Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
++ KAEW ไดอารี่ ++ 7 วันกับยาแก้ซึมเศร้า ดีขึ้นจิ๊ดนึงแล้วจ้า  

หวัดดีค่ะ

มารายงานตัว หลังจากไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลศรีธัญญามาได้ 1 อาทิตย์ ได้ยาแก้โรคซึมเศร้า กับยาคลายเครียด คลายวิตกกังวลมากิน รวม 3 ชนิดค่ะ

เล่าย้อนให้ฟังอีกทีของสาเหตุที่ต้องพาตัวเองไปศรีธัญญา ก็คือ สังเกตุว่าตัวเองแปลกๆไป จากที่เคยอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี สนุกสนานกับชีวิตได้ทุกวัน กลายเป็น ซึมๆ เศร้าๆ ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากไปไหน ไม่อยากเจอใคร และ เศร้าง่ายมาก ร้องไห้ง่าย ดูโทรทัศน์เห็นอะไรเศร้าซึ้งหน่อย ร้องไห้เลย ขับรถเห็นซากหมาโดนรถชนตายก็ร้องไห้ และความอดทนก็น้อยลงมาก ทนอะไรไม่ค่อยได้ จะหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย

และสาเหตุสุดท้ายที่ทนตัวเองไม่ไหวต้องไปหาหมอคือ ความรู้สึกเศร้าน้อยใจในชีวิต รู้ว่าติดเชื้อ HIV มาจะ 9 ปีแล้ว ทำไมเพิ่งจะมาเศร้ามากมาย เพิ่งมายอมรับไม่ได้ตอนนี้ฟ่ะ มันเกิดอารมณ์น้อยใจในชีวิต ไม่อยากติดเชื้อ HIV รู้สึกเบื่อ ไม่อยากอยู่แล้ว เลยต้องรีบนำตัวเองส่งโรงพยาบาลก่อนที่จะคิดขั้นตอนการทำให้ตัวเองไม่ต้องอยู่ในโลกนี้ออก

สำหรับเราการไปหาหมอทางด้านจิตเวช ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ได้แปลว่าเราบ้า แต่ถ้ารู้ตัวว่าเริ่มมีอาการไม่ปกติเท่าไหร่แล้วนิ่งเฉยไม่ยอมหาหมอนั่นซิ อาจจะมีโอกาสได้บ้า

การไปศรีธัญญา ตอนแรกๆก็เขิลๆ ไปคนเดียวเลย แต่เจ้าหน้าที่เขาใจดีและใจเย็นมากๆนะ เพราะเขาต้องรับมือกับคนมีปัญหาทางจิตหลายรูปแบบ ตอนเราไป ส่วนใหญ่เขาก็จะนึกว่าพาญาติมาส่ง ต้องบอกว่าเราจะมาหาหมอเอง

ขั้นตอนแรกก็ได้ไปคุยกับนักจิตวิทยา+นักสังคมสงเคราะห์ อยู่ 1 ชั่วโมง ก็จะสอบถามประวัติ ถามถึงสาเหตุที่มาหา พยายามให้เราพูด เราเล่าทุกอย่าง แล้วเขาก็จะช่วยแนะนำวิธีคิดต่างๆ ต่อจากนั้นก็ไปคุยกับคุณหมออีกเกือบชั่วโมง คุณหมอก็ใจดีมากๆๆๆๆๆ

นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ หมอให้เล่าเรื่องชีวิตวัยเด็ก ชีวิตปัจจุบัน เล่าไปเล่ามา คุณหมอก็สรุปว่า เราอ่ะมีปมด้านครอบครัว อาจจะด้วยที่เราไม่เคยอยู่กับพ่อแม่เลยตั้งแต่เกิด บางคนคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา เพราะก็อยู่กับญาติที่รักและเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่คุณหมอบอกว่า มันก็เป็นปมในใจนะ

อันนี้เราเห็นด้วย เราถึงไม่ค่อยสนับสนุนคนที่ไม่ค่อยพร้อมแล้วดันทุรังจะมีลูก โดยคิดว่าเดี๋ยวก็มีญาติๆเลี้ยงให้ สงสารเด็ก นะ มันมีปมด้อยในใจจริงๆ แล้วคุณหมอบอกว่าปมอันนี้พอโดนกระทบบ่อยๆ ใจมันก็รับไม่ไหว เพราะของเราพอโตขึ้นมีแฟนจะแต่งงาน จะสร้างครอบครัวอย่างที่ตัวหวังไว้ แฟนก็เป็นเอดส์ตายอีก ปมอันเดิมก็โดนกระทบอีก

แล้วก็ให้บังเอิญว่า ชีวิตในฐานะผู้ติดเชื้อ HIV ของเรามันแปลกๆกว่าคนอื่น คือเราไม่ได้ทำงานแบบปกติเหมือนคนธรรมดา งานเราก็เกี่ยวกับเอดส์ ทุกวันชีวิตก็วนเวียนแต่คำว่า HIV AIDS วนเวียนอยู่แต่ความทุกข์ และ ปัญหาของคนอื่นๆ นานวันเข้ามันก็รับไม่ไหว

ด้วยประการฉะนี้แล เราจึงมีอาการของโรคซึมเศร้า เบื่อหน่ายกับชีวิต และ มีอาการเครียด วิตกกังวลอยู่ลึกๆ กลัวอะไรแบบแปลกๆ เช่น กลัวจะมีชีวิตอยู่นานจนแก่

คุณหมอให้ยา 3 อย่างมากินทุกวัน กินเช้า เย็น และ ก่อนนอน กินยาแล้วหลับอย่างมีความสุขมากกกกกกกกกก หลับสนิท และ หลับนาน รวมถึงถ้ามีเวลาว่างปุ๊บก็หลับเลย แต่มันก็ไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตนะ คือถ้ามีอะไรทำมันก็ไม่ได้ง่วง แต่ถ้าว่างและได้เอนตัวลงนอนจะหลับทันที

ทั้งคุณหมอ และ คุณเภสัช อธิบายว่าตัวยาโรคซึมเศร้าของเราจะออกฤทธิ์ช้านะ อาทิตย์แรกๆ ยาอาจจะยังไม่ช่วยอะไร ต้องกินยาสม่ำเสมอและต่อเนื่องกับไปหาคุณหมอทุกเดือน

คุณหมอแนะนำให้เปลี่ยนวิถีชีวิตบ้าง หมอบอกว่าชีวิตเรามันเป็นโทนเดียวเกินไป เราควรหาอะไรแปลกใหม่ทำ หางานอดิเรก หรือ ไปเรียนอะไรใหม่ๆ ที่เป็นคอร์สสั้นๆ วันนั้นพอกลับจากโรงพยาบาลก็หาข้อมูลในเนทเลย ก็เลยคิดจะสมัครเรียนภาษาหลักสูตร 3 เดือน มันไม่นานเกินไป เราคงยังไม่ทันเบื่อ แต่เขาบอกว่าต้องให้ไปสอบจัดระดับก่อน ก็นัดสอบวันนี้หล่ะคะ

พอตอนเช้า อาการกำเริบจ้า ไม่อยากไปสอบ ไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว รู้สึกกลัวๆ คือถ้าเป็นอะไรแปลกใหม่ที่เราไม่เคยทำ เราจะกลัว เราจะไม่อยากทำ นั่งตัดสินใจอยู่นาน แล้วสรุปว่า โทรไปยกเลิก ไม่ไปสอบ

....... ยามันคงยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่จริงๆแฮะ แต่ก็ไม่เป็นไร มันคงค่อยๆดีขึ้น เพราะอย่างอื่นๆก็ดีขึ้นเยอะนะคะ เรานอนนานขึ้น หน้าเลยใสขึ้น ขอบตาไม่คล้ำ ไม่เป็นญาติกับหลินปิงแล้ว เราใจเย็นขึ้นมากด้วย คือ ยามันกินแล้วจะรู้สึกเหมือนกินไวน์ไป 3 แก้ว มันจะอารมณ์ดี ชิลด์ๆ สบายๆอ่ะ

ขนาดมีเรื่องให้ควรจะวี๊ดดด ยังรู้สึกเฉยๆเลย ไม่วี๊ด ไม่เหวี่ยง ไม่โวยวาย อิอิ เราอ่ะหาลูกค้าให้โรงพยาบาลศรีธัญญาได้อีกหลายคน เพื่อนๆอยากไปบ้างเยอะเลยอ่ะ เพราะชีวิตผู้ติดเชื้ออ่ะนะ ถึงปากบอกว่ายอมรับได้ แต่ในใจอ่ะ มันไม่มีใครยอมรับได้อย่างแท้จริงหรอก มันมีความทุกข์อยู่ลึกๆกันทั้งนั้น

เราก็เชียร์เพื่อนสุดฤทธิ์ ไปหาหมอจิตเวชเถอะ ก็เหมือนเราไปหาหมอดูแลสุขภาพกายนั่นหล่ะ แต่นี่ไปหาเพื่อดูแลสุขภาพจิต จะได้แข็งแรงพร้อมทั้งกายและใจ งัยค่ะ


ที่สำคัญนะคะ ที่ศรีธัญญาอ่ะ ราคายาถูกมากกกกกกกกกกกกกก ของเราจ่ายไป 99 บาท อ่านไม่ผิดหรอก 99 บาทถ้วน สำหรับยา 3 อย่างเป็นเวลา 1 เดือน ค่าคุยกับนักจิตวิทยา และ หมอ รวม 2 ชั่วโมง เขาไม่คิดด้วยนะ

เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้ก็จะไปหาหมออีกอ่ะคะ ว่าจะขอคุณหมอกินยาไปเรื่อยๆก่อน กินแล้วมันสบายดีอ่ะ ไม่เศร้า ไม่เครียด แต่ก็ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองด้านอื่นด้วย เช่นฝึกสติ ฝึกสมาธิ และ พยายามหากิจกรรมแปลกใหม่ให้ชีวิตสักหน่อย(แต่คงต้องรอให้ยาออกฤทธิ์ ถึงจะยอมทำอะไรแปลกใหม่อ่ะนะ)

ว่าแล้วก็ขอตัวไปเตรียมกินยาต้าน HIV อาบน้ำ แล้วกินยาคลายเครียดก่อนนอนนะจ๊ะ ไว้จะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ ว่ากินยาไปเรื่อยๆแล้วชีวิตเปลี่ยนมั้ย

จากคุณ : ++MooKaew++
เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 20:50:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com