ความคิดเห็นที่ 1 หึๆ น้องคนนั้นเค้าคงชอบ "ตาตร้า" ล่ะมั้งคะ ขนาดไม่ได้เป็นอะไรกันกับตาตร้าคุณเธอยังแสดงอาการคล้ายหึงหวงซะแล้ว ที่เค้าซักโน่นซักนี่คุณก็หวังจะ "ล้วง" ข้อมูลที่คุณมีนั่นแหละค่ะ และคงจะอยากรู้ด้วยว่าคุณกับตาตร้าสนิทกันถึงขั้นไหน ส่วนเรื่องที่เค้าพยายามสร้างประเด็นว่าคุณกับตาตร้ากิ๊กกันตีความได้หลายอย่าง มองโลกในแง่ดี ---- เค้าคงพูดเล่น มองโลกในแง่ร้าย --- เค้าคงชอบตาตร้า แต่พยายามเรียกความสนใจจากหนุ่มคนนั้นด้วยวิธีนี้ มองในแง่ร้ายแต่ใกล้ความจริง ---เค้าต้องการให้คุณมีปัญหากับแฟนคุณ สรุปความได้ว่า น้องคนนี้มีนิสัยค่อยไม่น่าเอ็นดูเลยค่ะ ตาตร้าอย่าหลวมตัวละกัน แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 52 11:12:38 จากคุณ : april_29_me เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 11:11:29

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น อย่าเพิ่งไปคิดมากจะดีกว่านะค่ะ แต่ถ้าน้องคนนี้พูดอะไรแปลกๆออกมาอีก ก้อลองแซวเค้าดูจิ ดูปฏิกิริยาตอบสนองของน้องเค้า เหอๆ ของแบบนี้ ถ้าชอบเจง เด้วเรื่องก้อแดงขึ้นมาเอง จากคุณ : moo_yid2 เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 12:33:20

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าคุณ จขกท. ไม่ได้คิดอะไรกับตาตร้าจริงๆ . . .ช่างปากหอยปากปูมันคะ ก็แค่ปฏิเสธไป อย่างเช่นว่า น้อง --พี่ไม่ต้องวุ่นวายไปหรอกค่ะ ตาตร้ามี กาก้า คอยดูแลอยู่แล้ว คุณก็ตอบไปเลย . . . เอ๋า ก็พี่ก็เป็นเพื่อนเค้า มันวุ่นวายตรงไหนไม่ทราบ . .  ชิ จากคุณ : กระดูกหมู เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 13:19:40

ความคิดเห็นที่ 4 น้องคนนี้มิน่าคบแล้วค่ะ อิอิ จากคุณ : Joyful Dreams เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 15:02:59

ความคิดเห็นที่ 5 คุณเป็นผู้ใหญ่กว่า แสดงให้เห็นว่าที่เธอกระทำอยู่มันล้ำเส้นค่ะ ไม่ว่าเธอจะกระทำต่อหน้าลับหลังอย่างไรก็ดี คุณอย่าไปเงียบหรือเล่นตามเกมของเธอ ต้องมีความรอบคอบให้ดีนะคะ เพราะหน้าที่การงานก็ต้องแยกออกมาอยู่แล้ว ระวังมีผลกระทบกับงานค่ะ หากมีพวกปากเสีย เม้าแตกอย่างเธออยู่ในองค์กร เป็นเดี๊ยนก็คงจะทำแบบคุณกระดูกหมู คห 3 ว่าไว้ค่ะ พูดตอบไปเลยแต่ยิ้มเข้าไว้ อันที่จริง เดี๊ยนตบหน้าหงายไปตั้งแต่คำถามแรกแล้วมั้ง ที่เธอถามว่าคุยกับแฟนไม่ได้เหรอ เดี๊ยนจะตอบทันควันว่า น้องถามไม่สุภาพอย่างมากเลยนะคะ คำเดียวสั้นๆค่ะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 16:24:21

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับคราวหน้า น้อง -- พี่คะ ตาตร้าเค้า @#$%###+@! แฟนเค้า &*(_$*)$^_@ กาก้า@%#)..... เรา  -- น้อง!!!  ตาตร้าเค้าเคยเล่าเรื่องแฟนเค้าให้น้องฟังมั๊ยคะ พี่ว่าเค้ารักแฟนเค้ามากเลยนะคะ  แล้วน้องน่ะค่ะ ไหวแมะ??!!!!!!..... หล่อน จากคุณ : popcorn_p เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 15:46:00

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับคห. 1 แต่เรามองแต่แง่ร้ายอะ จากคุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 16:31:41

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วคุณ จขกท คิดอะไรๆ กับคุณตาตร้า รึป่าวอ่ะคะ ถ้าคิดนิดหน่อย อันนี้เราก็ยังไม่รู้จะแนะนำอย่างไร แต่ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับคุณตาตร้า แล้วเจอน้องคนนั้นพูดทำนองนี้มากๆเข้า เราคงต้องถามน้องคนนั้นแบบเปิดอกหล่ะ ว่า "เออ น้องเป็นไรรึป่าว มีอะไรพูดกันตรงๆได้ ทำแบบนี้มากๆ พี่เครียด พี่รู้สึกอึดอัด (ร้องไห้ด้วยเลย)" จากคุณ : น้ำแข็งเผา เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 19:19:14

ความคิดเห็นที่ 9 ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ ยังช่วยกันตอบได้อีกนะคะ เราไม่ได้คิดอะไรกับตาตร้าเกินกว่าคำว่าเพื่อนแน่นอนค่ะ สำหรับเรา เพื่อนดี ๆ หายากนะคะ เราถึงได้ไม่อยากผิดใจกับเพื่อนด้วยเรื่องที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ วันก่อนเราโทรคุยกับรุ่นน้องที่เคยทำงานอยู่ที่นี่ แล้วก็ได้รับรู้ว่า เราไม่ใช่คนแรก(แล้วก็คงไม่ใช่คนสุดท้ายด้วยที่จะโดนเมาธ์) เคยมีคนโดนเมาธ์ในลักษณะคล้าย ๆ แบบนี้มาก่อนแล้วค่ะ เพียงแต่คนนั้นออกจะโผงผางมากกว่าก็เลยสวนเปรี้ยงกลับไปเลย รุ่นน้องที่คุยกันบอกว่าให้เราทำใจ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย ถ้าไม่พอใจก็ให้แสดงออกว่าไม่พอใจ อย่าเต้นไปตามเพลงของพวกเขา แล้วเรื่องก็จะผ่านไปได้เองค่ะ จากคุณ : memoirs of a mad maid เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 52 12:21:50

ความคิดเห็นที่ 10   ผมเป็นแฟน จขกท เอง เรื่องตราต้ามีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเราสองเป็นอย่างมากๆสมดั่งที่เพื่อนร่วมงานร้ายๆของ จขกท ตั้งใจไว้เลย ก่อนอื่นขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน ผมกับ จขกท รู้จักกันประมาณ 3 ปี เมื่อก่อนหน้านั้นผมมีเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยออกเดทกัน คือรู้จักกันใน pantip นี่แหละ แต่คุยกันทางโทรศัพท์วันละนานๆมากๆ แต่พอผมรู้จัก จขกท และ จขกท พูดว่าเธอเป็นคนขี้หึงมากๆ "และผมก็เชื่อมาตลอดว่าผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเพื่อนสนิทกันโดยไม่เป็นแฟนกันมันยากมากๆ" ผมก็เลยไม่อยากให้ จขกท คิดมาก ผมจึงหยุดคุยโทรศัพท์กับเพื่อนหญิงคนนั้นมาตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนกับ จขกท ซึ่งผมก็ยอมเป็นฝ่ายเสียสละ และเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยการยอมให้แฟนตัวเองคุยกับเพื่อนชายอย่างสนิทสนมได้ แต่ยอมหยุดคุยกับเพื่อนหญิงของตนเองเพราะแฟนตัวเองบอกว่าคงหึงจนรับไม่ได้ คราวนี้ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ตราต้าเป็นฝรั่งระดับ programmer ทำงานเงินเดือนมาก และคงเป็นที่หมายปองของสาวๆไทยเป็นของธรรมดา และสาวๆพวกนั้นคงหมั่นไส้ จขกท เป็นอย่างมากเนื่องจาก จขกท มีความรู้ภาษาอังกฤษมากกว่าพวกเขา เพราะเธอทำงานเป็นล่าม/นักแปลที่นั่น ขนาดตัวผมเองเวลาฟังคนไทยดัดจริตพูดอังกฤษกับฝรั่งเสียงดังๆใกล้ตัวผม ทั้งที่ผมพูดอังกฤษได้ดีสูสีเจ้าของภาษา และดีกว่าคนไทยพวกนั้น มากๆ ผมก็ยังอดไม่ได้เลยที่จะหมั่นไส้พวกเขาที่ชอบพูดอังกฤษเสียงดังๆโชว์ฟอร์มให้คนดูเลย นับประสาอะไรที่คนไทยซึ่งพูดอังกฤษไม่เก่งเท่า จกขท จะไม่หมั่นไส้ จขกท เอาล่ะ ดังนั้น เรื่องการล้วงตับและสร้างสถานการณ์เพื่อกลั่นแกล้ง จขกท เหมือนๆนิยายน้ำเน่าที่เป็นละครทีวีแบบไทยๆจึงนับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะนี่เป็นชีวิตแบบไทยๆในสังคมแบบไทยๆ ตัวผมเองเคยทำงานบริษัทแล้วเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีแล้วชวนผมออกไปกินข้าวกลางวันกันสองต่อสอง แล้วก็คุยกันธรรมดาๆแบบเพื่อนร่วมงานไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แต่หลังจากนั้นคนทั้งบริษัทต่างก็ลือกันให้สนุกปากว่าผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน แต่เผอิญมันพูดลับหลังผม (เพื่อนร่วมงานอีกคนมาเป็นพรายกระซิบให้) ม่ายงั้นละผมเอาเรื่องพวกมันแน่ๆ และกรณี จขกท นี้ เธอก็ออกไปกินอาหารกลางวันกันสองต่อสองเหมือนกัน ดังนั้น ผมจึงเล่ากรณีผมกับเพื่อนร่วมงานหญิงคนนั้นให้ฟัง แล้วบอกให้ จขกท ทำใจได้ว่า ต้องโดนปากหอยปากปูเล่นงานแน่ๆ แต่ถ้าทำใจไม่ได้ก็ต้องโต้พวกมันกลับไปแรงๆ อย่าเก็บมาคิดให้เปลืองสมอง จากคุณ : คู่แข่งตาตร้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 08:49:08 A:124.121.94.86 X:203.144.144.165 TicketID:232529

ความคิดเห็นที่ 11   ^ ^ อ้าวตายจริง สะกดชื่อเขาผิด ต้องเป็น "ตาตร้า" ไม่ใช่ "ตราต้า" ขอแก้คำผิดด้วย แล้วเคาะย่อหน้าก็ไม่ได้อีก (ต่อ) เลยต้องเว้นระหว่างวรรคแทนนะ ด้วยความสัตย์จริงผมให้เกียรติ์แฟนตัวเองไม่เคยคิดว่าเธอจะนอกใจผม หากแต่ว่ากาลเวลาผ่านไปเธอยิ่งโมโหผมบ่อยมากๆยิ่งขึ้นเพราะผมทำงานไม่ค่อยประสบความสำเร็จและมีปัญหาการเงินมากพอสมควร อีกทั้งเรื่อง sex ระหว่างผมกับแฟนที่เคยราบรื่นดีก็กลายเป็นมีปัญหา นั่นก็คือตัวผมเองก็มีสมรรถภาพดีตามปกติ แต่พอมี foreplay คือเล้าโลมกันนานๆแล้ว จขกท เกิดมีอารมณ์และมีสารหล่อลื่นมากพอที่พร้อมจะรับ penetration (การสอดใส่อวัยวะเพศ) แต่พอจะถึงขั้นนั้นจริงๆ กลับกลายเป็นว่าเธอเกิดอาการเกร็งขึ้นมาอย่างกระทันหันแบบที่เรียกว่า vaginismus ทำให้เราร่วมเพศกันไม่ได้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว เธอเคยไปตรวจภายในแต่หมอบอกทางสรีระปกติดี แต่น่าจะเป็นปัญหาจิตใจ ผมจะช่วยแฟนตัวเองได้ก็อย่างมากก็แค่ heavy petting (คือเล้าโลมอย่างหนักๆ) แล้วก็จบท้ายด้วยการทำ oral sex ให้เธอถึงจุดสุดยอด แต่มันก็ไม่ง่ายเท่า และก็ไม่ดีเท่ากับ penetration (การสอดใส่อวัยวะเพศ) กาลเวลาผ่านไป จขกท พูดกรอกหูผมเรื่องตาตร้า และเรื่องเพื่อนร่วมงานของ จขกท ที่พยายามล้วงตับเธอจนถึงขั้นว่า “กลายเป็นผมเชื่อสนิทว่า จขกท หลงรักตาตร้าโดยไม่รู้ตัว!” แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนใจกว้างเพราะโตมาในโลกแถบตะวันตกไม่คิดเหมือนผู้ชายไทยทั่วๆไปที่ว่า "เมียข้าใครก็ห้ามแตะ" ผมจึงพูดกับ จขกท ว่า "เมื่อพิจารณาถึงปัญหาเรื่องเพศที่ผมกับคุณมีอยู่ขณะนี้ ถ้าคุณไปหาจิตแพทย์จะเสียเงินและเสียเวลามากๆ แต่ถ้าปล่อยไว้นานๆ complex (ปม) บางอย่างในใจคุณจะพัฒนามากยิ่งๆขึ้นจนไม่สามารถมีความสุขทางเพศไปตลอดชีวิต และคนที่คุณคุยด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆ จะช่วยแก้ complex ตัวนี้ได้ และคุณก็พูดถึงแต่ตาตร้าทุกวันแบบ admire เขายกย่องเขามากๆ จนกลายเป็นว่าผมเชื่อสนิทว่าคุณหลงรักตาตร้าโดยไม่รู้ตัวเข้าแล้ว ให้ลองสำรวจตัวเองดู หากเป็นเช่นนั้นจริง ผมอนุญาตให้คุณไปมีเพศสัมพันธ์กับตาตร้าได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่มีปัญหาทางเพศไปตลอดชีวิต แต่ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางจะได้เป็นการป้องกันไม่ให้เสี่ยงติดโรคมาเพราะถึงจะเป็นฝรั่งเงินเดือนมากๆและมีเมียคนไทยก็ตาม แต่ฝรั่งพวกนี้บางทีก็ยังไปเที่ยวผู้หญิงบาร์" แต่ จขกท ย้อนผมกลับมา "แบบตลกๆ" ว่าตาตร้าใช้ถุงยางไม่ได้เพราะเขาเป็นแคธอลิก และเธอปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันว่า “เธอไม่เคยรักตราต้า และไม่เคยคิดจะรักเขา” และเธอ “ตัดพ้อต่อว่าหาว่าผมดูถูกแฟนตัวเองไม่ไว้ใจแฟนตัวเอง” ก็เลยเป็นปากเสียงกันหลายครั้งเรื่องตาตร้า จากคุณ : คู่แข่งตาตร้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 09:04:30 A:124.121.94.86 X:203.144.144.165 TicketID:232529

ความคิดเห็นที่ 12   ผมพยายามชี้แจงว่า จขกท พูดจาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยพูดว่า ”ผมไม่ได้พูดว่าคุณนอกใจผม แต่ผมพูดว่าคุณหลงรักผู้ชายอื่นโดยไม่รู้ตัว และมันทรมาณจิตใจคุณทีคุณหลอกตัวเองว่าไม่ได้รักเขา แล้วพยายามซื่อสัตย์ต่อผม เพราะคุณ feel guilty (สำนึกผิด) เพราะคุณสงสารผมต่างหากล่ะ ที่ผมไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน คุณก็เลยไม่นอกใจผมต่างหากล่ะ” ...แล้วผมก็พูดต่อไปว่า “แต่เมื่อพิจารณาประเด็นต่างๆอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าผมไม่มีทางให้ความสุขทางเพศแก่คุณได้โดยสมบูรณ์แบบเนื่องจากว่าผมไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นและ relax ได้ จนคุณเกิดอาการเกร็งมี sex ไม่ได้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว ดังนั้น ผมจึงยอมให้คุณนอกใจผมได้ เพราะผมคิดว่า ผมรักคุณมากๆจึงไม่อยากเก็บคุณไว้ "เหมือนเก็บนกไว้ในกรงทอง" และความรักคือความเสียสละ ดังเช่น I shall grant you the license to be unfaithful. นั่นก็คือถ้าเรารักใครมากๆเราควรอนุญาตให้คนที่รักเรานอกใจเราได้ ทั้งนี้ เพื่อความสุขของเธอหรือของเขา ยกตัวอย่างเข่นถ้าผมแต่งงานมีภรรยาแล้วผมต้องไปทำธุระต่างประเทศหลายๆปี หรือผมพิการไป ร่วมเพศไม่ได้ ผมว่าถ้าภรรยาผมมี sex กับผู้ชายอื่นผมก็จะไม่โกรธ เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ การมีความสุขทางเพศมันทำให้ระบบฮอร์โมนดีเยี่ยม และเป็นผลดีต่อสุขภาพกายสุขภาพจิต ดีกว่าจะเก็บกดเอาไว้” แต่จนป่านนี้แล้ว ผมกับ จกขท ก็ยังคุยกันเรื่อง “ตาตร้า” ไม่รู้เรื่อง เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเธอขยาดที่จะเรียกชื่อจริงฝรั่งคนนี้ แต่เธอจะพูดถึงเขาว่า “you know who” และพยายามเสแสร้งทำเป็นว่า “ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องตลก” จากคุณ : คู่แข่งตาตร้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 09:12:32 A:124.121.94.86 X:203.144.144.165 TicketID:232529

ความคิดเห็นที่ 13   แต่ผมงัดข้อความที่ผมอ่านเจอในหนังสือ The Secret มาพูดให้ จขกท ฟัง นั่นก็คือ The Law of Attraction ที่บอกว่า Thoughts become things! นั่นก็คือคิดอะไรจนนึกเห็นภาพมันบ่อยๆอีกหน่อยมันก็กลายเป็นมีสสารเป็นตัวตนขึ้นมาจริงๆได้ ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นจริงในชีวิตจริงในรั้วมหาลัยมาแล้ว หรือในที่ทำงานมาแล้ว นั่นก็คือหญิงชายที่ไม่ได้รักกัน แค่เป็นเพื่อนกันเฉยๆ แต่โดนเพื่อนๆนักศึกษาหรือเพื่อนๆร่วมงานล้อเลียนบ่อยๆว่าเป็นแฟนกัน แล้วทั้งหญิงชายคู่นั้นก็เลยเก็บมาครุ่นคิดอยู่บ่อยๆจนกระทั่ง “ในที่สุดก็กลายเป็นแฟนกันจริงๆ” ตามหลักการเรื่อง The Law of Attraction หรือกฎแห่งการดึงดูดนั่นเอง ซึ่งในกรณีผมกับอดีตเพื่อนร่วมงานหญิงที่โดนเพื่อนร่วมงานนินทาว่าแอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกันนั้น มันไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆเลย นั่นก็เพราะว่า “ผมไม่สนใจพวกปากหอยปากปู” แต่ จขกท สนใจพวกปากหอยปากปู ดังนั้น เมื่อเก็บไปคิดนานๆเข้า ก็จะกลายเป็น จขกท จะต้องหลงรักตาตร้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และทุกวันนี้ผมก็ขุดภาพและเสียงของความใกล้ชิดและความอบอุ่นอีกทั้งความเข้ากันได้ระหว่าง จขกท กับตราต้าให้ออกไปจากจิตผมไม่ได้เลย อีกทั้งเมื่อพิจารณาเห็นว่า จขกท ไม่มีความสุชทางเพศกับผม ผมจึง grant her the license to be unfaithful คืออนูญาตให้เธอนอกใจผมได้ ด้วยความที่ผมรักเธอ และอยากให้เธอมีความสุขเพียบพร้อมทุกอย่างนั่นเอง ผลลงเอย ถ้าตาตร้าให้ความอบอุ่นกับเธอ ได้จน penetration (การสอดใส่อวัยวะเพศ) กระทำได้สำเร็จจน จขกท สามารถ แก้ complex (ปม) ได้สำเร็จ แล้วจะ แต่งงานอยู่กินกับตาตร้า หรือแค่เป็นภรรยาน้อยตาตร้า แล้วเลิกกับผม หรือเธอจะเลิกกับตาตร้า (คือขอยืมตัวไปใช้งานชั่วคราว) แล้วจะกลับมาเป็นแฟนผม ก็สุดแล้วแต่เธอ หรือเธอจะทำแบบรักสี่เส้าคือตาตร้าก็มีแฟนแล้วมีความสัมพันธ์กับ จขกท และ จขกท ก็มีผมเป็นแฟน แล้วเธอก็มีความสัมพันธ์กับตาตร้าไปพร้อมๆกัน ผมก็ยินดี จะเอายังไงก็เอาเสียอย่างหนึ่ง อย่าได้เอาแต่มาพูดกรอกหูผมว่าหนักใจเรื่องเพื่อนร่วมงาน เพราะเรื่องเพื่อนร่วมงาน ถ้าคุณไม่มีใจให้ตราต้าเสียอย่างหนึ่ง มันก็เป็นเรื่องขี้ประติ๋ว เหมือนๆกับกรณีผมกับเพื่อนร่วมงานหญิงคนเดิม จริงหรือเปล่าล่ะ? จากคุณ : คู่แข่งตาตร้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 09:19:53 A:124.121.94.86 X:203.144.144.165 TicketID:232529

ความคิดเห็นที่ 14   แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ จขกท ตอนนี้ก็ยังไม่อนุญาตให้ผมกลับไปคุยกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ผมคุยด้วยอย่างถูกคอ เพราะว่า "จขกท หึงจนรับไม่ได้" ในขณะที่ผมรัก จขกท จนยอมอนุญาตให้ จขกท นอกใจผมได้ จขกท ลองไปคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดีๆนะ แล้วในอดีตนะ ผมมีแฟนเก่า 2 คนที่เลิกกันไปด้วยเหตุผลอันเดียวกัน นั่นก็คือ “พวกเธอทั้งสองคนคุยกับเพื่อนผู้ชายสนิทๆแล้วบอกว่า ‘เป็นเพื่อนเท่านั้น’ ในขณะที่ตัวผมเองก็คุยกับเพื่อนผู้หญิงแบบเป็นเพื่อนเฉยๆจริงๆ แต่พวกเธอทั้งสองคนหึงจนทะเลาะกันบ้านแตก แล้วเลิกกันไปแล้ว” หมายเหตุ complex (ปม) ของ จขกท มีเรื่องพัวพันหลายเรื่อง เช่นเรื่องแม่ของ จขกท ที่ไม่ยอมให้ จขกท แต่งงานกับผม จริงๆแล้วแม่เธอไม่ยอมให้เธอมีผู้ชาย คนไหนๆทั้งนั้น ทั้งๆที่ จขกท ก็อายุตั้ง 35 แล้ว เรียนจบระดับปริญญาโทแล้วและทำงานมั่นคง แต่แม่ต้องการบังคับเคี่ยวเข็ญให้ลูกสาว เป็นทาสรับใช้แม่ไปตลอดขีวิต ซึ่งก็ยังเป็นปัญหาคาราคาซัง อยู่จนทุกวันนี้ ถ้า จขกท อนุญาตนะ ผมจะเปิดกระทู้ใหม่ขอความเห็นผู้คนทั้งหลายว่า จะเอาไงกันดีในเรื่องแม่ จขกท นี้ เพื่อนผู้หญิงรุ่นพี่ผม (สมมุติว่าเธอชื่อ "p" นะ) p เคยโดนพ่อแม่บังคับแบบนี้ แต่ p ออกเรือนไปโดยขัดขืนคำสั่งแม่ แต่ p ก็ไปอยู่ใกล้ๆพ่อแม่ในระยะเดินได้ เพื่อไปดูแลพ่อแม่ทุกวัน แต่ p บังคับใช้สิทธิส่วนบุคคลของเธอที่จะอยู่กินกับสามีของเธอซึ่งแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายในบ้านอีกหลังเพื่อป้องกันไม่ให้พ่อแม่เธอก้าวก่ายในสิทธิส่วนบุคคลของเธอเนื่องจากว่า p บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำงานแล้ว ช่วยตัวเองได้แล้ว และสามีเธอก็ช่วยกันทำมาหากินอย่างสุจริตและมีความผาสุขในชีวิต และ p ก็ไม่เคยที่จะทอดทิ้งพ่อแม่ เพราะเดินไปดูหาข้าวหาน้ำพูดคุยด้วยทุกวัน เมื่อผมแนะนำให้ จขกท กับผม ทำแบบ p แต่ จขกท ไม่กล้าทำ ผมก็งง? แล้วไปปรึกษา p ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ผม p ซึ่งเคยรับเรื่องปรับทุกข์จาก จขกท บ่อยมาๆ จนรู้สภาพจิตของแม่ จขกท ดี บอกว่า แม่ จขกท (ตอนนี้สามีเสียแล้ว) มีสภาพทางจิตที่ไม่มั่นคงเหมือนพ่อแม่ของ p ดังนั้น ถ้า จขกท ออกเรือนไปโดยขัดขืนคำสั่งแม่ โดยไปเชื่อคำยุยงของผมหรือของ p แม่ จขกท อาจประสาทกินหนักขนาดผูกคอตายประชดลูกสาว แล้วลูกสาว (คือจขกท) ก็อาจกลายเป็นบ้าไป แล้วก็เลิกคบกับผม แล้วก็เลิกคบกับ p ไปเลย สิ่งเหล่านี้มันก่อให้เกิด complexes (ปม) หลายๆอย่าง จึงทำให้กลายเป็นปัญหาเร้ารุมจิตใจ จขกท จนต้องถึงกับต้องพึ่งพาอาศัยความอบอุ่นใจจากตาตร้า เรื่องมันก็เลยชักจะไปกันใหญ่ เอาไว้ผมจะเปิดกระทู้เรื่องสภาพจิตของแม่ จขกท ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพจิต และสุขภาพกาย และหน้าที่การงานของ จขกท มากๆ ให้คนทั่วๆไปอ่านกัน เผื่อจะเข้าใจบ้างว่าจะ handle พ่อแม่ที่บังคับเคี่ยวเข็ญลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ได้อย่างไร? ซึ่งกรณีอย่าง จขกท นะ เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง แม่เธอบังคับให้เธอเป็นทาสรับใช้ เธอก็กตัญญูเชื่อฟังคำสั่งแม่ อาจเป็นเพราะไม่อยากให้แม่ฆ่าตัวตายประชดลูกสาว และสิ่งที่น่าเศร้ามันก็คือว่า วันที่แม่ตาย และปล่อยให้ลูกสาวเป็นอิสระที่จะออกเรีอนนะ "ลูกสาวอายุ 80 ปีเข้าไปแล้ว" แล้วเธอจะไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนกันล่ะ เมื่ออายุปานนั้น นี่เป็นเรื่องที่แสนเศร้าในสังคมไทย ที่พ่อแม่ทำร้ายลูกตัวเอง จากคุณ : คู่แข่งตาตร้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 09:32:17 A:124.121.94.86 X:203.144.144.165 TicketID:232529

ความคิดเห็นที่ 15   ถ้า จขกท จะอนุญาตนะ วันนี้ขอ showdown ให้มันรู้ดำรู้แดงกันสักทีเพราะผมเก็บกดเรื่องพวกนี้หลายๆเรื่องเอาไว้นานแล้ว รู้สึกอึดอัดมากๆเพราะว่า แท้จริงแล้ว ปัญหาของ จขกท มันแก้ได้สบายๆ ถ้า จขทก แก้ที่ต้นตอของปัญหา นั่นก็คือหาทางแก้ปัญหาเรื่องแม่ จขกท ให้ได้ และแก้ปัญหาเรื่อง skills (ทักษะ) บางอย่างที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน เช่น การแปลไทยเป็นอังกฤษให้เร็วกว่าเดิม (เพราะถ้าแปลช้างานมันสุมกันมันจะเครียด) การใช้ computer พลิกแพลงให้เร็วกว่าเดิม (เพราะถ้าไม่รู้จะทำงานได้ช้า) การฝึกโยคะ และกินอาหารปลอดสารพิษ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่อง sex ที่น่าจะมาจากความเครียดและ hormone imbalance (ระบบฮอร์โมนขาดสมดุลย์) ซึ่งผมมีความรู้พอที่จะถ่ายทอดให้ จขกท ได้ แต่จะมีเวลาถ่ายทอดให้ จขกท ได้ก็แค่วันเสาร์เพียงวันเดียวที่เจอกันเท่านั้น แต่ทุกๆวันเสาร์ จขกท มาที่บ้านผม "แล้วเปิดแต่ youtube ดูหนังฟังเพลงชนิดที่ดูกับตาตร้าในที่ทำงานอย่างมีรสนิยมเดียวกันและมีความสุข" จนกาลเวลาผ่านไป 3 ปี แต่จขกท ก็ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากผมไปเพื่อที่จะทำให้เธอรู้วิธีทำงานให้รวดเร็วไม่เครียด (ผมถ่ายทอดได้เพราะผมมีชั่วโมงบินการทำงานลักษณะของ จขกท มากกว่าหลายเท่า) และผมมีความรู้เรื่องโยคะ การแพทย์ทางเลือก มากพอที่จะช่วยให้ จขกท relax และคลายเครียดได้ แต่ จขกท ไม่ยอมรับความรู้จากผม และปล่อยให้ปัญหาต่างๆ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่น่ามีปัญหา กลายเป็นปัญหาเร้ารุมจิตใจ ดังนั้น เมื่อมีเรื่องตาตร้ากับเพื่อร่วมงานเข้ามา สุขภาพจิตเธอจึงแย่ลงไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงขั้น breakdown ไปเลยหละ แล้วก็เลยกลายเป็นว่า “ต้องอาศัยความอบอุ่นจากการพูดคุยและอยู่ใกล้ชิดกับตาตร้ามาปลอบประโลมจิตใจ” จริงๆแล้วปัญหาทุกอย่างมันแก้ไขได้ด้วยการ "ฝึกฝนตนเองให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ทำให้สมองเรียนรู้ทักษะใหม่ๆมาใช้ทำงานได้ ปัญหามันก็จะหายไปเอง ไม่ต้องไปทุรนทุราย" เหมือนๆกับที่มีใครคนหนึ่งพูดว่า If you're unhappy, blame yourself. ถ้าคุณไม่มีความสุข ให้โทษตัวคุณเอง ซึ่งก็เป็นจริงๆในกรณีของ จขกท นั่นก็เพราะว่า 1. คุณไม่พยายามพูดให้แม่คุณเข้าใจว่า คุณอายุ 35 แล้วและสมควรมีสิทธิส่วนบุคคลของคุณที่จะกลับบ้านเวลาไหนก็ได้ จะไปค้างแรมสุดสัปดาห์ก็ได้ หรือจะแต่งงานกับใครก็ได้ 2. คุณไม่พยายามเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้ทำงานได้ง่ายกว่าเดิม จะได้ไม่เหนื่อยสมอง การที่คุณจะเรียนเทคนิคลับในการแปลไทยเป็นอังกฤษ กับเรียนวิธีลัดในการใช้ computer จากผม จะทำให้คุณทำงานได้เร็วกว่าเดิมอีกหลายเท่า แบบสบายๆหายห่วง ไม่ต้องเครียดสมอง 3. การที่คุณจะเรียนโยคะกับการแพทย์ทางเลือกจากผมไปบ้าง จะทำให้คุณ relax ได้ และคุณจะเรียนรู้ว่ามันมีสารอาหารธรรมชาติที่จะปรับแก้ระบบฮอร์โมนของคุณให้กลับเป็นปกติ "คุณจะได้แก้ปัญหาเรื่อง sex ได้โดยไม่ต้องไปพบจิตแพทย์หรือใช้ตาตร้าแทนจิตแพทย์เลย" จริงๆแล้วเรื่องข้อ 3. นี้แหละ เป็นเรื่องราวสำคัญที่ผมคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง (คนที่พูดถึง) อย่างถูกคอวันละหลายๆชั่วโมงมาทุกวันเป็นเวลานานถึง 2-3 ปี แต่ผมก็ต้องตัดเพื่อนสนิทคนนี้ออกไปจากชีวิตผม เพราะผมไม่เชื่อว่า "ผู้หญิงกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันได้โดยไม่ลงเอยมารักกัน คงยากที่จะหักห้ามใจไว้ได้" อีกทั้ง จขกท ขู่ผมไว้ว่า เธอขี้หึง และเธอจะหึงผู้หญิงคนนั้นซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผม "และผมรัก จขกท มากจน "จำใจ" ต้องตัดเพื่อนสนิทคนนั้นออกไปจากชีวิตของผม" และขณะนี้ผมก็ไม่มีเพื่อนสนิท มากเท่า จขกท "แต่ จขกท กลับต้องการความสนุก (คุยกันสนุก) และความอบอุ่นจากตาตร้ามากๆ เพื่อมาปลอบประโลมชีวิตอันเศร้าๆของ จขกท (เรื่องแม่) ซึ่งผมก็ยินดีที่จะไม่หึงหวงตาตร้าแต่อย่างใด" แต่ "ผมก็ยังอยากให้ จขกท พยายามแก้ไขปัญหาชีวิตตัวเอง โดยการแก้ไขที่ต้นตอของมัน ไม่ใช่ว่าได้แต่หวังจะพึ่งพาความอบอุ่นจากใครคนหนี่งที่เผอิญมาใกล้ชิดเท่านั้น" จากคุณ : คู่แข่งตาตร้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 09:56:09 A:124.121.94.86 X:203.144.144.165 TicketID:232529

ความคิดเห็นที่ 16   อ่านจนเหนื่อย มีความรู้สึกว่า จขกท ถามแบบหนึ่ง แต่คุณแฟนของ จขกท ตีความไปแบบหนึ่ง ซึ่งอ่านแล้วแปลกๆ แต่สรุปได้อย่างหนึ่งว่า คุณคู่แข่งตาตร้าคะ ถ้าคุณเป้นคนดีขนาดนี้ ใจกว้างขนาดนี้แล้ว ถึงขนาดให้แฟนไปนอนกับผู้ชายคนอื่นเพื่อขจัดปมในใจได้ แต่ถ้าหากที่คุณทำมาพูดมาทั้งหมดนี่แฟนคุณยังไม่เข้าใจความหวังดีของคุณล่ะก็ ขอแนะนำสั้นๆค่ะ หาแฟนใหม่ไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวกันตั้งแต่เรื่อง ปม complex ไปจนถึงเรื่อง sex จากคุณ : นางมารน้อย เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 10:40:22 A:58.136.229.12 X: TicketID:142171