ความคิดเห็นที่ 1 อ้าว มาอย่างนี้เดี๋ยวเซลล์ขายอาหารเสริมมาโวยหรอก.... จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:04:09

ความคิดเห็นที่ 2 ได้ใจไปเต็มๆ กิ๊ฟหมดแต่ได้ใจ จากคุณ : หล่อเกินระบบจะรองรับ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:07:23

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อสองปีก่อน เราทำงานหนักมาก ได้นอนวันละสามชั่วโมงเอง แล้วก็อาศัยหลับๆตื่นๆ อีกรวมกันก็ประมาณสี่ชั่วโมงต่อวัน สองเดือนแรกโอเค เดือนที่สาม เป็นหวัด กินยายังไงก็ไม่หาย เดือนที่สี่ห้า ก็ยังเป็นหวัดต่อเนื่อง หายไปอาทิตย์นึงกลับมาเป็นอีก เดือนที่หกปวดท้องรุนแรง หนาวๆสั่นๆ เพื่อนต้องโทรตามรถพยาบาล ติดเชื้อง่ายมาก โอ้ย จะบ้าตาย จากนั้นมา เลิกงานที่ทำอยู่เลยค่ะ การนอนนี่สำคัญต่อร่างกายจริงๆ ตอนนี้เรานอนเยอะ มาก เข้าขั้นว่าขี้เกียจเลยก็ได้นะ ไม่เคยป่วยมาสองปีแล้วอ่ะ อิอิ สุขภาพแข็งแรงมากๆๆๆๆ จากคุณ : cashmamamia เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:36:33

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่มีกีบนะ ให้ไปหมดแร้นตั้งแต่สามสี่วันก่อน จากคุณ : cashmamamia เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:37:04

ความคิดเห็นที่ 5 ช่วงนี้เราโหมทำงานมากๆ ไม่ค่อยเหลือเวลาได้พักผ่อนเลยค่ะ พอเห็นกระทู้นี้แล้วแอบกลัวเลยค่ะ และกำลังคิดว่าเดี๋ยวคอมเมนท์และให้กิ๊ฟ+โหวต แล้วจะไปนอนแล้วค่ะ :) จากคุณ : สลากยังมีกินแบ่ง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 00:49:08

ความคิดเห็นที่ 6 จริงค่ะ  ช่วงไหนเราได้นอนเต็มอิ่ม  ผิวจะสดใส  ความจำดี   แต่ช่วงนี้อ่ะ นอนวันละไม่ถึง 5 ชั่วโมง  ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว แม้จะกินน้ำมันปลา + vitC + vitE   ใช้ครีมเอสเต้บำรุงสารพัด  ผิวก็ยังหยาบหมอง  ผมร่วง  ตัดสินใจก็ช้า  ส่องกระจกเห็นหน้าตัวเองยังตกใจ จบกระทู้นี้จะไปนอนแล้วค่ะ :-) จากคุณ : dreamin เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 01:23:46

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยครับ ยาดี วิตามินหรูแค่ไหน ถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารไม่ครบสมบูรณ์ตามหลัก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ... จากคุณ : ~cenobite+ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 04:35:32

ความคิดเห็นที่ 8 อยากไปนอนกับคนในรูปจัง คงจะนอนหลับสนิทดี ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ จากคุณ : soonchai เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 12:52:02

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยครับ อยากให้ท่านที่ตื่นวันละ 20 ชั่วโมงหยุดคิดนิดหนึ่งว่างานที่ได้มันสูงตามเวลาตื่นจริงรึเปล่า บางทีปิดไฟนอนเสียบ้างยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกแน่ะ จากคุณ : ตี้หลงครับ (ตี้หลง) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 13:22:05

ความคิดเห็นที่ 10 เดี๋ยวก็จะมีคนมาอ้าง แบบนี้ ... "  แต่ทางการแพทย์คงไม่รับรอง และไม่ยอมรับแน่ เพราะไม่ยอมรับความรู้อันยิ่งประการหนึ่งที่ว่า สิ่งที่คนไม่รู้มีมากกว่าสิ่งที่รู้ แล้วเที่ยวปฏิเสธสิ่งที่ไม่รู้ว่าไม่มี ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีความรู้ไม่ถึงต่างหาก เช่นเดียวกับการปฏิเสธว่าไม่มีนิพพาน ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ ไม่มีผี ไม่มีเทวดา ไม่มีชาติหน้า ไม่มีชาติก่อนนั่นแหละ " เอามาจาก http://www.paisalvision.com/paisal/index.php/faq/2203-2009-06-02-08-55-55.html ชื่อผู้เขียนบทความ ... ไพศาล พืชมงคล   เอาเป็นว่า ก็ให้ความรู้กันไป แนะนำกันไป ... ใครจะเชื่อไม่เชื่อ ก็เรืองของแต่ละคน ตัดสินใจอย่างไร ก็รับผลนั้นไป .... อย่าไปคิดมาก เลยครับ ... จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 13:34:42

ความคิดเห็นที่ 11 จริงค่ะ จากคุณ : Love in the mist เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 15:07:08

ความคิดเห็นที่ 12 ก่อนอื่นก็ต้องออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมก้ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย แต่ก้พออ่านมาบ้าง จากหัวข้อกระทู้ข้างบน ถือว่าถุกต้องเลยครับ หากคนเราพักผ่อนไม่เพียงพออาหารเสริมหรือวิตามินก็ไม่อาจช่วยได้ แต่อาหารเสริม หรือวิตามินก้ใช่ว่าจะไม่มีประโยชนืเอาเสียเลย ในความคิดของผมนะ ย้ำว่าของผมเท่านั้น อาหารเสริม หรือวิตามิน มันแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ก่อนที่จะทานอาหารเสริม หรือวิตามิน เรา ควรศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน ไม่ใช่ว่ากินตามๆกันไป เพราะว่าแต่ละคนมีปัจจัยเสี่ยงไม่เหมือนกัน ก่อนจะกินอาหารเสริม เราควรปรับพฤติกรรมของ เราเสียก่อน พฤติกรรมต่างๆที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง(โรคเรื้อรังหมายถึง โรคที่รักษาไม่หาย และมักพบมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น เช่น ความดัน เบาหวาน หัวใจ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ) ทฤษฎีของโรคเรื้อรัง คือ เซลล์ ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระทำให้เซลลือ่อนแอ เมื่อเซลล์อ่อนแอ ก็ทำให้อวัยวะ อ่อนแอ สุดท้ายร่างกายก้อ่อนแอด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวัยเยาว์ เราไม่เป็นความดันโลหิตสูง แต่พอเราอายุมากขึ้น ทำไม เราจึงเป็นความดันโลหิตสูง เหตุผลเพราะว่า หลอดเลือดอ่อนแอ เสื่อมสภาพขาดความยืดหยุด เป็นต้น โรคเรื้อรัง เป็นแล้วรักษาไม่หาย ยา ก็ช่วยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คือใช้คุมอาการ ดังนั้น หากใครที่ยังไม่เป็น ก็ควรรู้จักวิธีป้องกัน การป้องกัน ทำได้อย่างไร นั่นคือ เป็นที่มาของการปรับเปลื่ยนพฤติกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงโรคเรื้อรัง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คือ 2พ5อ คือ 1.พักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชม คือการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ คือในห้องที่มืดสนิท ปราสจากเสียงรบกวน ไม่ฝัน ไม่ตื่นเข้าห้องน้ำ ทุก 2 ชม.และควรนอนตั้งแต่ 4 ทุ่มเป็นต้นไป เพราะว่า ร่างกายจะหลั่ง growth ฮอร์โมน ซ่อมแซ่มร่างกาย ซึ่ง ฮอร์โมนตัวนี้จะหลั่งหลัง 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 2.อาหาร ต้องได้รับอาหารครบ ทั้ง 5 หมู่ ทั้งปริมาณ และถูกสัดส่วน เช่น การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ต้องทานหนักมื้อเช้า และ น้อยมื้อเย็น และ ทานพวกธันญพืช 25% และไขมัน น้อยกว่า 10% ของอาหารทั้งหมด 3.ออกกำลังกาย ในหนึ่งอาทิตย์ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละ ไม่ต่ำกว่า 30 นาที และควรเหมาะสมกับเพส และวัย การออกกำลังกายหักโหมจนเกินไปก้ไม่ดีต่อร่างกาย ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมาก กำจัดไม่ทัน เช่น จะสังเกตุว่า นักวิ่งมารธอน จะหน้าแก่กว่าปกติ 4.อารมณ์ ความเครียด มีผลต่อสุขภาพมาก หากเรามีความเครียด ร่างกายจะหลั่งสารบางตัว เช่น คอลติซอล ซึ่ง มีผลทำให้ความดันเพิ่ม การดูดกลับของเกลือ เพิ่มมากขึ้น  ดังนั้น เราควรหลีกเลี่ยงความเครียด 5.อากาศ ต้องอยู่ในที่อากาสบริสูทธิ์ หาเวลาไปทะเลบ้างเพื่อสูดอากาศให้เต็มปอด หรือว่า ห้องนอน ควรมีเครื่องฟอกอาการ 6.อุจจาระ เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงสุขภาพดี อุจาระที่ดี ต้อง เป็นสีเหลืองทอง ลอยน้ำและกลิ่นไม่เหม็นมาก และวันหนึ่งเราควรถ่าย 1-3 ครึ้ง ไม่ควรกลั้นอุจจาระ 7.พิษ น้อย คือ การหลบเลี่ยง เลือกกิน  สิ่งที่มีสารพิษน้อย เช่น ไม่กินของปิ้งย่าง ไม่ดึมเหล้า เบียร์ เวลาออกแดด ต้องกางลม หรือทาครีมกันแดดเป้นต้น ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นสิ่งแรกที่คุณควรจะทำ เพื่อให้ห่างจาก โรคเรื้อรัง แต่หากทำไม่ได้ หรือว่าทำได้บางข้อ ก็ค่อยหาวิตามิน อาหารเสริมมาเสริม ไม่ใช่ว่ากินตามคนอื่น อย่างเช่น คนปกติ ทำงานปกติ ก็อาจจะแค่ทาน วิตามิน ซี 1000 มก ร่วมกับ วิตามิน อี 400 IU เพื่อ ป้องกันอนุมูลอิสระ ที่จะมาทำลายเซลล์ เพราะว่า วิตามินซี ละลายได้ดีในน้ำ ก็จะปกป้องส่วนที่เป็นน้ำ อี ละลายได้ดีในไขมัน ก็จะปกป้องในส่วนที่เป็นไขมัน หากคุณมีโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง หากไม่มาก คุรสามารถควบคุมได้ด้วยการออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหาร หรือไม่คุรก้อาจจะทาน น้ำมันปลา วันละ 3000 มก ซึ่งมีผลวิจัยแน่นอนว่าสามารถลด ไตรกลีเซอรืไรดืได้ และทำให้เส้นเลือดไม่แข็งตัว ป้องกันไขมันเกาะเส้นเลือด เป็นต้น บางคนเป็นภูมิแพ้ การรับประทานวิตามินซี วันละ 1000-3000 มก.ทำให้อัตราการเป็นหวัดลดลง 40% ก็สามารถช่วยได้ในบางคน ดังนั้น การที่เราจะบอกว่าอะไรดี ไม่ดี ควรศึกษา ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่ เชื่อตามคนอื่น ทานตามคนอื่น โดยไม่ได้อ่าน ไม่ได้ศึกษา นอกจากนั้น เงินในกระเป๋าคุณก้เป็นอีกตัวหนึ่งในการกำหนดว่าคุณควรทานวิตามิน หรืออาหารเสริมหรือไม่ ไม่ใช่ว่า เงินไม่พอจะกินข้าว ยังจะมาซื้ออาหารเสริมอีก ชื่อก้บอกแล้วว่าอาหารเสริม มันคือเสริมจากอาหารหลัก อาอาหารหลักยังไม่ครบ ไม่พอแล้วอย่าได้หาอาหารเสริมมาทานเลย จากคุณ : maxxx123 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 15:47:02

ความคิดเห็นที่ 13 กิฟท์หมดค่ะ ให้ จขกท.กับคห.12 แทนนะคะ จากคุณ : Hobbit เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 16:31:25

ความคิดเห็นที่ 14 เรานอนไม่น้อยมาก 6-7 ชั่วโมง แต่ตื่น 3-4 ครั้ง เพราะลูกยังกินนมกลางคืน (อายุสิบเดือนกว่า) เรายังรู้สึกเพลียๆบางทีเลย ทั้งๆที่น่าจะชินแล้ว สิวก็ขึ้นบ้าง รออีกหน่อย ลูกก็จะหย่านมแล้ว อยากนอนยาว จะได้อยู่เลี้ยงลูกนานๆ จากคุณ : SurfersParadise เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 17:19:53

ความคิดเห็นที่ 15 อันนี้เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ เพราะบางครั้งมีงานที่ต้องรีบทำ หรือไม่ก็ช่วงสอบ ได้นอนน้อยมากแล้วก็นอนน้อยอยุ่เป็น2-3อาทิตย์ ช่วงนั้นไม่ต้องพูดถึงหน้าตา ดูไม่ได้ แถมสมองทำงานไม่เต็มที มันจะอึนๆคิดไรไม่ออก แถมป่วยง่ายอีกต่างหากค่ะ เป็นหวัดทีนึงใช้เวลารักษา2อาทิตย์ยังไม่หายเล้ย ต้องพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ ระบบร่างกายจะได้ไม่รวน จากคุณ : ชานมผสมโกโก้ (พายุสีเงิน) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 20:39:41

ความคิดเห็นที่ 16   จากประสบการณ์จริงเลย เราเคยเป็นโรคไตชนิดเฉียบพลันมาแล้ว ตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่เลย ไม่ได้ทำงานหนักอะไร ที่นอนดึกเนี้ยไม่ใช่เพราะอ่านหนังสือหนักหรอกนะ แต่คุยโทรศัพท์นาน งี่เง่าสุดๆ ไร้สาระมาก การนอนสำคัญมาก บางโรคอาการดีขึ้นได้เพราะการนอนเนี้ยแหละ ไม่ใช่แค่เรื่องผิวพรรณ หน้าตาเท่านั้นนะ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำวันละไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว อันนี้ทำได้ง่ายๆ และดีต่อสุขภาพมากๆ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 52 21:13:16 จากคุณ : Oi_SugAr เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:11:14

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าอย่างนั้น หนูควรทำอย่างไรดีคะ อ่านแล้วชักกลัวๆ คิดว่าตัวเองอายุสั้นแหงๆ ทำอะไรที่มันทำลายสุขภาพตัวเองดีนัก โดยเฉพาะการนอนดึก หนูไม่ได้ติดเกม ติดโทรทัศน์ หรือติดคุยโทรศัพท์ แต่มีงานที่จำเป็นมากๆที่จะต้องทำและลากยาวไปถึง ช่วงเดือนธันวาคม นอนน้อยๆ เป็นมาตั้งแต่เรียนปี 3 แล้วหละค่ะ นอนมากสุดได้แค่วัน เสาร์-อาทิตย์ ปิดเทอม ยาเสริม อาหารเสริมก็ไม่เคยกิน เพราะคิดว่าไม่จำเป็น และไม่ชอบทานอะไรที่เป็นยาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ กิน สรรหา อะไรก็ได้ที่ขอให้อยู่ทำงานดึกๆ ได้นานๆ กาแฟ  M150  มะม่วงเปรี้ยวๆ  น้ำเปล่าบางคืนกินหมดไปหลายขวดมาก รู้นะคะว่า มันเป็นการทำร้ายตัวเองมากๆ ตอนนี้ทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย นอนก็น้อย ไมเกรน ไม่เคยเป็น ก็เป็นแล้ว บางทีปวดมาก กินพาราก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าหายปวดเลย ระบบขับถ่าย เผาผลาญ เละเทะ ที่สำคัญรู้สึกช่วงนี้ตัวเอง มึนๆ อึนๆ เบลอๆ เอ๋อๆ หลงๆลืมๆ หนูพยายามหาเวลานอน แล้วนะคะ แต่จะหลับตานอนทีไร ก็กลัวงานตัวเองไม่เสร็จ ลุกมาทำต่อทุกที บางครั้งอดนอน หลายๆ วันมาก พอได้ตรวจงาน ก็ขอพักผ่อนบ้าง หลับข้ามวันเลยค่ะ แบบหลับลึก ไม่รู้สึกอะไรเลย เสียงดังแค่ไหนก็ไม่รู้สึก กลัวจริงๆนะคะ เพราะคิดว่าต่อไป งานที่ตัวเองจะได้ทำก็คงหนีไม่ไกล ไปจากตอนเรียน จะเปลี่ยนยังไงได้ ก็มันรัก มันชอบ ไปแล้ว พฤติกรรมแบบนี้ รู้นะคะว่ามันไม่ดี แต่อยากรู้ว่า นอกจากจะหาทางนอน ให้เพียงพอ และมากที่สุดแล้ว ยังมีวิธีไหนอีกหรือเปล่าคะ ที่พอจะช่วย หรือ ทุเลาลงได้บ้าง จากคุณ : pompam04 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:03:26

ความคิดเห็นที่ 18 คงนอนกันหมดแล้ว  ผมยังนั่งทำงานอยู่ กว่าจะได้นอน ก็ 8 - 9 โมงเช้า   ทำงานเข้ากะ ตั้งแต่เริ่มชีวิตการทำงาน ร่างกายคงปรับได้บ้าง หรือถ้าบ่นได้ คงบ่นจนเบื่อแล้ว ทำงาน นอน พักผ่อน ไม่ตรงเวลา  แต่...... ที่ไม่ลืมคือ... มีเวลาว่าง ก็ออกกำลังกาย น้อยบ้าง มากบ้าง ตามสภาพ จะเอื้ออำนวย ส่วนวิตามินมีอยู่อย่างเดียว กินบ้าง ไม่กินบ้าง ครึ่งปีแล้ว 100 แคปซูล ยังไม่หมดเลย จากคุณ : ชาวนากรุงเก่า เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:33:43

ความคิดเห็นที่ 19 เราเป็นบ่อยค่ะ ถึงเวลานอนไม่ได้นอน มันจะสั่นอ่ะ ปลายนิ้วมือนิ้วเท้ามันเป็นความรูสึกที่แปลกๆ แล้วถ้าเกิดอาการแบบนี้ หลับยากค่ะ แต่ต้องหลับ ไม่งั้นตายแน่ๆ ทรมานง่ะ T^T จากคุณ : มิสพรหล้า เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 00:45:06

ความคิดเห็นที่ 20 เพื่อนก็ชอบทานวิตามินเวลานอนน้อย(แต่กินปกติ) ก็ยังคิดว่านอนน้อย กินวิตามิน อาหารเสริมทำไมฟระ อาหารเสริม วิตามินพวกนี้ น่าจะเหมาะกับคนที่ขาด ทานได้ไม่ครบในอาหารหลักมากกว่า จากคุณ : โลกด้านที่หันหลังให้ดวงอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 01:16:41

ความคิดเห็นที่ 21 โอย ผมอ่านกระทู้นี้แล้วก็เริ่มกลัว พรุ่งนี้มีสอบซะด้วยสิ . . .  เฮ้อออ ยังอ่านไม่ถึงไหนเลย วันนี้จะได้นอนมั้ยเนี่ย   เฮ้อออ จากคุณ : ง่วงจัง (Tinner@) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 02:18:07

ความคิดเห็นที่ 22 โห โดนเลย กระทู้นี้ เราทำงานกะดึก เลิกเจ็ดโมงเช้า ไหนพรุ่งนี้ต้องเบิ้ลอีก เตรียมตัวลงโลงตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าพ่อของลูกเลย เง้ออออ จากคุณ : Mrs.Reda เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 02:56:10

ความคิดเห็นที่ 23 แม่ผมนอนน้อย หลับ ๆ ตื่น ๆ มานานหลายสิบปีแล้ว เป็นห่วง ก็เป็นห่วง แต่คนแก่มักนอนไม่ค่อยหลับ จากคุณ : โดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 08:54:31

ความคิดเห็นที่ 24 ตกลงคุณจขกท. จะบอกว่าน้อง อ. ตายเพราะนอนน้อย หรือว่าตายเพราะ กินวิตามินคะ?? บางคนอวดเก่งกว่านั้นอีก เสริมว่า "ห้ามบอกนอนให้พอสิ" ^^ ^^ คนที่มาถามไม่ได้อวดเก่งนะคะ ก็เค้าบอกอยู่ว่าตัวเองต้องนอนน้อย ทำไงให้ร่างกายยังแข็งแรง มาถามวิธีช่วย แล้วจะมาบอกว่า นอนให้พอ...นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของผู้ที่มาถามนี่นา...เค้าอวดเก่งตรงไหน?? พวกนี้เก่งกว่าหมอจริงๆ แนะนำโง่ๆ อย่างนั้นอยู่ได้ ทั้งที่ก็รู้ว่า ไม่มีหมอคนไหนแนะนำโง่ๆ อย่างนี้ ^^ ^^ แน่ใจหรือคะว่าไม่มีหมอคนไหน เคยแนะนำแบบนี้??...ใครบอกคุณ??   ถ้าต้นจากจะบอกว่าเคยมีหมอมาแนะนำให้ต้นจากกินวิตามิน...แสดงว่าอะไรละคะ?? มีใครโง่ ยังคิดว่าพวกวิตามินอาหารเสริมช่วยคนนอนน้อยได้หรือครับ ^^ ^^ คนเหล่านี้ก็ไม่ได้โง่เสมอไปหรอกนะคะ... ต้นจากก็เคยมีบางช่วงเวลาของชีวิต ที่มีเหตุจำเป็นที่ต้องนอนน้อย แต่ก็ไม่เคยกินพวกวิตามินเช่นกัน เข้าใจที่คุณจกขท.ต้องการสื่อว่า การกินวิตามินไม่ได้จะช่วยอะไร ต้องการให้ผู้อื่นนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่เรื่องที่ยกตัวอย่างมารุ่นน้องของคุณจขกท. ก็ไม่ได้บอกแน่ชัดว่าตกลงเสียชีวิตเพราะอะไร?? แล้วมาว่าคนอื่นโง่ หรือทำเป็นประชด ว่า โคตรเก่ง นี่นะ....!!! แสดงความคิดเห็น หรือว่าจะเสนอแนะ ให้ความรู้แก่ผู้อื่น ก็ควรพูดแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อออกมาสิคะ ใช่เรื่องหรือคะ??...ที่มาด่าอีกฝั่งซะขนาดนี้ แบบนี้ถ้าต้นจากจะเรียกคุณจขกท.ว่า โคตรเก่ง ก็ได้สินะคะ^__^ จากคุณ : tonjak เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 14:15:43

ความคิดเห็นที่ 25 หัวใจหยุดเต้น เสียชีวิต แม่ อ. ก็เล่าเท่านี้ สาเหตุละเอียดไม่มีการบอกเล่า เพราะไม่มีการผ่าศพพิสูจน์เพราะไม่มีเหตุจูงใจให้สงสัยว่าฆาตรกรรม ลูกสาวไม่เคยเป็นคนแข็งแรงอยู่แล้ว กินพวกวิตามินอาหารบำรุงพวกซุปไก่เป็นประจำอยู่แล้ว แม่เล่าว่า อยู่ดึกทำรายงาน นอนน้อยมา 2-3 คืนก็หน้านั้นแล้ว ครับ ผมโคตรเก่งเลยครับ เพราะผมไม่แนะนำโง่ๆ ในเรื่องที่ไม่น่าโง่ คุณเคยเห็นผมแนะนำอะไรโง่ๆ มาก่อนหรือไม่ครับ ค้นกระทู้ได้เลย พันธิปมี search อยู่แล้ว "แน่ใจหรือคะว่าไม่มีหมอคนไหน เคยแนะนำแบบนี้??...ใครบอกคุณ??   ถ้าต้นจากจะบอกว่าเคยมีหมอมาแนะนำให้ต้นจากกินวิตามิน...แสดงว่าอะไรละคะ??" ผมไม่เชื่อว่า ถ้าคุณนอนน้อย หมอคนไหนจะแนะนำให้กินวิตามินแทนการนอนให้พอครับ ข้อความคุณก็ไม่อ้างเช่นนั้น ไม่งั้นก็คงกลัวตัวเองผิดศีล 555 ใครที่นอนน้อย แล้วคิดว่ากินวิตามินช่วย ผมยังคงด่าว่า โคตรโง่เลยครับ โทรมร่างกายตัวเองแบบโง่ๆ คล้ายๆ กับคนกินเหล้าเมาหย่ำเป สูบบุหรี พวกนี้โง่ทั้งนั้น รู้ทั้งรู้แต่โง่ไม่รักตัวเอง ใครไม่รักตัวเอง ทำร้ายตัวเอง ผมว่าโง่ทั้งนั้นครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 19:17:53

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงว่า เด็กสมัยนี้นอนตื่นเที่ยงกันเกือบทุกคน รักสุขภาพนี่เอง จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 20:37:26

ความคิดเห็นที่ 27 คุณmaxxx123ครับ อยากรบกวนขอทราบref.ของประโยคที่ว่า "บางคนเป็นภูมิแพ้ การรับประทานวิตามินซี วันละ 1000-3000 มก.ทำให้อัตราการเป็นหวัดลดลง 40%" ขอบคุณครับ จากคุณ : noon9999 (คนชอบเต่า) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 21:13:00

ความคิดเห็นที่ 28 อืม.. เราคงอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปีแน่ๆ เพราะงานที่ทำอยู่ปัจจุบันทำให้ไม่มีเวลานอนเลย จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 01:08:13

ความคิดเห็นที่ 29 เหอๆ เด็กถาปัดก็ตายทางอ้อมชัดๆ นอน  น้อยย-,- จากคุณ : Sksaikano เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 05:03:01

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ คห 29 เห็นด้วยมากๆ อ่านเเล้วคิดถึงเด็กถาปัดมาอันดับเเรก เพราะเคยเป็น อดีต เด็กถาปัด ที่ต้องซิ่วออกมาเพราะ ต้องส่งตัวเข้าโรงพยาบาลตอน final project ปีหนึ่ง เพราะโหมงานช่วงโปรเจค หนักมาก ไม่ได้หลับได้นอน พ่อกลัวตายก่อนเรียนจบ เลยเปลี่ยนไปเรียนอย่างอื่นแทนเหอๆ - -" จากคุณ : อดีดเด็กถาปัด (big_little) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 07:35:40

ความคิดเห็นที่ 31   ที่แน่ๆ นอนน้อยทำให้อ้วนขึ้น เคยอ่านเจอจากเว็บเมืองนอกและในไทยรัฐ เป็นผลการวิจัยของเมืองนอกเขา จากคุณ : StoneAge เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 08:01:09

ความคิดเห็นที่ 32 ผมก็สนใจประโยคนี้ "บางคนเป็นภูมิแพ้ การรับประทานวิตามินซี วันละ 1000-3000 มก.ทำให้อัตราการเป็นหวัดลดลง 40%" เหมือน คห.  บนๆแฮะ จากคุณ : Admod เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 10:28:48

ความคิดเห็นที่ 33 "อย่าบอกให้ไปนอนให้พอนะคะ เพราะด้วยลักษณะงาน ทำให้บางครั้งจำเป็นต้องนอนดึกจริง ๆ ค่ะ" พึ่งเห็นว่า จขกท. หมายถึงเรานี่นา อ้างอิงจากกระทู้นี้ที่ถามไว้ก่อนหน้านี้ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8352679/L8352679.html วิตามินไม่ได้เลวร้ายไปซะขนาดนั้นหรอกค่ะ ทุกอย่างมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย (ผลข้างเคียง) เช่นเดียวกับยาที่หมอจ่ายให้เช่นกัน อยู่ที่เราเลือกใช้ให้เหมาะสมและพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป วิตามิน C กินเพราะหมอแนะนำมา ว่าช่วยเรื่องภูมิแพ้ และการติดหวัด (เพราะเราจาม และมีน้ำมูกตอนเช้าทุกวัน) วิตามิน B Complex กินเพราะเราเป็นตะคริว ซึ่งอันนี้หมอก็แนะนำมา Calcium กินเพราะช่วยเรื่องตะคริว และผู้หญิงที่มีลูกแล้ว เพราะสูญเสียแคลเซียมให้ลูก ซึ่งหมอเป็นคนจ่ายให้กินเอง ที่ จขกท.ว่า "พวกนี้เก่งกว่าหมอจริงๆ แนะนำโง่ๆ อย่างนั้นอยู่ได้" เราก็ไม่รู้ว่าคุณหมายถึงหมอที่แนะนำวิตามินให้เราด้วยไหม ส่วนเรื่องนอนน้อย นั้นอาจมองว่าไม่มีอะไรทดแทนได้ "ไปนอนให้เยอะสิ" ซึ่งตรงนี้เรารู้อยู่แล้วค่ะ ไม่ได้โง่ เราก็ไม่คิดว่าวิตามินอาหารเสริมจะทดแทนการนอนที่เพียงพอได้ แต่ก็แค่อยากได้ตัวช่วยสำหรับวันที่นอนน้อย ก็มาถามในนี้ มันบาดตา จขกท. มากเลยเหรอคะ ถึงกับต้องมาด่ากัน อีกส่วนที่เราหมายถึง คือ ด้วยลักษณะการทำงานของตัวเอง (ไม่ใช่ตัวงาน และเป็นนิสัยการทำงานของเรา ที่ชอบคิดไปเรื่อย ๆ จนนอนไม่หลับ ต้องลุกมาทำต่อ) ทำให้ไปนอนแล้วก็นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท เพราะคิดแต่เรื่องงาน เราก็แค่อยากได้คำแนะนำว่ากินอะไรจะทำให้ง่วงนอน ผ่อนคลาย และหลับได้ดีขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งเราอาจจะอธิบายไม่ละเอียดมากนัก ดังนั้นก่อนตัดสินว่าเราคิดว่านอนน้อยวิตามินทดแทนได้ ถามสักนิดสิคะ ให้เกียรติกันสักหน่อย แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 12:04:48 จากคุณ : ปลาวาฬใจดี เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 11:56:12

ความคิดเห็นที่ 34 ชี้แจ้งนะคะ เนื่องจากกระทู้นี้ ได้พาดพิงกระทู้ของเรา http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8352679/L8352679.html คุณ K.Senior 1. เรารู้มานานแล้วค่ะ ว่านอนน้อยนั้นไม่ดี จึงมาตั้งกระทู้นี้ "เพราะอยากนอนได้มากขึ้น" 2. เราไม่เคยคิด และไม่เคยพูดว่าวิตามินจะทดแทนการนอนน้อยได้ 3. เราแค่อยากได้ตัวช่วยที่ทำให้เรานอนได้ดีขึ้น ถึงจะช่วยได้เพียงเล็กน้อยจากการกิน แต่คนนอนน้อยคงเข้าใจว่าช่วยได้นิดหน่อยก็ยังดี ส่วนเทคนิคอื่น ๆ ที่ทำให้นอนได้ดีขึ้น ก็พยายามศึกษาและทำอยู่ แต่มันก็ไม่ง่าย 4. เราไม่ได้ต้องการ คำแนะนำว่า "นอนให้พอ" สิ เราจึงเขียนดักไว้ เพราะรู้ว่าจะมีคนอย่างคุณ K.Senior เข้ามาโชว์เกรียน การพูดว่า "นอนให้พอ" นั่นพูดง่ายแต่ทำยาก (คนนอนได้น้อยคงเข้าใจ) เช่นเดียวกับ การลดความเครียด บอกกันได้ค่ะ แต่ถ้าจริงใจจะช่วยจริง ๆ ช่วยบอกเทคนิคจะดีกว่า "นอนให้พอ" ถ้าเป็นคนหลับง่าย ก็คงทำได้นานแล้ว ไม่ต้องมาขอคำแนะนำกัน คนที่เป็นเค้ารู้ค่ะ แต่เค้าทำไม่ได้ จึงมาขอตัวช่วย ซึ่งหากเป็นสุภาพชนจริงใจจะช่วยคนอื่นจริง ไม่อยากแนะนำวิตามินอาหารเสริม (เพราะไม่เห็นด้วย) ก็แนะนำอย่างอื่นก็ได้ แต่นี่นอกจากด่าแล้ว ก็ไม่เห็นคุณจะแนะนำอะไรที่ปฏิบัติได้จริงเลย "ช่วยให้นอนหลับสบาย" อ่านให้ละเอียดหน่อยค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 12:36:17 จากคุณ : ปลาวาฬใจดี เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 12:23:25

ความคิดเห็นที่ 35 อ่าน คห. 12 ในข้อ 1 แล้วตกใจค่ะ ที่บอกว่า นอนต้องไม่ฝันด้วย ทำยังไงดีคะ เป็นคนที่ชอบคิดมาก จนนอนฝันทุกคืนเลยก็ว่าได้ ทำให้สมองตอนนอนคิดอยู่ตลอด เป็นผลเสียมากๆเลยใช่ไหมคะ เป็นคนหลับง่าย ขี้เซาแต่หลับทุกครั้งต้องฝันนู่นนี่ตลอดเลย เฮ้อออ จากคุณ : NUI_meishan เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 16:03:12

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้ามีปัญหานอนไม่หลับ ไม่ใช่ว่าไม่ยอมนอน ต้องไปหาหมอครับ ไม่ใช่มากินวิตามินหรืออาหารเสริม เรื่องนี้ก็น่าจะรู้ เพราะหมอมีวิธีการวิเคราะห์ตามหลักวิทยายาศาสตร์ ไม่ใช่แนะนำโง่ๆ เรืองวิตามินอาหารเสริม คลีนิกนอน (sleeping clinic) มีอยู่ทั่วไป รพ ที่สอน นศ แพทย์ ไปหาได้ เช่น รพ ศิริราช ดีกว่ามายอมอดนอน โทรมร่างกายตัวเองเปล่าๆ มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว หมอเขาศึกษาด้านนี้มาโดยตรง มาถามวิตามินในห้องสวนลุมโดยไม่บอกละเอียดว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ แค่บอกนอนน้อย ผมก็หลงด่าว่าโง่ไปแล้ว แล้วเรื่องที่ผมเล่า มันไม่มีประโยชน์หรือไงครับ? ทานอาหารเสริมวิตามินเป็นประจำ นอนน้อย โหมงาน ตายไปแล้ว มันช่วยรุ่นน้องผมได้ที่ไหน? ผมด่าคนที่ไม่รักตัวเอง นอนน้อย ดื่มเหล้าเมาหยำเป สูบบุหรี ว่าโง่ทั้งนั้น หรือใครว่าพวกนี้ฉลาด ผมก็เคยด่าว่า ตัวเองโคตรโง่มา 20 ปีที่ไม่ยอมออกกำลังกาย ยอมป่วยเป็นหวัด อ่อนแอภูมิแพ้อยู่ได้ ทั้งที่หมอบอกว่าไม่มียารักษาภูมิแพ้ ผมก็ดื้อ คร้าน และโง่ ลอง search ดูจะเห็นว่า ผมก็ด่าตัวเองว่าโง่มาแล้ว กว่าจะเห็นธรรมก็ตอนอายุ 47 ยอมออกกำลังกาย และไม่ป่วยอีก ถ้ามีคนเห็นธรรม หันมารักตัวเอง ไม่โทรมตัวเอง ไม่ตาย ไม่เจ็บป่วย มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น จะมีใครว่าผมเกรียน ผมก็ยอมเกรียนครับ ยอมให้ถูกด่าว่า เกรียน  เกรียน  เกรียน โคตรเกรียนเลย  555 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 52 23:42:30 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 23:22:25

ความคิดเห็นที่ 37 อ้อทุกคนนอนต้องฝันครับ ไม่ฝันไม่ได้ เพราะมันเป็นธรรมชาติ แต่จะจำได้หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ค้นอากู๋ดูก็ได้ครับ คำศัพท์คือ REM (rapid eye movement) ช่วงที่ฝัน เปลือกตาจะกระพริบเร็วๆ นักวิจัยปลุกให้ตื่นตอนนั้น จะจำฝันได้ เพราะกำลังเกิดพอดี สรุป ทุกคนต้องนอนฝันครับ เรื่องศาสตร์การนอน ผมเรียนใน psychology 001 มานานมากแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน ก็มีการบอกเรื่องการนอนต้องฝันแล้วครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 00:38:33

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยค่ะ นอนน้อยจะหน้าโทรม สิวขึ้น และรูขุมขนที่หน้าจะกว้างมากกกกกกกก จากคุณ : ^Bloody_Brownie^ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 01:00:21

ความคิดเห็นที่ 39   ความคิดเห็นที่ 35 อ่าน คห. 12 ในข้อ 1 แล้วตกใจค่ะ ที่บอกว่า นอนต้องไม่ฝันด้วย ทำยังไงดีคะ เป็นคนที่ชอบคิดมาก จนนอนฝันทุกคืนเลยก็ว่าได้ ทำให้สมองตอนนอนคิดอยู่ตลอด เป็นผลเสียมากๆเลยใช่ไหมคะ เป็นคนหลับง่าย ขี้เซาแต่หลับทุกครั้งต้องฝันนู่นนี่ตลอดเลย เฮ้อออ จากคุณ : NUI_meishan เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 1 ...if you dream while you are sleeping, you will wake up with tiredness. ...if you don't dream, you will sleep less hours, and wake up with full function. ...meditate before sleeping, and you will dream less. จากคุณ : tan เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 03:14:04 A:78.20.210.226 X: TicketID:019698

ความคิดเห็นที่ 40 "มาถามวิตามินในห้องสวนลุมโดยไม่บอกละเอียดว่าเป็นโรคนอนไม่หลับ แค่บอกนอนน้อย ผมก็หลงด่าว่าโง่ไปแล้ว" ฉันไม่ได้เป็นโรคนอนไม่หลับค่ะ แค่นอนน้อยเฉย ๆ อย่าหลงด่าใครสุ่มสี่สุ่มห้าบ่อย ๆ นะคะ มันเหมือนคุณไม่ได้ใส่ใจจะช่วยใครจริง ๆ แค่มาแสดงความ... ของตัวเอง จากประสบการณ์เก่าของคนรอบตัวของคุณเอง และมองอะไรแบบแคบ ๆ สรุปอะไรแบบไม่มีหลักฐาน ฉันอยู่เชียงใหม่ค่ะ คงไป รพ. ศิริราชไม่ได้ (เวลามองทางเลือกอย่ามองรอบตัวคุณเองสิคะ คนอื่นอาจไม่ได้อยู่สภาพแวดล้อมแบบเดียวกับคุณ) และฉันก็ไม่ถึงกับเป็นโรคหรอกค่ะ ผิวยังสดใส สมองยังปลอดโปร่งอยู่ แค่อยากนอนได้ดีขึ้น จะมีบางช่วงเท่านั้นที่ Alert งานตัวใหม่จนนอนไม่หลับ นอนดีก แล้วก็ค่อย ๆ ปรับมานอน 3 ทุ่มตามปกติ แต่ก็ต้องค่อย ๆ ปรับ เหมือนช่วงที่ตื่นเต้นก่อนไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย/บริษัทใหญ่ ๆ ใคร ๆ ก็เป็นกันได้ค่ะ แต่คุณก็สรุปอะไรเองจากข้อมูลเพียงน้อยนิดอีกตามสไตล์ K.Senior แค่ไหนจึงจะเรียกว่า"โรคนอนไม่หลับ" มันต้องมีเกณฑ์ค่ะ ไม่ใช่สรุปเอง อีกอย่างเรื่องที่คุณนำมาตั้งกระทู้นี้ มันไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน ถ้าจะให้ข้อมูลอะไรเชิงสุขภาพแบบสรุปตามหัวข้อ "วิตามินไม่มีส่วนช่วยต่อการนอนน้อย" น่าจะมีหลักฐานการวิจัยสนับสนุน ยกมาให้ดูสักชิ้น 2 ชิ้น จะดีกว่ามาพูดลอย ๆ คนมีความรู้จริง เค้าจะบอกเลยค่ะว่าไม่ผลกี่ % มีคนทำวิจัยหรือยัง หมอหมูยังบอกเลยว่ามันยังไม่มีหลักฐาน "แล้วเที่ยวปฏิเสธสิ่งที่ไม่รู้ว่าไม่มี ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีความรู้ไม่ถึงต่างหาก" นี่ขนาดหมอเรียนด้านร่างกายมนุษย์มาโดยตรง เค้ายังวางตัวกลาง ๆ เลย นี่สิฉลาดจริง และจากประสบการณ์น้อง อ. 1 คนที่คุณรู้จัก ก็ไม่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้ดูแลน้อง อ. ด้วย ว่าเสียชีวิตจากสาเหตุใด สรุปเองเฉยเลยว่าวิตามินช่วยน้อง อ. ที่นอนน้อยไม่ได้ สรุปเอาเองว่าวิตามินไม่มีส่วนช่วยเรื่องการนอน สรุปเอาเองว่า "ปลาวาฬใจดี" เป็นโรคนอนไม่หลับ สรุปเอาเองว่า "ปลาวาฬใจดี" และคนที่กินอาหารเสริมวิตามินช่วยเรื่องการนอนโง่ สรุปเอาเองว่า คนที่นอนน้อย ทำงานจนดึก โง่ คนที่แสดง "ความไม่รู้" จริง ออกมาน่าจะเป็นคุณมากกว่าคนนอนน้อยอย่างฉันล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปด่าใครพร่ำเพรื่อย อย่างที่คุณพูดเองว่า "หลงด่าว่าโง่ไปแล้ว" คนด่า...กว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 10:29:33 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 10:20:51 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 10:14:27 จากคุณ : ปลาวาฬใจดี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:05:57

ความคิดเห็นที่ 41 การให้ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง เป็นอย่างนี้ค่ะคุณ K.Senior ดูไว้เป็นตัวอย่างการตั้งกระทู้ครั้งหน้านะคะ :) ผลของการอดนอนไม่เพียงทำให้ความงามลดลงเท่านั้นนะค่ะ แต่... ?             ศ.เจอร์เกน ซัลเลย์ยังกล่าวอีกว่า สารอาหารบางอย่างหรือยาบางชนิดจะมีผลกระทบต่อการนอน ได้เช่นกัน อย่างคาเฟอีนที่อยู่ในชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือแม้กระทั่งน้ำอัดลม ซึ่งหากดื่มมากๆ ก็จะกระตุ้นประสาททำให้นอนหลับยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กๆ คุณอาจจะไม่เคยสังเกตุเลยว่าลูกหรือเด็กๆ ในบ้าน บางคืนดึกแล้วยังไม่ยอมนอนสักที ปกติจะหลับปุ๋ยไปตั้งนานแล้ว ลองย้อนกลับไปคิดสักหน่อยสิว่า!! เด็กๆ ดื่มน้ำอัดลมในช่วงตอนเย็นหรือก่อนนอนมากไปหรือเปล่า? ส่วนยาที่ใช้บำบัดรักษาไข้หวัดบางชนิด มีส่วนผสมของสารกระตุ้นประสาทและกระตุ้นหัวใจอยู่ เมื่อทานเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการใจเต้นใจสั่น นอนไม่หลับเลย ได้เช่นกัน            ซึ่งยาเหล่านี้จะมีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เชื่องช้า ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร การตัดสินใจผิดพลาด ได้มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำในแพทย์ประจำบ้าน  ที่จะต้องทำงานอยู่เวรตอนกลางคืน อดหลับอดนอนเป็นประจำ โดยศึกษาจากการใช้เครื่องทดสอบการขับขี่ยานพาหนะ (simulator driving test)ในช่วงที่ทำงานไม่หนัก (ทำงาน 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) เปรียบเทียบกับช่วงที่ทำงานหนัก ต้องมีการอยู่เวรถี่ และต้องอดนอนบ่อย (ทำงาน 80-90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)             นอกจากนี้จากรายงานการวิจัยของศ.เจอร์เกน ซัลเลย์ ยังพบว่าในขณะที่อาจจะได้หรือไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ ผลการทดสอบพบว่าช่วงที่ทำงานหนักอดนอนจะมีการตอบสนองที่ช้าลงกว่าช่วงที่ทำงานเบาๆ ถึงประมาณ 7% และมีความผิดพลาดของการตัดสินใจมากกว่าถึง 40% มีการขับขี่ที่ไม่อยู่ในช่องทางที่ถูกต้องมากกว่าช่วงไม่อดนอน 27% มีการขับที่ความเร็วไม่คงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลามากกว่า 71% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงที่พักผ่อนอย่างเต็มที่  นอกจากนี้ยังมีการทดสอบช่วงที่ไม่อดนอนแต่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้ได้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่ความเข้มข้น 0.4-0.5 เทียบกับช่วงที่ทำงานหนักอดนอน (แต่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์) พบว่าช่วงที่อดนอนมีการขับขี่ที่ความเร็วไม่สม่ำเสมอ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สูงมากกว่าถึง 29% แต่อย่างไรก็ตามอัตราการเกิดอุบัติเหตุใกล้เคียงกัน            เห็นไหมว่าการอดนอนมีผลกระทบต่อร่างกายมากเลยที่เดียว แต่ !! อย่าเพิ่งดีใจไปว่าการอดนอนเป็นอันตรายเพียงอย่างเดียว  การนอนมากไปก็อันตรายวิ่งคู่ตามมาเป็นอันดับที่สองเช่นกัน หากต้องอดนอนมีทางแก้ดังนี้            1. กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบีและซี เพราะเวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ทำให้เกิดความเครียดแบบลึกๆ จึงต้องแก้ด้วยวิตามินคลายเครียดประเภทบีและซีปริมาณมาก ดังนั้นในระยะนี้ต้องกินข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หากกินอาหารประเภทดังกล่าวไม่ได้ ให้ใช้วิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1,000 ม.ก. วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า                        2. ถึงกลางคืนจำเป็นต้องเติมพลังงานให้กับตัวเอง เพราะส่วนอาหารที่เรากินเข้าไปจะใช้ได้ประมาณ 6 ช.ม.เท่านั้น หากกินอาหารเย็น 6 โมง ถึงเที่ยงคืนพลังงานก็หมดแล้ว จะต้องเติมอาหารที่ให้พลังงานเข้าไป ทั้งนี้ ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว ธัญพืช จะดีกว่าอาหารที่มีไขมันสูงอย่างนมวัว หรือเครื่องดื่มประเภทโกโก้ หรือมอลต์ เนื่องจากเวลาที่จะนอนมีน้อยอยู่แล้วไม่ควรกวนกระเพาะให้ย่อยอะไรที่ย่อยยาก เพราะจะทำให้หลับไม่สนิทดีนัก และมีอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าวเหนียว กล้วย หากเลือกกินยามดึกได้จะทำให้นอนเร็วกว่า 3. ควรนอนทันทีหลังจากเสร็จจากดูบอล หรือดูหนังสือ ไม่ควรเสียเวลาออกไปหาข้าวต้มรอบดึกกินนอกบ้านเพราะจะยิ่งมีเวลานอนน้อย และควรระลึกไว้ว่าน่าจะมีเวลานอนติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง สุขภาพจึงจะไม่เสื่อมทรุดในระยะนี้ ถ้าต้องนอนตี 3 ก็แปลว่าควรจะตื่นตอน 7 โมงเช้าจึงจะดี            4.ไม่ควรแก้ง่วงด้วยการดื่มกาแฟ หรือชา เพราะกาแฟมีฤทธิ์ 6-8 ชั่วโมง หากกินกาแฟตอน 4 ทุ่มก็แปลว่าจะหลับได้เอาตอนตี 4 ซึ่งจะทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอ หากง่วงก็ควรงีบหลับก่อนแล้วค่อยตื่นมาดูหนังสือหรือดูโทรทัศน์เอาตอนดึก                        5.ตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามินดังที่ได้กล่าวแล้ว หรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ดีกว่าดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ จากคุณ : ปลาวาฬใจดี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:35:49

ความคิดเห็นที่ 42 คนขี้เซาทั้งหลายได้ฟังข่าวนี้แล้วควรรีบเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะคณะนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานดิเอโกได้ศึกษาพฤติกรรมการนอนของชาวอเมริกาที่มี อายุระหว่าง 30 – 102 ปี จำนวนกว่าหนึ่งล้านคน ภายในเวลา 6 ปี พบว่าคนที่ใช้ เวลานอน 8 ชั่วโมงต่อคืนมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่นอนแค่ 7 ชั่วโมง ต่อคืน ประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่นอนมากกว่า 8 ชั่วโมงหรือน้อยกว่าสี่ ชั่วโมงครึ่งต่อคืนยิ่งมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตเร็วสูงขึ้นเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว นั่นหมายความว่านอนมาก ๆ ไม่ดี หรือนอนน้อยเกินไปก็ไม่ดี เช่นกัน                        คณะนักวิจัยรายเดิมพบว่าชั่วโมงที่ยาวนานเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง รวมทั้งโรคหัวใจและโรคลมใน ปัจจุบันด้วย จนเกิดข้อสงสัยที่ทำให้ต้องศึกษากันต่อไปว่า การนอนนาน ๆ จะเป็น ความสุขระยะสั้นที่อันตรายต่อมนุษย์เราเหมือนอย่างการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ หรือเปล่า            การนอนมากหรือนอนน้อยไปไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพเราฉะนั้นแล้วการนอนอย่างพอดีและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพียงแค่นี้โรคต่างๆก็วิ่งหนีหายไปจากตัวเราแล้ว  ไชโยโรคไปแล้ว...... เรื่องโดย: นางสาว มณีรัตณ แช่มมณี Team Content www.thaihealth.or.th Update 22-01-52 จากคุณ : ปลาวาฬใจดี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 10:36:18

ความคิดเห็นที่ 43 ดูอากู๋ ใส่คำว่า "sleep deprived" ไปครับ แล้วจะหาว่าผมไม่มีหลักฐานอะไร 555 http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,1169907,00.html http://serendip.brynmawr.edu/exchange/node/1690 มีอากู๋อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม ผมเรียนเรื่องนี้มาตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว ปัจจุบันยิ่งมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับผลเลวร้ายในการนอนน้อย ที่คุณยกมาคือนอนมากซึ่งมันก็มีผลเสียอยู่ แต่นี่เราพูดถึง เรื่องการนอนน้อย จะยกอะไรมาก็น่าจะเป็นวิชาการหน่อย ก่อนที่จะมาว่าคนอื่นๆ แบบไม่รู้จริง ต้องอ่านวิชาการจากต่างประเทศด้วย ภาษาไทยมันมีน้อยจนน่าสงสารในเรื่องความรู้ทางวิชาการ ก็ไปมหาวิทยาลัยแพทย์เชียงใหม่ได้ ผมบอกว่า มหาวิทยาลัยแพทย์ทุกแห่งมี sleeping clinic แล้วยกตัวอย่าง ศิริราช มหาวิทยาลัยที่สอนแพทย์ทุกแห่ง มีผู้เชี่ยวชาญเรื่อง sleep deprived อยู่แล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 12:23:19

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นด้วยค่ะ สมัยวัยรุ่นติดเกม ช่วงทำงานพีคๆ ก็นอนน้อยมาก รู้สึกเลยว่าสุขภาพร่างกายแย่ลงไปมาก พอแก่แล้วตอนนี้อะไรที่เสื่อมถอยไปก็เรียกคืนมาไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้วันไหนนอนหลังเที่ยงคืน ตื่นเช้ามาจะรู้สึกมึนอย่างเห็นได้ชัด พักผ่อนให้เพียงพอ สำคัญจริงๆ จากคุณ : =p o o k p u i= เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:43:41