Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฉันคิดผิดไหมที่ไม่ให้คุณแม่รับเคมีบำบัดเพื่อรักษาอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4  

คุณแม่เป็นผู้หญิงจีนแท้ๆ ที่ลำบากมาค่อนชีวิตเพื่อลูกๆ  พระคุณของแม่และความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น  ดิฉันคงไม่ต้องบรรยาย เพราะก็เหมือนกับคุณแม่ของทุกๆ คนบนโลกนี้เช่นกัน

เกิด แก่ เจ็บ ตาย หน้าที่ลูกๆ อย่างพวกเรา ก็ปราถนาให้บุพการีจากไปอย่างสงบ ด้วยโรคชราหรือโรคอะไรก็ได้นะ แต่ขอให้สงบ  (ใช่มั้ยคะ)

ดิฉันทำใจมาตลอดว่าสักวันหนึ่งคุณแม่ก็ต้องเดินทางไกลจากไป  ตั้งแต่คุณแม่เริ่มเข้าสู่วัย 70 ขึ้น นับถึงวันนี้ คุณแม่มีอายุ 79 ปีแล้ว พวกเราลูกๆ หลานๆ ดีใจ ที่คุณแม่หรืออาม่า มีอายุมั่นขวัญยืน ยังอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ อยากให้ท่านมีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรงตลอดไป

ฝันสลาย เริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคม 52  คุณหมอประจำตัวคุณแม่ (ดูแลความดัน เบาหวาน และโรคหัวใจนิดหน่อย) สังเกตุเห็นว่าคุณแม่ตัวซีด เลยแนะนำให้พาไปตรวจ  จากวันนั้นเลยเข้าออกนอนโรงพยาบาลยาวมาถึงวันนี้

เชื่อแล้วที่ว่าโรคภัยมันบุกแล้วไม่หยุด  เพราะพอคุณแม่มีอาการซีด ก็ตามมาด้วย ถ่ายเป็นเลือดสีแดงเป็นน้ำเลยนะ  ปวดท้องอย่างรุนแรงเป็นระยะๆ เป็นพักๆ  ถ่ายไม่ออก ผายลมไม่ได้ ท้องอืดบวม (ก็เป็นพักๆ อีกเหมือนกัน)  กินไม่ได้เพราะเดี๋ยวกลัวปวดท้อง น้ำหนัก จาก 64 กิโล ปัจจุบันเหลือ 53 กิโล  เฮ้อ! มันช่างทรมานใจลูกเหลือเกิน น้ำตาตกใน ต้องปั้นหน้ายิ้มให้กำลังใจแม่ นับครั้งไม่ถ้วน

ปลายเดือนสิงหาคมส่องกล้องทางทวาร ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจไม่พบเนื้อร้ายอะไรเลย ลูกๆ หลานๆ โล่งใจ ดีใจ  แต่ทำไมคุณแม่ก็ยังปวดท้องอย่างรุนแรงเหมือนเดิม ไม่ถ่าย ไม่ผายลม พอส่งเข้าโรงพยาบาล พอหมอจะผ่าตัดทีไร คุณแม่ก้อผายลมและถ่ายได้ทุกครั้งไปนะ  (ลูกๆ ว่าคุณแม่โชคดีพระคุ้มครอง) คุณหมอวินิจฉัยว่าคุณแม่น่าจะเป็นลำไส้อุดตัน (คุณแม่มีประวัติผ่าตัดเมื่อตอนอายุ 65 ปี) แต่ยังไม่ตันซะทีเดียวเลยยังไม่อยากผ่าตัดให้ เพราะอายุมากแล้ว

ย่างเข้าเดือนตุลาคมแล้ว คุณหมอสงสัย คาใจ ว่าทำไม คุณแม่มีอาการเช่นนี้ซ้ำๆ ส่งเข้าออกนอนโรงพยาบาลติดต่อกันตลอด  ทั้งๆ ที่ส่องกล้อง ผลตรวจไม่เจอเนื้อร้ายอะไร  

จริงๆ คุณหมอก้อคงไม่อยากทำอะไรกับคุณแม่มาก เพราะท่านอายุมากแล้ว แต่สุดท้ายคุณหมอคงทนไม่ไหว เพราะคุณแม่ไม่หายสักที ท่านทรมานทุกครั้งกับการรักษาอาการแบบนี้ (งดน้ำและอาหาร ให้น้ำเกลือ ใส่สายทางจมูกเพื่อดูดของเสียออกจากกระเพาะอาหาร เจาะเลือด และอื่นๆ อีก ที่ทำให้คุณแม่ขวัญเสีย เจ็บปวดและทรมานนะ ลูกๆ รู้ เพราะเห็นตลอดเวลา)  

กลางเดือนตุลาคม คุณหมอจับคุณแม่ ทำ CT SCAN เลยเจอก้อนเนื้อที่ลำไส้ใหญ่  จับคุณแม่ต่อด้วยการส่องกล้องทางทวารครั้งที่สอง ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจอีก  ผลตรวจชิ้นเนื้อไม่พบเนื้อร้ายอยู่ดี  แต่ครั้งนี้คุณหมอเริ่มแน่ใจว่ามันต้องเป็นเนื้อร้ายแน่ๆ  เลยขอนัดผ่าตัดคุณแม่

วันที่ 28 ตุลาคม คุณหมอผ่าตัดคุณแม่เอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ก็ไม่เจอเนื้อร้ายอยู่ดี แต่คุณหมอเห็นของจริงแล้ว แจ้งข่าวร้ายว่า คุณแม่เป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สี่ เพราะมันลามไปที่ตับแล้ว  อยู่ได้ไม่เกินหกเดือน แต่ถ้าทำคีโมหรือเคมีบำบัดแล้วยาตอบสนอง มะเร็งไม่ดุ คุณแม่ก็อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ถึงหนึ่งปี

ลูกๆ หลานๆ มึนตึบ ไม่รู้ว่าใครคิดอะไรยังไง รู้แต่ว่าต่างคนต่างแอบร้องไห้กันไปตามแต่จะสะดวก เพราะตั้งกฏกันแล้วว่า เวลามาเยี่ยมแม่หรืออาม่า ต้องเข้มแข้ง ยิ้มและให้กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามบอกให้ท่านรู้เด็ดขาดว่าเป็นโรคร้าย

คุณแม่นอนโรงพยาบาลรักษาแผลผ่าตัด 33 วัน ระหว่าง 33 วันนี้ สุดจะบรรยายความทุกข์ เจ็บปวดของคุณแม่วัย 79 ปี ออกมาได้ ช่วงนั้นดิฉันเปิดธรรมะของท่านอาจาย์ปราโมทย์ให้คุณแม่ฟังเกือบทุกคืน  อยากบอกว่าธรรมะช่วยได้จริงๆ หรับผู้ป่วยอาการหนัก  เพราะคุณแม่ของดิฉันท่านเล่าให้ฟังว่า หลังผ่าตัดแล้วเริ่มรู้สึกตัว แม่ปวดมาก พูดไม่ได้ สายยางเต็มไปหมด  แต่พอได้ยินได้ฟังธรรมะแล้ว ก็หายปวดและทรมานได้เหมือนกัน

คุณแม่หายวันหายคืน ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา   อาการดีขึ้นตามลำดับ แผลเริ่มดีขึ้น เจ็บน้อยลง เริ่มกินได้ เริ่มรู้รสชาติอาหาร  เริ่มมีรอยยิ้ม ความสุขเริ่มกลับมาแล้ว  

ท่านรู้สึกว่าท่านหายขาดแล้วจากอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ท่านคงไม่เป็นอะไรแล้ว หมดทุกข์หมดโศก ท่านว่า คนเราต้องใช้กรรมคืนแก่เจ้ากรรมนายเวร เพราะไม่รู้ว่าเคยทำกรรมไว้กับใครบ้าง ท่านเชื่อเรื่องเหล่านี้

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม คุณหมอนัดเจอ คุยต่อเรื่องการรับเคมีบำบัด  ดิฉันได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการเรื่อง ไม่ขอรับเคมีบำบัด  ดิฉันเซ็นต์ชื่อยืนยันไปเรียบร้อยแล้ว วันนั้นรู้สึกใจหาย เสียใจ ปวดหัวไปหมด คิดมาก  แม่เราจะอยู่ได้แค่หกเดือนเท่านั้น  จริงๆ เหรอ

เหตุผลที่ไม่ให้คุณแม่รับเคมีบำบัด เพราะไม่อยากให้คุณแม่ต้องทุกข์ทรมานกับการรักษาอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาท่านก็ผ่านมาได้อย่างสะบักสะบอมเต็มที  อยากให้เวลาอีกหกเดือนที่เหลืออยู่ เห็นท่านมีความสุข กินได้ ยิ้มได้ อย่างนี้จนถึงวาระสุดท้าย เพื่อจะได้จากไปอย่างสงบดีกว่า  พวกเราลูกๆ หลานๆ ปราถนาเช่นนั้น สวดมนต์ ขอพร อธิฐานและแผ่เมตตา

ตอนนี้อยากได้คำแนะนำจากทุกท่านที่เคยเห็นช่วงชีวิตสุดท้ายของคนที่เป็นมะเร็ง  มีมากมั้ยที่ไปอย่างสงบ และอย่างอาการแย่เลยเป็นยังไงบ้างคะ  เพื่อจะได้นำมาปรับใช้ดูแลคุณแม่ค่ะ  

สุดท้ายนี้ขอแผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ขอให้เจ้ากรรมนายเวรได้โปรดอโหสิกรรมให้กับคุณแม่ของข้าพเจ้าด้วยเถิด

จากคุณ : รุ้งกินน้ำสีจาง
เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 14:55:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com