Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
@@- - สถานกักกันจิตใจ กับ หนึ่งปีที่หนักหนาทางความรู้สึกของข้าพเจ้า -- @@  

ปีนี้ที่กำลังจะเคลื่อนตัวอย่างช้าๆแต่สม่ำเสมอ กำลังจะเคลื่อนที่ผ่านไปแล้วนะครับ

ตั่งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าผม ได้ก้าวเดินผ่านเรื่องราวหลากหลายมากมาย ทั้งสุขสุดๆ และ ทุกข์ใจ แบบ ร้องไห้ไม่ออกด้วย

ไม่เคยคิดครับ ว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอเรื่องบ้าๆบอๆ แบบนี้

แววตา วิญญาณ และจิตใจ ของผมเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปจนรู้สึกตัวได้เลยว่าทำไมเรากระด้างขึ้นได้ขนาดนี้

เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ในคืนก่อนวันแต่งงานเพื่อนรัก ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าคุณน้า เสียชีวิตกระทันหัน แบบไม่เคยมีใครคิดมาก่อน

น้าคนนี้เป็นหนึ่งใน ไอดอลในวัยเด็กของผมเลยครับ ความอารมณืดี เสียหัวเราะ ความเฮฮา ของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ก็ได้มาจากน้าชาย ที่เอ็ดูเขามาไม่น้อยเลยทีเดียว  

กำลังจะมาสนุกกับเพื่อนรัก แต่เรื่องร้ายๆในชีวิตก็เคาะประตูเข้ามาพร้อมๆกัน รู้ว่าทุกคนต้องลาจากกันในวันใดก็วันหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าต้องมาจากกันในรูปแบบนี้

ถัดมาไม่ถึงสามเดือน แม่เพื่อนสนิท (ผมขอเรียกว่าแม่สอง) ก็มาจากไปอีก  ซึ่งแม่เพื่อนคนนี้ เป็นเสมือนแม่อีกคนของผม ผมไปนอนเล่น กินข้าวที่บ้านนี้มาตั่งแต่ เรียนอนุบาล คนในบ้านเพื่อนและแม่สองก็รักผม เหมือนเป็นลูกชายอีกคน ที่พลัดพรากกันมา แม่สองทั้งคอยเตือน ไปลากผมให้กลับมาเรียนหนังสือ ในวัยที่ผมเกเร ผมกับเพื่อนคนนี้ เป็นมากกว่าเพื่อน เราเหมือนพี่น้องกัน ในวันที่รู้ว่าแม่สองเสีย ผมมีอาการเหมือนโดน สหบาทาเมื่อสมัยวัยรุ่น มันทั้งมึน มันทั้งจุก

แต่คราวนี้มันไม่ได้เกิดที่ร่างกาย มันเกิดที่จิตวิญญาณ

ทำไมคนดีๆอย่างแม่สอง ต้องจากไปด้วยโรคที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง อย่าง มะเร็ง

"จะบวช ตอนไหนต้องมาบอกแม่นะลูก"  แม่สองเคยพูดไว้

แต่ตอนนี้ แม่สอง ไม่ได้อยู่ให้ผมบอกอีกแล้ว

ชีวิตเป็นสิ่ง บอบบาง รักษายาก แตกดับง่าย และเราก็ไม่มีวันรู้เลยว่า เราจะตายไปในขณะใดแห่งชีวิต ทุกคนหนีไม่พ้น ไม่ว่าจะรวย จน หรือหล่อ สวย แค่ไหน

สุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือ ผลของการกระทำที่เจ้าตัวทำไว้

ข้อนี้ผมมารุ้ซึ้งก็ ตอนนี้นี่เอง

จนมาถึงตอนนี้ ความกลัวต่างๆในจิตใจของผม ก็หายไปเยอะ
หรือจะว่าไป ผมตายด้านไปเยอะด้านจิตใจ

ก็เมื่อคิดได้แล้วว่าสักวันเราก็คงไม่ต่างจากละอองผง ในสายลม ที่พัดมา เดี๋ยวก็พัดหายไป

จากที่เคยหวงหนังสือ หวงของกลัวมันจะพัง จะยับหากใหคนอื่นๆยืมอาน
ก็แบ่งให้น้องๆ เพื่อนๆยืมอ่านได้เลย  อะไรๆที่เคยสะสม ก็เอาไปให้ๆ แจกๆ น้องๆกันไป เริ่มๆยึดติดอะไรๆน้อยลง จนรู้สึกได้ว่า ยิ่งของยิ่งน้อยลง เราก็ยิ่งมีความสุขดี ไม่ต้องพะวงกังวลอะไรกับมันนัก ใช้และมีเท่าที่จำเป็น

ผี วิญญาณ ก็เลิกกลัวไปเลย จนเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอยากจะเจอด้วยซ้ำไป จะได้ถามว่า เจอคนที่ผมรกสองคนนั้นไหม

ผมรู้สึกตัวว่าผมปล่อยอะไรๆหลายๆอย่างที่ผมสมมุติขึ้นมาเอง เยอะมาก
อ่อนน้อมถ่อมตนขึ้น ยิ้มง่ายขึ้นเข้าใจอะไรๆง่ายและยอมรับเรื่องต่างๆดีขึ้น

มันก็น่าแปลก ที่ต้องรอมาถึงอายุวัยรุ่นตอนปลายๆแบบนี้ถึงจะเข้าใจ ความหมายของคำว่า สัจธรรม

แม่สอง และน้าชาย คงได้สอนครั้งสุดท้าย แก่ หลานคนนี้ ในวาระสุดท้าย ของนทั้งสองนั่นเอง

คำสอนที่ล้ำค่า

สุดท้าย คนเราก็เหลือแต่ ความดีที่เคยได้กระทำต่อผู้อื่นก่อนจาก


เวลามาก็มาตัวเปล่า กลับก็กลับตัวเปล่า

เพราะคุณค่าของคน มันคงไม่ได้อยู่ที่กายเนื้อ และ เลขในสมุดบัญชี


มันอยู่ ที่ ......


คิดถึงมากๆครับ  น้า



ปล. นี่คือสิ่งที่ผมคิด และ เป็นอย่ ในขณะปัจจุบัน

 
 

จากคุณ : Dr.Jackass.
เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 06:07:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com