ความคิดเห็นที่ 1 เลยไปตรวจที่ศิริราช(แบบออกเงินเอง)อาจาร์ยหมอที่ศิริราช ดูฟิลม์เอ็กซ์เรย์เก่าๆของเราทั้งหมด แล้วก็ให้ทำ CT-SCAN อีกครั้ง ผลออกมาว่า อาจาร์ยหมอที่ศิริราชเห็นควรว่าต้องผ่าออก เพราะปล่อยไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อนาคตอาจจะกลายเป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ เอาออกดีกว่านะ ก้อนเนื้อมีขนาดประมาณ 2 นิ้ว จะให้นัดผ่าเลยมั้ย เราก็บอกว่ายังก่อนค่ะ เพราะเรารู้มาว่าค่าใช้จ่ายแพงมากเกือบแสนแน่ะ จะยื่นทำเรื่องกับประกันสังคมก่อนค่ะ ว่าโรงพยาบาลที่เราใช้ประกันสังคมอยู่มี Contact  กับศิริราชรึเปล่า   เราอยากผ่าที่ศิริราชมากกว่า  เพราะใกล้บ้าน เดินทางสะดวก  ส่วนโรงพยาบาลที่เราใช้สิทธิ์ประกันสัมคมนั้นค่อนข้างเล็กมาก คงไม่มีความพร้อมในเรื่องของผ่าตัดใหญ่แบบนี้ ปรากฎว่า ไม่ส่งตัวเราไปที่ศิริราช แต่ส่งเราให้ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลแถวนนทบุรีแทน แล้วก็บอกกับเราว่าได้ยกเลิก Contact กับศิริราชไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเรามารู้ทีหลังค่ะว่าเค้ายังมี Contact กันอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงส่งตัวเราไปโรงพยาบาลที่ไกลขนานนั้น จะทำยังงัยได้ล่ะ ถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปค่ะ ไม่มีทางเลือก โรงพยาบาลที่เค้าส่งไปนั้นก็มีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะ เอาน่าลองดู ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองอย่างนี้  /// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 20:55:44

ความคิดเห็นที่ 2 เราเดินทางไปโรงพยาบาลที่ประกันสังคมส่งตัวไปเผื่อจะผ่าตัดหลายครั้งซึ่งแต่ละครั้งต้องทำเรื่องส่งตัวจากโรงพยาบาลหลักของประกันสังคมของเราก่อนทุกครั้ง ซึ่งโรงพยาบาลหลักของประกันสังคมเราอยู่แถวหนองแขม ไกลมากๆ (ตอนเลือกโรงพยาบาลประกันสังคมเราเน้นจะแต่ต้องใกล้บ้าน เดินทางสะดวก ไม่ได้สนใจโรงพยาบาลหลักเลยว่าจะไกลรึเปล่า เพราะคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหนักมากมายหรอก เลือกโรงพยาบาลลูกข่ายที่ใกล้ๆบ้านก็พอ) คิดผิดอย่างแรงค่ะ ลำบากมากๆ ทั้งระยะทาง ทั้งบริการการส่งตัวที่แสนจะยากเย็น กว่าจะออกใบส่งตัวได้ ต้องในเวลาราชการเท่านั้น ช่วงก่อนผ่าตัดเราหยุดงานร่วมๆ 10 วันเลยกว่าจะวิ่งเรื่องเสร็จ ค่าใช้จ่ายเดินทางสูงมากเราก็มนุษย์เงินเดือน(น้อย)ธรรมดา คนส่งตัวไม่คิดบ้างเลยเหรอว่า หนองแขม – นนทบุรี มันไม่ใช่ใกล้ๆ สมมุติว่าถ้าอาการหนักๆ สงสัยคงต้องตายตอนเดินเรื่องส่งตัวเนี้ยแหละค่ะ/// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:00:38

ความคิดเห็นที่ 3 และแล้วอาการเจ็บหน้าอกที่ไม่ได้เป็นมานานก็กำเริบอีกครั้ง ครั้งนี้หนักว่าครั้งที่แล้วอีก เจ็บมากๆ หายใจแทบไม่ได้ เราก็เลยจะไป Adminที่โรงพยาบาลลูกข่ายประกันสังคมก่อนเพราะใกล้บ้าน แต่โรงพยาบาลนั้นบอกว่าไม่มีเตียงว่าง ให้เราไปที่โรงพยาบาลหลักประกันสังคมของเราที่อยู่แถวหนองแขมเอง ไม่มีรถพยาบาลไปส่งนะ ให้เรานั่งรถแท็กซี่ไปเอง  คุณหมอโรงพยาบาลหลักประกันสังคม ก็ไม่ได้ทำไรเรามากให้ออกซิเจน ให้ยา ถามอาการ (ช่วงที่คุณหมอเวรมาตรวจ ซักถามอาการ จะถามแบบเร็วมาก ถามแบบไม่ใส่ใจ จะเดินออกอย่างเดียว) หมอบอกว่าก็คงจะเกี่ยวกับก้อนเนื้อที่ช่องอกนั้นแหละ หมอคงทำอะไรมากไม่ได้ (อ่าว....มีงี้ด้วย)เราก็เลยถามว่า คุณหมอช่วยส่งตัวไปโรงพยาบาลที่จะไปผ่าตัดได้มั้ยค่ะเพราะพรุ่งนี้ก็ถึงวันนัดแล้ว(นัดไปเพื่อกำหนดวันผ่าตัด) เกิดอาการไม่ดีไปก่อนคงไม่เป็นไร คุณหมอบอกว่างัยรู้มั้ยค่ะ ไว้คุณไปวันนัดไม่ดีกว่าเหรอ อาการก็ดีขึ้นแล้วนิ นั่งรถไปเองดีกว่ามั้ย คงไม่มีรถไปส่งหรอก เราก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อค่ะ ได้แต่ทนรอวันรุ่งขึ้น /// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:01:27

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องเลวร้ายยังไม่หมดเพียงเท่านี้ พอวันรุ่งขึ้น ปรากฎว่าแพ้ยาค่ะ เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่โรงพยาบาลหลักประกันสังคมให้มา อาเจียนตั้งแต่ตี 3 ถึงเช้า เวียนหัวมากๆ ยังคงแน่นหน้าอกอยู่นิดหน่อย พอไปถึงโรงพยาบาลทที่จะต้องผ่าตัด นางพยาบาลเห็นหน้าเราซีดมาก เลยเข้ามาซักถามอาการ เราก็บอกว่าวันนี้คุณหมอจะนัดผ่าตัดค่ะ  เค้าก็เห็นว่าอาการไม่ดี เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลด้วย เลยส่งตัวเราเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อดูอาการ และบอกว่าจะให้พบคุณหมอเร็วขึ้น ไม่นานนักก็ได้พบคุณหมอ ซึ่งเป็นคุณหมอที่พบนั้นเป็นคนละคนกับคนที่เรามาหาครั้งก่อนๆ ตอนนั้นอาการเวียนหัว จะอาเจียนยังไม่หาย  พอเจอคุณหมอเราก็ยกมือไหว้ สวัสดี คำแรกที่หมอคนนั้นพูด –ประกันสังคม หมอ - บอกว่าเป็นอะไรมาล่ะ เรา-ก็เล่าอาการว่าเจอก้อนเนื้อที่ช่องอก บลาๆๆ หมอ - แล้วนี่ที่เวียนหัวอยู่เนี้ย เสแสร้งแกล้งทำรึเปล่า   เรา - ก็งงๆ ว่าทำไมหมอพูดแบบนี้ รู้สึกไม่ดีเลย แต่ก็ยังพูดดีๆว่า เป็นเพราะเราแพ้ยา หมอ – เหรอ คงไม่เป็นไรมากหรอก  ส่วนเรื่องก้อนเนื้อเนี้ย หมอเห็นว่าคงไม่เป็นไรมาก หมอจะนัดมาเจอหมออีกคนครั้งหน้า เรา – แต่คุณหมอคนที่แล้ว บอกว่าวันนี้จะทราบว่าจะได้ผ่าวันไหน หมอ – ประกันสังคมจะมาเรื่องมากได้ยังงัย ต้องรู้สิ เรา – ก็หันไปหาพยาบาล พูดกับพยาบาลว่า ทำไมหมอพูดไม่ดีเลย ๆ ต่อมน้ำตาเริ่มแตกแล้ว หนูไม่ได้      เรื่องมากนะ มันไกลมากๆเลยกว่าจะมาถึงที่นี่ กว่าจะทำเรื่องส่งตัวแต่ล่ะครั้ง หยุดงานเยอะแล้วด้วย หมอ – พูดไม่ดีตรงไหน ก็บอกว่าประกันสังคมคงเรื่องมากไม่ได้หรอก ก้อนเนื้อของเธออ่ะเรื่องเล็กน้อย อีกนานกว่าจะได้ผ่า แล้วนี่จะเอายามั้ย เรา – ไม่เอาค่ะ แล้วเราก็เดินออกจากห้องตรวจเลย พอออกมาจากห้องตรวจเท่านั้นแหละ ปล่อยโฮ่ออกมาอย่างไม่อายใครเลยค่ะ เสียความรู้สึกมากๆ พี่พยาบาลก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร เราก็เล่าเหตุการ์ณให้ฟัง พยาบาลพูดว่าหมอคนนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ พูดจาเสียงดัง เราก็บอกว่าพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ประกันสังคมไม่ใช่คนเหรอค่ะ เป็นหมอพูดจาแย่ๆอย่างนี้ได้ยังงัย ยังมีความเป็นหมออยู่รึเปล่า พี่พยาบาลแนะนำให้เขียนใบร้องเรียน เรื่องนี้ต้องถึง ผอ. เราแน่นอน  หมอคนนั้นทำเรื่องแบบนี้กับคนไข้หลายรายแล้ว ผอ.ต้องเรียกเข้ามาตักเตือนแน่ แค่ตักเตือนเหรอ หนูว่าหมอคนนี้ไม่สมควรจะรักษาคนไข้อีกต่อไป จรรยาบรรณคงไม่มีแล้ว  และก็ให้เราพบหมออีกคน เค้ารับรองว่าคุณหมอคนนี้พูดดี ใจดีแน่นอน เราก็เข้าไปพบอีกคน หมอคนนี้พูดดีค่ะจ่ายยาแก้เวียนหัวให้เรา และก็นัดให้อาทิตย์หน้ามาพบกับหมอศัลยฯ เพื่อจะได้นัดผ่าตัดอีกที/// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:01:48

ความคิดเห็นที่ 5 อีกอาทิตย์ต่อมา ก็ไปโรงพยาบาลที่จะผ่าตัดเพื่อมาพบหมอศัลยฯ ซื่งคุณหมอคนนี้ดีมากๆเลยค่ะ ซักถามอาการอย่างละเอียด เปรียบเทียบฟิลม์เอกซ์เรย์ที่ผ่านๆมาของเราทั้งหมด อย่างใจเย็น หมอ -  ก้อนเนื้อไม่โตขึ้นนะ แต่ก็ควรจะเอาออกเลย หมอจะนัดผ่าตัดอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้านะ ได้มั้ย เรา - ก็บอกว่าได้ค่ะ และต้องผ่าแบบไหนค่ะ หมอ – ต้องผ่าตัดแบบด้านหน้านะ ถ้าผ่าด้านข้างหมอกลัวเอาออกไม่หมด เพราะตำแหน่งก้อนเนื้อมันอยู่ คือเหนือหัวใจ แต่ใต้กระดูก ผ่าตัดแบบด้านหน้าแบบเปิดอกจะทำให้เอาก้อนเนื้อออกได้ทั้งหมด ไม่ต้องมาผ่าหลายรอบ เรา - แล้วต้องพักฟื้นกี่วันค่ะ หมอ - ก็ไม่น่าเกิน 2 อาทิตย์ หมอจะผ่าแบบไม่สูงมาก เพราะรู้ว่าเรายังอายุน้อยอยู่ ก็ต้องกังวลเรื่องความ สวยความงามไว้ก่อน เรา - คุณหมอเป็นคนผ่าตัดเองเลยรึเปล่าค่ะ หมอ - ครับผมผ่าเอง แล้วอีก 2 อาทิตย์พบกัน อย่ากังวล ดูแลสุขภาพ อย่าให้เป็นหวัดนะ เรา – ค่ะขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณหมอ แล้วพี่พยาบาลก็นัดเราให้มา Admin ก่อนวันผ่าตัด 1 วันเพื่อมาเตรียมตัวก่อนผ่าตัด /// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:02:32

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนวันผ่าตัด 1 วัน การเตรียมตัดก่อนผ่าตัด(แบบคร่าวๆนะค่ะ) ก็คือ วัดความดัน ตรวจเลือด (ตรวจเบาหวาน ตรวจเอดส์-ถ้าใครเป็นเอดส์ที่นี่จะไม่ผ่าตัดให้ค่ะ) ต้องดื่มน้ำที่พี่พยาบาลจัดมาให้เท่านั้น เวลาปัสสาวะเสร็จ ก็ต้องเอาปัสสาวะตัวเองใส่ขวดแก้ว พี่พยาบาลบอกว่า จะได้รู้ว่าน้ำที่เราดื่มกับที่ออกมามีสัดส่วนพอเหมาะกันหรือไม่ ช่วงบ่ายๆ จะมีคนมาหาหลายคนมาก ทั้งวิสัญญีแพทย์ มาแนะนำและบอกวิธีว่าจะวางยาเรายังงัย มีนักกายภาพบำบัดมาแนะนำและสอนวิธีการปฎิบัติตัวหลังผ่าตัด วิธีพลิกตัว ลุกขึ้นนั่ง วิธีการไอที่ถูกต้อง(เวลาจะไอต้องเอาหมอนมากอดไว้ที่หน้าอกเพื่อลดแรงสะเทีอนเวลาไอหรือจาม) ทีมแพทย์ผ่าตัดประมาณ 2-3 คนมาซักถามอาการอีกครั้ง บอกว่าอย่ากังวลเพราะถ้าเครียดมากกังวลมากๆ จะผ่าตัดไม่ได้ เวลาผ่าตัดของเราคือประมาณ 11 โมงเช้าต่อจากผู้ชายอีกคน  เราก็ถามว่าแผลจะออกมาเป็นยังงัย มันจะปูดๆมั้ย เป็นเหมือนแผลเป็นแบบตะขาบๆอย่างที่เราเคยเห็นมั้ย หมอก็บอกว่ามันแล้วแต่ผิวหนังแต่ละคน ผ่าตัดก็ต้องทำใจอย่างหนึ่งก็คือเรื่องแผลเป็นเนี้ยแหละ แต่ถ้าดูแลตัวเองดีๆ แผลก็จะออกมาสวย ช่วงหัวค่ำพี่พยาบาลก็มาสวนก้น- โกนขนบริเวณที่จะผ่าตัด (ช่วงหน้าอก) และก็ให้เราไปอาบน้ำ บอกว่าอาบแบบให้ชื่นใจเลย เพราะหลังผ่าคงไม่ได้อาบน้ำอีกเป็นอาทิตย์ เราก็เลยอาบแบบเต็มทีเลย  และให้ยานอนหลับตอน 3 ทุ่ม เพราะกลัวว่าคนไข้จะกังวลจนนอนไม่หลับ  งดข้าวงดน้ำหลังเที่ยงคืน และแล้ววันผ่า.....ก็มาถึง//// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:02:49

ความคิดเห็นที่ 7 ถามว่าตื่นเต้นมั้ย – ตื่นเต้นนะ แต่ทำใจดีสู้เสือไว้ จะบอกว่าเราเป็นคนไข้ที่อายุน้อยที่สุดในนั้นเลย คนที่ผ่าส่วนมาจะอายุ 50 ขึ้นไปขนาดลุงกะป้ายังไม่กลัว เราก็ต้องไม่กลัว เราตื่นมาตั้งแต่ตี 5 อาบน้ำอีกรอบ นึกในใจอืมมีเวลาทำใจอีกตั้งหลายชั่วโมงเดี๋ยวค่อยกังวลใหม่ แต่พอประมาณ 7 โมงเช้าก็มีพี่พยาบาลมาบอกเราว่า น้องได้ผ่าตัดคนแรกนะ คนที่ได้คิวแรกเค้ายังไม่พร้อม  (อ่าวกำล่ะ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ทำใจก่อน..........) อ่ะน้องขึ้นเตียงเข็นเราไปกันได้แล้ว  ค่ะพี่ พร้อมก็พร้อมอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  สู้ๆ  พอมาถึงห้องผ่าตัด หมอก็หยิบฟิลม์เอ็กซ์เรย์ทั้งหมดมาดู ถามชื่อกับนามสกุลเราอีกครั้ง จากนั้นก็ให้เราดมยาสลบ บอกว่าให้สูดหายใจเข้าลึกๆ เราก็สูดลึกๆได้ 2 ที(สูดลึกเท่าที่จะสูดได้ กลัวไม่สลบจริง) หลังจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่พยาบาลเรียกชื่อ เราก็ยังสะลึมสะลืออยู่ ความรู้สึกแรกคือเจ็บ+ปวดแผลมากๆ ที่สุดในชีวิตจริงๆค่ะ มันปวดแบบหนักๆ ทรมานมาก เพราะเค้ายังไม่ได้ให้ยาแก้ปวดทันทีหลังผ่า ต้องรอดูอาการอีก 2 ชั่วโมงหลังผ่าว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือไม่ คิดว่าตายไปเลยดีกว่ามั้ย ร้องครวญคางด้วยความเจ็บปวดตลอด พอให้ยาแก้ปวดได้(ฉีดเข้าสายน้ำเกลือ) เราขอยาแก้ปวด(มอร์ฟีน)ทุก 2 ชั่วโมงเลย พี่พยาบาลบอกว่าให้มากไม่ได้มันไม่ดี เดี๋ยวติด ก็มันปวดอ่ะ จะบอกอีกอย่างว่า หิวน้ำมากๆๆๆๆๆ แต่เค้าไม่ให้กินน้ำจนถึงเช้าอีกวัน(กินน้ำไม่ได้เดี๋ยวติดเชื้อ) ยังไม่พอยังมีท่อสายยาง(สายเท่ากับสายยางฉีดน้ำอ่ะ)ต่อมาจากช่องปอดทะลุออกมาข้างนอกอีก 3 สาย เป็นสายที่ระบายน้ำเหลืองและเลือด พอวันรุ่งขึ้นจะบอกว่าประจำเดือนมาอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ มาทำไมตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา แง้ๆ ต้องใส่ผ้าอนามัยแบบห่วง ในใจคิดว่าจะมีหนักกว่านี้อีกมั้ยชีวิตนี้  แล้วก็ย้ายมาห้องพิเศษ ห้องพิเศษที่นี่ไม่มีพยาบาลมาดูแลแต่อย่างใด นอกจากจะจ้างพยาบาลพิเศษเอง เราไม่ได้จ้างหรอก แพงอ่ะ จะบอกว่าเราลุกไปไหนไม่ได้เลย ติดไอ้ 3 สายนั้นอ่ะ ดังนั้นไม่ว่าจะหนัก จะเบา จะกิน จะนอน เปลี่ยนผ้าอนามัย แฟนเราดูแลตลอด รู้สึกถึงน้ำใจและความห่วงใยกันเมื่อยามเจ็บไข้เนี้ยแหละค่ะ กำหนดวันถอนสายยางคือ 3 วัน  และตัดไหม 7 วันหลังผ่าตัด เราอยู่โรงพยาบาล 7 วัน พักฟื้นที่บ้านอีก 15 วัน(หมอเขียนให้แค่นั้น) ร่วมๆ 20 วัน พอหมดวันลาก็ไปทำงานเลยค่ะ ถึกสุดยอดแผลก็ยังเจ็บ แต่จะทำงัยได้ล่ะ ไม่ไปก็ไม่มีเงินกินอ่ะ หยุดไม่ได้แล้ว บริษัทให้ลาป่วยแค่ 30 วันต่อปี เพราะหลังจากนี้จะโดนหักเงิน (แต่ก็ยังมีสิทธิ์เรียกทดแทนรายได้จากประกันสังคมได้ 60% ของรายได้ต่อวัน) แต่ของเราเสียเวลาตอนวิ่งเรื่องก็ร่วม 10วันแล้ว รวมตอนผ่าตัดก็ 30 วันพอดีเลย แผลผ่าตัดเรายาวประมาณ 14 ซม. และมีรูอีก 3 รูอีกใต้ราวนม (รูที่ต่อท่อนั้นอ่ะ)/// จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:03:09

ความคิดเห็นที่ 8 ค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากประกันสังคม ก็จะมีค่าส่วนเกินห้องพิเศษ(ประกันสังคมออกให้ 350 บาท/วัน) ค่ายาที่อยู่นอกเหนือประกันสังคม(พวกยานอก) รวมๆ 10,000 บาทค่ะ คุณหมอที่ผ่าตัดให้นัดมาดูอาการและฟังผลชิ้นเนื้ออีกทีเดือนหน้า อีก 1 เดือนต่อมาก็มาตามนัดแผลยังเจ็บอยู่เลย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะผ่ากระดูกด้วยถึงจะเอาก้อนเนื้อออกมาได้  ตอนนี้ก็มีลวดเกี่ยวกระดูกไว้อยู่ เนื่องอกที่บอกว่า 2 นิ้วผ่าออกมาจริงๆ เท่าลูกเทนนิสค่ะท่านผู้อ่าน เหลือเชื่ออ่ะ ผลชิ้นเนื้อที่บอกว่าเป็นเนื้องอกนั้น ปรากฎว่ามันคือ “มะเร็ง” ขั้นที่ 1 หมอบอกว่าโชคดีมากเลยนะที่เจอเร็ว อาจจะเป็นเพราะก้อนเนื้อนี้มันไปเบียดปอด และไปกดทับเส้นประสาท จึงแสดงอาการให้เห็นว่าเจ็บแน่นหน้าอก  เพราะรายอื่นๆที่เจอจะไม่เคยแสดงอาการ มาเจออีกทีก็ขั้น 2-3 แล้ว เพราะมะเร็งชนิดนี้เป็นมะเร็งที่โตขึ้นอย่างช้าๆ ไม่เหมือนมะเร็งชนิดอื่น เราถึงกับอึ้งเลยค่ะ ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ (ก็ไหนหมอที่ประกันสังคมคนแรกบอกกับเราว่าเป็นก้อนเนื้องอกธรรมดา ไม่อันตราย)  คุณหมอยังบอกว่ามะเร็งก้อนนี้ตัดแล้วก็จบกัน มันจะไม่ลามไปส่วนอี่น แต่มันก็ยังมีโอกาสกลับมาที่เดิมได้ ต้องมาหาหมอตลอดชีวิตเพื่อติดตามอาการต่อไป ต้องทำ CT-SCAN ทุกปี เอ็กซ์เรย์ปอดทุกครั้งที่หมอนัด ตอนนี้หมอนัด 2 เดือนครั้ง ถ้าดีขึ้นก็จะ 3 เดือนครั้ง 4 เดือนครั้งจนถึง 6 เดือนครั้ง /// แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 21:15:59 จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:03:37

ความคิดเห็นที่ 9 เกิดคำถามมากมายเมื่อรู้ว่ามันคือ “มะเร็ง” 1. ถ้าเราเชื่อหมอคนแรกที่ตรวจเจอก้อนเนื้อเราแล้วบอกว่าเป็นก้อนเนื้องอกธรรมดาไม่ร้ายแรง ไม่ต้องผ่าออกหรอก ต่อไปจะเป็นยังงัย??? 2. ถ้าเรารอให้เจ็บแน่นหน้าอก น้ำหนักลด ถึงตอนนั้นเราคงรักษาไม่ทันแล้วใช่มั้ย??? 3. ใคร???จะรับผิดชอบ ถ้ามันสายเกินไป 4. บางครั้งโรคบางโรค ก็อย่าไม่เชื่อคำวินิจฉัยของหมอเพียงคนเดียว ควรไปหาหมอหลายๆคน เสียเงินเสียเวลามากหน่อย แต่ได้ความสะบายใจมากกว่า แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 21:05:59 จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:05:23

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงจะเป็นประสบการ์ณที่เลวร้ายมากๆสำหรับเราแต่ก็ยังได้ความรู้และประสบการ์ณนะ 1. รู้เรื่องประกันสังคมมากขึ้น 2. เลือกโรงพยาบาลประกันสังคมเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ถึงแม้โรงพยาบาลระดับต้นๆอาจจะเต็มแล้ว 3. โรงพยาบาลประกันสังคมเค้าดูแลคนไข้กันอย่างนี้นี่เอง (ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง ญาติพี่น้อง เค้านิ เค้าจะรู้สึกอะไร) 4. รู้จักชีวิตมากขึ้น ปลงกับชีวิตมากขึ้น 5. ถ้ามีเงินจะมีโอกาส รอด สูงกว่าคนไม่มีเงิน 6. หมอที่ไม่มีจรรยาบรรณยังคงมีอยู่ (เมื่อรู้ว่าคนไข้ใช้สิทธิ์ประกันสังคม) แต่เราก็ทำอะไรหรือเอาผิดกับเค้าไม่ได้ 7. หมอที่ดีๆก็ยังมีอยู่นะ (ชีวิตยังมีสิ่งดีๆอยู่) ที่ได้เล่ามาทั้งหมดนี่เพื่อนๆคงเบื่อแย่ เพราะมันยาวมาก เราเป็นคนเล่าเรื่องอะไรไม่ค่อยเก่งด้วย พยายามเรียบเรียงเต็มทีแล้วค่ะ  หวังว่าประสบการ์ณที่เราได้เจอมานี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยนะค่ะ  ท้ายสุดของให้เพื่อนๆสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรค ไม่มีภัย มีความสุขกันถ้วนหน้านะค่ะ ไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ จริงๆค่ะ จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:08:51

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟังครับ รู้สึกดีที่ได้อ่านครับ จะเก็บไว้เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งครับ เนื้อเรื่องอ่านเข้าใจง่ายครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 52 21:18:32 จากคุณ : X~JunioR เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:15:40

ความคิดเห็นที่ 12 ...เข้ามาให้กำลังใจ จขกท. จากคุณ : เสือเพิก ชุมแพ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 21:30:51

ความคิดเห็นที่ 13 ดีใจด้วยนะครับที่การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี สามารถรักษามะเร็งระยะเริ่มแรกได้ รพ.ที่คุณไปผ่าตัดน่าจะเป็นรพ.โรคทรวงอกรึเปล่าครับ ที่หมอพูดไม่ดีนั้นผมคิดว่าเป็นลักษณะส่วนตัวของเขามากกว่า เพราะพยาบาลบอกว่าเขาทำกับคนไข้หลายรายแล้ว ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่คุณใช้ปกส.โดยตรงรึเปล่า ว่าด้วยเรื่องมะเร็ง ตอนนี้เรารู้ผลกันแล้วว่ามันคือมะเร็ง ย้อนกลับไปพูดก็ง่าย ทีนี้หากจะดูว่าคุณหมอคนแรกได้วินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องไปดูข้อมูล ณ เวลานั้นครับ ข้อมูล ณ ตอนนั้นที่มี คือคุณมีก้อนเนื้องอกบริเวณขั้วปอด ผ่านการทำ CT มา 3 ครั้ง รวมเวลาก็คงประมาณ 6เดือนถึง 1 ปี ขนาดก้อนก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น ข้อมูลเท่านี้ก็แปลความได้ 2 อย่างว่าเป็นเนื้องอกธรรมดา หรือเป็นมะเร็งชนิดไม่รุนแรง ซึ่งก็ต้องไปดูว่าอุบัติการณ์ของการพบเนื้องอกที่ขั้วปอดนั้นเป็นเนื้องอกธรรมดากี่เปอร์เซ็นต์ เป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์ (ผมไม่มีข้อมูล) ทีนี้ก็ต้องมาพิจารณากันว่าควรจะผ่าตัดหรือไม่ การผ่าตัดนั้นก็มีความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการผ่าตัดในช่องอกที่มักจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งต้องพิจารณาว่าคุ้มกับผลที่ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่ามีก้อนอยู่ก็จะผ่าลูกเดียว หากพิจารณาแล้วว่าการผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง และก้อนนั้นยังไม่น่าจะร้ายแรงมาก ก็ยังไม่ควรผ่าตัด แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าก้อนนั้นมีโอกาสเป็นมะเร็ง คุ้มกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ก็สมควรจะผ่าครับ ผมคงไม่สามารถตัดสินให้ได้หรอกครับว่าการวินิจฉัยของหมอคนแรกถูกต้องหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นเขาก็มีการนัดตรวจติดตามเป็นระยะๆจนเห็นว่าก้อนมันไม่โตขึ้นแล้ว ซึ่งผมเห็นว่าการดูแลตรงนี้เหมาะสมดีแล้วครับ จากคุณ : Pecten Pubis เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 22:28:30

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณนะคะที่มาเล่าให้ฟัง เป็นกำลังให้ จขกท. นะคะ จากคุณ : Wonderer เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 22:48:04

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าต้องผ่าตัดเปิดช่องอก คงต้องมั่นใจว่าคุ้มครับ  เท่าที่เล่ามาผมก็ว่าเขาทำถูกต้องใช้ได้นะครับ เพียงแต่การมามองย้อนหลัง ก็จะเห็นอีกแบบครับ การส่งตัวไปรักษาตาม รพ. หลัก นั้นมันเป็นระเบียบที่ราชการกำหนดครับ ไปต่อว่าเขาก็ไม่ถูกต้องครับ ถ้าได้ผลชิ้นเนื้อมา ว่าเป็นเนื้องอกประเภทไหน ก็จะเห็นภาพมากขึ้นครับ  ขอให้ฟื้นไวๆนะครับ จากคุณ : พี่ไก่ (kai golf) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 23:16:25

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องส่งตัวคนไข้ โรงพยาบาลแต่ละโรงพยาบาลเขามีสายการส่งตัวของเขา อันนี้ต่อให้ใช้สิทธิ์อืนก็บ่นมากไม่ได้ อาจจะยกเว้นอยู่ 2 สิทธิ์ นั่นคือ สิทธิ์รู้จักหมอ และสิทธิ์จ่ายเอง เท่านั้นแหละครับที่พอจะเรื่องมากได้ เรื่องคำพูดของหมอที่พูดไม่ดี ก็เห็นๆกันอยู่ อะไรถูกอะไรผิด อะไรเป็นยังไงก็พิจารณากันได้ ต่อไปก็ขอตอบคำถาม จขกท. ละกันครับ 1. ถ้าเราเชื่อหมอคนแรกที่ตรวจเจอก้อนเนื้อเราแล้วบอกว่าเป็นก้อนเนื้องอกธรรมดาไม่ร้ายแรง ไม่ต้องผ่าออกหรอก ต่อไปจะเป็นยังงัย??? - เนื่องจากการผ่าตัดทรวงอกเป็นการผ่าตัดที่ใหญ่มากกกกกกกก(จขกท.คงรู้ดีว่ามันใหญ่ขนาดใหน) และบวกกับโรงพยาบาลที่สามารถผ่าตัดเปิดช่องอกในประเทศไทย มีไม่เยอะ(แต่คนไข้รอผ่าโคตรเยอะ) รวมไปถึงการตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งปอด ยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในโลกนี้ และอีกอย่าง เมื่อเห็นก้อนในทรวงอก ร้อยละ 99 มันคือต่อมน้ำเหลืองโตแบบ Reactive hyperplasia ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรอยู่แล้ว และคงไม่มีคุณหมอคนใหนในโลก ลงทุนผ่าตัดเปิดทรวงอกเพื่อตัดเอาชิ้นเนื้อที่ ร้อยละ 99 เป็นก้อนเนื้อธรรมดามาตรวจ จึงทำให้พลาดไปได้ แต่อย่างน้อยคุณหมอเค้าก็ยังมีการนัดตามผลเรื่อยๆ ซึ่งโดยมากแล้วมะเร็งมักจะโตขึ้นอย่างชัดเจนภายในเวลาอันสั้น ซึ่งคุณหมอคนแรกได้ตามดูถึง 1 ปี ซึ่งน่าจะพอทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ใช่มะเร็ง จึงได้เลิกตามการรักษาไปครับ ซึ่งถ้าจะถามว่าผิดมั้ย ผมก็คงบอกว่าหมอคนแรกทำได้ตามมาตรฐานวิชาชีพแล้วครับ และผมขอชม จขกท. มากๆเลยครับ มีการติดตามการรักษาเรื่อยๆ และโชคดีมากๆด้วย เพราะมะเร็งปอดระยะแรก ตรวจเจอยากมากๆครับ อยากให้ จขกท. เห็นใจคุณหมอคนแรกด้วยครับ เขาส่งตรวจ จขกท. เต็มที่แล้ว CT Scan หลายครั้ง X-ray ปอดก้ตั้งหลายครั้ง แล้วยังนัดติดตามการรักษาอีกเป็นปีนะครับ มะเร็งปอดมันเป็นโรคที่ตรวจเจอยาก และอีกอย่าง ประวัติมีก้อนมา 1 ปี ผมไม่ค่อยคิดถึงมะเร็งปอดเท่าไรอ่ะครับ เพราะถ้าเป็นมาแล้ว 1 ปีจริงๆ อาการน่าจะเด่นชัดจนถึงระยะ 2-3 แล้ว ไม่น่าจะอยู่แค่ระยะที่ 1 อยู่อย่างนี้ ถ้าถามว่าผมปกป้องหมอคนแรกมั้ย ผมคงบอกว่า "ใช่ครับ ผมปกป้อง" เพราะมะเร็งปอดมันไม่ใช่โรคที่ตรวจเจอในระยะแรกๆได้ง่ายๆ กว่าจะตรวจเจอก็ระยะท้ายๆแล้ว 2. ถ้าเรารอให้เจ็บแน่นหน้าอก น้ำหนักลด ถึงตอนนั้นเราคงรักษาไม่ทันแล้วใช่มั้ย??? - ขึ้นกับว่าระยะใหนครับ จริงๆแล้วมะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่น่ากลัวที่สุดเป็นอันดับ 2 (รองจากมะเร็งตับ) อยู่แล้ว รักษายากอยู่แล้วครับ ถือว่า จขกท. โชคดีแล้วครับที่อยู่ในระยะที่ 1 3. ใคร???จะรับผิดชอบ ถ้ามันสายเกินไป - ไม่ทราบครับ มะเร็งปอดเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากอยู่แล้ว ก็ถือว่า จขกท.โชคดีละกันครับ อย่าได้มีเวรมีกรรมกับใครอีกเลยนะครับ 4. บางครั้งโรคบางโรค ก็อย่าไม่เชื่อคำวินิจฉัยของหมอเพียงคนเดียว ควรไปหาหมอหลายๆคน เสียเงินเสียเวลามากหน่อย แต่ได้ความสะบายใจมากกว่า - มะเร็งปอดระยะแรกๆ หาหมอหลายคนบางทีก็ตรวจไม่ได้อะไรเลยครับ มันตรวจเจอยากมากๆ ยกเว้นแต่ว่าจะมีอาการที่เด่นชัด แล้วอีกอย่าง ถ้าเป็นมะเร็งปอดมาแล้ว 1 ปี ผมว่าผมเชื่อได้ยากว่ามันจะยังคงอยู่แค่ระยะที่ 1 มันน่าจะลุกลามมากกว่านี้ เพราะมะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่โตไว และดื้อด้านเป็นอันดับ 2 อยู่แล้ว จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 52 23:45:14

ความคิดเห็นที่ 17 มาให้กำลังใจและมาเป็นเพื่อนด้วยค่ะ เป็นผู้ป่วยเฝ้าระวังโรคปอด ของ รพ. นี้เหมือนกัน แต่ไม่รุนแรงเท่า จขกท. ค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 52 09:24:09 จากคุณ : pangolin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 09:19:13

ความคิดเห็นที่ 18 ให้กำลังใจ จขกท ด้วยครับ แต่ ก็ เข้าใจหมอ เหมือน กัน ผมว่าการรักษามันไม่ยากเท่าการวินิจฉัย แต่ การใช้คำพูด ของ หมอ บางคน นี่ก็ควรปรับปรุงมากๆครับ จากคุณ : รสกร เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 09:45:39

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณทุกๆความคิดเห็น และทุกกำลังใจนะค่ะ จขกท.ไม่ได้มีอคติกับคุณหมอคนแรกแต่อย่างใดค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะก้อนเนื้อมันก็อยู่ข้างใน ทำ CT-SCAN ก็เห็นแค่เงาๆเท่านั้น จะรู้ว่าเป็นเนื้องอกธรรมดาหรือเนื้อร้ายนั้นมีวิธีเดียวก็คือ ผ่าตัดและนำชิ้นเนื้อไปพิสูจน์เท่านั้น และเชื่อว่าคุณหมอคนแรกได้ทำดีที่สุดแล้ว เมื่อวานนี้เราไปพบคุณหมอท่านนี้มา เพื่อจะไปแจ้งให้ทราบว่าก้อนเนื้อที่คุณหมอบอกว่าเป็นเนื้องอกธรรมดานั้น ที่จริงแล้วมันคือมะเร็ง คุณหมอเองก็แปลกใจว่าเป็นถึงมะเร็งเลยเหรอ และก็บอกว่า กรณีนี้มันอยู่นอกเหนือการรักษาของผม (หมอคนนี้เป็นหมอโรคปอดค่ะ)แต่ก้อนเนื้อที่เจอนั้นมันไม่ได้อยู่ในปอด แต่มันอยู่ตรงกลางระหว่างขั้วปอด หมอเลยบอกอะไรชัดเจนไม่ได้ ที่บอกว่า -ถ้าเราเชื่อหมอคนแรกที่ตรวจเจอก้อนเนื้อเราแล้วบอกว่าเป็นก้อนเนื้องอกธรรมดาไม่ร้ายแรง ไม่ต้องผ่าออกหรอก ต่อไปจะเป็นยังงัย??? -ถ้าเรารอให้เจ็บแน่นหน้าอก น้ำหนักลด ถึงตอนนั้นเราคงรักษาไม่ทันแล้วใช่มั้ย??? แต่ถ้าเราไม่ตรวจที่อื่นเพื่อยืนยันว่าก้อนเนื้อนี้ควรเอาออก โรงพยาบาลประกันสังคมที่เราใช้สิทธิ์อยู่ก็จะไม่ทำอะไรต่อค่ะ ส่วนเรื่องการส่งตัวไปรักษาตาม รพ. หลัก นั้นมันเป็นระเบียบที่ราชการกำหนดอันนี้เข้าใจค่ะ และไม่ได้ไปต่อว่าเขาเลย แค่โทษตัวเองเท่านั้นที่ตอนเลือกโรงพยาบาลประกันสังคมไม่ได้คำนึงถึงโรงพยาบาลหลักเลยว่าไกลมั้ย อยู่ที่ไหน เน้นแต่จะเรื่องโรงพยาบาลลุกข่ายที่ใกล้ๆบ้านเท่านั้น จะบอกว่าคิดผิดอย่างแรงค่ะ เพราะเมื่อเป็นอะไรมากๆขึ้นมา ต้องทำเรื่องกับโรงพยาบาลหลักเท่านั้น จึงบอกเพื่อนๆว่า การเลือกโรงพยาบาลประกันสังคมก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันนะ จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 11:57:00

ความคิดเห็นที่ 20   โรงพยาบาลแถวหนองแขม นี่ใช่ รพ. อยู่ใกล้ช่องสามรึป่าวค่ะ จากคุณ : เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 11:57:42 A:125.24.84.117 X: TicketID:204406

ความคิดเห็นที่ 21 จขกท. ขอไม่บอกชื่อโรงพยาบาลที่ จขกท. ใช้สิทธิ์อยู่นะค่ะ กลัวจะหาว่าไปใส่ร้ายเค้า  แต่รับรองได้แน่ๆค่ะว่า ปีหน้าเปลี่ยนโรงพยาลแน่นอนค่ะ เข็ดจริงๆ จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 12:05:06

ความคิดเห็นที่ 22 ทำไม หมอที่ศิริราช กลับมีความเห็นให้ผ่าออก แสดงว่า มาตรฐาน หมอแต่ละคนไม่เท่ากัน โชคดี ที่ จขกท ไป รพ ของรัฐ เพาะ รพ ของรัฐ จะมอง ค่าตอบแทนเป็นรอง   ยิ่งเป็น รพ รัฐ ขนาดใหญ่ จะสนใจอาการโรคแปลกๆเป็นพิเศษ เพื่อเป็นกรณีศึกษา จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 00:32:13

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ ^ ไม่ใช่มาตรฐานหมอแต่ละคนไม่เท่ากัน พูดอย่างนี้ไม่แฟร์เลยครับ หมอศิริราชอาจจะได้เห็นว่าก้อนมีขนาดโตขึ้นเร็ว หรืออาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงขนาดของก้อนที่มันโตขึ้นก็เลยตัดสินใจว่า "โตเร็วขนาดนี้น่ากลัวนะ ผ่าออกดีกว่า" ซึ่งถ้าหมอธรรมดา ติดตามดูคนไข้ตลอด เห็นว่าก้อนมันโตเร็วขึ้น หมอคนใหนก็จะส่งให้ผ่าหมดนั่นแหละครับ ผมเชื่อแล้วว่า ความเห็นของคนแต่ละคนเวลามองหมอ ต้องให้หมอสามารถวินิจฉัยโรคได้ในทันทีที่เจอหน้ากัน โดยไม่ให้โอกาสหมอในการติดตามดูการรักษา จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 52 18:20:36

ความคิดเห็นที่ 24   ดีมากเลยคะ เป็นครั้งแรกที่เข้ามาอ่านข้อความยาวๆขนาดนี้ อ่านแล้วได้ข้อคิดและเรื่องราวเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เราเองใช้บัตรทองเวลาส่งตัวทีก็อยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะได้ไปรักษา ลำบากมาก ยังไงเสียก็ขอให้ จขกท หายไวๆนะคะ จากคุณ : ท๊อปทีน (ท๊อปทีน) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 20:32:29

ความคิดเห็นที่ 25   พ่อเราตรวจพบก้อนเนื้อในช่องอกและปอด 10 ซม.กำลังจะตัดสินใจผ่าตัด แต่ยังลังเลเรื่องรพ.และหมออยู่ค่ะ อยากรบกวนจขกท.ได้ไหมค่ะ เพราะกลัวว่าคุณหมอและรพ.ที่คุณว่าจะเป็นที่เดียวคนเดียวกับที่เราคิดจะผ่าด้วยค่ะ ถ้าไม่รบกวนช่วยเมล์มาบอกทีได้ไหมค่ะ coffeepink123@gmail.com ตอนนี้เครียดมากๆเลยค่ะ หรือใครมีรพ.และคุณหมอ ประสบการณ์หรือคำแนะนำดีๆรบกวนเมล์มาด้วยนะคะ จากคุณ : กลัว เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 02:20:48 A:124.121.58.197 X: TicketID:095686

ความคิดเห็นที่ 26 คุณกลัวค่ะ ปรึกษา จขกท. ได้ที่ sakii23@hotmail.com ยินดีให้คำแนะนำค่ะ จากคุณ : บ้านขนมครก เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:26:18

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : สลัดผักรวม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 00:06:37