ความคิดเห็นที่ 1 อืม.. เคยแต่เป็นเจ้าของกิจการ แล้วเลิกกันเพราะงานเยอะมากและเดินทางบ่อย ใจเขา ใจเรา นะครับ ลองคิดในมุมมองเค้าดู แล้วคิดว่า ทำไมเค้าถึงพูดแบบนั้น แล้วก็ให้เค้าเห็นมุมคุณด้วย ว่าคุณไม่อยากใช้เงินเยอะ เมื่อก่อนผมก็คล้ายกับแฟนคุณนี่นะ แต่อยู่มาวันนึงคิดได้เองครับ แต่มาวันนึงก็คิดได้ว่า เอ เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม ก็ซื้อบ้านเช่าแทนได้เงินทุกเดือน ลองค่อยๆคุยกันนะครับ ถ้าเค้าคิดได้ว่า ที่เอาไปซื้อของก็มีแต่เสียเงิน และ มูลค่าก็ลดไปเรื่อยๆ อนาคตไม่แน่นอนนะครับ ประเทศไทยเรากำลังจะเป็น "สังคมผู้สูงอายุ" โดยที่เรามีประชากร 10% ที่สูงอายุ และในอีกไม่นานจะกลายเป็น 20% โดยมากประเทศที่มี indicator แบบนี้ มักจะพบปัญหาเศรษฐกิจถดถอย (ญี่ปุ่นไม่เกี่ยวเพราะเค้าส่งออกสินค้าเทคโนโลยี) ถ้ามัวแต่ฟุ่มเฟือย อีกหน่อยเวลา บริษัทต่างชาติ ย้ายฐานการผลิต (เพราะคนทำงานเราน้อยลง) ก็เตรียมตกงานกันอีกมาก แน่นอนว่าปัญหาคนตกงานตอนนี้ กลายเป็นเรื่องเล็กถ้าเทียบกับปัญหาตอนนั้น ลอง google ดูนะครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่เตรียมตัวให้พร้อม และไม่เก็บออม ถึงตอนนั้น ก็.... จากคุณ : Pitor (pitor) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 06:20:28

ความคิดเห็นที่ 2 ฮ่าๆ มันคุ้นๆไงก็ไม่รู้ แต่ทำธุรกิจอะไรที่ไม่ติดลบนี่ผมว่าไม่มีนะ แม้พื้นที่ไม่ได้เช่าแต่ก็ยังมีคชจ อยู่ดี จากคุณ : ขยะสังคม เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 06:43:20

ความคิดเห็นที่ 3   เราเข้าใจนะ แต่เราว่าดี จะได้หาโอกาสเริ่มต้นใหม่ อาจเจอใครใหม่ที่ดีกว่านี้ จากคุณ : หุ หุ หุ เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 08:22:16 A:124.121.97.42 X: TicketID:140846

ความคิดเห็นที่ 4   พอจำ...ได้ เอาเป็นว่าจะคิดคบต่อ หรือจะอยากเลิก จากคุณ : wat&pp เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 08:38:56

ความคิดเห็นที่ 5 ขอตอบแรงๆหน่อยนะคะ "จขกท. บ้าผู้ชาย" เห็นมาตั้งกระทู้ทีไรก็เหมือนจะพรรณณาถึงธุรกิจการงาน การเงินของตัวเองนะ แต่ถ้าอ่านดีๆมีแต่เรื่องผู้ชาย ผู้ชายที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเอง รวยอย่างโน้นอย่างนี้ เหมือนพยายามจะโชว์ว่ามีแฟนรวยนะเว้ย เลิกมองคนที่เปลือกนอก แล้วเลิกคิดอะไรที่มันยุ่งยากซับซ้อนซะที คิดอะไรที่มันเป็นบวกหน่อยก็ดี อย่าตีโพยตีพายบ้าบอคอแตกตลอดเวลา และในเมื่อมีเงินแล้ว มีธุรกิจและมั่นใจในธุรกิจของตัวเองแล้ว จะไปเสียดายเค้าทำไม ก็ในเมื่อไปกันไม่ได้ก็ไปกันไม่สิ จะมาอาลัยอาวรณ์ในสิ่งที่มันไม่ใช่ทำไม ป.ล. คุณเป็นคนทำชีวิตให้ยากรู้ตัวมั้ยคะ เพราะขนาดคุณเขียนกระทู้คุณยังเขียนเรื่องง่ายๆให้มันยากเลย แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 10:58:38 จากคุณ : KS_SK เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 09:03:36

ความคิดเห็นที่ 6 เราว่าเจ้าของกระทู้ขาดความภาคภูมิใจในตัวเองค่ะ แล้วมีความคิดเอาความสำเร็จชีวิตไปผูกไว้กับการมีแฟน การพรรณาความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตนั้น ถ้าอ่านดีๆแล้วมันไม่ได้มาจากความภาคภูมิใจของตัวเอง แต่มันเป็นกลไกทางจิตที่เกิดจากตัวเองนั่นแหละที่ไม่เคยภูมิใจในตัวเองจริงๆ ก็เลยต้องย้ำตรงนี้เพื่อให้มีปฏิกิริยาตอบกลับว่า ใช่นะ มันดีมันน่าภูมิใจ ก็จะรู้สึกดีขึ้นไปสักพัก พอความรู้สึกมันดร๊อปก็จะทำแบบเดิมอีก ถ้าตัวเราเองมีความภาคภูมิใจในตัวเองแล้วไม่ต้องหาคนยืนยันค่ะ ต่อให้มีคนมายืนด่าเราก็ไม่สะเทือน ส่วนเรื่องผู้ชาย เราเห็นมาหลายแล้ว คนที่คิดเอาความสำเร็จในชิวิตไปผูกกับการมีแฟนหรือมีครอบครัว ส่วนใหญ่จะล้มเหลว เพราะอีกฝ่ายรับไม่ไหว ทุกอย่างจะถูกกระหน่ำไปโดยที่คนทำก็ไม่รู้ตัว แต่อีกฝ่ายจะเกิดความเบื่อหน่ายและรำคาญ   ต้องกับมาเปลี่ยนมุมมองของตัวเองใหม่ หัดรู้จักมองเห็นความสำเร็จที่เกิดจากตัวเองจริงๆ ภาคภูมิใจในตัวเองจริงๆ สิ่งพวกนี้จะเป็นแรงต้านไม่ให้คบใครแล้วพุ่งเข้าใส่เขาทั้งชีวิต ไม่ไปคาดคั้น วางกรอบ ตั้งความหวังกับใครจนเขาทนไม่ได้ และสิ่งพวกนี้จะทำให้คุณมีความนับถือตนเอง แล้วไม่แน่ว่าถ้าคุณไปถึงจุดนั้นได้ คุณอาจเปลี่่ยนความคิดที่ว่าชีวิตคุณต้องการคู่ชีวิต หรือเหลือแค่มีก็ดีไม่มีก็ได้ ความสุขใจชีวิตคนไม่ได้เกิดได้แค่สองเรื่องที่คุณหมกมุ่น ถ้ารู้จักตัวเอง เข้าใจตัวเอง ภาคภูมิใจในตัวเอง คุณจะหาความสุขในชีวิตได้ทุกวันไม่ว่าวันนั้นคุณกำลังประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวอยู่ก็ตาม แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 12:58:25 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 53 11:15:48 จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 11:14:21

ความคิดเห็นที่ 7   อ่านกระทู้ของ จขกท มานาน ความรู้สึกเหมือน ความคิดเห็นที่ 6 แต่ก็เข้ามาเขียนมาเล่าเถอะ ยินดีรับฟังเสมอ หวังว่าความเห็นข้างต้นคงพอให้ จขกท ฉุกใจคิดอะไรได้บ้าง ทุกข์สุขอยู่ที่ความคิดของเรา อย่ายึดมั่นถือมันมาก อะไร ๆ ก็ไม่เที่ยง เป็นสิ่งที่เราระลึกไว้ในใจเสมอค่ะ จากคุณ : เพวา เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 11:42:26 A:124.120.7.172 X: TicketID:106984

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยแต่มีแฟนตอนลาออกจากมนุษย์เงินเดือน ช่วงแรกถือเป็นการพักผ่อนหลังจากตรากตรำทำงานมานาน พอมีแฟนก็พากันไปเที่ยว ไปกิน เจอกันค่อนข้างบ่อย ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะมีเงินเก็บพอสมควร ใช้ชีวิตสบายๆ งานก็ไม่ต้องทำ โคตะระมีความสุข รู้ตอนนั้นเองว่าลูกเศรษฐีมีความสุขยังไง แต่พอเงินเริ่มพร่อง มันก็ต้องหาเงิน แต่ก็มีแผนแต่แรกแล้วว่าจะทำอะไร พอถึงตอนนั้นแหละครับ ที่เริ่มไม่มีเวลาให้แฟน แล้วมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนในระหว่างที่เราต้องพัฒนาโปรดักษ์ในขณะที่ยังไม่ได้เริ่มขาย ผมใช้เวลาช่วงนั้น 1 ปี เต็มๆ อยู่ในถ้ำ ใช้ชีวิตดุจดั่งเอี้ยกล้วย ตอน ฝึกวิทยายุทธกับเฒ่าคางคกก็มิปาน ช่วงนั้นแหละครับ ที่แฟนหนี ใช้คำว่าหนีคงไม่ได้มั้ง ใช้คำว่าแฟนขอตัวดีกว่า แต่ไม่เป็นไรครับ เข้าใจสถานการ์ณดี พอถึงตอนนี้เริ่มมีรายได้เข้ามาจากการขายโปรดักษ์ แต่นิสัยบ้างานมันติดตัวไปแล้ว กินอยู่ง่ายๆ รีบกินจะได้รีบไปทำงาน เสื้อผ้าใหม่ๆ ไม่ได้ซื้อเพราะไม่จำเป็น เที่ยวก็ไม่เที่ยว (เพราะไม่มีแฟน) แต่ก็ดีเหมือนกันครับ รู้สึกร่างกายได้รับสารเอนดอร์ฟินทุกครั้งที่มีออร์เดอร์เข้า ก็มีความสุขอีกแบบ คือมีความสุขจากความสำเร็จ ตอนนี้เจอใครก็ทักว่า หน้าตาแจ่มใสขึ้น ก็เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากตอนมีแฟน แต่ก็ยังมีความหวังที่จะมีแฟนอยู่นะครับ มันจะได้มาเติมเต็มชีวิตซะที แต่ยังไงแฟนก็ต้องยอมรับวิถีชีวิตแบบนี้ของเราได้ด้วย จะเปลี่ยนชีวิตให้เป็นแบบเก่าคงไม่ได้ซะแล้ว ทำไมเหรอครับ? มันก็จะวนลูปเดิมน่ะสิครับ คือใช้ชีวิตสบายๆ พอเงินไม่พอใช้ก็ต้องมาโหมทำงาน แล้วแฟนก็ทิ้ง มันก็จะเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป ผมเข้าใจว่า จขกท กำลังก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต แต่จะต้องเป็นการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบใหม่ของคุณด้วย เราไม่ผิดหรอกครับที่แฟนเดินจากไปตอนเป็นเจ้าของกิจการ เพราะถ้าเค้า ไม่สามารถปรับตัวไปกับเราได้ เราก็ต้องปล่อยเค้าไป แต่ถ้าจะให้เราปรับตัว กลับไป ณ จุดเดิม ก็ไม่ได้อีก เรามาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องก้าวต่อไปครับ ยาวหน่อยนะครับ ไหลมาจากใจเลย จากคุณ : LamoonMan เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 13:43:11

ความคิดเห็นที่ 9   เห็นด้วยกับ# 6 อย่างแรง ทีว่า เจ้าของกระทู้ขาดความภาคภูมิใจเองแล้วมีความคิดเอาความสำเร็จชีวิตไปผูกไว้กับการมีแฟน ไม่ว่าจะอ่านที่สวนลุม หรือที่ไกลบ้าน กระทู้จะมีเนื้อหาแนวนี้ วนเวียนอยู่ เป็นรอบๆ ( จำตัวละครที่เปลี่ยนมาเปลี่ยนไปไม่ได้ แต่เนื้อหาวนเวียนซ้ำรอย) ลองมีความสุขกับสิ่งที่มีก่อนนะคะ อย่าไปคาดคั้นกับชีวิตให้มันมากไป บางอย่างวิ่งไล่ไปก็ไม่มีประโยชน์นะ จากคุณ : meowtogether เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 20:41:37

ความคิดเห็นที่ 10   เรื่องของคุณเจ้าของกระทู้ มันต่างกับตำนาน ไอ้หนุ่มที่ไม่มีรถเก๋งขับแล้วแฟนทิ้งตรงไหน มันเรื่องเดียวกันชัดๆ ทั้งอดีต จนปัจจุบัน เกิดขึ้นรายวันด้วยซ้ำไป คุณวิเศษมาจากไหน ถึงห้ามตกอยู่ในฐานะ กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็โดนกันเป็นร้อยเป็นพัน ถามว่าไอ้หนุ่มพวกนั้นทำยังไง ก็ก่นด่าผู้หญิงงก เห็นแก่เงิน รักสบาย เบาะมอเตอร์ไซด์มันแข็ง มันร้อน มันจะสู้เบาะเก๋งนิ่มๆ แอร์เย็นฉ่ำได้ยังไง แต่ทำไรได้ ทำอะไรไม่ได้ครับ ไอ้หนุ่มมันยังคิดได้ว่าเออ เพราะมันไม่มีในสิ่งที่เขาต้องการ เขาถึงไป ต่างกับคุณ คิดอยู่นั้นแหละ คิดให้ตายก็ไม่ได้คำตอบ ก็ในเมื่อสิ่งที่คุณพยายามจะบอกว่าชั้นมีๆ อย่างนู้นอย่างนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาตอ้งการ มีแล้วไง ถ้าเขาไม่อยากได้ ถ้าสาวอยากได้รถเก๋ง แต่ไอ้หนุ่มมันพยายามตะบี้ตะบันบอกว่า ถึงฉันไม่มีรถเก๋ง แต่ฉันมีควายนะ ฉันเลี้ยงควายเก่งที่สุดในทุ่งแล้วนะ ทำไมเธอไม่เอา คุณว่ามันถูกไหมล่ะ สุดท้ายก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปตามวิถีของตัวเองต่อไป ทิ้งไว้แต่ตำนานกระเป๋าแบนแฟนทิ้งให้เล่าสู่กันฟัง แค่นั้นเอง จากคุณ : CEO บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 21:30:36 A:124.122.146.62 X: TicketID:205484

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ผิดค่ะที่จะชอบเก็บเงิน และใช้จ่ายต่ำกว่าฐานะจริง ถ้ามันคือความสุขของคุณจริงๆ คุณkuddle ค่ะ คุณมีเอกลักษณ์การเขียนที่เป็นของตัวคุณเองคืออ่านแล้วรู้เลยว่ามันคือคุณ เราว่าคุณเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง แต่จากที่เราได้อ่านกระทู้คุณมา คุณเป็นคนที่คิดมาก และก็คิดวนเวียนเรื่องเดิมๆซ้ำๆ เราอยากจะบอกคุณว่าอะไรที่มันหนักเกินไปก็วางมันลงซะบ้าง เราว่าคุณแบกมันไว้ไม่ยอมปล่อยอะไรลงเลย มันเลยทำให้ชีวิตคุณมันดูเคร่งเครียดไปหมด อย่าคิดมากเกินไปนะคะ เพราะบางทีเรื่องอะไรที่มันง่ายๆก็อย่าคิดให้มันเป็นเรื่องยาก เราว่าคุณปล่อยวางปลงๆบ้าง แล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้น ด้วยความหวังดี เป็นกำลังใจให้ด้วยความจริงใจ จากคุณ : นี่ๆ ขอกอดหน่อยดิ่ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 53 05:26:05

ความคิดเห็นที่ 12 เฮ้อ ใช่เค้าทำให้เราเสียความมั่นใจ ในการรัน หรือ ออกตลาด วาจาร้ายกาจ ปากปีจอ ทัศนคติ รสนิยม การใช้เงินมือเติบ บ้าแบรนด์เนมแต่ไม่มีบ้านอยู่ ต้องเช่าคอนโด โอ๊ย เราอยากลาออก... 5 ปี เรารอเค้านานพอแล้ว เลื่อนเวลา ถ่วงชีวิตเราไว้ ไม่ได้เปิดใจให้คนอื่น หลังจากนี้ เราจะคิดใหม่ ทำใหม่ . . . เพราะที่ผ่านมา ตอนลำบากก็ยืนบนขาตัวเองมาตลอด เค้าไม่เคยมาช่วย เราไม่เคยรับเงินเค้า เราก็จำทำกิจการเล็กๆของเราต่อไป . . .รอช่วงน้ำบ่าFeb15 จากคุณ : kuddle เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 00:57:36

ความคิดเห็นที่ 13   ถ้าแต่งงานกันแล้ว  ความสัมพันธ์ มาเป็นอันดับหนึ่งเหนือเงินตรา แต่ถ้ายังไม่แต่ง   บอกได้เลยว่า  ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ค่ะ จากคุณ : Mont (Montparnasse) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 23:11:25

ความคิดเห็นที่ 14   ชอบครับ ยินดีกับเจ้าสัวคนใหม่ครับ คุณบรรลุจิตเจ้าสัวแล้วครับ จากคุณ : เตรียมเจ้าสัว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 01:05:06 A:125.25.106.145 X: TicketID:212438

ความคิดเห็นที่ 15   kuddle คิดว่าการประสบความสำเร็จในชีวิต คือการได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นสามีหรอค่ะ เห็นเขียนถึงผู้ชายคนนี้มาหลายครั้งมาก อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากค่ะ จากคุณ : Handle Carefully เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 10:36:00