Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกของหญิงแก่<ลดความอ้วนด้วยการฝึกเวท>  

การลดความอ้วนมีอยู่มากมายหลายวิธี แต่ละคนต่างเลือกโปรแกรมที่ตนเองเชื่อถือ ยายหนูก็เช่นเดียวกัน...

เป้าหมายในการลดความอ้วนของยายหนูคือ เพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อรีดไขมัน ไม่ไช่ลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อเรามีอายุเพิ่มขึ้นมวลกล้ามเนื้อก็จะลดน้อยลง ดังนั้นเมื่อแก่ตัวลงยายหนูไม่ต้องการใช้ไม้เท้าคอยค้ำยัน หรือเรียกเด็กๆมาช่วยถือของให้  จึงเสริมการฝึกเวทเข้าไปในตารางลดความอ้วนนี้ด้วย  และ ยิ่งฝึกก็ยิ่งชอบ...

เนื่องจากอายุมากแล้ว ดังนั้นการทานอาหารจึงจำเป็นจะต้องเน้นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยยึดหลัก ทานอาหารเพื่อบำบัดโรค ไม่ต้องพึ่งยา เพราะยายหนูเป็นเส้นเลือดขอดและกลัวจะเป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือดด้วย เพราะพ่อจากไปด้วยโรคนี้ พี่ชายก็เพิ่งจะพ้นขีดอันตราย ดังนั้นจึงต้องย้อนกลับมาดูแลตัวเองให้ดี โดยเลือกทานอาหารที่ให้ไขมันดี เพื่อขับไล่ไขมันเลวออกจากเส้นเลือด และออกกำลังกายเพื่อให้เลือดไหลเวียนและสูบฉีดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการฝึกเวทเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายและยังทำให้กระดูกและไขข้อต่างๆแข็งแรงขึ้นอีกด้วย...

นมพร่องไขมันเนยให้ไวตามินดีและแคลเซี่ยมซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุ ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง นมถั่วเหลืองให้โปรตีนสูงและยังมีสารที่ดีอีกหลายอย่างยายหนูไม่ไช่นักวิชาการจึงไม่ขออธิบาย...

ขนมปังโฮลวีท ทำมาจากข้าวสาลี แรกๆก็ชอบแต่ต่อมาได้ลอง 100% Whole Grain ซึ่งทำมาจากเมล็ดธัญญพืชทั้งเมล็ด จึงติดใจมากถึงขนาดทานแทนข้าวได้เลย ทาเนยถั่วบดสัก 1ชช.กล้วยหอมครึ่งลูก ฝรั่งเรียก แซนวิชกล้วยหอม ถั่วบดก็เป็นแบบ Natural Peanut Butter ทำจากถั่ว 100% หรือ Almond Butter ซึ่งไม่มีส่วนผสมใดๆเจือปนให้โปรตีนและไขมันดีที่จำเป็นต่อร่างกาย พร้อมกับดื่มนมพร่องอุ่นชงกับกาแฟหรือโกโก้100% ไม่มีส่วนผสมของครีมหรือน้ำตาล เขาว่าดื่มโกโก้เป็นประจำวันละ1แก้วจะทำให้อายุยืน ใส่น้ำตาลทรายเทียม สารให้ความหวานในอเมริกามีหลากหลายยี่ห้อ แต่ยายหนูเลือก Splenda ไม่มีแคลอรี่และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หมอแนะนำยี่ห้อนี้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน...

การรีดไขมันของยายหนูคือทานอาหารให้อยู่ในระดับ ใกล้เคียงกับค่าของ BMR (1400) หน้าที่การงานที่ทำสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยพอๆกับคนทำงานนั่งโต๊ะ แต่ยายหนูไม่ต้องการตัดแคลอรี่ด้วยการลดปริมาณอาหารให้ต่ำกว่าค่าของBMR เหมือนอย่างที่หลายๆคนทำ และไม่ต้องการอกมื้อใดมื้อหนึ่งด้วย เพราะต้องการรักษาระบบการทำงานภายในร่างกายให้คงธรรมชาติไว้ คือยามที่เราตื่นสมอง สายตา ขา แขนเริ่มทำงาน ร่างกายจึงต้องการสารอาหารที่ครบถ้วยและเพียงพอ เราจึงไม่สามารถอดอาหารเพื่อให้ร่างกายทำงานหนักมากขึ้น โดยการเปลี่ยนระบบใหม่เมื่อร่างกายขาดสารอาหาร  การที่ร่างกายจะไปดึงเอาไขมันมาใช้ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติคือในเวลาที่ร่างกายพักผ่อนคือตอนที่เราหลับสนิทนั่นเอง...

ดังนั้นปริมาณแคลอรี่ที่สามารถรับได้ถึงแม้ว่าในวันนั้นๆจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม เนื่องจากร่างกายจะใช้แคลอรี่นั้นให้หมดไปด้วยระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ บวกแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ในกิจวัตรประจำวัน ยายหนูจะเพิ่มให้อีก 300 ก็เท่ากับ1400+300= 1700 และนี่คือประมาณแคลอรี่ ที่ยายหนูต้องการรักษาน้ำหนักไม่ให้ผอมลง หรืออ้วนขึ้น แล้วมาลดความอ้วยด้วยการออกกำลังกาย...

สมมุติว่ายายหนูเลือกวิธีลดความอ้วนด้วยการลดปริมาณอาหารลงอีก อาจจะอยู่ที่ 1100-1200 มันก็จะช่วยให้น้ำหนักลดลงมาได้อีกระดับหนึ่ง แต่พอร่างกายปรับระบบการเผาผลาญอาหารให้อยู่ในระดับนี้อีกครั้ง น้ำหนักก็จะลดลงช้าหรือไม่ลดลงอีกเลย เมื่อถึงตอนนี้จะทำอย่างไร จะลดอาหารให้น้อยลงอีกก็ไม่ได้ ดังนั้นยายหนูจึงตัดวิธีการลดความอ้วนด้วยการลดปริมาณอาหารนี้ออกไป แต่ใช้วิธีออกกำลังกายเพื่อรีดไขมัน โดยยังทานอยู่ที่ 1400-1700 เพราะหลังจากได้น้ำหนักตามที่ต้องการแล้ว ถ้ายายหนูไม่ออกกำลังกายและยังคงทานอยู่ที่ 1700 น้ำหนักก็ไม่เด้ง แต่ถ้ายังต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ก็ออกได้แบบเบาๆ และสามารถทานได้มากถึง 2000แคลอรี่อีกด้วย

ไม่ว่าเราจะใช้วิธีลดความอ้วนด้วยวิธีใดๆ ร่างกายของเราก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานะการณ์ได้ ไม่ว่าจะร้อน จะหนาว จะอดจะอยากไม่มีอาหารกินร่างกายก็จะปรับเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด และถ้าเราเริ่มลดด้วยวิธีฝืนธรรมชาติ ย่อมส่งผลเสียตามมาอย่างแน่นอน...

ในช่วงแรกของการลดความอ้วน ยายหนูทำคาร์ดิโอ-โทนนิ่ง(ยกดัมเบลตามดีวีดี) และเดินเร็ว ทำสองอย่างเช้าเย็น เพราะการฝึกเวทขั้นเริ่มต้นนี้ เป็นเพียงการกระตุ้นเซลกล้ามเนื้อให้ตื่นตัวและพองขยายขึ้นเท่านั้น ยังไม่สามารถฝึกหนักๆเพื่อทำให้เซลของกล้ามเนื้อฉีกขาดได้ เมื่อฝึกไปสักพักพอเห็นบริเวณกล้ามเนื้อเริ่มปูดๆหนุ่ยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็ดีใจ ช่วงนี้น้ำหนักลดลงแบบไม่ประติดประต่อเท่าไรนัก คือลดแบบลูกคลื่น ขึ้นๆลงๆ แต่ก็ลดไปได้ 10กิโล โดยใช้เวลานานถึง 7เดือน แต่ก็ยังยึดหลักการณ์ของการลดความอ้วนในแนวนี้ตลอดมา เพราะคิดว่า เราเดินมาถูกทางแล้ว และจะไม่มีวันพบกับคำว่า "เสียเวลา" อย่างแน่นอน สังเกตุหลังจากที่ลดลงไปแล้ว 10กิโลนี่ก็ปีกว่าแล้วน้ำหนักไม่เคยเด้งขึ้นเลยทั้งๆที่ทานเยอะและทานสารพัด แต่รูปร่างกับบางลง...

การทำคาร์ดิโอ เป็นการออกกำลังกายที่สามารถเผาผลาญไขมันได้ดี น้ำหนักในช่วงนี้ที่หายไปจะเป็นไขมันส่วนหนึ่ง เซลของกล้ามเนื้อส่วนหนึ่ง และปริมาณของเหลวที่สะสมอยู่ตามเซลต่างๆของร่างกายอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้นคนที่ออกด้วยวิธีนี้ น้ำหนักตัวจะลดลงเร็วทางด้านสุขภาพของเลือดลมและหัวใจสุดยอดไปเลย แต่เมื่อหยุดน้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาเร็วเช่นกัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมคนทำคาร์ดิโอเพียงอย่างเดียว เมื่อผอมลงผิวหนังจึงเหี่ยวๆ ร่างกายดูโทรมๆ เพราะร่างกายสูญเสียน้ำ ไขมันและกล้ามเนื้อนั่นเอง....

ตรงกันข้ามกับการฝึกเวท กล้ามเนื้อถูกใช้งาน เส้นเลือดตามเซลกล้ามเนื้อพองขยาย เลือดลมสูบฉีด เมื่อเซลของกล้ามเนื้อเกิดการพองขยาย มันก็จะซึมซับของเหลวไว้ ส่วนไขมันจะถูกใช้ไปมากน้อยนั้นขึ้นอยู่ที่ขนาดของกล้ามเนื้อและความหนักหน่วงของการฝึก ดังนั้นผู้ที่ฝึกเวทร่างกายจึงดูเต่งตึง น้ำหนักอาจจะไม่ค่อยลด แต่หลังจากที่ฝึกโปรแกรมนั้นๆจบร่างกายจะดูล่ำบึก แต่ยังบวมน้ำอยู่ พวกเขาจึงต้องใช้วิธีไดเอทเป็นโปรแกรมต่อไป บางคนลดอาหารลงมาทานแบบน้อยๆ รีดน้ำออกจากร่างกาย เพื่อที่จะให้เห็นสัดส่วนที่คมชัดขึ้น หลายคนฝึกคาร์ดิโอแบบ HIIT หลายคนฝึกชกมวย และหลายคนใช้ Fat Burner เป็นตัวช่วยแต่มีข้อจำกัดว่าใช้ได้ประมาณ 8สัปดาห์เท่านั้น เพราะมันคือยาลดความอ้วนดีๆนี่เอง และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะกลับมาฝึกหนักๆและทานมากๆกันอีกครั้ง และนี่คือวงวรของกลุ่มที่ฝึกหนักๆเพื่อให้มีกล้ามใหญ่ๆที่พวกเราเห็นกัน แต่ผู้หญิงแก่ๆอย่างยายหนูและเคยตั้งท้องวมาแล้ว3ครั้ง คิดว่าไม่มีความสามารถทำได้ถึงขนาดนั้นเพียงแค่อ่าน ทำความเข้าใจ และนำมาเป็นแนวทางบ้างก็เท่านั้นเอง...

เมื่อรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี เราก็สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองและที่สำคัญเราจะต้องมีใจรักที่จะทำด้วย จะได้ทำได้นานๆ ยายหนูเลือกทั้งสองอย่าง และล่าสุดก็มีโปรแกรมที่ไม่ต้องแยกคาร์ดิโอออกจากการฝึกเวท  ซึ่งเราสามารถทำมันทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน มันคือโปรแกรมของ P90x เมื่อก่อนซัมเม่อร์ยายหนูฝึกมาได้1เดือน สังขารอีกแหละและหน้าที่การงาน ทำให้ฝึกได้ไม่เต็มที่ แต่ก็เป็นที่น่าพอใจ น้ำหนักเพิ่มขึ้นนิดหน่อยพร้อมกับกล้ามเนื้อที่หนาขึ้น เห็นเป็นเงาๆแต่พอเอามือลูบนี่ แหม๊...ภูมิใจ๊ ถูมิใจ ไม่คิดว่าอายุป่านนี้แล้วจะสามารถ มันน่าจะรู้จักวิธีลดความอ้วนแบบนี้ตั้งแต่อายุ 30เน้อ เฮ้อ..เจอไม้งามเมื่อขวานบิ่น...

4-5เดือนที่ผ่านมาก็ฝึกตามดีวีดีบ้าง ฝึกดึงเคเบิ้ลบ้าง คาร์ดิโอบ้างตามเวลาและพละกำลังเนื่องด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น แล้วยังต้องทำธุรกิจควบคู่กันไปอีกด้วย จึงไม่สามารถทำตามโปรแกรมP90xได้ แต่ก็ไม่เคยละความพยายาม คิดอยู่เสมอว่าเมื่อไดที่สังขารและเวลาอำนวย ก็จะเริ่มต้นฝึกอีกครั้ง โดยจะต้องกลับไปนับ1ใหม่ ส่วนจะฝึกได้จนครบ 90วันหรือไม่นั้น ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป...

และแล้ว เวลานั้นก็มาถึง หลังจากที่คิดว่าพร้อมตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่พอเริ่มก็มีอุปสรรคนาๆประการเข้ามา ทำให้ต้องจัด ปรับเปลี่ยน และทดลองอยู่นานเต็มเดือน วันจันทร์ที่ 30พย. คือวันเริ่มต้นกับโปรแกรมโหด P90x อีกครั้ง Bring it!!  Bring it!!

 
 

จากคุณ : ยายหนูAK
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 05:21:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com