 |
ความคิดเห็นที่ 20 |
มาต่อกระทู้อีกนิด จากความรู้สึกของผมล้วน ๆ คิดว่ารพ.เอกชนดังๆแพงๆทั้งหลาย อาศัยการโฆษณาสร้างภาพ และก่อสร้างสถานที่ให้หรูหรา เน้นเครื่องมือที่ทันสมัยให้ดูน่าเชื่อถือและดูอินเตอร์ มีหมอและบุคลากรที่พูดได้หลายภาษาดูอินเตอร์ ส่วนเรื่องหมอเก่งหรือเปล่าไม่แน่ใจ ทีนี้บรรดาเศรษฐีเก่า, เศรษฐีใหม่, หรือผู้ที่พอจะมีกำลัง รวมทั้งบรรดาชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย เมื่อตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย หรือบิดามารดาเจ็บป่วยก็คิดว่าจะหาที่รักษาดีๆ ให้แก่บุพการีเพื่อทดแทนคุณ หรือคนที่ตนรัก ก็เลยเข้าทางรพ.พวกนี้ และทำให้รพ.พวกนี้อยู่ได้ ส่วนบรรดาคุณหมอทั้งหลาย เมื่อวันๆ รักษาแต่บรรดาคนดัง คนไฮโซ คนมีตังค์ ก็เลยรู้สึกว่าตนเองเป็นหมอไฮโซไปด้วย เลยไม่ค่อยรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่เจ็บป่วยหรือคนที่เป็นทุกข์จากความเจ็บป่วยของคนที่ตนรักเท่าไหร่ วิธีการรักษาก็คือถ้าป่วยหนักหรือไม่แน่ใจว่าป่วยเป็นโรคอะไรก็จะระดมคุณหมอผู้ชำนาญเฉพาะทางต่างๆมารุมรักษา และคิดค่ารักษาของหมอเป็นรายคน ค่ารักษาจึงแพงมากญาติคนไข้ถ้ารวยจริงก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่รวยจริงเห็นค่ารักษาแล้วก็พูดไม่ออก ถ้าออกฟอร์มยุบเมื่อไหร่หมอก็ไม่ค่อยอยากจะรักษาแล้ว ถ้านอนเกินเดือนเงินล้านก็ไม่พอครับ ทีนี้มาว่าถึงหมอเก่งๆ ผมว่าส่วนมากอยู่ตามรพ.รัฐ ใหญ่ๆ เช่นศิริราช,จุฬา, รามา เนื่องจากได้ตรวจรักษาโรคจากคนทุกระดับ ทำให้พบกับโรคภัยไข้เจ็บที่หลากหลายมากกว่า ที่ผมเอ๋ยถึงนี่คืือโรงพยาบาลที่ผมเคยไปสัมผัสมานะครับ หมอจะเหนื่อยมากเพราะคนไข้เยอะ แต่มีความเห็นอกเห็นใจในคนไข้มากกว่ารพ.ไฮโซทั้งหลาย เนื่องจากหมอได้สัมผัสกับคนไข้ทุกระดับจึงเข้าใจปัญหาของคนไข้ได้ดี ไม่เหมือนหมอไฮโซที่วันๆ พบแต่คนไข้มีสตังค์ แต่ที่คนไม่อยากไปใช้รพ.ของรัฐเพราะคนไข้เยอะ คิวยาวรอนาน ถึงแม้จะมีคลีนิกพิเศษก็ตาม คนไข้หรือญาติคนไข้ที่เคยไปใช้บริการรพ.ของรัฐแล้วไม่อยากไปอีกคือคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีถานะดีกว่าคนไข้ทั่วๆไป ที่มารักษาที่นี่ทำไมต้องมาเข้าคิวร่วมกับคนทั่วๆไป หรือบุพการีแก่แล้วไม่อยากให้ท่านต้องมานั่งรอหมอนานๆ, อีกประเภทคนที่กลัวคนอื่นดูถูกเวลาที่เขาถามว่าพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาหมอที่ไหน ก็เลยหันไปใช้รพ.เอกชนไฮโซแทน
จากคุณ |
:
เฟรมเมอร์
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเอดส์โลก 52 14:16:07
|
|
|
|
 |