปริมาณมากก็ต้องยั้งๆไว้เช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภท ของขบเคี้ยว เค็มๆมันๆ เช่น มันฝรั่งอบกรอบ ถั่วยิ่งกินยิ่งมัน แถมผสมเกลือเพิ่มความมันเข้าไปอีก หรืออาหารประเภท แซบๆ เช่น ส้มตำ ขนมจีนน้ำยาป่า มะม่วงจิ้มน้ำปลาหวาน หรือ กะปิหวาน ของอร่อยๆ เหล่านี้ กินแล้ว เพิ่มอาการบวมน้ำ ได้ดีนักแล

4. โยกย้ายส่ายสะโพก หลังอาหาร ก็ทำให้เกิดอาการตัวบวมได้
จากผลการศึกษาวิจัย ยืนยันว่าถ้าคุณมีการออกกำลังกาย หรือ โยกย้ายส่ายสะโพก หลังรับประทานอาหารเสร็จ หรือ ระหว่างรับประทานอาหาร จะทำให้เกิดแก๊สในระบบย่อยอาหาร ได้อย่างรวดเร็ว คุณจะมีโอกาสเกิดอาการท้องอืด อึดอัด แน่นท้องได้เช่นกัน เนื่องจากระบบการย่อยอาหารกำลังทำงานอยู่ เพื่อย่อยอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป แต่พอร่างกายมีการออกกำลังกาย ระบบกล้ามเนื้อก็จะเริ่มทำงานเช่นกัน ดังนั้นเมื่อสองระบบทำงานพร้อมๆกัน ก็จะเกิดแก๊สในระบบการย่อยอาหารได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเดินย่อยอาหารจะดีกว่ากันเยอะเลย

5. กินใยอาหารมากเกินไป
“อะไรที่มากเกินไป แทนที่จะเกิดผลดีต่อร่างกาย กับให้ผลตรงกันข้าม” โดยปกติ ร่างกายของคนเราต้องการ ใยอาหารเฉลี่ยวันละประมาณ 25-30 กรัม แต่ถ้าคุณเติมใยอาหารในมื้ออาหารมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้

6.กินอาหารให้ช้าลง
การที่คุณรับประทานอาหารอะไรเร็วๆ หรือกินแบบรีบเร่งจะทำให้เพิ่มจำนวนอากาศ เวลาที่คุณกลืนอาหาร และถ้ามีอากาศเข้ามาในระบบย่อยอาหารมาก ก็จะทำให้ท้องอืดได้  วิธีแก้ไข ควรกินให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและข้อสำคัญ เวลาเคี้ยวไม่ควรเปิดปาก ฝึกเคี้ยวแบบปิดปาก ช่วยลดแก๊สในระบบทางเดินแถมฝึกมารยาทในการรับประทานอาหารให้กับตัวเองอีกด้วยค่ะ

7. กินมากไปจนพุงกาง
การที่เรากินอาหารมากเกินไป กินจนรู้สึกจุกแน่นจนถึงคอหอย ส่วนมากจะเกิดขึ้นเวลาที่คุณไปงานเลี้ยง เห็นอาหารหลายๆอย่าง มีแต่น่ากินทั้งนั้น หรือเวลาไปกินอาหารโต๊ะจีน กินจนเรียกว่า พุงกาง อันนี้มีสิทธิ ท้องอืดท้องเฟ้อได้แน่นอน ดังนั้นถ้าไม่อยากมีอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ก็ต้องกินแต่พอดี ชิมอาหารแต่ละอย่างเพียงน้อยๆ เลือกอาหารที่ตัวเองชอบรับประทานเสียก่อน ส่วนอาหารหน้าตาแปลกๆ เอาไว้ชิมที่หลังนิดหน่อยก็พอค่ะ

8. เพิ่มแบคทีเรียที่ดี
โพรไบโอติค เป็นแบคทีเรียที่ดีของร่างกาย มีมากใน โยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือ ยาคูลท์ แบคทีเรียเหล่านี้เป็น เหมือนเพื่อนที่แสนดี ช่วยย่อยสลายกากอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้

9. ลดอาหารที่มีแก๊สสูง
อาหารที่มีแก๊สสูง ส่วนมากจะมีในผักที่มีกลิ่นฉุนได้แก่ กะหล่ำปลี ชะอม สะตอ บร๊อกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วงอก แต่ถ้านำไปลวก หรือต้มเพียง 1-2 นาที ก็จะช่วยลดแก๊สในอาหารชนิดนั้นได้  ส่วนในผลไม้บางชนิดก็ทำให้เกิดแก๊สได้ ส่วนในผลไม้บางชนิดก็ทำให้เกิดแก๊สได้ เช่น ฝรั่ง เวลารับประทานแล้วจะรู้สึกท้องอืด แต่ถ้าคุณปอกเปลือกฝรั่งออก ก็ช่วยลดอาการเกิดแก๊สได้
เพียงคุณ พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ อาหารพุงป่อง ตัวบวม ก็ห่างไกลคุณได้ไม่ยากเลยค่ะ


-- เอามาจากหนังสือ Slimming ค่ะ
เพื่อจะเป็นความรู้ให้แก่เพื่อนๆได้บ้าง

จากคุณ	: Kukong
เขียนเมื่อ	: 20 ส.ค. 52 21:49:49