ความคิดเห็นที่ 1 Vaccine HPV ฉีดได้ตั้งแต่เริ่มวัยรุ่นเลยค่ะ ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ (ซึ่งเป็นเหตุแห่งการติดเชื้อ) จะได้ผลดีที่สุด ตัวแรก อาจจะเป็น pap smear หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็คือ ตรวจเซลปากมดลูกว่า มีผิดปรกติบ้างไหม ตัวที่สอง เป็นอัลตราซาวด์ดูมดลูกและรังไข่ ส่วนมาก คือ มองดูความผิดปรกติทั่วๆไปและซีสท์ อันที่สอง ก็ดีนะคะ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 20:18:39

ความคิดเห็นที่ 2 ขึ้นอยู่กับว่ามีพสพ.หรือยังด้วยค่ะ ถ้ายัง..เลือกอันที่สองเลยค่ะ ถ้ามีแล้วและไม่มีอาการอื่นๆแบบปวดประจำเดือนมากๆน่าจะเลือกแบบ thin prep นะคะ มันคือ PAP smear อีกแบบน่ะค่ะ ส่วน HPV จะฉีดควรฉีดก่อนมีพสพ.ครั้งแรกค่ะ จากคุณ : bibiz เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 20:49:00

ความคิดเห็นที่ 3 อ่ะ มันควรฉีดก่อน26น่ะครับ ไม่ใช่35 จากคุณ : Future is on my hand เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:16:09

ความคิดเห็นที่ 4 ปัจจุบันมะเร็งปากมดลุกก็ยังเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้หญิงไทยนะครับ ปีนึงนี่เป็นแสนๆ เลย สาเหตุหลัก ๆ เกิดจาก HPV virus ครับ  ซึ่งไวรัสชนิดนี้พบมากบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย  ฉะนั้นมะเร็งปากมดลูกแทบจะไม่พบเลยในผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ครับ ตอนนี้มีการคิดค้นวัคซีนครับ  เข็มละ 5 พัน ฉีด 3 เข็มครับ คุมได้ 10 ปี ได้ผลประมาณ 70-80 เปอร์เซนต์ครับ โดยตัววัคซีนจะไปควบคุมไวรัส HPV type 16 กับ 18 ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากที่สุดครับ แต่ขณะเดียวกันก็มีสายพันธ์อื่นที่ก่อได้แต่น้อยกว่าครับ อีกวิธีนึงที่สะดวกกว่านั้นครับคือบังคับให้คู่นอนล้างอวัยวะเพศให้สะอาดก่อนการใช้งานครับ ลดอัตราเสี่ยงลงได้เยอะ  โดยเฉพาะผู้ชายที่หนังหุ้มปลายไม่สามารถล้างได้อย่างสะดวก  ทำให้บริเวณนั้นเป็นแหล่งเพาะพันธ์อันอุดมของเชื้อโรคเลยครับ  จึงมีงานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับนะครับ  พบว่าผู้หญิงที่คู่นอนขลิบปลายอวัยวะเพศแล้ว จะมีอัตราเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกลดลงครับ และปัจจุบันทางการแพทย์ยังพบว่าการขลิบยังทำให้โอกาสติดเชื้อ HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ลดลงมากกว่าคนที่ไม่ได้ขลิบถึง 60 เปอร์เซนต์นะครับ หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ ลองเข้าไปชมดูนะครับ ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=4 จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 22:04:08

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องขลิบนี่วงการแพทย์ก็ได้พบข้อดีมากมายนะครับ และหลักฐานทางการแพทย์ก็ยืนยันเยอะด้วย แต่สาเหตุที่ทำให้ไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควรคือเพราะเรื่องเจ็บตัวนี่แหละครับ สำหรับผู้ชายแล้ว เมื่อไหร่ที่ของมีคมมาใกล้ๆ ตรงนั้นนี่ขอบายทุกคนครับ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่นะครับ  ถึงกับศาสนาคริสต์เองตอนปฏิรูปศาสนาในเมื่อหลายร้อยปีก่อน ถึงกับเปลี่ยนกฎเป็นว่าคนที่จะนับถือศาสนาคริสต์ไม่จำเป็นต้องทำการสุหนัต (ขลิบ) ทั้งที่พระเยซูก็ขลิบนะครับ  (ตามพันธสัญญาเดิมที่พระเจ้าให้ไว้ในยิวคือ เด็กผู้ชายที่เกิดมาต้องขลิบใน 8 วัน หรือคนที่จะเข้าศาสนาต้องขลิบทุกคน) ทำให้ศาสนาคริสต์ขยายตัวไปได้รวดเร็วมากขึ้นหลังจากนั้นครับ เพราะคนไม่ต้องขลิบ มะเร็งปากมดลูกที่เกิดจาก HPV virus ในผู้หญิงนี่ มันก็มาจากบริเวณหนังหุ้มปลายนะครับ มีหลักฐานการแพทย์ยืนยันเยอะมากว่าคนที่ไม่ขลิบจะพบ HPV virus เยอะมาก แต่สุดท้าย ก็ด้วยเรื่องเจ็บตัวนี่แหละ เลยกลายเป็นไปพัฒนาวัคซีนขึ้นมาแล้วไล่ให้ผู้หญิงเป็นคนไปฉีดเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก  งงไหมครับทั้งที่สาเหตุก็มาจากปลายหัวที่ไม่ยอมดูแลของผู้ชายนั่นแหละ ลำพังสาว ๆ เค้าตกเบ็ด ไม่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกหรอกครับ แต่ไล่ผู้หญิงไปฉีดวัคซีนป้องกัน มาจากพวกผู้ชายทั้งนั้นแหละ เอาของซกมกไปใช้กับผู้หญิงเค้า ยอมเจ็บซักนิดเพื่อสุขอนามัยที่ดีกว่า ทั้งเราเองและของคนที่เรารักครับ ส่วนเรื่องการขลิบในเมืองไทย  เพราะส่วนใหญ่คนไทยเราไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเพศกันอยู่แล้วครับ สั่งสอนกันมาว่าเป็นเรื่องสกปรก อย่าไปยุ่งกับมัน  ทำให้เยาวชนเราหรือผู้ใหญ่เองต้องหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ ตาม internet บางคนไม่อยากขลิบก็พยายามแต่งแต้มสีสันไปมั่ว ๆ ว่าขลิบแล้วบ้า ขลิบแล้วตายด้าน ไปต่างๆนาๆ เมืองไทยในห้องสวนลุม เวปพันทิพก็มีนะครับ ผมเคยเจอ และในวงการหมอเองก็เหมือนกัน  เห็นว่าตัวเองไม่ขลิบและไม่เกิดปัญหา ก็เลยคิดว่าไม่ต้องขลิบให้คนไข้ก็ได้ ทั้งที่ความจริงการดูแลสุขอนามัยของหมอกับชาวบ้านมันต่างกัน หมอรู้ว่าควรระวังยังไงและก็ดูแล  แต่คนไข้ใช้แล้วเก็บ  มันจะเหมือนกันได้ไง ซึ่งไม่เหมือนเมืองนอกนะ เค้าจะดูแลสุขภาพกันแบบป้องกันมาก ๆ เด็กเกิดมาก็ขลิบให้เลย  ไม่งั้นก็มีหมอไปสอนตามโรงเรียนเลย ว่าต้องดูแลยังไง  ต้องรูด ต้องล้าง ต้องเก็บยังไง บ้านเรานอกจากไม่ป้องกันแถมยังไม่พูดถึง ทำเป็นลืมซะงั้น สุดท้ายเลยเกิดปัญหาสังคมแบบปัจจุบันไงครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 22:04:41

ความคิดเห็นที่ 6 หลายคนเข้าใจว่าการที่รูดเปิดได้นั้นก็เพียงพอแล้ว หรือตอนแข็งแล้วรูดเปิดได้ก็โอเค แต่จริง ๆ แล้วตอนตื่นตัวนี่ ผู้ชาย 95 เปอร์เซนต์ก็เปิดได้ทุกคนแหละครับ อย่าลืมว่าวันนึงเราตื่นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่อีก 23 ชั่วโมงนี่มันหลับนะครับ ฉะนั้นหากเวลามันหลับ และยังมีหนังหุ้มปิดไว้ ตรงนี้แหละครับที่จะทำให้เกิดความหมักหมมได้ เวลาเราเหงื่อออก เวลาเราทำกิจกรรมแต่ละวัน เวลาปัสสาวะ พวกนี้แหละครับ มันจะมาหมัก ๆ รวมกัน ทำให้เกิดเป็นกลิ่นและคราบไม่พึงประสงค์ได้ครับ กว่าเราจะรูดทำความสะอาดอาบน้ำก็วันละ 2 ครั้ง แสดงว่าสิบกว่าชั่วโมงนี่ จูเนียร์เราต้องอยู่กับแบคทีเรียตรงนั้นตลอดเวลา ซึ่งการขลิบก็จะช่วยลดตรงนี้ไปได้ครับ ดังนั้น หากว่าตอนหลับ มันเปิดของมันได้ตลอดแล้ว ก็คงไม่จำเป็นต้องขลิบ เพราะไม่มีอะไรให้หมักหมม แต่ถ้าไม่ การขลิบก็เป็นวิธีนึงที่ดีครับ ลองถามเพื่อน ๆ ในนี้ที่ไปทำมาตอนโต ว่าดีขึ้นจริงไหมครับ ส่วนเรื่องเจ็บนี่ ก็แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่เท่าที่เห็นก็ไม่เห็นมีใครทนไม่ได้ ยอมเจ็บซักนิด เพื่อสุขอนามัยที่ดีกว่าครับ การหมักหมมของขี้เปียกและการที่ไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจทำให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคมากมาย และที่สำคัญคือ HPV ไวรัสครับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงและมะเร็งองคชาติใน เพศชาย ฉะนั้นจึงพบว่าผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีอัตราการ เกิดโรคนี้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้นและข้อดีนี้ก็ยังเผื่อแผ่ไปถึงสุขภาพของ ผู้หญิงด้วย และปัจจุบันทางการแพทย์ยังพบว่าการขลิบยังทำให้โอกาสติดเชื้อ HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ลดลงมากกว่าคนที่ไม่ได้ขลิบถึง 60 เปอร์เซนต์นะครับ เรื่องจำเป็นหรือไม่นี่อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนครับ คนที่ไม่เคยมีปัญหา ก็จะมองว่าไม่จำเป็น หรือไม่สำคัญ ส่วนคนที่เคยประสบกับปัญหา หรือมีคนใกล้ตัวมีปัญหา ก็คิดว่าทำน่าจะดีกว่าครับ การขลิบก็คือหัตถการการแพทย์อย่างนึง ซึ่งประโยชน์ของมัน ก็คือเพื่อการดูแลทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ทำให้ดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้น อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กัน คือผู้ชายทุกคนจะมีหนังหุ้มบริเวณปลายของอวัยวะเพศ ซึ่งบางคนที่โชคดีหน่อย หนังไม่ยาวมาก ดังนั้นเวลาโตขึ้นหนังก็จะร่นไปด้านล่างได้ แต่ก็มีผู้ชายอีกจำนวนมากเช่นกัน ที่หนังหุ้มปลายยังยาวอยู่ ทำให้มันคลุมบริเวณหัวของตัวอวัยวะ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะเวลาเราเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง หลังทำธุระเสร็จก็จะมีคราบหรือหยดของฉี่มาค้างไว้ และยิ่งประกอบกับเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทั้งเหงื่อ ทั้งขี้ไคลมาหมัก ๆ คลุกเคล้า ๆรวมกันจนเข้าที่ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ ซึ่งคนที่ขลิบจะช่วยเรื่องนี้ได้เยอะครับ เจ็บหรือไม่นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เด็กๆหลายคนก็แค่ฉีดยาชาก็ไหวครับ  ไกลหัวใจ เมืองไทยเมืองร้อน ใส่เสื้อแขนยาวทำอะไรก็ลำบาก จะล้างมือ จะหยิบของก็ไม่สะดวก จะถกแขนเสื้อไปข้อศอก ซักพักแขนเสื้อก็ตกลงมาอีก และพอแขนเสื้อเปียกน้ำ มันก็ชื้น เหนอะหนะครับ  ดังนั้นหาเสื้อแขนสั้นมาใส่ดีกว่า จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นครับ ลองเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องขี้เปียกก่อนครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&date=01-05-2007&group=4&gblog=5 ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 22:05:20

ความคิดเห็นที่ 7   คห ที่ 4 ค่ะ  อยากถามว่า การใช้ถุงยางลดอัตราเสียงการติด HPV ได้มัยคะ จากคุณ : moth_z เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 12:50:09

ความคิดเห็นที่ 8 พึ่งฉีดเข็มแรกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองค่ะ แบบ 4 สายพันธุ์ จากคุณ : เมื่อไรจะมีฯ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 18:51:39

ความคิดเห็นที่ 9   คห.8คะ ถามนิดนึงค่ะ ตรวจแบบthin prep รึป่าวคะ กัวไงไม่รู้เห็นคนรู้จักเป็นกัน จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 21:59:21 A:125.25.10.34 X: TicketID:223455

ความคิดเห็นที่ 10 อยากฉีดค่ะ แพงไม๊คะ จากคุณ : tojalover เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 22:18:51

ความคิดเห็นที่ 11 เท่าที่ทราบมาถุงยางบางยี่ห้ออาจจะป้องกันได้ แต่เราเคยเห็นยี่ห้อนึงจำไม่ได้แล้วที่กล่องบอกว่า ป้องกัน HIV ได้แต่ป้องกัน HPV ไม่ได้อ่ะ ส่วนราคาวัคซีนแพงอยู่นะ ต้องฉีด 3 เข็ม ก็บำรุงราษเข็มละ 2530 ค่ะ แต่ที่อื่นไม่แน่ใจ จากคุณ : dream_blueocean เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 23:05:32