สาวๆชอบความผอม จงฟังให้ดี ..ตราชั่งไม่ใช่สิ่งที่วัดว่าผอมจริง! และอาการAMENORRHEA คืออะไร
|
|
สวัสดีคะ
ยังจำกันได้ไหมเอ่ย เราไม่ได้เล่นห้องนี้นานแล้ว สืบเนื่องจากภาระกิจประจำวัน หลายคนที่เคยเล่นสมัยก่อนๆอาจจำกันได้นะ อิๆ
ช่วงเวลาที่หายไปนอกจากงานแล้ว เราค้นพบอะไรหลายอย่างมากขึ้น ที่คิดว่า สำคัญและอยากนำมาเตือนสาวๆ ที่คลั่งไคล้ความผอมจนเกินไป
-- 1 ในนั้น คือ อาการamenorrhea หรือ ทางการแพทย์ คือ ภาวะขาดประจำเดือนคะ เป็นการขาดประจำเดือนที่ไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์ อาจมีสาเหตุเกี่ยวกับความผิดปกติของรังไข่ หรือฮอร์โมนในร่างกาย หรืออาจมีความผิดปกติทางโครงสร้าง (กายวิภาค) ของมดลูกหรือช่องคลอด
แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะแรก ไม่เคยมีเลย และ ระยะที่ 2 เคยมีปกติแต่หายไป..
สาวๆส่วนใหญ่ที่เกิดภาวะนี้ อาจมีสาเหตุมาจาก 1.อ้วนเกินไป 2.ผอมเกินไป 3.ออกกำลังกายหนักเกินไป พวกนักกีฬามักจะเป็นกัน
เราจัดอยู่ในข่าย ผอมเกินไป+ออกกำลังกายหนักเกินไป แรกๆก็ดีหรอก กีฬาๆ เป็นยาวิเศษของแท้..... แข็งแรง สดชื่น คล่องตัวเชียว เดินๆวิ่งๆ กระโดดๆ แป๊บเดียวถึงจุดหมาย เราเดินขึ้นบันได 27 ชั้นในเวลา 10 นาทีนิดๆ วิ่งรอบสวนจตุจักร ( 1 รอบ 3 กม.) ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที 1 วัน เราวิ่งราวๆ 30- 45 นาทีขึ้น ให้ทายว่าเราวิ่งได้กี่รอบ/กม. (แบบไม่หยุดเดิน วิ่งติดต่อกันตลอด) ตามแต่เวลาจะพึงมี 4วัน/สัปดาห์ เราลุ่มหลงการวิ่งมากๆ ยิ่งวิ่งมากขึ้น ยิ่งได้ใจ ยิ่งชอบ(เปล่าหรอก จริงๆ งกค่ารองเท้าวิ่งคะ แหะๆ ลงทุนซื้อแล้วต้องใช้ให้คุ้ม) ไม่รวมปั่นจักรยานไปจ่ายตลาดหาของกิน เวลากลับไปอยู่บ้าน เราทำแค่นี้ 30-45 นาที/วันเองนะ เรามองว่า มันเบากว่าคนอื่นทำเยอะ แต่หารู้ไม่!!!!
จนมาสังเกตุได้ว่าระยะหลังๆ ปจด.ที่เคยมี มันหายไปเลย แรกๆก็เฉย เพราะคิดว่าเราเครียดกะงานเปล่า นานเข้าๆ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 ......เอ๊ะ ชักไม่ปกติแล้ว แต่ยังหาเวลางาพักร้อนไม่ได้ ทนรอไปอีกนิด จนในที่สุด เพลาๆจากงานเลยรีบลาพักร้อนไปพบแพทย์
จากการไปพบแพทย์ ๆมองหน้าเราแล้วซักอาการ+ประวัติ จนในที่สุด คุณหมอบอกให้เราเพิ่มน้ำหนักตัวเอง และให้ฮอร์โมน+ยาบำรุงเลือดมา แพทย์ที่รักษาเราแจ้งกะเราว่า ยาฮอร์โมน มันอาจช่วยอะไรคุณไม่ได้มาก นอกจากคุณจะรักษาที่ต้นเหตุของคุณ นั่นคือ คุณผอมเกินไปมากคะ!!! ไขมันในร่างกายคุณต่ำกว่าปกติมาก ส่งผลให้รังไข่ไม่ทำงานผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นไข่ตก ให้มี ปจด. และคุณคงออกกกำลังมากไปสำหรับร่างกายคุณ เราก็ชี้แจงหมออีกนะว่า หนูแค่ออกวันละแค่นี้ น้อยกว่าคนอื่นที่เค้าออกกันวันละ 2-3 ชม. อีกนะคะคุณหมอ คุณหมอ มองหน้าแล้วพูดแค่ว่า ร่างกายคุณมันแอคทีฟไว กะเรื่องพวกนี้ เผาผลาญไว คุณเพลาๆลงบ้างการออกกำลังกาย ไม่ต้องไปออกเยอะแล้ว ทานให้มากๆหน่อย พยายาม ให้ นน.ตัวขึ้นให้ได้นะคะ ชัดเลยคะ ณ วินาทีนั้น ..เครียดนิดๆ เพราะคิดว่าเราก็ทานเยอะแล้ว แต่ นน.ไม่ขยับเลย ใครๆรอบข้างเตือนก็ไม่ฟังอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนไปลด นน.เอง.. (คำประนามที่มักได้รับมา แหะๆ)
หลังจากรับยา เราก็กลับมา เริ่มเข้าสู้โหมด ขี้เกียจ ออกกำลังกาย เราเริ่มหยุดวิ่งบ้างคะ กินมากขึ้น เวทหนักขึ้น....ตอนนี้แขนเรา กล้ามคะ มาแบบคนผอมๆนี้แหล่ะ เส้นเลือดปูดหมดแล้ว เมื่อวานตัดใจไม่วิ่ง( คนที่วิ่งจนได้ที่มันจะมีอาการเอ็นโดรฟินสูงมาก ต้องอยากไปวิ่งตลอดนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม แต่เราเป็นนะ วิ่งไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า..ขอให้เท้าได้สัมผัสพื้นสักนิดก็ยังดี )
---กลับบ้านมามาโฮลวีท 1 ถุง 10แผ่นทาแยมผสมทูน่า+จุ่มนมข้นหวาน +ใส่แครอท ทานคนเดียว ทั้งถุง 10แผ่นนั่นแหล่ะ ยังไม่อิ่มคะ รู้ตัว(เรากินจนรู้สึกอิ่มจริงๆแล้วร่างกายมันจะบอกเราเองว่า พอแล้ว) หมูผัดพริกขิงช้อนเล้ก 5 ช้อน ไม่รวมแคนตาลูปก่อนหน้า 5 ชิ้นพอดีคำ โอ๊ย อิ่มได้ใจ มันมีความสุขแบบนี้เอง
อย่ามองว่า กินอาหารแบบนี้ อ้วนเผละแน่ๆ รับไม่ได้!!!! (แต่สำหรับเราต้องกินโหมดนี้จริงๆ ไม่งั้นไม่ไหว) ตอนนี้ อ้วนไม่กลัว กลัวไม่มีลูกคะ!!!!! แป้ง คือ แอลคาร์นิทีนชั้นยอดสำหรับเรา ยิ่งกินยิ่งเบริ์น การวิ่งระยะไกลๆมีความจำเป้นต้องสะสมไกลโคเจนกะไขมัน มาใช้เยอะ เรากินหนักกว่าเก่าแบบนี้ตลอด นน.ตัวเราก็ยังอยู่ที่ 40-41 (สูง 155)
เราทานอาหารตามที่นักวิ่ง/ผู้ชายที่เล่นกล้ามทาน คือ เน้นกินโปรตีน+คาร์บ ผักผลไม้ก็ทาน แล้วไปออกกำลังตามสมควร แบบไม่กลัวอ้วน เราพบว่า มันช่วยในการเบริ์นได้มากกว่า พวกที่ไม่ยอมทาน หรือทานน้อย และช่วยควบคุมน้ำหนักให้คงที่ได้ดี นี้คือเคล้ดลับที่ผู้ชายส่วนใหญ่เค้าทำกัน นั่นคือ ต้องอย่ากลัวอ้วนจนเกินไป คุณต้องกิน มื้อเช้านะ กินเข้าไปเลย!
--คุณออกกำลังกายเกิน 1 ชม.ต่อวันแล้วไม่บริโภคแป้ง+โปรตีน มันจะทำให้คุณเหี่ยวไม่มีแรงในช่วงหลังๆ ไม่สดชื่น กล้ามเนื้อดูไม่กระชับ จนหมดความอยากที่จะเล่นกีฬาหรืออกำลังกายเลย
จากคุณ |
:
คาการิ
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.ย. 52 06:51:33
|
|
|
|