ความคิดเห็นที่ 1 "ทำไม เธอ ทานเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เคยอ้วนเลย?" เคยถามคำถามนี้บ้างหรือเปล่าครับ? เคยเห็นบ้างไหม ว่าเพื่อนบางคน หม่ำเค้กเป็นก้อนๆ ไอติมหลังอาหาร แต่ยังผอมเพรียว เอวบาง ทั้งๆที่ก็ไม่เคยเห็นออกกำลังเสียหน่อย เอาอาหารที่ทานเหล่านั้นไปเก็บไว้ที่ตรงไหนกันนะ? แล้วชั้นล่ะ ทานนิดทานหน่อย ทำไมออกเอาๆ เดี๋ยวหน้าบาน เดี๋ยวขาใหญ่ กรี๊ดดดดดด ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงโทษฟ้าโทษสวรรค์ ที่เกิดมาพร้อมกับกรรมพันธุ์ "อ้วนง่าย" แล้วอิจฉาตาร้อนเพื่อนหลายๆคน ที่ทานเท่าไหร่ก็ได้อย่างสะใจไม่ต้องแคร์ แต่ถึงกระนั้น เพื่อนเหล่านั้นก็ไม่เห็นเคยอ้วนเสียที หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Metabolic Rate หรือ อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เหมือนอย่างที่ mention เอาไว้ในกระทู้ก่อนนี้ครับ เป็นความจริงที่ว่า Metabolic Rate เนี่ย ขึ้นอยู่กับ พันธุกรรม ของแต่ละคนครับ บางคนเกิดมาพร้อมอัตราการเผลาผลาญพลังงานที่สูงมาก ทานเท่าไหร่ ก็หายหมด ร่างกายใช้พลังงานเยอะโดยกำเนิด ยังไงก็ไม่อ้วน ยกเว้นจะเป็นโรคที่ทำให้การเผาผลาญพลังงานบกพร่องขึ้นมา ส่วนบางคนก็เกิดมาพร้อมกับพันธุกรรมที่ใช้พลังงานน้อยเหลือเกิน ทานไม่เท่าไร ก็อ้วนขึ้นเสียแล้ว ช่างน่าน้อยใจเป็นที่ยิ่ง เกิดชาติหน้าฉันใด ขอผอมเพรียวสมใจดิฉันเถิด แต่! ผมกำลังจะบอกว่า เราไม่ต้องรอชาติหน้าครับ เราสร้างมันได้ :) จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 00:09:31

ความคิดเห็นที่ 2 Rest Metabolic Rate (ต่อไปนี้จะขอเรียกมันว่า RMR นะครับ) หรืออัตราการเผาผลาญพลังงาน ยามที่ร่างกายไม่ได้ทำอะไร (rest หรือ พักอยู่) ใช้พลังงานมากกว่าครึ่งหนึ่ง ของพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายเราเผาผลาญในแต่ละวันครับ บางตำรากล่าวว่าถึง 60-70 % ของพลังงานที่ใช้ต่อวันเลยทีเดียว นั่นหมายความว่า แม้แต่ในเวลานอน เราก็ยังคงมีการเผาผลาญพลังงาน! โอ้แม่เจ้า นอนอยู่เอาพลังงานไปทำอะไรล่ะนั่น! คำตอบคือ เอาพลังงาน ไป maintain ให้ cell มี "ชีวิต" อยู่ได้ต่อไปครับ คุณหมอกรุณาที่อธิบายเรื่องนี้ให้ผมฟังกล่าวว่า ร่างกายก็เหมือนโรงงาน กล้ามเนื้อก็เหมือนกับคนงาน สมมติว่าโรงงานพักกิจการ ถามว่ายังต้องจ่ายค่าแรงให้คนงานหรือไม่? คำตอบคือ ต้องจ่ายสิครับ ไม่งั้นคนงานก็ตายสิ ก็มันต้องกินต้องอยู่เหมือนกันนี่หน่า หรือไม่ใช่? ฉะนั้น Muscle Cells นี่ล่ะครับ คนงานของเรา ที่ถึงแม้ร่างกายจะอยู่เฉยๆ นออนนิ่งๆ ก็ยังคงต้องจ่ายพลังงาน ให้กับคนงานเหล่านี้ ดังนั้นความลับในการเพิ่ม RMR ของเรา ก็ง่ายนิดเดียวเองครับ "เพิ่ม ปริมาณ กล้ามเนื้อ!!!!" จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 00:19:19

ความคิดเห็นที่ 3 เราต้องทำความเข้าใจกันเสียใหม่เรื่องของกล้ามเนื้อนะครับ การเพิ่มกล้ามเนื้อ ในที่นี้ ไม่ได้บอกให้คุณไปเป็นนักกล้าม หรือนักเพาะกาย แต่อย่างไร T J Hoban นักเพาะกายผู้เชี่ยวชาญคนนี้ (ดู six pack เค้าสิครับ!) เคยให้ tips กับผู้แสวงหา six pack ว่า "มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่คุณจะมีรูปร่างเหมือนนักเพาะกายตามหนังสือที่คุณซื้อมาอ่าน ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณจะอายุอยู่ในช่วง 20s, เข้า fitness ไม่เคยขาด, มีกรรมพันธุ์ที่เป็นนักกีฬาอย่างมาก และทานอาหารที่นักเพาะกายทาน ถ้าไม่ได้ตามนี้แล้ว คุณไม่มีทางที่จะมีรูปร่างเหมือนนักกล้ามหล่านี้แน่ๆ ขอให้เข้าใจว่า นักเพาะกายตามนิตยสาร เพียงเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา และเป็นแรงบันดาลใจเท่านั้น" ซึ่งเป็นความจริงครับ เป็นความจริงมากๆ ที่กว่าจะมีกล้ามเนื้อใหญ่โตเห็นชัดเจนอย่างเหล่านักเพาะกายได้นี้ ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก การทานอาหารอย่างมีวินัยเคร่งครัดมาก (เพื่อเพิ่ม hormone และได้สารอาหารที่ส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ) อีกทั้งยังต้องมีพันธุกรรมที่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ อีกจำนวนไม่น้อย ถึงกับใช้ steroid ฉีด กระตุ้น ให้กล้ามเนื้อใหญ่โตขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น ไม่ว่าคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายก็ตาม ขอให้เข้าใจไว้ ณ ที่นี้เลย ว่า "เข้า fitness ให้ตาย ก็ไม่ บึ้ก ขึ้นมาง่ายๆหรอกครับ!" ไม่ต้องกลัวจะล่ำ ไม่ต้องกลัวจะตัวหนา ไม่ต้องกลัวว่าจะกล้ามโต การจะกล้ามโตนั้น อาศัยอะไรๆอีกมากมายกว่าการเข้า fitness แล้วยกดัมเบล บาร์เบล ครับ ป.ล. แต่ถ้าใครอยากล่ำอยากบึ้ก เดี๋ยวไว้ตั้งกระทู้ใหม่ให้ หรือหลังไมค์ก็ได้นะครับ ^ ^ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 00:38:52

ความคิดเห็นที่ 4 ลองดูตามภาพนี้นะครับ สำหรับผม ผมถือว่ารูปร่างดีนะ แต่จะเห็นได้ว่า สาวๆเหล่านี้ ไม่ได้ "ผอมโกรก" หากแต่เขามีเนื้อหนัง ใน ขนาดที่พอเหมาะพอดี จุดนี้แหล่ะครับที่อยากให้มาพิจารณากัน ว่าแขนเรียวๆ ขาเรียวๆของพวกเธอเหล่านี้ มีไขมัน หรือกล้ามเนื้อ เป็นสัดส่วนเท่าไร? ผมขอใช้ตัวเลขสมมตินะครับ ถ้า รอบแขนของเธอ มีรัศ 4 cm. กระดูกมีรัศมี 1 cm. นั่นหมายความว่า  ความหนาของ กล้ามเนื้อ + ไขมัน + ผิวหนัง = 3 cm. ถูกมั้ยครับ? ทีนี้ 3 cm. นี้ คุณอยากให้เป็น ไขมัน 2 cm. กล้ามเนื้อ 1 cm. หรือ อยากให้ กล้ามเนื้อ 2 cm. แต่ไขมันบางเพียง 1 cm. กันล่ะครับ? จะเห็นได้ว่า ทั้งสองกรณี จะส่งผลให้รูปร่างที่มองจากภายนอก ขนาดเท่าเดิม (คือแขนมีขนาดเท่าเดิม รัศมี 4 cm.) แต่ทว่า สิ่งที่ต่างกันนั้น คือสิ่งที่เราเรียกว่า ความเฟิร์ม ครับ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 00:50:58

ความคิดเห็นที่ 5 ตามปกติแล้ว คนเราอยากที่จะมีชั้นไขมันที่น้อยอยู่แล้วล่ะครับ เพียงแต่ว่า หลายคน ขยาดกลัวที่จะออกกำลังกาย เนื่องจากเกรงกลัวว่า จะทำให้ตัวใหญ่ ดูหนา ก็ขอให้ดูตัวอย่างที่ยกมาแล้วกันนะครับ ว่าถ้าเราเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อให้มากขึ้น แต่ว่าลดชั้นไขมันให้บางลง ผลลัพธ์ที่จะได้ คือขนาดที่เท่าเดิม แต่คุณภาพของเนื้อที่เปลี่ยนไปครับ ไขมันหนาๆ กล้ามเนื้อบางๆนั้น ส่งผลให้เนื้อ เหลว นิ่ม ในขณะที่กล้ามเนื้อหนาขึ้นอีกนิด เอาไขมันให้บางลงอีดหน่อย จะได้ขนาดตัว แขน ขา ที่เท่าเดิม แต่ว่า กระชับ แน่น เฟิร์มกว่าครับ ขอย้ำอีกครั้งว่า การเสริมสร้างกล้ามเนื้อนั้น ไม่ทำให้คุณ ล่ำ บึ้ก หนา ขึ้นมาได้ง่ายๆครับ ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะยกดัมเบลกันสักสิบที สองชุด หรือ sit up กันสักสิบห้าที สามชุด ทำไปเลยครับ ไม่ล่ำแน่นอน มีแต่จะตัวเล็กลงครับ ไม่ใหญ่ขึ้นกันง่ายๆ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 00:56:58

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปแล้ว เราลดน้ำหนัก โดยที่ไม่ทำอะไรเลย ได้อย่างไร? อันที่จริง ต้องบอกว่า ถ้าจะน้ำหนักลด โดยไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่คนโชคดี ที่เกิดมาพร้อมพันธุกรรมใช้พลังงานมากเป็นพิเศษ เท่านั้นครับ ซึ่งมันจะมีสักกี่คนกันเชียวที่พิเศษแบบนั้น? สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือการลงทุน ระยะไม่นานนัก เพื่อหวังผลระยะยาวที่เราจะทานได้ตามใจโดยไม่ต้องกลัวอ้วนครับ ขั้นตอนมีอยู่ว่า 1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อทั้งร่างกาย หรืออย่างน้อย เฉพาะจุดสำคัญ โดยการ ออกกำลังกาย อย่างถูกวิธี กล้ามเนื้อส่วนที่ผมอยากแนะนำ คือ 1.1 ส่วนต้นขา (Gluteus maximus) เนื่องจากเป็นมัดกล้ามที่ใหญ่ที่สุดของเรา และคุณผู้หญิงทั้งหลายมักมีปัญหาว่า กลัว ขาใหญ่ 1.2 แขน (bicept) เนื่องจากบริหารง่ายในเวลาเร่งรีบ 1.3 กล้ามเนื้อหน้าอก (Pectoralis major) เป็นส่วนที่คุณผู้หญิงจะอยากมีกันมาก เพราะช่วยให้ดูมีหน้าอกมากขึ้น คุณผู้ชายที่อยากมีแผ่นอกก็สมควรเล่นส่วนนี้ 1.4 กล้ามเนื้อท้อง (Abs, Six Packs) เป็นอันที่แนะนำสำหรับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง เพราะเล่นยากกว่าส่วนอื่นๆ ทว่าเนื่องจากไขมันของผู้ชายมักสะสมส่วนท้อง จึงไม่ควรหลีกเลี่ยงกล้ามเนื้อมัดนี้ อีกทั้งยังได้รับ vote ว่าเป็นส่วนที่ sexy ที่สุดในร่างกายคน (นึกถึงหน้าท้องที่แบนราบสิครับ ต่อให้ส่วนอื่นเจ๋งแค่ไหน ถ้าหน้าท้องหย่อนยาน ก็หาย sexy ไปละครึ่งหนึ่ง) ผมจึงถือว่ากล้ามท้องเนี่ยแหล่ะ ที่ควรค่ากับการพยายาม ทีนี้ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำอย่างไร? ทำได้โดยการ สร้างภาระให้กับตัวกล้ามเนื้อ (load) ให้มากพอสมควร แต่อย่าให้ถึงกับบาดเจ็บ หลังจากที่เราออกกำลังกล้ามเนื้อแล้ว ต้องมีการทานอาหารที่มีโปรตีน ในปริมาณที่ เพียงพอต่อการสร้างกล้ามเนื้อ โดยปกติคนเรามักไม่ได้รับโปรตีนมากเพียงพอต่อการพัฒนากล้ามเนื้ออยู่แล้ว มักได้รับเพียงพอต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น พอเราต้องการเสริมส่วนนี้ แนะนำให้ทาน ไข่ขาว (หรือไม่ก็ทั้งฟองน่ะล่ะ) เพิ่ม ดื่มน้ำเต้าหู้ กินถั่ว หรืออกไก่ และปลา ก็เป็นโปรตีนชั้นดี เพื่อให้เพียงพอต่อการสร้างกล้ามเนื้อของเรา ที่สำคัญอีกอย่างคือการ พักผ่อน ถ้าหากไม่มีการพักผ่อน ร่างกายเราก็จะซ่อมแซม และ เสริมสร้าง ได้ช้าเต็มที อย่าออกกำลังติดๆกัน ถ้ากล้ามเนื้อเพิ่งเริ่มต้นพัฒานา การพักสัก 48 ชั่วโมง (2 วัน) ถือเป็นเวลาที่นักวิชาการแนะนำ นั่นคือให้ออกกำลังกล้ามเนื้อ ทุกๆ 3 วันนั่นเอง วิธีที่ดีกว่านั้น คือออกกำลัง ทุกวัน แต่ ผลัดกันบริหารกล้ามเนื้อเป็นส่วนๆ โดยไม่ให้ส่วนเดิมใช้งานหนักก่อนจะพักครบ 48 ชั่วโมง วิธีนี้นอกจากจะไม่น่าเบื่อแล้ว ยังทำให้ได้ใช้พลังงานมากสม่ำเสมอ จะช่วยลดไขมันส่วนเกินได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 01:18:19

ความคิดเห็นที่ 7 2. วิธีการออกกำลังกายแต่ละส่วน ทำได้ง่ายๆดังนี้ เนื่องจากเราต้องการพัฒนากล้ามเนื้อ เพื่อที่จะเพิ่ม RMR ของเรา ไม่ใช่เพื่อกล้ามโต วิธีออกกำลัง จึงไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับพวกที่ต้องการเพิ่มขนาดกล้ามครับ ในที่นี้ขอยกวิธีง่ายๆที่ทำได้ที่บ้าน ไม่ต้องไปใช้ fitness ที่ไหน 2.1 ต้นขา สามารถทำได้อย่างง่ายๆ โดยการ ลุกนั่ง โดยทำเป็นชุดๆ กำหนดเอาเองว่าทำสักกี่ที เริ่มต้นอยากให้ลองชุดละ 10 ที ทำสักสามหรือสี่ชุด ให้รู้สึกว่าขาเมื่อยๆ ก็ให้พอ สำคัญที่ต้องเมื่อย เพราะนั่นหมายความว่าเราส่งสัญญาณบอกร่างกายแล้ว ว่าเราขอให้เพิ่มกล้ามเนื้อส่วนนี้นะ ถ้าไป fitness ได้ แนะนำให้ใช้ barbell เพื่อเพิ่ม load ครับ แต่ถ้าอยู่บ้าน ลองใช้ถังใส่น้ำดูก็ทดแทนกันได้ แต่อย่าให้เมื่อยหลังนะ 2.2 แขน ยกดัมเบลท่ามาตรฐานก็พอครับ เหมือนเดิม ทำเป็นชุด ให้มากพอที่จะเมื่อยหน่อยๆ ถ้าใครไป fitness ได้ อาจจะเพิ่มน้ำหนัก ตามความเหมาะสมครับ ถ้าใครอยู่บ้าน ใช้การวิดพื้นแทนก็ได้ครับ แต่ต้องถูกท่านะ ถึงจะได้แขน ใครสงสัยหลังไมค์ได้ครับ เพราะต้องมีภาพประกอบ 2.3 หน้าอก อันนี้เล่นได้โดยการโหนบาร์ ยก free weight bench และวิดพื้นอีกท่าหนึ่งครับ ถือเป็นท่าที่อาจจะจำเป็นต้องอาศัย fitness centre ครับ 2.4 หน้าท้อง อันนี้เรื่องใหญ่ครับ เล่นยาก sit-up แบบเดิมๆอาจไม่ใช้คำตอบของคุณๆ เคล็ดลับอยู่ที่เราต้องเข้าใจว่า กล้ามเนื้อท้อง เป็นกล้ามเนื้อมัดเดียวกันทั้งแผ่น ไม่ได้แยกจากกันครับ ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะนอน แล้วยกตัวช่วงบนขึ้น หรือ ยกตัวช่วงล่าง (ยกขางอเข่า พยายามแตะอก) ก็บริหารกล้ามเนื้อส่วนเดียวกัน เพียงแต่คนละมุม รายละเอียดเรื่องกล้ามท้อง ใครสงสัยคงต้องหลังไมค์แล้วล่ะครับ ^ ^''' จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 01:29:56

ความคิดเห็นที่ 8 หลังจากที่เล่นได้ถึงจุดหนึ่ง ประกอบกับการทานอาหารที่เหมาะสม การพักผ่อนที่เพียงพอ กล้ามเนื้อของเราจะพัฒนาครับ อยากขอแนะนำให้ใช้เวลากับมัน สักสามเดือนครับ พอหลังจากจุดนี้ไปแล้ว เราก็ไม่ต้องทำอย่างต่อเนื่องแล้วครับ เนื่องจากกล้ามเนื้อของเราที่พัฒนาแล้ว จะเพิ่ม metabolic rate ของร่างกายเรา อย่างที่เราไม่ทันรู้ตัวเลยครับ ขอให้จำเอาไว้ว่า การเพิ่มกล้ามเนื้อที่เราสนใจนั้น คือการเพิ่ม จำนวน cells กล้ามเนื้อ ไม่ใช่ เพิ่มขนาด ของ cell นะครับ ดังนั้น ทำแต่พอประมาณ อย่า load จนล้า จะบาดเจ็บได้ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วขอให้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เชื่อผมเถอะครับ สามเดือน ไม่นานจนเกินไป เทียบกับผลที่จะได้แล้ว ผมว่าคุ้มค่าแน่ๆ ผลที่คาดว่าจะได้รับนะครับ: 1. รูปร่างที่กระชับ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่พัฒนาขึ้น อีกทั้งส่วนที่แนะนำนั้นล้วนแต่เป็นส่วนที่เห็นได้ชัด และเป็นจุดสนใจบนร่างกาย 2. สุขภาพที่ดี เนื่องจากมีการออกกำลังกาย ระบบหมุนเสียนโลหิตจะดีขึ้น กระดูกแข็งแรง 3. RMR พี่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณกล้ามเนื้อที่มากขึ้น ทำให้ร่างกายต้องการพลังงานไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมากขึ้น เราก็ทานได้มากขึ้น โดยที่ยังคงไม่เกินความต้องการของร่างกาย ทีนี้ ถึงหยุดออกกำลังกาย ก็ทานได้ดั่งใจนึกนั่นเองครับ ^ ^ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 01:38:01

ความคิดเห็นที่ 9 ความลับของวิธีนี้ อยู่ที่: เมื่อร่างกายเราต้องการพลังงานปริมาณที่มากขึ้น (muscle cell เพิ่มขึ้น) แต่รับประทานเข้าไปเท่าเดิม (เท่ากับก่อนที่จะบริหารกล้ามเนื้อ) ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่ ต้องการพลังงานเพิ่มเติม ทีนี้ จะไปเอามาจากไหนล่ะครับ? ก็เราทานเท่าเดิมนี่หน่า ร่างกายเราก็จะเอาไขมันที่สะสมนี่ล่ะครับ มาใช้ อย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ อย่างที่เคยบอกไปในกระทู้ก่อนครับ ว่าความหิว ขึ้นกับระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และ content ในกระเพาะอาหาร ฉะนั้นหากเราทานเท่าเดิม แต่ร่างกายต้องการมากขึ้น ทว่าเรารู้สึกอิ่มแล้ว เพราะน้ำตาลเพียงพอแล้ว ร่างกายเรา ก็จำเป็นต้องไปเอาจากไขมันเนี่ยล่ะครับ มาใช้ ยิ่งกล้ามเนื้อส่วนไหนพัฒนามาก ยิ่งต้องการใช้พลังงานมาก ไขมันบริเวณนั้นยิ่งถูกดึงมามากขึ้นครับ อยากให้ส่วนไหนเล็กลง ยิ่งควรพัฒนากล้ามเนื้อส่วนนั้นครับ เพราะเมื่อกล้ามเนื้อพัฒนาแล้ว ไม่ช้า ไขมันแถวนั้นก็จะค่อยๆลดลงครับ ออกกำลังไม่กี่เดือน เพื่อแลกมากับการกินได้มากขึ้น แต่ไม่ต้องกลัวอ้วนอีกต่อไป แม้จะหยุดออกกำลังกายไปแล้ว แถมพ่วงด้วยหุ่นกระชับ และสุขภาพที่ดีขึ้น หวังว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง ในการรูปร่างดีอย่างมีสุขภาพนะครับ ก็คงหมดเพียงเท่านี้ล่ะครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือข้อสงสัย จะรีบมาตอบนะครับ ^ ^ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 01:48:02

ความคิดเห็นที่ 10 ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : aorp เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 02:16:13

ความคิดเห็นที่ 11 อ้าว จบซะแระ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ... จากคุณ : naytee เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 02:17:57

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ aorp คุณ naytee สวัสดีปีใหม่นะครับ ^ ^ มันก็มีเท่านี้ล่ะครับ จริงๆหลักการมันสั้นๆ เพียงแค่ เพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ เท่านั้นเองล่ะครับ ที่บอกว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย เนี่ยคือหลังจากที่เรา เฟิร์ม ในระดับหนึ่งแล้วน่ะครับ ทีนี้ ถึงจะหยุดออกกำลังการไป ทานเท่าเดิม ร่างกายก็มีแต่จะผอมลง ต่อให้ทานมากขึ้น ก็ยังคงรูปร่างคงที่โดยไม่อ้วนขึ้นได้ครับ มันเป็นสิ่งที่เกิดกับนักกีฬาโดยทั่วไป ว่า ยิ่งกล้ามเยอะ ยิ่งอ้วนยากครับ ถึงจะอยู่ในช่วงพักซ้อม กินเยอะเป็นพิเศษ ก็ไม่อ้วนขึ้นกันง่ายๆ เพราะร่างกายนักกีฬาจะต้องการปริมาณพลังงานมากกว่าคนผอม หรือ คนอ้วน ทั่วๆไป ที่มีปริมาณกล้ามเนื้อน้อยกว่าน่ะครับ วิธีนี้ที่บอกว่าไม่ต้องทำอะไรเลย อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าเราลดน้ำหนัก โดยการ อดอาหาร หรือ ลดอาหาร แต่เราไม่ได้เสริมสร้างกล้ามเนื้อ มันก็ผอมได้ครับ เพราะร่างกายมันขาด พลังงานที่ได้มันไม่พอ (Starvation mode) แต่ว่าถ้ากลับมาทานเยอะ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเมื่อไหร่ จะอ้วนเร็วมากๆ ในขณะที่ถ้า RMR ของเราถึงที่ระดับหนึ่ง แต่เราทานปริมาณที่เราอิ่ม เราจะอิ่มเพราะระดับน้ำตาลเพียงพอแล้ว content ก็เท่าๆที่เราทานอยู่ทุกวัน แต่กล้ามเนื้อเรามันไม่อิ่มเนี่ยสิครับ เลยเป็นการสร้างภาวะเหมือนพลังงานขาด คล้ายๆกับการอดอาหาร โดยไม่ต้องอดนั่นเอง แสนจะสะดวกสบาย ทานเท่าเดิม ก็ผอมลงได้ ไม่ต้องอด แถมสุขภาพดีกว่า กลับมาอ้วนใหม่ยากกว่าด้วย เรียกว่าหุ่นดีแบบคงทนกว่าผอมแบบอดอาหารครับ ^ ^ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 09:14:35

ความคิดเห็นที่ 13 ยิ่งกล้ามเนื้อส่วนไหนพัฒนามาก ยิ่งต้องการใช้พลังงานมาก ไขมันบริเวณนั้นยิ่งถูกดึงมามากขึ้นครับ อยากให้ส่วนไหนเล็กลง ยิ่งควรพัฒนากล้ามเนื้อส่วนนั้นครับ เพราะเมื่อกล้ามเนื้อพัฒนาแล้ว ไม่ช้า ไขมันแถวนั้นก็จะค่อยๆลดลงครับ ตามที่ผมเคยอ่านๆมา ไขมันไม่อาจลดเฉพาะจุดได้นะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : saruntoon เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 10:11:21

ความคิดเห็นที่ 14 คอนเฟริมว่าทำมาแล้วครับ ทดลองโดยการเล่นกล้ามเนื้อ ทั่วร่างกาย 3 วันต่อ อาทิตย์ ครั้งละ1-2ชั่วโมง  (แต่ก็มีคาดิโอ้บ้างเกือบทุกวัน) การเผาผลาญดีขึ้นมากครับ  เพราะพึ่งรู้เคล๊ดลับนี้ได้ ไม่นาน เพราะผม เคยลดความอ้วนด้วยวิธีโยโย่ (อดอาหาร) และปัญหาคือผมต้องหาวิธีกำราบโยโย่เอฟเฟ็ก....ผลลัพธ์ก็คือ การสร้างกล้ามเนื้อนี่แหล่ะ เพราะตอนอดอาหรไปนั้น ร่างกายนำโปรตีนไปใช้เยอะมาก  เพราะตัวเราอดอาหาร คราวนี้ ก่อนที่จะมาเล่นกล้ามอย่างจริงจัง   ผมก็กลัวว่าตัวจะใหญ่ขึ้น เพราะเป็นคนโครงสร้างใหญ่อยู่แล้ว แล้วก็ทำการศึกษามาเรื่อยๆ   แล้วก็ทำการเล่นเวทอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันหุ่นเฟริมขึ้นครับ ตัวก็ไม่ใหญ่ขึ้น แถมมีคนทักว่าผอมลงอีกตะหาก แถมการกินอาหารก็กินได้มากขึ้นโดย น้ำหนักไม่ขึ้นตามอีกต่างหาก ผมนำวิธีนี้ไปบอกพี่ๆน้องๆ แต่นเขาก็ไม่ค่อยสนใจอ่ะครับ-.-" มันอาจจะทำยาก เพราะเราต้องให้เวลาสม่ำเสมอกับการสร้างกล้ามเนื้อแบบนี้ ปล..  พวกนายแบบ ที่หุ่นเฟริมๆ กล้ามชัดๆ นี่อาหารเสริมเยอะจริงๆ-.-" แล้วพวกหุ่นแบบนักเพาะกายนี่ไม่ต้องพูดเลย ทำยากมากๆๆๆๆๆ จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 10:30:24

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ saruntoon สวัสดีครับ ^ ^ ไขมันในร่างกายเราลดลงแท้จริงแล้วด้วยกระบวนการแบบไหน ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เลยครับ เท่าที่ผมทราบมา ไขมันจะถูกเรียกใช้ เวลาเรา ขาด พลังงาน (กรณีการอดอาหาร) หรือเมื่อร่างกายต้องการพลังงานเพื่อออกกำลังแบบใช้ Oxygen (Aerobic activity) ซึ่งเงื่อนไขของแบบหลังนั้นเขียนไว้ในกระทู้ก่อนครับ ทีนี้ หนังสือหลายเล่มอยู่เท่าที่ได้อ่านมานะครับ เขาแนะนำว่า ส่วนไหนใช้พลังงานมาก ก็จะดึงไขมันบริเวณใกล้เคียง มาใช้ มากขึ้น ครับ เพราะมันอยู่ใกล้ มันเอามาได้เร็ว อย่างที่คุณ saruntoon ชี้แจงครับ ร่างกายเราถือเป็นหนึ่งเดียว จะลดไขมันเฉพาะส่วน โดยส่วนอื่นไม่ลดเลย ผมก็ไม่เคยได้ยินว่าเป็นไปได้ครับ แต่ว่า เท่าที่ทราบมา เรา เพิ่มอัตราการลดไขมัน เฉพาะส่วน ได้ด้วยวิธีนี้น่ะครับ เป็นต้นว่า ทั้งร่างกายเราลดไขมันลง 1% ในบริเวณที่ต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ อาจจะลดลง 1.5% อะไรทำนองนี้น่ะครับ อันนี้เอกสารอ้างอิงส่วนใหญ่ที่พบเป็นหนังสือเรื่องการออกกำลังกายต่างๆน่ะนะครับ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีการวัดชัดเจนทางสรีระวิทยาหรือไม่ครับ ทราบเพียงว่า ผลจากการรวบรวมในผู้ใช้วิธีดังกล่าวแล้ว ได้ผล (รวมถึงตัว จขกท เอง) น่ะครับ ^ ^ จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 10:35:20

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ red-racket สวัสดีครับ ^ ^ ผมก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันครับที่ลองวิธีต่างๆมาแล้ว ทั้งสูตรอาหารโภชนาการรสชาติห่วยแตก ไปจนอดอาหารหิวโซ จนกระทั่งผอมโกรก ผมมาเล่นกีฬาเอาหลังจากที่โดนทักว่าผอมเหมือนติดยาเนี่ยแหล่ะครับ แล้วจึงพบว่า หลังจากเฟิร์มในระดับหนึ่งแล้ว กลับมากินอย่างไม่มีสติ buffet เนื้อย่างมันๆ ค่อนข้างเปนกิจวัตร ก็ไม่อ้วนขึ้น เลยเริ่มสังเกตุ และตามที่เริ่มหัวกระทู้ไว้ครับ ไปๆมาๆ ผมเริ่มติด fitness เพราะรู้สึกดีเวลาได้ออกกำลังกาย (อันนี้เรื่องจริงนะครับ เค้าพิสูจน์กันมาว่าออกกำลัง คลายเครียด ได้จริง) ไปๆมาๆ พวกผมมานั่งคุยกันว่า พวกเราเนี่ย ต้องทานเยอะๆ ถึงจะตัวใหญ่เท่าเดิมได้ เพราะปัญหาที่เราพบกันคือ ถ้าทานตามปกติ กลับผอมลงๆ ซึ่งผมไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิต ปกติทานมากอ้วน ทานน้อยผอม แต่พอถึงตอนนี้ ทานปกติ ก็ผอมลง ต้องทานมากกว่าปกติ ถึงยังคงความล่ำไว้ได้ เลยลองค้นคว้าดู ได้ผลตามที่ชี้แจงไว้ในกระทู้นั่นล่ะครับ ป.ล. ผมเคยลองพวกอาหารเสร้มนั่นด้วยล่ะครับ ผลคือ... การเพิ่มฮอร์โมนเพศ ทำให้ผม... สิวขึ้น!! ...อย่างชัดเจนเลยครับ พอหยุดอาหารเสริม สิวก็หายไป... ผมเลยเลิกละ ขอหน้าใส ค่อยๆบึ้ก ดีกว่าบึ้กเร็วแต่หน้าสิว T__T จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 10:51:23

ความคิดเห็นที่ 17 ครับคุณใหม่ จริงๆเรื่องการลดไขมันเฉพาะส่วนนี้ผมก็งงกับเอกสารที่อ่านมาหลายตัวอยู่เหมือนกัน บางตัวก็บอกอย่างที่คุณใหม่กล่าวมา บางตัวก็บอกว่าถ้าจะลดไขมันส่วนไหนให้เหวทส่วนนั้นแล้วตามด้วยการออกกำลังที่เน้นการทำงานของหัวใจ(ที่เค้าเรียกๆกันว่าคาดิโอตามเวบเพาะกายหนะครับ)ประมาณ30นาทีทันที ไขมันส่วนนั้นก๊จะลด บางตัวก็บอกอย่างที่ผมกล่าวอ้างตอนแรก สุดท้ายก็คงยังหาข้อสรุปไม่ได้ ยังไงก็ขอบคุณคุณใหม่มากครับที่มีวิธีลดน้ำหนักดีๆมาฝากเพื่อนๆ  ^^ จากคุณ : saruntoon เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 10:57:26

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะ เราช่วงบนผอม แต่ขาใหญ่โตมากเลยค่ะ มัวแต่ขี้เกียจไม่ยอมออกกำลัง จะพยายามบริหารร่างกายมากขึ้นค่ะ จากคุณ : พีนัตบัทเตอร์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 11:21:29

ความคิดเห็นที่ 19 อยากให้แนะนำ ท่าออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ต้นขา แขน หน้าอก หน้าท้อง   ต้องใช้อุปกรณ์อะไรไหม  เล่นท่ายังไง  ทำท่าอย่างไร  กี่เซ็ท นะค่ะ จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:13:32

ความคิดเห็นที่ 20 ทั้งนี้ ผู้ที่มาอ่าน ต้องแยกให้ออกด้วยนะครับว่า "กินเยอะแต่ไม่อ้วน " ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า สวาปามแหลกทุกอย่างที่ขวางหน้า ในที่นี้มันหมายถึง อาหารประเภท "โปรตีน" นั่นเองครับ แต่ถึงคุณจะมีกล้ามเนื้อรอบตัวมาก แต่ยังไปกินพวก ของมันๆของหวาน อย่างไม่ควบคุม เป็นเวลาต่อเนื่องไปนานๆ ยังไงก็อ้วนครับ กินไม่ให้อ้วนต้องกินให้เป็น   ใน คหที่ผมเคยว่ามาที่ว่า กินเยอะขึ้น น้ำหนักก็ไม่ขึ้นในที่นี้หมายถึง การกินอาหารจำพวก โปรตีน (เนื้อสัตย์ ไม่ติดมัน  เช่น อกไก่ ไข่ขาว เนื้อสันใน ปลา)+ผัก +คาร์โบ (แป้ง) ส่วนพวก ไขมันกับ น้ำตาล นี่จะไม่กินเยอะครับ  (กินเยอะๆนี่อ้วนแน่นอน และ ยังไม่ดีต่อสุขภาพมาก) แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 13:27:59 จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:24:21

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากๆครับ เพิ่งเริ่มออกกำลังกายก็มาเจอ กท.คุณพอดี นับว่าเยี่ยมจริงๆ จากคุณ : clean no10 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 14:04:06

ความคิดเห็นที่ 22 ได้ความรู้ดีมาก ๆ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ~CaRaMelLoVer~ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:48:37

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ จากคุณ : rs (ruangt) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:27:27

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับบทความนี้ครับ แต่ แอบ งง นิดนึง ที่ว่าไม่ต้องทำอะไร แต่ จริงๆ ก็ต้องออกกำลังกาย ไม่งั้น กล้ามเนื้อจะมาได้ไง เน๊อะ .... มายกเวทกันเถอะ พี่น้อง ....... เชื่อโผมมมมมมม จากคุณ : วาซุตะคุง v( ^o^ )v เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:29:58

ความคิดเห็นที่ 25 ที่ว่าไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราจะเริ่มน้ำหนักลดจริงๆ หลังจากที่มีกล้ามแล้วครับ พอถึงจุดนั้น อยู่เฉยๆ ทานอะไรชิวๆ ไม่ต้องคิดมาก ก็ลดของมันเองครับ ผมถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาวนะ มันยากตอนสร้าง แต่ว่าไม่ยากที่จะให้กล้ามเนื้ออยู่คงที่แบบนั้น นานๆเล่นกี ถ้ายังคงมีเดินเหนไปนู่นมานี่ กล้ามไม่หดกันง่ายนักครับ ยกเว้นจะนั่งแช่เป็นเดือนๆจริงๆ อันนี้ไม่แน่ ^ ^''' แต่ผมว่านะ ออกกำลังได้จนถึงจุดนั้น จะติดใจครับ และจะอยากไป fitness เรื่อยๆเองล่ะ มันรู้สึกดีจริงๆ เวลาได้เหงื่อหน่อยๆ ทานอะไรก็อร่อย นอนก็หลับง่าย จากคุณ : คุณใหม่ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 16:48:17

ความคิดเห็นที่ 26 ผมคนนึงที่เคยโยโย่เอฟเฟกไปมา 3รอบได้.... ในการลดแต่ละครั้งผมจะลดโดยการอดอาหาร และก็ผอมอย่างรวดเร็ว แต่พอหลังจากผมลดความอ้วนได้ใยระดับที่น่าพอใจแล้ว .... ปัญหาที่ตามมาก็คือ การเผาผลาญนี่แหล่ะครับ  กินอะไรก็อ้วนง่าย เพราะไปอยู่ในวงจร โยโย่เอฟเฟกซะแล้ว (ร่างกายปรับเข้าสู่การเผาผลาญตอนที่อดอาหาร   การเผาผลาญต่ำมาก) ผมเลยอ้วนขึ้น +ผอมลงไปมาแบบนี้อยู่เรื่อยๆ และไม่รู้เลยว่ากล้ามเนื้อของตนเองนั้นสูญเสียไปมาก (ตอนหลังๆมาคิดอยู่ว่า ลดความอ้วนได้แล้ว ทำไมรูปร่างตนเป็นปลกๆ ไม่เหมือนตอนแรก  เพราะกล้ามเนื้อถูกนำไปใช้   นั่นเอง)  จึงเป็นเหตุผลที่ว่า  "ทำไมถึงสร้างกล้ามเนื้อ"  โดยไม่ต้องสงสัยเลย??? จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 09:59:20

ความคิดเห็นที่ 27 จขทก. โปรมากๆเลยค่ะ เราเป็นคนตัวเล็ก ผอม แต่มีพุง แต่ไม่ออกกำลังกายเลย ขี้เกียจ555 อยากซิทอัพเป็นประจำ แต่ทำได้แป็บๆก็เลิกแล้ว ไว้จะรออ่านกระทู้ให้กล้ามบึ้กนะคะ แฟนเราเคยเป็นคนมีกล้าม แต่เขาต้องเข้าผ่าตัดใหญ่ แล้วก็ต้องพักฟื้นที่บ้านนานหลายเดือน ออกกำลังกายไม่ได้และผอมลงด้วย กล้ามเนื้อเลยฟีบเหี่ยวค่ะ แฟนก็บ่นกับเรื่องนี้อยู่ หลังจากหายแล้วอยากมาอัพกล้ามใหม่ไวๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ จากคุณ : นู๋IT (itaresam) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 17:29:02