ความคิดเห็นที่ 1 ก็มีคนเอะใจกันตั้งนานแล้วครับ? ก็เลยมีการอ่านและศึกษาถึงที่มาที่ไปกันไงครับ มันเป็นรูปแบบหนึ่งของ intermittent fasting ที่มีกรอบชัดเจน และวัตถุประสงค์ชัดเจน  เข้าใจคำว่ากรอบนะครับ ถึงได้ต้องมีขั้นตอน รายละเอียด เป็นกิจลักษณะ ไม่ได้เกี่ยวกับโน้มน้าวอะไร และบอกตั้งแต่ชื่อแล้วว่า อด fast = fasting แต่มันไม่ใช่อดอยากปากแห้ง ผอมซี่โครงบาน แนะนำให้ทำความเข้าใจกับคำว่า intermittent fasting ซึ่งมีอีกหลายรูปแบบ ต้นฉบับเป็นคนอเมริกัน แจกหนังสือ E-Book อธิบายที่มาที่ไป มี Yahoo Groups ให้พูดคุย ทุกวันนี้เค้าก็ยังพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ ในไทยก็มีฟอรั่มให้พูดคุย ให้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ถ้าไม่รังเกียจลองเข้าไปอ่านจะพบว่าอิ่มหมีกันทุกคน ไม่มีก้างเดินได้ในนั้นเลย ด้วยความเคารพ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 13:07:55

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ เคยเข้าไปอ่านแล้วหละค่ะ IF ที่คุณว่าก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดในระดับที่เป็นที่ยอมรับทั่วไปนะคะ มีหลายจุดที่ยังน่ากังขา อย่างเช่นที่บอกว่า Fast 5 ไม่ทำลายระบบเผาผลาญซึ่งขัดแย้งกะข้อมูลทั่วไป และเคยทดลองกะตัวเองแล้ว ซึ่งถึงทำให้เอะใจไงคะ มันลดจริงค่ะ แต่ลดเพราะอดอาหารค่ะ กินน้อยลงไม่ลดก็แปลกแล้วค่ะ การที่คนเรากินอาหารได้วันละมื้อ(ใน 5 ชม. เรากินได้อย่างมาก 1 มื้อ หรืออาจมีของว่างนิดหน่อย เพราะเป็นช่วงเวลาที่เรายังอิ่มต่อเนื่องอยู่ทำให้กินได้ไม่มากอยู่แล้ว)  ส่วนอีกสิบกว่าชั่วโมงที่คุณไม่กินอะไรเลยนั่นแหละค่ะเรียกว่าการ อดแล้วหละ และที่สังเกต FAST 5 พูดกันมากแต่ในเน็ต ตามร้านหนังสือไม่เคยเห็น หรือถ้ามีก็เป็นส่วนน้อย อย่างในรายการลดความอ้วนต่างๆ เช่น The Biggest Looser ก็ไม่เห็นนำวิธีนี้มาใช้ ไม่เหมือนวิธีอื่นเช่นอย่าง Etkin อาหารแคลลอรี่ต่ำ การออกกำลังกาย ที่ยังพอมีหลักการน่าเชื่อถือ แม้จะมีผลเสียอยู่บ้างแต่ก็ยังมีหลักการน่าเชื่อถือค่ะ เรื่องความอ้วนมันหลักการง่ายๆ แคลลอรี่ที่เอาบริโภคเข้าไปและถูกใช้เป็นพลังงาน ถ้าสมดุลกันก็จะไม่อ้วน เว้นแต่บางคนอาจจะมีปัญหาภาวะทางเคมีในร่างกายการเผาผลาญผิดปกติ การลดความอ้วนที่ได้ผลคือการคุมอาหารออกกำลังกายที่ถูกต้อง การที่คุณอดอาหารนานๆไปร่างกายต้องปรับตัวระดับการเผาผลาญก็จะชะลอลง เหมือนสัตว์ที่มีการจำศีลในหน้าหนาวไม่กินอะไรไงคะ  ทีนี้หละพอหยุดลด นน โย่ได้ง่ายๆค่ะ วิธีที่ผิดหรือทางลัดทั้งหลายมีผลทำให้เมื่อหยุดลดแล้วกลับมาเหมือนเดิม เพราะนิสัยการกินของเรายังเหมือนเดิมความอยากเราเหมือนเดิม ดังนั้นหากคุณอดกินวันละมื้อหรือที่บางกลุ่มเรียกว่า Fast 5 หากหยุดลดแล้วกลับมานิสัยยังไม่เปลี่ยน ก็ยากค่ะที่จะคุมน้ำหนักให้เท่าที่ลดได้ ก็คิดดูง่ายๆนะคะ คนทั่วไปกินวันละ 3 มื้อต่อวันนะคะ แต่ตอนคุณ Fast 5 คุณกินได้แค่ 5 ชั่วโมงหรือเท่ากับ 1 มื้อ จะเป็นไปได้อย่างไรคะที่กลับมากิน 3 มื้อปกติแล้วไม่โยโย่! จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคนคนนั้นมีการปรับเปลี่ยนนิสัยการกินคุมเรื่องแคลลอรี่และออกกำลังกายไปด้วย แต่ก็ยังยากเลยค่ะ ส่วนมากโยโย่ทั้งนั้นไม่มากก็น้อย จะลดความอ้วนด้วยวิธีไหนก็สุดแท้แต่ละคนพึงพอใจ แต่ที่ออกมาพูดเพราะไม่อยากให้คนเข้าใจผิดหลงคิดว่า Fast5 เป็นวิธีการวิเศษอะไรจากไหน กับบางคนที่ถ้าบอกให้อดกินวันละมื้อเขาทำไม่ได้ แต่การได้เข้ามาอ่านเกี่ยวกะ Fast5 แล้วเคลิ้มตาม แล้วกินได้วันละมื้อและลดน้ำหนักได้ก็เป็นผลดีกับเขาไป ตราบเท่าที่เมื่อเขาหยุดลดแล้วยังควบคุมน้ำหนักได้ค่ะ จากคุณ : GetCha เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 13:56:38

ความคิดเห็นที่ 3 - ไม่มีใครบอกว่าอะไรวิเศษไม่วิเศษครับ แต่ผมก็รู้สึกว่า "เข้าใจผิดหลงคิดว่า" มันดูยังไงๆนะครับ มันไม่ได้มีใครตั้งขบวนการหลอกล่อใคร ต่างคนต่างความครับ - Fast -5 พูดถึงการควบคุมระดับอินซูลิน ด้วยการเพิ่มเวลาที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารได้นานที่สุด นี่คือกลไกครับ อันนี้จะคิดว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ คงไม่ต้องพูดตรงนี้ เพราะมันมีที่ให้ค้นคว้าอยู่แล้ว และก็ไม่ได้ตั้งใจให้ใครเชื่อโดยไม่คิดครับ - fasting ไม่ใช่ prolong starvation - "ดังนั้นหากคุณอดกินวันละมื้อหรือที่บางกลุ่มเรียกว่า Fast 5 หากหยุดลดแล้วกลับมานิสัยยังไม่เปลี่ยน ก็ยากค่ะที่จะคุมน้ำหนักให้เท่าที่ลดได้" (ด้วยความเชื่อของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Fast-5 ออกตัวไว้ก่อน)  คนที่ใช้ fast-5 จะถูกบอกเสมอให้กินในปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน หมายถึงคุณต้องกินมากกว่าที่คนปกติกิน 1 มื้อ! ใน 5 ชั่วโมงคุณจะต้องกิน อย่างน้อยที่สุดคือแคลอรี่ที่ร่างกายคุณปกติต้องใช้ เราไม่เคยบอกให้ใครกิน 1 มื้อ เท่ากับมือเดียวที่คุณกินปกติครับ  ส่วนมากที่กินแบบนี้คือคนที่อ่านแว๊บๆ แล้วไปทำ ลดลงสองสามกิโล แล้วโพสต์อวดดีใจ แล้วก็โย่ครับ! มันเป็นวงจรที่พวกผมเห็นจนเบื่อแล้ว - ในทางกลับกัน ถ้าคุณเลิกทำ fast-5 เราก็ไม่ได้ไปสั่งสอนนะครับ ให้กินสามมื้อ และแต่ละมือกินมากเท่ากับที่เคยกิน ( ด้วยความเชื่อของกลุ่มที่เรียกว่า fast-5 )  ถ้าคุณทำ fast-5 อย่างน้อยจนกระทั่งเข้าระดับ active loss อาการกินอาหารมูมมามแบบ binge จะไม่มี และถ้าคุณเลิกทำ fast-5 คุณก็สามารถก้าวออกจากรอบสมมตินี้ไปได้ตามปกติ และเริ่มกินอาหารไปธรรมดาครับ ยังไงซะที่คุณมาโพสต์แบบนี้ก็ดีแล้วครับ จะได้ลดวงจรคนคิดสั้นที่จะกลัวเพราะกระทู้นี้  ที่อ่านๆ ผ่านๆ แล้วก็เย้วๆ ผมเบื่อจะแก้ปัญหาให้ ถ้าไม่มีคนมาสนใจ fast-5 ก็ไม่มีใครเดือดร้อน ถ้ามี ผมต้องการคุณภาพ ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 52 14:27:35 จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:24:20

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับพี่ atheis ค่ะ การลดน้ำหนักแต่ละวิธีก็มีโอกาสเกิดโยโย่กันทั้งนั้น คนเรา ต้องควบคุมน้ำหนัก คู่ไปกับการออกกำลังกาย หากจะกลับมาอ้วนอีกก็เพราะนิสัยการกินแบบผิด ๆ กินแป้ง น้ำตาล ของหวาน มากเกินกว่าที่ความต้องการของร่างกายคน มันก็อ้วนทั้งนั้นละค่ะ ไม่จำเป็นต้อง fast 5 อย่างเดียว ลดน้ำหนักแบบไม่กินแป้ง คิดว่าหากกลับมากินแป้ง จะโยโย่ไหมคะ ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร หากกลับมากินเยอะ จะโยโย่ไหมคะ ยิ้มว่า ก็ทั้งนั้นแหละค่ะ ถ้าคนที่ลดน้ำหนัก กลับไปกินเยอะอีก ไม่ว่าจะลดด้วยวิธีไหนมาก่อน ก็โยโย่ทั้งนั้นล่ะค่ะ ว่าแต่ว่าพี่ atheist คะ ยิ้มต้องอ่านการตอบคำถามของพี่ และแปลไทยเป็นไทยตั้งหลายรอบแน่ะ เขียนได้วิชาการมาก ๆ  ^-^ จากคุณ : เป็นกำลังใจให้คุณ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:41:08

ความคิดเห็นที่ 5   จขกท อาจจะหวังดีนะคะ ส่วนตัวก็เคยใช้วิธีนี้และได้รับผลกระทบแบบเต็มๆเหมือนกัน ถ้าโฟกัสเรื่องตัวเลขบนตราชั่ง โดยไม่ซีเรียสเรื่องสุขภาพเท่าไหร่ ถือว่า fast5 ช่วยได้จริงๆค่ะ จากคุณ : always wrong (Always wrong) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:48:37

ความคิดเห็นที่ 6 จากประสบการณ์ส่วนตัว ก็ได้รู้จัก fast-5 ในอินเตอร์เนตนี่ละค่ะ ก็เคยคิดอยู่ว่ามันคืออะไร แล้วนน.จะลดได้หรือถ้าเราทำโปรแกรมนี้ ทุกวันนี้ศรัทธาและเชื่อมั่นในโปรแกรม fast-5 เพราะ fast-5 ทำให้เราลดนน.ได้จริง ต่างคนต่างความคิด นานาจิตตัง แต่ทางที่ดีคุณควรศึกษาให้ได้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักสูตรไหน มันก็ได้ผลหมดทั้งนั้นหล่ะค่ะ อยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังกระทำมากน้อยแค่ไหน อ่านมาก คิดมาก เข้าใจมากพอ หรือเปล่าก็เท่านั้น :) จากคุณ : คุณหนูเอ๊าะอ๋อ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 14:51:03

ความคิดเห็นที่ 7 #4 อ่ะ ขอโทษทีครับ เวลาพิมพ์จริงๆมันมีลบเข้าเพิ่มออก บางทีไม่ได้แก้ให้สัมพันธ์กัน #5 ขอบคุณมากครับ แต่ผมจะแนะนำคนอื่นเลยว่า ถ้าสนใจแค่เลขในตาชั่ง ก็ไม่เหมาะกับ fast-5 หรอก และพวกผมซีเรียสเรื่องสุขภาพและโภชนาการมากๆ ( อาจจะแค่กลุ่มพวกผมนะ ออกตัวไว้ก่อน ^-^ ) #6 ระวังเป็นมนุษย์ก้ามปูนะครับอ๋อ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 15:01:42

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเป็นคยคนหนึงครับที่ลดน้ำหนัก ด้วยวิธีนี้ เห็นด้วยกับที่ คุณ atheist บอกว่าเรากินมากกว่าคนทั่วไปกินปรกติในหนึ่งมื้อ Fast- 5 แนะนำให้กินแต่อาหารที่มีประโยชน์กับอาหารที่อยากกินเท่านั้น เพื่อที่เราจะได้รับอาหารครบทุก หมู่ และไม่ทานมากเกินไปในแต่ละวันจนเกินความพอดี แรกๆที่ตัดสินใจใช้การลดน้ำหนักแบบนี้ ก็หยุดจากคนที่ทานอาหารสามถึงสี่มื้อแต่ละวันมาเป็นแค่มื้อหนึ่งถึงสองมื้อ และทานน้อยมากเพราะอยากจะผอมอย่างรวดเร็ว พอได้ศึกษาอย่างจริงจังก็รู้ว่าเราต้องทานอาหารให้ถูกวิธี และเป็นเวลา ทุกวันนี้หันมองกลับไปแล้วคิดได้ว่าสิ่งที่ทำให้เราอ้วนมันก็คืออาหาร งั้นเราก็ต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ว่าแต่ละวันทานอะไรเข้าไปบ้าง ไม่ใช้อยากจะกินอะไรก็กิน เมื่อก่อนทานสามถึงสี่มื้ออย่างที่บอก กินเยอะมากกกกกกกกกกกก บางวันหมูสับหนึ่งกิโลทำกินหมดเลยมื้อเดียว ตีสองอ่านหนึงสืออยู่ก็กิน นอนไม่หลับก็ลุกขึ้นมากิน พอมาfast-5 แล้วว่า สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นมันเกินกับความต้องการ จำไม่ได้ว่าเคยอ่านที่ไหนมาว่า ถ้าเราเปรียบเสมือนรถ ต้องทานอาหารเหมือนเตือมน้ำมัน คนที่ทานแบบ fast-5  ก็คือ วันหนึ่งเติมน้ำรอบเดียวเเต่เต็มถึงแล้วทำงานได้ทังวันจนถังน้ามันแห้งพอดี ก็จบหนึ่งวันพอดี แต่คนที่ทานแบบปรกติ ก็เท่ากับว่าวันหนึ่ง เติมสามรอบ ก่อนกลับบ้านเจอลดราคาจอดเติมอีกที บวก ลบ จำนวนที่เติมสามรอบมากกว่าน้ำมัน หนึ่งถังแน่นอน เราไม่เคยบอกให้ใครอดอยากปากแห้ง ผอมซี่โครงบาน ทุกวันนี้ ก็มีหลุด fast-5 บ้างในบางวัน แต่ส่วนใหญ่มันก็ปรับให้เข้ากับชีวิตเราได้เป็นอย่างดี ตื่นสาย ข้าวเข้าไม่ได้กิน ไปซื้อกาแฟเอาแบบไม่ใส่น้าตาล กลางวันเริ่มกินก็เมาส์กับเพื่อนๆไปได้ สังคมก็ไม่ขาด เลิกเรียนกลับบ้านไปกินข้าวอีก พักอิ่มไปออกกำลังกาย กลางคืนไม่แตะแล้วอาหาร อ่านหนังสือไปง่วงก็นอน รู้ว่า แต่ละโลเเตละขีดที่ลดไปมันยากขนาดไหน ข้อดีอีกข้อไม่รู้ว่าเราคนเดียวเหรือปล่าว เงิน เหลือเยอะ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรกินหงะ ไม่มีพวกขนมตอนอ่านหนังสือหรือ ที่เคยกินเวลาอยาก มีตังเหลือเก็บเอาไปทำอย่างอื่นได้มากมาย จากคุณ : Mugglethor เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 21:21:54

ความคิดเห็นที่ 9 แน่นอนการลดน้ำหนักไม่ว่าจะวิธีอะไรก็ควรคุมและเลือกอาหารที่จะรับประทานเข้าไปอยู่แล้ว แม้แต่คนที่ลดด้วยการกินวันละมื้อหรือ Fast 5 ถ้ากินมันหมูหรืออาหารอ้วนมากๆก็ไม่ได้ผล เป็นหลักการสากลนะเรื่องการเลือกรับประทานอาหารเนี่ยค่ะ^^ ขอย้ำประเด็นอีกทีนึงนะคะ เราไม่ได้บอกว่าไม่ได้ผล เราเพียงแต่บอกว่า Fast 5 ที่หลายคนศรัทธาน่ะ มันก็คือคือการกินวันละมื้อ ซึ่งเราเคยเข้าไปศึกษาหาข้อมูลและทดลองเองแล้วถึงได้เอะใจค่ะ ซึ่งการอดมื้อกินมื้อจะลดได้ไวในช่วงแรกๆ พอสักพักจะเริ่มยากแล้ว.. ซึ่งการอดอาหารทุกชนิดไม่ว่าจะอดมื้อกินมื้อหรือ Fast 5 และการลดน้ำหนักที่ลดไว เช่นการใช้ยา เมื่อหยุดลดแล้วต้องระวังโยโย่มากๆ เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน ระบบเผาผลาญถูกชะลอลง  ต่างกะคนที่ลดอย่างช้าๆปรับเปลี่ยนนิสัยการกินรวมถึงออกกำลังกายโอกาสโยโย่จะน้อยกว่ากลุ่มแรกค่ะ การเชื่ออะไรควรต้องมีวิจารณญาณ แม้กระทั่งข้อความของเราไม่ได้บังคับให้ต้องเชื่อ แต่คุณควรมีวิจารณญาณของตัวเองค่ะ ขอให้สุขภาพดีทุกคนค่า^^ จากคุณ : GetCha เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 21:59:30

ความคิดเห็นที่ 10 ขอร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะที่ตอนนี้ก็ดำเนินวิถีFast5ด้วยคนนะครับ ส่วนตัวผมเองก็เคยใช้วิถีfast5มาเช่นกัน และเมื่อเลิกทำโดยกลับมามีวิถีชีวิตทานตลอดทั้งวัน ก็ยอมรับครับว่าโยโย่!!! แต่ส่วนตัวผมคิดว่าการโยโย่นั้นเกิดขึ้นจากการที่ไม่ปรับวิธีการดำรงชีวิตด้วยมากกว่า ถ้าสุดท้ายเลือกชนิดอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีสติในการใช้ชีวิต แม้จะเลิกFast-5ผมก็เชื่อว่าไม่โยโย่ครับ เพียงแต่การดูแลให้ไม่กลับมาอ้วนอีกอาจดูเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยที่จะทำได้ . . . สำหรับข้อสังเกตุของเจ้าของกระทู้ ผมเองก็คิดเช่นนั้นครับ ว่า มันเหมือนการทานอาหารมื้อเดียว แต่จริงๆถ้าหากเลือกEWช่วงสายๆและแบ่งใน5ชั่วโมงเป็นการทาน2รอบ ผมว่าวิธีการมันก็ไม่ต่างจากการทาน2มื้อแล้วงดมื้อเย็นหรอกครับ และดีเสียอีกที่ได้ปรับนิสัยให้งดทานจุบจิบนอกEWด้วย กระผมก็เข้าใจเจตนาของเจ้าของกระทู้นะครับว่าหวังดีอยากแนะนำให้คนที่ต้องการศึกษาวิถีFast-5ได้ฉุกคิดในแง่มุมนี้ แต่ว่าการเขียนเนื้อหากระทู้ที่สะท้อนความคิดในแง่อคติ จึงไม่แปลกครับถ้าจะมีคนที่ทำการศึกษาอย่างจริงจังมาชี้แจงให้เข้าใจมากขึ้น สุดท้ายนี้ กระพ้มก็เป็นสมาชิกในคลับและดำเนินวิถีFast-5คนหนึ่งที่ขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับความห่วงใยจากเจ้าของกระทู้นะครับ จากคุณ : BankkyBoiz เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 23:21:42

ความคิดเห็นที่ 11 ก็เหมือนเวลาผู้ชายบวชอ่ะครับ กินได้แค่เพล จากคุณ : bankpakim เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 23:36:09

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าคิดว่า Fast-5 เท่ากับกินวันละมื้อ และเข้าใจว่าเป็น crash diet ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ  กระทู้นี้คงจบไว้แค่นี้ ^-^ และผมก็หวังว่าผู้ที่ยังเข้าใจแบบนี้ ก็คงไม่อยากเสี่ยงมาทำ Fast-5 Diet ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ผมว่ากระทู้นี้ให้ผลลัพธ์โดยรวมออกมาดีครับ ขอบคุณทุกคน จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 08:04:52

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนทำ F5 ผมกิน ตั้งแต่ชั่วโมงแรก ชั่วโมงที่ 3 และชั่วโมงที่ 5 โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับศรัทธาใน F5 มากกว่า คิดถึงคนที่มุ่งมั่นจะทำอะไรสักอย่าง ถ้าทำได้ ก็จะประสบผล วิธีต่างๆ ไม่มีอะไรถูกต้องทั้งหมด อย่างบางคนบอกว่า ให้แบ่งมื้อย่อยเป็น 6 มื้อต่อวัน ลองคิดดูว่า ร่างกายต้องเหนื่อยในการย่อยตลอดทั้งวันไหม น้ำย่อยต้องหลั่งตลอดวัน จะมีโอกาสเกิดโรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะไหม ก็ไม่มีใครยืนยันได้ เพราะร่างกายของแต่ละคน ก็เป็นเฉพาะบุคคล ดังนั้นเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง ถ้าพอรู้ตัวว่า ทำวิธีนี้ไม่เวิร์ค เช่น ทาน F-5 แล้วเป็นโรคกระเพาะ ก็หาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง  ถ้าจะปรึกษาแพทย์ก็ดี เพราะแพทย์เขารักษาโดยมีศาสตร์รองรับ ผมตอนนี้ จะเอาอะไรเข้าปาก ก็ขอกินอย่างมีความสุขครับ จากคุณ : Christian Chang เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 10:17:12

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่คอมเม้นท์อะไรมาก  แต่สำหรับเรา คำว่า fast-5 ทำให้เราต้องมาเจอคนที่เราให้เราเสียความรู้สึกมากๆจนต้องเลิกอัพเดทไดอารี่ลดน้ำหนักไปเลยล่ะค่ะ  แล้วก็เป็นคำที่ทำให้กระทู้เราถูกลบเป็นครั้งแรกตั้งกะเล่นพันทิพมา5-6 ปี  เหอๆ   ยังไงใครจะลดน้ำหนักด้วยวิธีใดก็หาข้อมูลและ" กลั่นกรองข้อมูล" ให้มากๆก่อนตัดสินใจด้วยนะคะ  อย่าเสพข้อมูลแล้วทำตามอย่างเดียว  เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากลดน้ำหนักนะคะ จากคุณ : ^^หลินปอ^^ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 11:59:21

ความคิดเห็นที่ 15 ^-^ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 13:50:56

ความคิดเห็นที่ 16 โปรดใช้วิจารณญาณในการศึกษา Fast-5  แต่จะให้ดีควรอ่านต้นฉบับให้ละเอียด และทำความเข้าใจ "โดยไม่ใช้อคติ" เพราะหลักการจริงๆของการทำfast-5 นี้คือ การหลอกกลไกอินซูลินในร่างกาย เราต้องการเปิดกลไกการใช้กรดไขมันและคี โตนบอดี้ Fast-5 มีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ จากคุณ : plawan131 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 14:17:59

ความคิดเห็นที่ 17   ยังไงก็ยืนยันว่า fast-5 ไม่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ (อย่าได้เคืองกันค่ะ) แต่คิดว่าน้องๆวัยเรียนเข้ามาอ่านแล้วทำตามก็จะส่งผลเสียแน่ๆ จากคุณ : always wrong (Always wrong) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 15:29:17

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เคืองครับ  จุดที่จะเคืองมันไม่ใช่อยู่ตรงจุดนี้หรอกครับ สบายใจได้ ^-^ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 16:04:40

ความคิดเห็นที่ 19 อย่าว่าแต่คนวัยเรียนเลยค่ะ คนวัยทำงานก็ด้วย จะลดนน.อย่างไร ก็แล้วแต่จิตแต่ละคนอ่ะนะ จะยังกินแล้วล้วงคอ กินกล้วย นับแคลอรี่ บ้าออกกำลังกาย อดประชดชีวิตงัยก็ได้ มันก็ตัวของเค้า ที่สำคัญ เราไม่เคยไปก้าวก่าย เพราะผลดีผลเสียมันก็อยู่ที่คนทำอ่ะจ้า ^ ^ จากคุณ : plawan131 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 16:10:42

ความคิดเห็นที่ 20 # คุณ  BankkyBoiz  คะ เห็นด้วยนะคะว่าพอหยุด Fast5 แล้วโยโย่เป็นเพราะไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และส่วนนึงเราคิดว่าธรรมชาติมนุษย์ที่ปกติกิน 3 มื้อ พองดไปเหลือ 5 ชม. หรือ 1 มื้อ แล้วกลับมากินอีก..มันต้องใช้ความควบคุมตัวเองได้ดีพอสมควรทีเดียว แต่ส่วนตัวเชื่อด้วยว่าอีกส่วนหนึ่งเป็นที่การเผาผลาญที่ทำงานน้อยลงแล้วปรับตัวกลับมาไม่ทัน ถ้าค่อยๆปรับกลับมาทีละนิดช้าๆน่าจะช่วยได้ ด้วยความเคารพนะคะ ส่วนตัวคิดว่าถ้าใน 5 ชม . แบ่งซอยเป็น 2 มื้อ ก็ยังต่างกะการกินวันละ 2 มื้อจริงๆอยู่ดี เหตุผลเพราะใน 5 ชม. ถึงจะซอยแบ่งเป็น 2 มื้อ แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดไปหน่อย มันจะเหมือนกินมื้อหลัก 1 มื้อกะมื้อย่อยหรือของว่างอีกมื้อมากกว่า เพราะกลไกร่างกายอย่างน้อยก็ใช้เวลา 3-4 ชม. ในการย่อย อีกอย่างทานมื้อแรกไป ทานอีกมื้อที่ 2 ใน 5 ชม. มันก็ยังไม่หิวมาก ส่วนการกิน 2 มื้อจริงๆ อย่างเนื้อความในกระทู้น่ะค่ะ คร่าวๆนะ วันนึงมี 24 ชม. นอนซะ 8 ชม เหลือ 16 ชม. ถ้าเลือกที่จะลดแบบกิน 2 มื้อ ก็น่าจะอยู่ในช่วงเวลาประมาณคร่าวๆ 10 ชม.  ถ้า 5 ชม. มันกระชั้นชิดไป เราเป็นคนนึงที่ตอนแรก search เจอเรื่อง Fast 5 เข้าไปอ่านบอร์ดต่างๆแล้วรู้สึกดีใจว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เราน่าจะทำได้ไม่ลำบากนักเหมือนวิธีอื่น ทำดูมันก็ลดจริงๆค่ะ แต่นานๆไปมันได้ฉุกคิดเองค่ะว่า ถ้าเรากินได้วันละ 5 ชม. คุมอาหาร หรืออกกำลังกายไปด้วย แล้วอย่างนี้มันจะต่างอะไรกะคนที่กินมื้อเดียว... แม้กระทั่งเวลาที่เราไปปรึกษาแพทย์หลายที่ก็ไม่มีที่ไหนแนะนำให้อดมื้อกินมื้อเลยค่ะ มีแต่แนะนำให้กินครบ 3 มื้อโดยเฉพาะมื้อเช้า เพราะมีผลดีกว่าในระยะยาวค่ะ เรารู้สึกว่าคนที่ศรัทธา Fast5 บางคนแรงเหมือนกันนะ มีแอบไปเหน็บเรากระทู้อื่นด้วย ส่วนตัวเราไม่เข้าใจว่าการที่เราไม่เห็นด้วยจำเป็นต้องเป็นการอคติเสมอไปด้วยเหรอคะ และการที่ comment Fast5 ต้องแปลว่าเขาไม่เคยหาข้อมูลหรือลองเองก่อนเหรอคะทั้งที่ก็เขียนเล่าไว้ชัดเจน ถ้าคิดอย่างนั้นแสดงว่าคุณไม่เปิดรับข้อมูลความเห็นอื่นเลยเหรอ สุดท้ายอย่างที่บอกก่อนจะเชื่ออะไรอยากให้มีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง มากกว่าเชื่อตามกระแส แม้แต่กระทู้เราก็เช่นกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 52 20:38:29 จากคุณ : GetCha เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 20:33:39

ความคิดเห็นที่ 21 ผมคงไม่ต่อความอะไรแล้วครับ แต่ขอเรียนด้วยความจริงใจ ว่าพวกผมไม่ได้เป็นพวกปิดใจ หน้ามิดตามัวอะไรหรอก และรับฟังคนอื่นตามปกติ ถ้ารู้จักกันดีจะเข้าใจ ( ซึ่งไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรครับ  ^-^ ) แต่ผมขอย้ำ ก่อนไปว่า ผมมีเหตุผลครับ ว่าทำไม ถึงพูดซ้ำซาก เรื่องเดิมๆ (ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ก็ได้ ^-^ ) ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทุกคน สวัสดีครับ จากคุณ : atheist เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 08:35:31

ความคิดเห็นที่ 22   ส่วนตัวผมไม่เคยลอง fast5 นะครับ ลดด้วยวิธีธรรมดา กินสามมื้อควบคุมแคลอรี่ น้ำหนักก็ลงนะครับ จาก110 ลงเหลือ 88 ณ ปัจจุบัน ใช้เวลา 6 เดือน  โดยส่วนตัวจริงๆ ทนไม่ได้อ่ะครับ อดใจยาก พาลจะตบะแตกเอา(แต่คนที่ทำได้นี่ผมนับถือจริงๆครับ ) ผมว่านะคือใครเลือกลดแบบไหนก็แล้วแต่ความชอบอ่ะครับ สิ่งที่สำคัญ คือการออกกำลังกายครับ อย่างผมเนี่ยช่วงไหนไม่ได้ออกกำลังกินเท่าเดิม หรือน้อยกว่าเดิมผมก็น้ำหนักไม่ลงอ่ะ แต่ช่วงไหนออกกำลังต่อเนื่อง แหม ลงดีจังเลย ขาแขนเล็กลงเห็นได้ชัด ผมเลยให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายดีกว่าการจะเลือกกินอะไร กินแบบไหนอ่ะครับ จากคุณ : โดดแต่พอดี เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 10:39:28

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องFast-5นี่เป็นประเด็นทางวิชาการที่ถกเถียงกันได้เสมอเลยจริงๆแฮะ^^ ขออนุญาตเสนอกระทู้นี้เข้าคลังกระทู้เก่าให้เป็นแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ศึกษาFast-5อยู่ใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำนะครับ ส่วนตัวกระพ้มเองก็ได้ศึกษาข้อมูลก่อนที่จะเริ่มFast-5เช่นกัน แต่ยอมรับว่าได้ศึกษากระบวนการIF และ CR แต่เพียงเบื้องต้นให้พอเข้าใจแนวคิดและทฤษฎีในหลักการFast-5นี้ และตัวกระผมเองนั้นก็ตั้งสมมติฐานไว้ว่า การFast-5ควบคู่กับการออกกำลังกายและทานโภชนาการที่ดีควบคู่กันไป สามารถทำให้สุขภาพแข็งแรง และสร้างรูปร่างที่ดีได้ ไม่ต่างจากการทานอาหารหลายมื้อโดยทั่วไป ซึ่งตอนนี้กระผมก็พยายามทดสอบสมมติฐานนี้กับตัวเองอยู่ในระยะยาว แล้วถึงเวลาหนึ่งผมจะรายงานผลว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจให้กับคนที่ศึกษาFast-5นะครับ อย่างไรก็ดีก็ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ด้วยครับที่ได้เปิดประเด็นให้ได้มีการระดมความคิด และอภิปรายข้อมูลสำหรับFast-5กัน^^ จากคุณ : BankkyBoiz เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 11:51:54

ความคิดเห็นที่ 24 ที่บอกว่า Fast 5 ไม่ทำลายระบบเผาผลาญซึ่งขัดแย้งกะข้อมูลทั่วไป ^ ^ Fast-5 ไม่ได้ทำลายระบบเผาผลาญค่ะ ตราบใดที่คุณกินอย่างพอเพียงต่อร่างกาย สิ่งที่ทำลายระบบเผาผลาญคือคุณกินน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการเป็นระยะเวลานานๆ ถึงแม้จะกินครบ 3มื้อ แต่กินวันละ 1000แคล มันก็ทำลายระบบเผาผลาญอยู่ดี ที่สังเกต FAST 5 พูดกันมากแต่ในเน็ต ตามร้านหนังสือไม่เคยเห็น หรือถ้ามีก็เป็นส่วนน้อย ^ ^ ก็แสดงว่ายังมีให้เห็นนะคะ Etkin อาหารแคลลอรี่ต่ำ การออกกำลังกาย ที่ยังพอมีหลักการน่าเชื่อถือ แม้จะมีผลเสียอยู่บ้างแต่ก็ยังมีหลักการน่าเชื่อถือค่ะ ^ ^ สูตรลดน้ำหนักอย่างAtkins มีผลเสียต่อไตมากหากไม่ระวัง พี่ว่ามันอันตรายกว่า Fast-5ซะอีกค่ะ แต่หลักการที่ใช้ก็เหมือนกันคือควบคุมการทำงานของระบบอินซูลิน หากคุณศึกษามาพอจะรู้ว่าFast-5จะอันตรายน้อยกว่าหากคุณทำถูกวิธี หากคุณอดกินวันละมื้อหรือที่บางกลุ่มเรียกว่า Fast 5 หากหยุดลดแล้วกลับมานิสัยยังไม่เปลี่ยน ก็ยากค่ะที่จะคุมน้ำหนักให้เท่าที่ลดได้ ^ ^ ไม่ว่าจะลดด้วยวิธีไหน คุณกลับมากินแบบเดิมมันก็อ้วนขึ้นอยู่ดีค่ะ การลดความอ้วนที่ได้ผลถาวร คือคุณต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตัวเองไปตลอดชีวิตค่ะ ตอนคุณ Fast 5 คุณกินได้แค่ 5 ชั่วโมงหรือเท่ากับ 1 มื้อ จะเป็นไปได้อย่างไรคะที่กลับมากิน 3 มื้อปกติแล้วไม่โยโย่! ^ ^ เป็นไปได้ค่ะ พี่ลดจาก 107 เหลือ 83 ด้วยการออกกำลังกาย +คุมอาหาร ลดจาก 83 เหลือ 70 ด้วย Fast-5 ตอนนี้กิน 5มื้อ มากกว่า 3มื้อด้วยซ้ำ จาก 70 เหลือ 66 ไม่โยโย่ค่ะ จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคนคนนั้นมีการปรับเปลี่ยนนิสัยการกินคุมเรื่องแคลลอรี่และออกกำลังกายไปด้วย แต่ก็ยังยากเลยค่ะ ส่วนมากโยโย่ทั้งนั้นไม่มากก็น้อย ^ ^ ใช่ค่ะ อย่างที่เรียนไปแล้ว ลดความอ้วนถาวร ต้องเปลี่ยนนิสัยการกินไปตลอดชีวิตค่ะ ไม่ว่าจะลดด้วยวิธีใดก็ตาม หากเมื่อคุณทดลอง Fast-5 แล้วไม่สำเร็จ ทำไมไม่ลองศึกษาจากไดอารี่ของคนอื่นๆที่เค้าทำสำเร็จล่ะคะ จะได้เรียนรู้ว่าคุณผิดพลาดตรงไหน หรือบกพร่องจุดใด หากไม่เข้าใจก็ถามกันได้นี่คะ เพื่อนๆพร้อมให้คำปรึกษาอยู่แล้ว หากคุณเปิดใจให้กับวิธีการใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆที่เราไม่เคยพบ ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน Fast-5อาจเป็นอีกทางเลือกนึงให้คุณได้ใช้ค่ะ จริงๆ Fast-5 มันมีมานานแล้วค่ะ ถ้าจะเป็นกระแส ป่านนี้กระแสมันคงแผ่วไปนานแล้ว คุณน้องนี่มาช้าจริงๆ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 52 16:12:28 จากคุณ : J~ Nok Ja~ Ja~ ("ยอมบ้า!..ไม่ยอมโง่") เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 16:08:22

ความคิดเห็นที่ 25 รบกวน จขกท ไปอ่านภาษาอังกฤษให้แตกฉานก่อนที่จะมาด่วนสรุปแบบนี้ดีกว่านะคะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 07:29:24