ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงนี้ประเด็นแพทย์ร้อนแรงจริงๆ จากคุณ : minnymin เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 14:56:41

ความคิดเห็นที่ 2 ขออนุญาตไม่ comment แต่ให้ give คุณ son7 แทน ค่ะ จากคุณ : ดญ.อ้วน เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:22:29

ความคิดเห็นที่ 3 แพทย์สภาออกมาบ่นน้อยใจ ว่ามีการฟ้องร้องกันเยอะจนแพทย์จะลาออกกันหมดอยู่แล้ว  <<<  ก็ถ้าหากว่าแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด  ไม่ชุ่ย ไม่ประมาท ไม่เห็นแก่เงิน ฯลฯ จนทำให้คนไข้เสียหาย และเกิดการสูญเสีย จะโดนฟ้องร้องไม๊ละคะ เก่งอยู่แค่ออกมาบ่นเท่านั้นหรือ ? แทนที่จะมานั่งบ่น ไปนั่งอบรมแพทย์รุ่นใหม่ ๆ ให้มีจรรยาบรรณกันเยอะ ๆ จะดีกว่าไม๊คะ พวกหมอแค่โดนฟ้องร้อง...ที่ฝ่ายที่ฟ้องร้องเขาสูญเสียนะคะ สูญเสียอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะชีวิตของคนที่เขารัก พวกหมอไม่เจ็บ ไม่ปวด เพราะว่านั่นไม่ใช่คนที่หมอรัก บางคนเพราะความชุ่ยของแพทย์เขาต้อง "เสียชีวิต" ไป บางคนก็ "พิการทั้งชีวิต" พร้อม ๆ กับที่คนรอบข้างมีภาระทั้งชีวิตเหมือนกัน ส่วนตัวเคยป่วยแล้วไปรักษากับหมอที่ขณะตรวจคนไข้นั่งอ่านการ์ตูน(ขายหัวเราะ) ไปด้วย ปากก็ถามอาการ มือก็ถือหนังสือการ์ตูน มันน่าให้ความเคารพมาก กับที่เจ็บปวดที่สุดที่เดี๊ยนและครอบครัวเจอมาก็คือ คุณแม่เป็นเนื้องอกในมดลูก จะไปผ่าตัด แต่หมอไม่ยอมผ่าให้โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลอะไรเลย  รักษามาเกือบปีถึงได้หลุดปากออกมาว่าที่ไม่ผ่าตัดให้เพราะว่า ผ่าตัดไปก็ไม่หาย เพราะคุณแม่เดี๊ยนเป็นเอดส์ระยะสุดท้าย... ทั้งครอบครัวอกสั่นขวัญหาย ตกใจกันมาก แต่ทุกคนคิดเหมือนกันว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง  เดี๊ยนต้องลางานด่วน กลับไปบ้านและพาแม่ไปเช็คเลือด (ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแม่ แต่จะหาผลตรวจเพื่อคัดค้านการวินิจฉัยของหมอที่ รพ.เดิม) ปรากฎว่า แม่ไม่ได้เป็นเอดส์ และไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไร มีเพียงเนื้องอกในมดลูกเท่านั้น  ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบปีนั้น โรงพยาบาลเอาประวัติของคนไข้คนอื่นมาสลับกับประวัติการรักษาของแม่... ซึ่งพอรู้ว่าประวัติสลับ ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล ก็เฉย ๆ ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย แค่คำว่า "ขอโทษ" สักคำ ก็ไม่มีออกมาจากปาก นี่ถ้าหากว่าแม่เดี๊ยนเป็นโรคอะไรที่ระยะเวลามันมีผลต่ออาการของโรค(เ่ช่นมะเร็ง) แม่คงไม่มีชีวิตรอดแล้วละมั้ง  เพราะระยะเวลาเกือบปีที่รักษาด้วยประวัติคนอื่น มันคงทำให้อาการทรุดหนักลงไปกว่าเก่ามาก ก่อนที่จะมาตัดพ้ออะไร คนเป็นหมอ กรุณาคิดก่อนว่า ทำไม เขาถึงต้องฟ้องร้องเรา  หาเหตุผลซะก่อนที่จะบอกว่า "ฉันไม่ผิด" ส่วนคุณหมอที่ดี ๆ รักษาคนไข้ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เดี๊ียนขอยกย่อง และคิดว่า คุณหมอดี ๆ น่ารัก ๆ มีอยู่เยอะค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องกังวล เดี๊ยนขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอที่ปฏิบัติหน้าที่เต็มที่ทุกท่านด้วยค่ะ จากคุณ : isiss12 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:45:02

ความคิดเห็นที่ 4 ขอตอบในแง่ที่ตัวเองศึกษากม.มาบ้างนะคะ 1. ตามกม. แล้วผิดอาญาต้องให้ผู้เสียหายเป็นผู้พิสูจน์ค่ะไม่ว่าจะสาขาอาชีพไหน ถ้าคุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาผิด เขาก็ยังไม่ถือว่าผิดค่ะ ในกรณีวิศวะกรที่คุณพูดถึงเขาก็โดนแค่หมายจับยังไม่ได้ถือเป็นนักโทษคนๆนั้นก็สามารถประกันตัวได้ และสู้คดีได้เช่นเดียวกัน (หลักฐานที่นักวิศวะคนนั้นเอามายืนยันว่าตัวเองทำโดยใช้ความระมัดระวังในวิชาชีพแล้วก็อาจได้มาจากสภาวิศวกร ถ้าสภาวิศวะกรหรือผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าออกแบบถูกแล้ว วิศวะกรผู้นั้นก็กลายเป็นผู้ชนะคดีเช่นกัน)  ฉันใดก็ฉันนั้นวิชาชีพแพทย์ก็เช่นเดียวกัน   2. ประเด็นการพิสูจน์ความจริง คุณสามารถเอาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในศาลได้ค่ะ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก็คือแพทย์และคนในสภาวิชาชีพ การที่คุณบอกว่าอาจ import แพทย์มาจากเมืองนอก สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือคุณต้องเสียเงินจ้างผู้ทรงคุณวุฒิมาจากเมืองนอกในราคาแพงมากๆๆๆ + กับศาลไทยไม่ยอมรับพยานที่ไม่ใช่ภาษาไทย คุณจะต้องจ้างล่ามที่เก่งๆมาช่วยแปล (ซึ่่งล่ามที่จะแปลศัพท์เทคนิคของหมอได้ ก็ต้องมีความรู้เรื่องแพทย์) พิสูจน์ หรือจ้างคนกลางจริงๆๆ คำว่าคนกลางจริงๆอยู่ตรงไหน ในสายตาจำเลย ถ้าคนกลางพูดเป็นประโยชน์ต่อโจทก์ จำเลยก็จะว่าคนกลางลำเอียง ในขณะที่โจทก์บอกว่าคนนี้พูดถูกพูดเป็นธรรม ในทางตรงข้าม ถ้าคนกลางพูดเป็นโทษต่อโจทก์ จำเลยก็จะว่าคนกลางพูดถูกพูดเป็นธรรม ในขณะที่โจทก์บอกว่าคนนี้ลำเอียง  แต่ละคนมักมีมุมมองของตัวเองและมักคิดว่าตนถูกอยู่เสมอ 3. การที่ต่างประเทศมีการฟ้องร้องแพทย์กันเยอะมาก นั่นทำให้ค่ารักษาคุณแพงขึ้นไปเท่าตัวด้วยค่ะ เพราะในตปท.แพทย์ต้องทำประกันเผื่อถูกฟ้อง ซึ่งค่าเบี้ยประกันที่แพทย์จ่ายก็แพงแสนแพง แพทย์ก็นำกลับมา charge คนไข้ ดังนั้นต่อไปถ้าในเมืองไทยมีการฟ้องร้องแพทย์กันเยอะขึ้น แพทย์กลัวโดนฟ้อง คนไทยก็เตรียมตัวรับระบบค่าธรรมเนียมในการแพทย์ที่แพงขึ้นได้เลยค่ะ   แต่สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกทุกสาขาอาชีพก็มีคนดีคนเลวปนกันไป ไม่ว่าจะอาชีพไหน ดังนั้นถ้าเจอไม่ดีก็เปลี่ยนหมอ ถ้าเจอหมอดีๆๆก็ขอให้ชื่นชมกันต่อไป หลายๆเรื่องที่แพทย์เจอมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆๆ จากคุณ : หมวยตาหยี เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 17:18:32

ความคิดเห็นที่ 5 เหรียญมีสองด้าน ทุกๆอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน  ควรแยกแยะ อย่าเหมารวมครับ ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ผิดก็ว่ากันไปตามผิดครับ ประนามคนเลว แล้วอย่าลืมเชิดชูคนดีด้วยครับ สังคมไทย จะได้น่าอยู่ครับ จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 19:20:51

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าพิสูจน์แล้วหมอไม่ผิด  ให้หมอฟ้องกลับไหมครับ    แต่ก็ไม่มีหมอฟ้องกลับกัน  หมอก็เลยโดนต่อยฝ่ายเดียว ผิดถูกไม่รู้ ฟ้องไว้ก่อน  อีกหน่อยทุกคนก็จะตั้งการ์ดบังกันและกัน หมอก้จะเรียกเก็บแพงๆ ไม่มีตังค์ก็ช่วยไม่ได้ คนไข้ก็เอาแต่จ้องจับผิด  ประชาชนต้องการสังคมแบบนี้เหรอครับ จากคุณ : พี่ไก่ (kai golf) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 20:10:19

ความคิดเห็นที่ 7 1.เพราะไม่ได้ผิดจริงๆไงครับ ไอ้เรื่องลูกที่ตายในท้องก็เหมือนกัน หมออ่านข่าว หมอยังรู้เลยว่าภาวะที่คนไข้เป็นคืออะไร และยาที่หมอให้คืออะไร และยานั้นไม่ได้มีผลทำให้เด็กตายแน่นอน 99.99% แล้วจะเอาอะไรกับหมออีกเหรอครับ จะบอกว่าลูกตาย มาหาหมอแล้ว หมอต้องรับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเหอะครับ ขนาดในการวิจัยทางการแพทย์ เขายังไม่คาดหวังเลยว่าการรักษใดๆที่ออกมาจะปลอดภัย 100% เสมอไป ในทางการแพทย์เขายอมรับผลการทดลองที่ถูกต้องอยู่ที่ 95% นั่นหมายความว่า รักษา 100 คน 95 คนไม่มีผลข้างเคียง 5 คนจะมีผลข้างเคียง ขนาดฝรั่งวิจัยกันมาตั้งนานยังเอาได้แค่นี้เลยครับ มันไม่มีอะไร 100% หรอก แล้วคดีส่วนมากน่ะ หมอไม่ได้ทำผิดมาตรฐาน แต่ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าหมอไม่ได้ผิด และคาดหวังสูงเกินไป คนเราตายง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะครับ 2.ไม่อยากเชื่อแพทยสภาก็ไม่มีปัญหาครับ หาพยามเองสิครับ จะเอาใครก็เอามา แต่ถ้าให้ฟ้องร้องกันจริงๆ เอาพยานเป็นหมอหัวหมอมา คราวนี้เรื่องยาวได้เอาตำรามาฟาดกันล่ะครับ แล้วศาลจะไปรู้เรื่องอะไรล่ะครับ แล้วอีกอย่าง ตำราที่ถือว่าเป็น Standard Textbook ทางการแพทย์มีหลายเล่ม และแต่ละเล่มไม่ได้เขียนเหมือนกัน อย่างเช่น ในโรคนี้ ตำรา A ให้ใช้ยา ก ตำรา B ให้ใช้ยา ข แพทย์จะให้ยาใหนก็ไม่ผิดครับ 3.แน่จริงให้หมอฟ้องกลับมั้ยล่ะครับ ผมท้าแค่นี้แหละ แล้วก็ให้หมอมีการเก็บเงินค่าบริการเผื่อโดนฟ้องด้วย และก็ให้มีการควบคุมมาตรฐาน ห้ามแพทย์ทำงานติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมง ตรวจคนไข้แต่ละคนให้ใช้เวลาอย่างต่ำ 20 นาที ใครมาตรวจไม่ทัน ปล่อยตาย เอาอย่างนี้มั้ยล่ะครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 21:15:56

ความคิดเห็นที่ 8 ดิฉันช่วยโหวดเป็นกระทู้แนะนำให้นะคะ เพราะอยากให้คนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนทำความเข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนค่ะว่า  การฟ้องแพทย์นั้น  แพทย์จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าไม่ผิด  ถึงจะรอด....ไม่ใช่คนไข้พิสูจน์ว่าหมอผิด แต่หลายกรณีเป็นการฟ้องร้องเพราะความเข้าใจผิด ทั้งในเรื่องวิชาการและการสื่อสาร กรณีที่คลอดลูกแล้วเสียชีวิตที่รพใหญ่กลางกรุงนั้น ดิฉันไม่ได้ตามข่าวนะคะ แต่โอกาสที่แม่(ถึงแม้จะเป็นหญิงแกร่งแชมป์ไตรกรีฑา)คลอดลูกมาแล้วเสียชีวิตขณะคลอดหรืออีกไม่กี่วันต่อมานั้นมีค่ะ...ระหว่างท้องแก่มากใกล้คลอดหรือช่วงทำคลอด  เป็นช่วงที่เลือดลูกและเลือดแม่มีโอกาสปะปนกัน....   และบางทีพวกเศษรก น้ำครำ่ ขี้ไคร ของเสียของลูก ก็เข้าไปในกระแสเลือดได้...โดยที่ไม่มีสัญญาณบอกกล่าวใดๆ ไม่รู้ว่าจะเกิดกับใคร....ทีนี้มันสามารถเข้าไปอุดเส้นเลือดแม่ได้ค่ะ....ถ้าเป็นเส้นที่สำคํญ  เช่นของปอด.....แม่ก็จะยังดีหลังคลอด  พูดคุยกับญาติได้ปรกติ...และไม่กี่ชมหลังจากนั้นก็จะมีอาการ ทรุดหนักอย่างรวดเร็ว......ถึงแม้ช่วยชีวิตก็มีโอกาสรอดไม่มากนัก  ..... นั่นเป็นสิ่งที่หมอสูติกลัวกันมาก   เพราะแทบจะคาดการหรือควบคุมอะไรไม่ได้เลย.....แลัเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หมอสูติ(ทำคลอด)เป็นสาขาที่ถูกฟ้องมากที่สุด หรือเรื่องวิศวะกรที่โดนหมายจับหลังจากตึกถล่ม ถ้าดิฉันเข้าใจไม่ผิด   คิดว่ากว่าจะสร้างตึกหนึ่งหลังได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร....ไม่ใช200-300ตึกต่อวันนะคะ เพราะฉะนั้นเวลาที่มีมากขึ้นก็น่าจะหมายถึงความถูกต้องต้องเพิ่ม....หรือการสร้างตึกนั้นไม่น่าจะมีปัจจัยแทรกซ้อนที่ผกผันบ่อยๆนัก   อย่างไรก็ตามดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะว่าการทำงานของวิศวกรแต่อย่างได.... เพราะทราบดีว่าของที่ไม่ใช่ของเรา  อาชีพที่ไม่ใช่ของเรา  จะดูดี ง่าย สบายกว่าของเราตั้งเยอะ พอไปทำจริงถึงจะรู้ได้ว่าบางทีมันอยาก เยอะ หนัก เหนื่อย เกินกว่าคนนอกที่ไม่เคยลองด้วยตัวเองจะจินตนาการได้จริงๆ (เพราะขนาดคุณพ่อคุณแม่ดิฉัน(ที่อยู่ไกล) ยังไม่เชื่อว่าดิฉันทำงานักขนาดนี้) จากคุณ : แม่หญิงลลิลลา เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 21:37:30

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยมากๆ กับประโยคที่ว่า ห้ามให้หมอทำงานติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมง และ ต้องตรวจคนไข้เกิน 20 นาทีค่ะ จากคุณ : Pink Apple Green เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 00:18:22

ความคิดเห็นที่ 10 สิทธิ คือ สิ่งที่คุณควรเรียกร้องตามความเหมาะสม ไม่เบียดเบียน หน้าที่ คือ สิ่งที่คุณต้องทำ การเรียกร้องสิทธิ มากๆ โดยไม่รู้จัก หน้าที่ ทำให้ สังคมเสียสมดุลยภาพ ระบบสาธารณสุขไทย อยู่อย่างไทย ไปลามาไหว้ ยิ้มแย้มให้กัน ระบบสาธรรณสุขตะวันตก อยู่อย่างหวาดระแวง ป้องกันตัว ทำให้เกิด ระบบประกันขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาลแพงมหาศาล ซึ่งไม่เหมาะ กับ วิถีไทย แพทย์ไทยต้องทำงานมาก เพราะ ระบบ ยังไม่ดี ไม่เอื้ออำนวย ทุกอย่าง ต้องทำ อาชีพนี้พลาดไม่ได้ เพราะทำงานกับคน สังคมคาดหวังมาก เพราะสังคมเข้าใจอะไรผิดๆ มากๆๆๆๆๆๆ ยังมีอีกมากๆ ครับ แต่ไม่บ่นแล้วครับ ปัจจุบัน สื่อ ทำให้ วิถีไทย เสียไปครับ จากคุณ : อรุณรุ่งที่ต่างแดน เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 05:01:59

ความคิดเห็นที่ 11 การฟังข่าวอย่างเดียวอาจได้ข้อมูลไม่ครบนะครับ แพทย์ส่วนใหญ่ในระบบราชการมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกฟ้องร้องซึ่งส่วนมากแพทย์ทำการรักษาอย่างดีที่สุดแต่ผลการรักษาอาจไม่เป็นไปตามที่ผู้ป่วยและญาติต้องการ นำมาซึ่งการฟ้องร้องในที่สุด แพทย์สภาจึงจำเป็นต้องเข้ามาดูแลและอาจช่วยเหลือในบางกรณี ขอยกตัวอย่างภรรยาผมที่เพิ่งมีเรื่องฟ้องร้องไปเมื่อเดือนที่แล้วนะครับ มีคนไข้มาคลอดบุตรที่รพ.ภรรยาผมเป็นหมอเด็ก ตรวจร่างกายทารกปกติดี ได้รับวัคซีนตามปกติ อยู่รพ.2วันทารกแข็งแรงดี ช่วงบ่ายวันที่3พ่อเด็กไปทำงานให้มารดาอยู่กับลูกคุณแม่เผลอหลับขณะให้นมบุตร ตื่นมาพบว่าลูกไม่หายใจ!!!! ภรรยาผมถูกตามมาCPRแต่เด็กเสียชีวิต ถ้าเป็นแพทย์ฟังคงรู้ว่าทารกเสียชีวิตจากอะไร แต่ภรรยาผมไม่ได้บอกกับพ่อเด็กว่าคุณแม่ขณะหลับนมคุณแม่ได้ไปกดจนเด็กไม่สามารถหายใจได้ ซึ่งก็ด้วยคำนึงถึงสภาพจิตใจของมารดาเอง และให้ส่งศพไปชัณสูตร ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่ภรรยาผมกลับถูกฟ้องร้องจากบิดาผู้ป่วย ว่าที่ลูกตายต้องมาจากแพ้วัคซีนที่ฉีดไปแน่ๆ จากคุณ : Losatan เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 08:36:29

ความคิดเห็นที่ 12 ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณในน้ำใจคุณหมอหลายท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งตอบแบบให้เหตุผลบ้างใช้อารมณ์บ้างก็สุดแท้แต่บุคคลไป ในมุมมองของคุณหมวยตาหยีนั้นเป็นขั้นอยู่ในชั้นศาล แต่ในมุมมองผมจะมองในแง่การพิสูจน์ขั้นต้น ในการดำเนินคดีนั้นจะต้องมีการพิสูจน์ก่อนนำสู่ชั้นศาล ซึ่งการพิจารณาในบ้านเรานั้นผมยังไม่เคยเห็นหน่วยงานกลางใดๆเลยที่เป็นกลางแล้วไม่มีการแทรกแซงจากห่วยงานที่มีอำนาจเหนือกว่า ผมเลยแค่นำเสนอถึงประเด็นที่2 แต่คิดว่ายากที่จะเกิดในบ้านเราเพราะอะไรหรือ คิดว่าก็คงทราบๆกัน ทำไมไม่มีหน่วยงาน NGO ที่คิดจะทำเพราะอะไร (ถ้ามีผมต้องขอโทษด้วยครับเพราะไม่รู้)  แล้วเท่าที่ทราบก็มีกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบทางการแพทย์ออกมาตั้งกลุ่มก็เกิดเป็นความคิดเห็นแย้งกับแพทย์สภาอีก จนแพทย์สภาและแพทย์บางกลุ่มตั้งตัวเป็นปรปักษ์ (ท่าที่เคยฟังข่าวมา) ผมกลับมากว่ามันเป็นปัญหาของสังคมที่ทำไมไม่มีแพทย์ออกมาปกป้องดูแลก็น่าสงสารเขาเหมือนกันถ้าเราคิดในมุมกลับหรือท่านคิดว่าเขาทำตัวเขาเอง ส่วนกรณีที่ผมยกตัวอย่างวิศวกรถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับนั้นผมต้องการชี้ให้เห็นถึงการนำใช้กฏหมายที่ไม่เท่าเทียมกันทำไมเท่าที่ทราบผมยังไม่เคยเห็นแพทย์ออกหมายเรียกหรือหมายจับ (ถ้ามีกราบขออภัยเพราะผมไม่ทราบจริงๆ) เพราะอะไรหรือเพราะว่าทุกคนในสังคมนั้นให้เกียรติแพทย์ ไม่เคยมีหรอกที่ในแง่ของธุรกิจที่คนใช้บริการต้องไหว้คนให้บริการหรอกหรือต่อรองราคาในการรับบริการว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้นก็คงมีแต่ธุรกิจทางการแพทย์เท่านั้นเอง (ต้องขอโทษด้วยครับยกกรณีมาพูดเพราะผมการบอกว่าทุกคนในสังคมนั้นให้เกียรติแพทย์เท่านั้นเองไม่มีนัยสำคัญว่อนเร้นใดๆทั้งสิ้นด้วยความเคารพ) ส่วนกรณีที่บอกว่าถ้าต้องมีการฟ้องร้องกันอัตราค่าบริการทางการแพทย์ก็จะสูงขึ้น เหมือนในต่างประเทศ ผมอาจจะข้อแย้งคุณหมอนิดนึง เท่าที่ผมเคยใช้ชีวิตในต่างแดน อัตราค่าบริการทางการแพทย์ใน Hospital state นั้นไม่ได้แพงเลย ก็ไม่กี่สิบเหรียญ อาจเป็นเพราะรัฐสวัสดิการก็เป็นไปได้ แต่สำหรับ รพ.เอกชน ค่ารักษาในบ้านเราก็ไม่ใช่ว่าถูกยกตัวอย่าง ผมเคยใช้ รพ.เอกชน ย่านสุขุมวิทแห่งหนึ่ง แค่จ่าย para กับ amoxi ก็จ่ายค่าบริการเก็บ 2,000 แต่ผมก็เต็มใจที่จะให้เพราะเราอย่างได้บริการที่ดี การที่บอกว่าค่าบริการทางการแพทย์ในต่างแดนสูงกว่าผมว่าต้องมองที่ รายได้เฉลี่ยของประชากรน่าจะมีเหตุผลมากกว่า ถ้าเราคิดจะไปเปรียบเทียบกับเขา เอาหรือเปล่าค่าปรึกษาเรื่องงานวิศวกรรมคิดอัตราชม.ละ 100 เหรียญ ข้าวจานแกงราคาถูกที่สุดที่เคยกินละ 6 เหรียญ  ซึ่งผมไม่เห็นด้วยอย่างมากเพราะรายได้เฉลี่ยของประชากรบ้านเราไม่เหมือนเขา แม้นแต่การที่รัฐออกมาแจงเรื่องราคาน้ำมันว่าเมืองนอกเขาก็เราค่าอย่างงี้เหมือนอย่าบ่นเลย ผมกลับมองว่ารัฐลืมไปหรือเปล่าว่ารายได้เฉลี่ยของประชากรบ้านเราไม่เหมือนเขา ส่วนเรื่องแพทย์ทำงานหนักผมเห็นใจและผมเข้าใจ แต่อย่าลืมว่าแพทย์ก็ได้ค่าจ้างมากกว่าใครไหนจะเงินพิเศษกรณีไม่ทำเอกชน เพราะเขาต้องการชดเชยรายได้ให้แพทย์ได้พักผ่อนไม่ต้องการให้ทำนอกเวลาให้เหนื่อย ข้าราชการหน่วยอื่นเขาก็ไม่มีกัน ทำไมหรือเพราะเขารู้ว่าแพทย์ทำงานหนักรับผิดชอบสูงควรแล้วที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีผมว่าทุกคนเข้าใจ ผมอยากบอกว่าการมีรายได้ที่สูงการรับได้รับเกียรติที่สูงต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบที่สูงด้วยเช่นกัน ผมขอเสมอประเด็นเรื่องเวชระเบียนนิด ทำไมถึงไมทำสำเนาให้ผู้รับบริการ ทั้งที่เป็นข้อมูลเฉพาะตัวบุคคลของผู้รับบริการ ไหนๆก็ยกยกตัวอย่างงานวิศวกรรมแล้วก็ขอยกตัวอย่างนิด การก่อสร้างใดๆผู้รับบริการจะได้รับรู้ขั้นตอนการก่อสร้างตั้งแต่การทำ idea drawing ตลอดจน calculation sheet ในตอนเริ่มต้น จนถึงการทำ plot plan ของแต่ละ floor เพื่อหาความต้องการที่ดีที่สุดของผู้รับบริการกับผู้ให้บริการ พอสร้างเสร็จผู้ให้บริการก็จะทำ As build drawing มอบให้ผู้รับบริการเพื่ออะไรหรือ เพราะว่ามันเป็นข้อมูลเฉพาะตนของผู้รับบริการ เพื่อเขาจะได้เก็บไว้เป็นแบบหรือข้อมูลในการแก้ไข/ต่อเติม แก่วิศวกรท่านอื่นที่มารับงานต่อได้รับทราบว่าวิศวกรท่านก่อนหน้าได้วางระบบหรือทำอะไรลงไป ซึ่งมันจะเป็นผลดีกับผู้รับบริการเอง กลับมาที่เวชระเบียนต่อ ในมุมมองของคนนอกที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์ การไม่ให้สำเนาเวชระบียนอาจเป็นเพราะกลัวผู้รับบริการทำหาย หรือมีเหตุผลอื่นใดมากกว่านี้อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ แตถ้าเป็นผมผมจะให้เพราะผมก็ยังมีต้นฉบับเก็บไว้อยู่ การทำหายมันจึงอาจจะใช่ปัญหาสำคัญ อย่างกรณีเพื่อนผมเมื่อหลายปีก่อนเกิดอุบัติเหตุในต่างแดนก็ยังเอาสำเนาพกติดตัวกลับมาเลย (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วแต่ไม่ใช่ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น) ผมอยากให้ทุกวิชาชีพมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ หน่วยงานเฉพาะก็น่าจะออกมาปกป้องประชาชนมากกว่าพวกเดียวกันเท่านั้นเอง สุดท้ายผมใช่ผมกราบขออภัยทุกท่านด้วย ถ้าความคิดของผมผิดจากความเป็นจริง ผมเคารพในทุกวิชาชีพเพียงแต่ผมอยากสะท้อนมุมมองที่ต่างต้องไปเพื่อยกระกับให้สังคมดีขึ้น ด้วยความเคารพ จากคุณ : son7 เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 09:44:40

ความคิดเห็นที่ 13 ปัญหาของคุณก็คือ เรื่องที่คุณไม่รู้มีมากกว่าที่คุณรู้ แต่คุณมาเสนอความเห็นในส่วนที่คุณรู้ แพทย์ก็ประชาชนเหมือนกัน ต้องเริ่มจากตรงนี้ก่อน ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปคุยกันทำไม จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 11:44:35

ความคิดเห็นที่ 14 #12 แพทย์ไม่ได้มีเวลาขนาดนั้นครับ แพทย์แค่ตรวจคนไข้ในแต่ละวันให้เสร็จก่อน 4 โมงเย็นก็แทบอ้วกแล้วครับ(ข้าวเที่ยงไม่ได้กินนะ - -") ปล.แพทย์ไม่ทำเอกชนไม่ได้หมายความว่าแพทย์จะมีเวลาพักผ่อนนะ ไม่ได้ทำเอกชนแต่ได้นอนสัปดาห์ละ 12 ชั่วโมงผมก็เคยทำมาแล้ว มองระบบสาธารณะสุขของประเทศไทยดีเกินไปรึเปล่าครับ ทราบมั้ยครับว่ามันเข้าขั้น "บัดซบ" จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 14:03:05

ความคิดเห็นที่ 15 ผมอยากให้ทุกวิชาชีพมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ หน่วยงานเฉพาะก็น่าจะออกมาปกป้องประชาชนมากกว่าพวกเดียวกันเท่านั้นเอง ... ชอบคำพูดด้านบน นี้ ..... จงยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียติรยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะ แห่งอาชีพไว้ ให้บริสุทธิ์ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 53 10:04:44 จากคุณ : ที่คาดผม เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 10:04:14

ความคิดเห็นที่ 16 จงยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียติรยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะ แห่งอาชีพไว้ ให้บริสุทธิ์ ... น้ำตาจะไหล T_T จากคุณ : ยิ้มเดียว เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 12:42:47

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าทุกคน ไม่ใช่เฉพาะอาชีพแพทย์ มีคติในการทำงานตาม คห 15 เมืองไทยคงน่าอยู่มากกว่านี้ครับ จากคุณ : zoil (zoil) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 13:55:01

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบเท่าที่ได้ 1.ทำไมแพทย์ไม่ยืดอกรับความผิดพลาดเหมือนวิศวะ ตอบ รากฐานของทั้งสองศาสตร์แตกต่างกัน ในขณะที่วิศวะ พิสูจน์ความผิดพลาดได้โดยการคำนวณ ง่ายต่อการพิสูจน์ว่าความผิดพลาดนี้ เกิดโดยขั้นตอนใด จากเจตนา หรือตามตำราแล้ว แต่ศาสตร์ของแพทย์ อิงกับความรู้ที่ได้จากการสังเกตคนหมู่มาก เช่น 100 หญิงท้อง จะมีสัก 80 คนที่เด็กเอาหัวเกิดก่อน อีก 20 เอาก้นเกิด ก่อน ดังนั้น องค์ความรู้ของแพทย์จะเน้นหนักในการทำคลอดหัว แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า แพทย์จะไม่เจอเคสคลอดก้น คลอดรกก่อน เราไม่อาจทำนายได้ว่า ความผิดพลาดนั้นจะเกิดเมื่อไร และจะมาอย่างไร มันต่างกับคณิตและฟิสิกส์มากๆครับ ตรงข้อนี้จึงมีความอึมครึมในการพิสูจน์ครับ เพราะแพทย์ผู้ทำพลาดก็ยืนกรานว่า ตนไม่ผิด  แพทย์วงนอกอย่างพวกผม อ่านบางเคสแล้วก็พยักหน้าหงึกๆเป็นไปได้ที่จะพลาด  แต่คนวงนอกจะไม่มีทางเชื่อครับ และคิดว่าปกป้องกันเอง 2. ต้องย้อนถามว่าหน่วยงานไหนที่ จขกท.เชื่อ ???? ทุกวันนี้ สังคมร้องหาแต่หน่วยงานที่เป็นกลางๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ฟังนะครับ หน่วยงานที่เป็นกลางคือ ต้องให้ความเป็นธรรมได้ทั้งสองฝ่าย ถ้าเป็นหน่วยงานประเภทสมาคมคนเดือดร้อนเพราะหมอ  สมาคมนักข่าว  สโมสรผู้พิพากษา หรือ GT200 club ฯลฯ ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลย (เรียกแต่ความดราม่าแก่ประชาชน) ทางแพทย์ก็ขอร้องความเป็นธรรมครับ วิกฤติศรัทธาของประชาชน สวนทางกับการเรียกร้องขอรับบริการ ถ้าท่านไม่ศรัทธาพวกเรา แล้วหันไปพึ่งการ scanกรรมแทนCT scan หรือใช้น้ำป้าเช็งแทนยากันหมด  อย่างนี้เรายอมรับวิกฤติศรัทธาได้ครับ แต่ทุกวันนี้คือมารับบริการจากเรา แต่ไม่ยอมรับในข้อจำกัดของเรา 3.ประเทศไทยขาดความเจริญครับ ข้อนี้ มาตรฐานต่างของทุกบริการจากรัฐจึงค่อนไปทางตามมีตามเกิด   ถ้าทุกคนอยากได้สินค้าหรู มาตรฐานหัวนอก ที่มักอ้างว่า เมืองนอกเขาทำอย่างงู้นงี้ เราพร้อมที่จะจ่ายหรือไม่ ? จ่ายในที่นี้ อย่าตีค่าว่าหมอเห็นแก่เงินอีกล่ะ ภาษีต้องขึ้นอีกเท่าไร มาเป็น ต้นทุนในการสร้างรพ.+คนทำงาน (ดีไหม มีรพ.ขนาด 150 เตียงประจำการในทุกตำบลของประเทศ  .... ดีแน่ครับ มาตรฐานบริการสูงลิบลิ่วแน่  แต่ชาติต้องใช้งบประมาณเท่าไร แล้วคุณจ่ายภาษีกันเท่าไร หลังจากที่พากันเลี่ยงสิ่งที่น่าเลี่ยงได้หมดแล้ว  ) นศ.กู้เงินเรียน เรียนจบ ชักดาบ  ,ค่าน้ำค่าไฟ ตามครัวเรือน ใช้ไม่ถึงกี่หน่วย รัฐแถมให้ฟรี , การศึกษาขั้นพื้นฐาน รัฐโอบอุ้ม ,บัตรทองมอบให้ ยาผลิตในประเทศ ฟรีหมด (ยาผลิตในประเทศก็ไม่ได้เสกเอานะครับ มีต้นทุนเช่นกัน) ทางแก้มีครับ แต่ทำไม่ได้เพราะ สังคมช่วยกันทำเนี่ยแหละครับ จากคุณ : ผิดตลอดแหละ (natefang) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 15:21:02

ความคิดเห็นที่ 19 ด้วยทัศนคติและความคิดคนไทยปัจจุบัน ที่ จะเอากันให้ตายจะเอาอย่างที่ตนต้องการเป้นที่ตั้งนะ ถึงพิสูจน์ได้ว่าหมอไม่ผิดแล้วในสุดท้าย มันก็ไม่ยอมรับกันหรอก แต่บางทีหมอพลาดยอมรับกันมาตรงๆ ผมก็ว่าแฟร์ดีนะ คือพูดกันตรงๆ เฮอะ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 15:27:55

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นประเด็นนี้ทีไร อดไม่ได้ขอออกมาแสดงความเห็นหน่อย ชอบความเห็นที่ 13 ผมว่าคุณมีเพื่อน ญาติพี่น้อง เป็นแพทย์เยอะ คุณไปนั่งคุยสอบถามข้อมูลที่แท้จริง เอาให้ได้ใจความ รู้ตื้นลึกหนาบางในระบบสาธารณะสุขของประเทศนี้ให้ถี่ถ้วนถ่องแท้เสียก่อนดีกว่า ก่อนที่จะมาเปิดประเด็นที่ตบท้ายด้วยคำว่า ขอโทษนะเพราะไม่ทราบ ไม่รู้น่ะไม่ผิดหรอกครับ แต่ควรจะต้องรู้จักไขว่คว้าหาความรู้โดยเฉพาะเมื่อคุณอ้างว่า มีคนใกล้ชิดอยู่ในวงการเยอะ ประเด็นอื่น ไม่ทราบและไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ขอบอกว่า สงสารเห็นใจแพทย์ไทยมากๆ ที่ทำงานภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัด ไหนจะเรื่องอัตราคนไข้ พื้นฐานความรู้ด้านสาธารณสุขของชาวบ้าน และอื่นๆอีกร้อยแปด งานนี้ ถ้าผมจะโทษ ผมโทษตัวเองที่เกิดมาในประเทศที่มีนักการเมือง มุ่งเน้นแต่จะเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง จนมันโยงไปถึงความไม่มีเสถียรภาพของนโยบายของรัฐและการสาธารณสุข ทำให้กระทรวงที่ควรจะดูแลแพทย์และการสาธารณสุข ไม่มีบทบาทชัดเจนหรือความจริงใจที่จะแก้ปัญหา เช่น แพทย์ลาออก, งบไม่เพียงพอ, ประชาชนไม่รู้จักการปฏิบัติตัว ให้ห่างไกลโรค เช่นชอบดื่มสุรา, ทานอาหารไม่ปรุงสุก ฯลฯ บางทีผมก็แปลกใจนะครับ ท่านผู้บริหารในกระทรวงทั้งหลายที่เคยเป็นแพทย์ใช้ทุนมาก่อน ท่านรำลึกชาติไม่ได้เหรอว่า สมัยท่าน Intern นั้นสภาพคนไข้และการสาธารณสุขของเราแย่ขนาดไหน ทำไมไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ (ผลิตแพทย์เพิ่ม) เพื่ออะไร ถ้าระบบสาธารณะสุขยังเป็นแบบนี้ แพทย์ที่เร่งผลิตเพิ่ม คงออกไปอยู่เอกชน หรือตั้งคลีนิคเองซะหมด จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 16:06:37

ความคิดเห็นที่ 21 จะให้แพทย์ยอมรับง่ายๆว่าผิดในเรื่องที่ตนเองนั้นมั่นใจว่าไม่ผิด ไม่ประมาทและตั้งใจรักษาคนไข้เป็นอย่างดีแล้วก็ไม่ได้หรอกค่ะ หากคุณตั้งใจอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือชีวิตใครๆแต่เกิดความผิดพลาดที่ไม่อาจคาดเดาได้ และแก้ไขได้ยากโดยที่มันไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของคุณ คุณจะยืดอกรับกับศาลมั้ยว่า คุณเองที่ประมาท พลาด เลินเล่อ เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเล็กหน่อยที่เคยมีศักยภาพในการผ่าตัดไส้ติ่งได้ ไม่ผ่าตัดไส้ติ่งกันอีกต่อไป ผู้ป่วยที่เป็นไส้ติ่งอักเสบจะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใหญ่ เป็นการเพิ่ม workload ให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่นั่นและเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ป่วยมากขึ้น หากไปไม่ทัน ไส้ติ่งแตกก็ติดเชื้อในช่องท้อง มีโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้นมาก ไม่ใช่เพราะหมอที่ร.พ.เล็กเหล่านั้นทำไม่ได้ แต่เพราะความเหนื่อยใจหลังจากที่แพทย์หญิงผู้หวังดีกับผู้ป่วยคนหนึ่งต้องติดคุก ที่เคยเป็นข่าวครึกโครม ไม่นานมานี้เราดูข่าวตอนเช้า ผู้ประกาศให้ความเห็นไปในทางว่าทำไมหมอไม่ผ่าทำคลอดเด็กที่เสียชีวิตในท้องออกมา พ่อแม่เด็กเขาต้องการให้ผ่านะ ไปเห็นพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ก็เป็นแบบนี้อีก เราเห็นแล้วก็เหนื่อยใจจัง สังคมที่ขาดความรู้กำลังเปลี่ยนให้การทำงานของหมอเป็นไปอย่างที่ตนต้องการ โดยไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร ขอยาขอนอนขอผ่าตัด อธิบายว่าไม่จำเป็น ก็ไม่สนใจ จะเอาให้ได้ เมื่อไม่ได้ก็โดนร้องเรียน เราอยากให้ทุกอาชีพมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่เหมือนคุณ son7 นั่นแหละ แต่ก็ขอให้ทุกๆคนรักสุขภาพของตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ด้วยนะ จากคุณ : เฮ้อ (ขาว สวย หมวย ตาโต) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 16:22:08

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้นี้ท่าจะยาว ขอลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน.. ปล. อย่าให้กระทู้ด๋อยเหมือนกระทู้ที่แล้วล่ะ มีตั้ง 300 กว่า คห. เง้ออ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 19:15:35

ความคิดเห็นที่ 23 พูดสั้นๆ ง่ายๆ ว่า คุณอยากจะให้แพทย์ไทยที่มีความจำกัดทรัพยากรทั้งบุคคลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องเทคโนโลยีที่ด้อยกว่า "ประเทศที่พัฒนาแล้ว" ที่มีการฟ้องร้องแพทย์สูง แต่ต้องการมาตรฐานเหมือนอย่างที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ใช่มั้ยครับ ถ้าต้องการเช่นนั้นก็จบเลย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ครับ คำพูดข้างบน อ่านแล้วน้ำตาจะไหล แต่หมอที่เห็นแก่ประโยชน์คนไข้ ไม่ได้อยู่เวร แต่อยากจะช่้วยเพื่อให้คนป่วยได้รับความสะดวกสบาย โดนตัดสินจำคุกไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 53 19:27:11 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 53 19:24:27 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 19:23:42

ความคิดเห็นที่ 24 ขอลอกการ์ตูนของหมอแมวหน่อยนะครับ กาลเวลาพิสูจน์แล้ว ว่าการ์ตูนของหมอแมวเป็นจริงในสังคมไทยปัจจุบัน เพื่อนผม ดูแลคนไข้ประดุจญาติ เพราะคนไข้คนนั้นไม่มีญาติมาดูแล แต่พอเสียชีวิต ญาติไม่รู้โผล่มาจากไหนมาบอกจะเอาเรื่องเพื่อนผม ทั้งๆ ที่ตอนแกอยู่ไม่เห็นมาดูดำดูดี แต่ตอนตายต่อม "กตัญญู" กลับมาขึ้นสูงปรี๊ดเอาซะงั้น แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 53 19:36:52 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 19:28:09

ความคิดเห็นที่ 25 เราว่าถ้าพิสูจน์แล้วหมอไม่ผิด หมอมีสิทธิ์ฟ้องกลับนะ กรณีทำให้เสียชื่อเสียง จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 20:42:05

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ เราก็อยากถามอาจารย์ของเราเหมือนกันว่า ทำไมอาจารย์ไม่ฟ้องกลับหลังจากที่เขาฟ้องอาจารย์แล้วออกข่าวครึกโครมเรื่องทำงานชุ่ยไปจนดังทั่วทั้งประเทศไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เขากุเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น สายตาเกือบสามสิบคนมองเห็นอยู่พร้อมกันว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตอนที่หนังสือพิมพ์ลงข่าว มันคนละเรื่องกันเลย ใครๆ ก็ประณามว่าอาจารย์เป็นแพทย์ที่ไม่ดี ย่ำแย่อย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายแล้วอาจารย์ก็บอกว่า ช่างเขา ทั้งที่มันไม่ได้ยุติธรรมอะไรกับอาจารย์เลย ขอโทษที่ไม่ได้บอกเหตุการณ์อย่างละเอียด แต่คิดว่าอาจารย์คงไม่อยากให้มากลายเป็นประเด็น แต่บางทีก็อดไม่ไหว อยากบ่น จากคุณ : พิณณ์อวี เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 21:25:54

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าควรจะต้องมีการฟ้องกลับแล้วล่ะครับ ไม่งั้นก็คงจะมีคดีที่ฟ้องมั่วเผื่อฟลุ๊กได้เงิน หรือฟ้องเพื่อรับเงิน 200,000 บาท ไม่รู้จบ จำนวนที่ฟ้อง ฟ้องเท่าที่เค้าฟ้องเรา เช่น เค้าฟ้องเรา เรียกเรา 20 ล้าน ถ้าศาลยกฟ้อง เราฟ้องกลับ เรียก 20 ล้านเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 53 22:02:10 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 22:01:18

ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่งลงเวร (หลังจากอยู่ต่อกันมา 48 ชม) เช้านี้ 8 โมงอยู่ต่ออีก 24 ชั่วโมง เหนื่อยจัง คิดถึงแฟนอะ TT จากคุณ : marchantia เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 01:09:38

ความคิดเห็นที่ 29 งั้นถ้ามีแพทย์ทำผิดจริงๆซักคน ผู้เสียหายจะทำอะไรได้บ้างครับ ก้มหน้ารับกรรม เชื่อว่าแพทย์ทำสุดความสามารถแล้วแต่มันพลาดเองเหรอครับ แล้วถ้าแพทย์ไม่ผิดจริง ก็ฟ้องกลับไปสิครับ ผมคิดว่าทางท่านแพทย์ดีๆทั้งหลาย ฟังดูอาจจะรู้สึกแย่อยู่บ้างเหมือนกัน แต่้ถ้าท่านทั้งหลายจะไม่ยอมให้โอกาสผู้เสียหายวิจารณ์ หรือ แสดงความเห็นแย้งบ้าง แล้วองค์กร , สังคม ตรงนั้น มันจะมีพัฒนาการเหรอครับ ปล.ผมไม่ได้เข้าข้างไหนทั้งสิ้น   แค่เสนอความคิดเห็นในมุมที่คิดว่ายังไม่มีใครเสนอเฉยๆครับ ปล2.  เรื่องแบบนี้หาข้อสรุปให้จบยากน่ะครับ  เหตุผลมีน้ำหนักกันทั้งคู่ จากคุณ : Straight Edge เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 01:33:27

ความคิดเห็นที่ 30 หมอที่ไหนจะไปฟ้องกลับคนไข้วะ ที่คนไข้ชอบฟ้องเพราะอะไร แค่ฟ้องก็ได้เงินแล้ว ชั้นต้น ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย ให้ไปก่อน ทนายแหละตัวดี ชอบยุให้คนไข้ฟ้อง (ฟ้องเลยครับ ได้เงิน)  กับสื่อเนี่ย ชอบทำข่าวนัก ด่าหมอเก่งจิงๆ (คนดังๆ ข่าวตอนเช้า )บ้าป่าว แต่กรณีที่หมอผิดจิงๆก็มี  ไม่เถียง  แต่ ส่วนใหญ่ ฟ้องเอาเงินครับ จากคุณ : หมอเกาหลี (kingkithot) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 02:38:06

ความคิดเห็นที่ 31 หมอที่โรงพยาบาล เจ้าอารมณ์ ขั้นเทพ อาการหนัก อยู่ 4 คน มั่นใจในตัวเองสูงมากกกกกกกก วิชาชีพอื่น ไม่อยู่ในสายตา ไม่พอใจ ขว้างโทรศัพท์ กระแทกหูโทรศัพท์ คิดว่าตัวเองถูก ทั้งที่ คำนวณ dose ยาเด็กยังผิดเลย นับวันรอ ให้รีบๆ ไปซะที (อีก 2 เดือน) รอเจอหมอใหม่ ที่หวังว่าคงดูแลผู้ป่วยด้วย หัวใจมนุษย์ (Humanized Heath Care) แต่ก็หวังอะไรมากไม่ได้ เดี๋ยวนี้ หมอใหม่ๆ จบออกมา หาที่จะดูแลผู้ป่วยดีๆยาก ที่ดีๆ น่ารักๆ อยู่ได้ แป๊บเดียว ก็ลาออก ไปเรียนต่อ โดยใช้ทุนตัวเอง ทนกันต่อไป  สงสารชาวบ้านตาดำๆ จากคุณ : nut cm เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 06:39:12

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ อย่างที่ผมเคยบอก หมอดีๆ หลายๆ คน ทนระบบไม่ได้ ลาออกไป เหลือแต่หมอที่ไม่ดี ที่ทำงานซังกะตายในแต่ละวัน ใครที่เลือกนักการเมืองที่ออกนโยบายมา ก็รับกรรมไปเองละกัน แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 53 08:03:50 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 08:03:36

ความคิดเห็นที่ 33 /\ /\ /\ อันนี้ยังไม่รวม แพทย์ที่เปิดคลินิก เบียดบังเวลาราชการ จะ 11 โมงอยู่แล้ว ยังอยู่ที่ clinic ออก opd ชั่วโมงเดียว คนไข้มารอตั้งแต่เช้า 11 โมง อ้างว่าไปราวนด์ เที่ยงไปกินข้าว ต่อด้วยไป clinic บ่าย 2 กลับมาโรงบาล สี่โมง กลับบ้าน สรุป วันๆ ทำงาน 2-3 ชั่วโมง รวยเอ๊า รวยเอา อายุ ไม่ถึง 35 บ้าน 10 กว่าล้าน ขับรถหรูๆ ทำบุญมาเยอะ ใครแตะก็ไม่ได้ จากคุณ : nut cm เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 08:13:05

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาลงชื่อตามอ่านด้วยคนครับ จากคุณ : logarithm เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 08:13:07

ความคิดเห็นที่ 35 คห.33 Dejavu หรือเปล่าครับ ทำไมคุ้นๆ จัง เหมือน รพช.แถวๆ นี้จัง 555 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 08:35:55

ความคิดเห็นที่ 36 ผมเห็นใจหมอในกรณีนี้เพราะทางฝั่งภรรยาผมทำงานในโรงพยาบาลกันแทบทั้งนั้น ผมเลยได้มีโอกาสใกล้ชิดโรงพยาบาลมากหน่อย ได้รู้ได้เห็นว่าคุณหมอทั้งหลายทำงานกันหนักและเหนื่อยแค่ไหน ส่วนคนที่บอกว่าหมอเปิดคลีนิคแล้วรวยเอา ๆ คิดดูมีกี่คนกันครับ ลองมองภาพรวมมองคุณหมอ 1 คนต้องรับผิดชอบคนไข้เยอะเท่าไร คุณหมอบางคนเป็นอาจารย์หมอแล้วผมได้รู้จักขนาดเวลาทานข้าวยังแทบไม่มีเลยตรวจตั้งแต่เช้าและสอนนักศึกษาแพทย์ไปด้วย ตกบ่ายมีตรวจ ตกเย็นมาบางวันมีประชุมอีก ไหนจะมีข้อจำกัดทางการรักษาเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ไม่เพียงพอหรือไม่มีบางรายต้องส่งไปเอกชนเพื่อใช้อุปกรร์บางอย่างแล้วนำผลกลับมาให้หมอที่โรงพยาบาลรัฐดูและวิเคราะห์อีก หมอบางคนที่อาจจะไม่ดีจริงแต่ใช่หมอทุกคนหรือเปล่าต้องแยกด้วยนะครับและดูด้วยว่าบางครั้งเกิดเหตุผิดพลาดขึ้นในการรักษามาจากทางหมอหมดหรือทางคนไข้ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้วย อย่าโยนทุกอย่างไปที่หมอไม่อย่างนั้นอีกหน่อยบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนขึ้นมาซึ่งปัจจุบันก็ขาดแคลนอยู่แล้วมันจะยิ่งแย่ไปใหญ่ เอาใจช่วยคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานด้วยใจมานะและอดทนทุกท่านครับ ชาวบ้านที่เจ็บป่วยมาก็หวังพึ่งพาพวกท่านเพื่อรักษายังมีคนอีกมากที่เห็นคุณหมอเป็นที่พึ่งยามเจ็บป่วยและตระนหักว่าคนไข้หนึ่งคนคือหนึ่งชีวิตการผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้จำต้องระมัดระวังนเรื่องการรักษา จากคุณ : DraGo เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 13:41:46

ความคิดเห็นที่ 37 จากความเห็นที่ 12 "ส่วนเรื่องแพทย์ทำงานหนักผมเห็นใจและผมเข้าใจ แต่อย่าลืมว่าแพทย์ก็ได้ค่าจ้างมากกว่าใครไหนจะเงินพิเศษกรณีไม่ทำเอกชน เพราะเขาต้องการชดเชยรายได้ให้แพทย์ได้พักผ่อนไม่ต้องการให้ทำนอกเวลาให้เหนื่อย ข้าราชการหน่วยอื่นเขาก็ไม่มีกัน ทำไมหรือเพราะเขารู้ว่าแพทย์ทำงานหนักรับผิดชอบสูงควรแล้วที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีผมว่าทุกคนเข้าใจ ผมอยากบอกว่าการมีรายได้ที่สูงการรับได้รับเกียรติที่สูงต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบที่สูงด้วยเช่นกัน" เข้าใจผิดแล้วครับ แพทย์ไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะไม่อยู่เวร โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนที่มีแพทย์ประจำเพียงแค่ 2-3 คนนะครับ ถ้าวันไหนอยู่เวรแปลว่า วันนั้นคุณจะทำงาน 24 ชั่วโมง + วันรุ่งขึ้นในเวลาราชการอีก 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยครับ โปรดเข้าใจให้ถูกด้วยครับ จากคุณ : Nonfire เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 13:53:27

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าซ้ำขออภัยด้วยนะคะ ไม่มีเวลาอ่านทุกความเห็น กรุณาอย่าเอาอาชีพแพทย์ไปเปรียบเทียบกับอาชีพวิศวกร คุณรู้มั้ยหมอนั้นกว่าจะจบมาเรียนก็ตั้งหกปี จบไปแล้วก็เป็นได้แค่ general practician แล้วยังต้องไปต่อเฉพาะทางอีกเป็นศัลยแพทย์ หมอเด็ก สูติฯ .... แล้วจากสาขาเฉพาะทางนี่ก็ยังมีเฉพาะของเฉพาะแยกๆๆๆๆๆย่อยๆๆๆๆๆลงไปอีก กว่าจะได้หมอเก่งๆเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะนี่คาดว่าไม่ต่ำกว่าสิบปี ตามโรงพยาบาลชุมชน แพทย์ใช้ทุน 3 ปีเป็นหมอจบใหม่ซึ่งก็เป็น general practician เรียนรู้ทุกโรคทั้งระบบร่างกายมนุษย์ คนไข้มาก็ต้องวินิจฉันให้ได้ว่าเป็นโรคอะไร จะได้รักษาเบื้องต้นกับส่งตัวไปรักษาเฉพาะทางได้ถูก ส่วนวิศวกรนั้น คุณเคยเห็นที่ไหนในโลกหรือเปล่าคะที่จะเอาวิศวกรจบใหม่มาสร้างตึก เหอะๆๆๆๆ กว่าวิศวกรจะทำได้ขนาดนั้นต้อง train แล้ว train อีก แล้วคุณจะเอา general practician กับวิศกรสร้างตึกมาเทียบกันได้อย่างไร it doesn't make sense. (ปล.ถ้าเจอที่ไหนที่เค้าจ้างเด็กวิดวะจบใหม่มาออกแบบสร้างตึกช่วยบอกด้วยนะคะ จะไปทำค่ะ ขี้เกียจเทรน เงินมันน้อย) ไอ้พวกที่คิดจะจับผิดหมอ ฟ้องหมอ กรุณาทบทวนอีกครั้ง หรือไม่ก็ช่วยส่งลูกหลานตัวเองมาเรียนแพทย์บ้างก็ดีนะคะ จะได้เข้าใจความรู้สึกหมอ(ดีๆ) ว่างานมันเหนื่อย เครียด แล้วก็หนักขนาดไหน ดิฉันอยู่ต่างประเทศ ลองจินตนาการดูนะคะว่าถ้าประเทศไทยใช้ระบบสาธารณสุขแบบนี้มั่งคุณจะบ่นๆๆโวยๆๆ กันหรือเปล่า : ดิฉันต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพเดือนละหกสิบห้ายูโร ไปหาหมอจ่ายค่าธรรมเนียมอีกสิบยูโรต่อไตรมาส ค่ายาจ่ายเอง ซื้อยาเองไม่ได้ต้องมีใบสั่งยาเท่านั้น คลินิกหมอเปิดเป็นเวลา วันศุกร์บ่าย-เสาร์-อาทิตย์ปิด บางทีหมอไปพักร้อนเดือนนึงก็ต้องทนไป ถ้าจะไปตรวจอะไรที่มันไม่เร่งด่วนก็ต้องทำ appointment นัดอีกอาทิตย์นึงบ้าง สองอาทิตย์บ้าง พวกหมอเฉพาะทางเก่งๆนี่เวลานัดเต็ม ดิฉันเคยปวดริดสีดวงมากเป็นแบบ acute ต้องรอหมอแถวบ้านเดือนนึง เลยตัดสินใจนั่งรถ 400km ไปหาหมอเฉพาะทางอีกคน บางคนเรียนหมอก็เพราะเงินเท่านั้น บางคนเขาก็เรียนเพราะมีใจเมตตาอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เห็นใจกลุ่มหลังนะคะที่ต้องมาตกกระไดพลอยโจรไปด้วย ดิฉันยังจำพระราชดำรัสของพระราชบิดาได้เลยว่า "ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์" คุณๆที่คิดจะจ้องจับผิด จะฟ้องหมอเนี่ย มันจะทำให้คนดีๆท้อใจ ไม่อยากจะอยู่ในระบบอีกต่อไป ดิฉันก็คนหนึ่งล่ะ พอได้อยู่ปีสี่เห็นโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นรับไม่ได้ค่ะ ขอออกดีกว่า มาเป็นวิศวกรความรับผิดชอบก็พอๆกัน แถมเรียนง่ายกว่าแพทย์อีก งานที่เล็งไว้น่ะเหรอ ทำสิบสี่วันพักสิบสี่วันตกเดือนละ 160 ชม. เงินเดือนแสนห้าสบายๆมีเวลาใช้เงิน มีเวลามีแฟน ถ้าคุณเจอหมอไม่ดีไม่ถูกใจ เลือกได้ก็เปลี่ยนเหอะ จะได้ไม่เสียสุขภาพจิต หมอบางคนนะพูดจากดีแต่คุณภาพการรักษาแย่ บางคนพูดจาขวานผ่าซากแต่เริ่ด ก็เลือกเอาแล้วกันว่าชอบแบบไหน หมอดีๆเขามีน้ำใจเสียสละมาเรียนหมอแล้วก็ช่วยถนอมน้ำใจเขาหน่อยนะ น้ำใจไม่ได้มีไว้ตักตวงนะคะ (ยืมมาจากล็อกอินนึงในห้องนี้แหละ) เพื่อนๆของดิฉันบ่นให้ฟังตลอดถึงเรื่องราวแสบๆของคนไข้ เอาแต่ใจตัวเอง นึกถึงแต่ญาติตัวเอง ญาติคนอื่นนอนพะงาบๆอยู่หมอดูอยู่ไม่สนมาดูญาติฉันก่อนสิ เฮ้อออ ปลง สันดานมนุษย์ เพิ่มเติม คุณรู้ไหมเป็นหมอเนี่ยทำก็ผิดไม่ทำก็ผิด อ่านแล้วงงๆเนอะ ตอนเป็น นศพ. ดิฉันอึงค่ะในคาบจริยธรรม อาจาย์บอกว่า หมอนั้นขณะขับรถผ่านจุดอุบัติเหตุแล้วเมินเฉยไม่ช่วย ก็ถือว่าผิด กำเจงๆ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 53 20:25:33 จากคุณ : เห็นใจแพทย์ไทย (deutsche_Jana) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 20:20:34

ความคิดเห็นที่ 39 เท่าที่ฟังจากเพื่อนมาที่อเมริกาถ้าไม่มีเงิน ไม่มีสิทธิก็จะไม่ได้รับการรักษานะครับ หมอมีสิทธิเลือกที่จะรักษาหรือไม่ก็ได้ และอยู่เมืองนอกจะพบหมอเฉพาะทางทีต้องทำนัดกันเป็นเดือนนะครับ เข้าใจว่าเค้าคงใช้เวลาแต่ละเคสมากถ้าไม่ใช่กรณีเร่งด่วนจริงๆ ก็ให้รอไปก่อน สุดท้ายตามหลักสากล เภสัชจะจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ครับ คือหมอมีหน้าที่เขียนใบสั่งยา แล้วผู้ป่วยเอาใบสั่งยาไปซื้อกับเภสัช เพราะเค้ากลัวปัญหาดื้อยา กับ จ่ายยาอันตรายบางตัว อย่างเรื่องหนีตามกาลิเลโอตอนที่ต่ายไปซื้อยาลดไข้ให้เต้ยน่ะครับ จะเห็นว่ายังไงเภสัชก็จะขอดูใบสั่งยาก่อน จากคุณ : stealth no13 เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 22:05:57

ความคิดเห็นที่ 40 ก็หมอไม่ใช่เทวดา ที่จะรักษาโรคอะไรก็หาย ความรู้ดี ตั้งใจดี แต่ดวงไม่ดีก็อาจจะถูกฟ้องได้ ในสังคมปัจจุบัน เดี๋ยวนี้หมอส่วนหนึ่งเริ่มไม่ยอมให้ลูกตัวเองเรียนหมออีกต่อไปแล้ว  อย่ามาลำบากเหมือนพ่อกับแม่เลย ปีที่ผ่านมาหมอสูติ มีคนมา train ไม่เต็มอัตรา  เพราะเป็นสาขาที่ถูกฟ้องมากเหลือเกิน  ไปเรียนหมอผิวหนังคงจะดีกว่า รักษาสิวไม่หายก็ยังไม่เป็นไร เวลาเกิดเหตุผิดพลาด จากหมอ จากตัวคนไข้เอง  หมอจะอธิบายก็บอกว่าแก้ตัวอ่ะ  ถ้าศึกษาเคสฟ้องร้องของฝรั่งเค้าไม่ฟ้องกันพร่ำเพื่อแบบนี้หรอกนะคะ  ถ้าออกกฏว่าฟ้องแล้วถ้าหมอไม่ผิด  ให้หมอฟ้องกลับได้คงจะดีไม่น้อย   เค้าจะได้คิดนิดก่อนที่จะฟ้อง จากคุณ : I Promise เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 22:07:31

ความคิดเห็นที่ 41 เราน่าจะหาทางลดความผิดพลาด ก่อนที่จะไปโทษ คนไข้ว่าใจร้าย ขี้ฟ้อง ก่อนจะไปโทษโชคชะตาว่างานหนัก จากคุณ : Pratt&Whitney เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:23:55

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ ^ ก็ไอ้คดีที่ฟ้องมาส่วนมากหมอไม่ได้ผิดพลาดไงครับ ความผิดพลาดมันก็มี แต่มันไม่ได้เยอะมากมายอะไร และสาเหตุของความผิดพลาดมักเกิดหลังจากทำงานติดต่อกันไปเกิน 24 ชั่วโมง ไอ้ที่ฟ้องทั้งหลายทั้งแหล่ ส่วนมากจะมีทะแนะฟ้องไปเผื่อฟลุ๊กได้เงินทั้งนั้น จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:36:53

ความคิดเห็นที่ 43 ปัญหาของเรื่องนี้คือ.......การขาดแคลนแพทย์ครับ จากคุณ : La Divinite เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:44:31

ความคิดเห็นที่ 44 จากคห. 43 ผมว่าแพทย์ในประเทศไทยน่ะไม่ได้ขาดแคลนหรอกครับ แต่แพทย์ที่อยู่ในระบบสาธารณสุขต่างหากที่ขาดแคลน ก็ต้องดูว่าจะดึงคนไว้ในระบบอย่างไร ไม่อย่างผลิตออกมาก็รั่วออกนอกระบบหมด แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 00:09:20 จากคุณ : stealth no13 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:08:26

ความคิดเห็นที่ 45 เพิ่มเติม คุณรู้ไหมเป็นหมอเนี่ยทำก็ผิดไม่ทำก็ผิด อ่านแล้วงงๆเนอะ ตอนเป็น นศพ. ดิฉันอึงค่ะในคาบจริยธรรม อาจาย์บอกว่า หมอนั้นขณะขับรถผ่านจุดอุบัติเหตุแล้วเมินเฉยไม่ช่วย ก็ถือว่าผิด กำเจงๆ /// ความคิดเห็นที่  38 # ที่อาจารย์พูดแบบนี้ถือว่าถูกแล้วคะ คำว่าผิดของอาจารย์ ไม่ได้หมายถึงผิดทางด้านกฏหมาย แต่หมายถึง ผิดทางด้านจริยธรรมวิชาชีพ .. จากคุณ : ที่คาดผม (ที่คาดผม) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:23:45

ความคิดเห็นที่ 46 เราจะมีวิธีลดความผิดพลาดทางการแพทย์ได้อย่างไรบ้าง จากคุณ : I am เตียบ่อกี้ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 02:19:10

ความคิดเห็นที่ 47 วันนี้ผมclearตัวเองให้ว่างจากทุกอย่างเพื่อพาเด็กๆไปสอบสาธิตแห่งหนึ่ง หลังจากที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เขามากนักเพราะงานเยอะและเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน ช่วงที่รอเด็กสอบอยู่ผมได้มีโอกาสไปหาซื้อหนังสือที่ศูนย์หนังสือใหญ่แห่งหนึ่ง ทำให้ได้เจอเพื่อนสนิทสมัยมัธยมตอนนี้เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนแพทย์ย่านนั้น ก็คุยกันเรื่องเพื่อนสมัยเรียนและก็งานเลี้ยงประจำปีของโรงเรียนเมื่อต้นเดือนซึ่งผมก็ไม่เคยไปหลายปีเพราะผมไม่ว่าง(อาจเป็นเพราะผมmanageเวลาไม่เป็น) ผมได้มีโอกาสนั่งกินกาแฟพูดคุยกันเป็นชั่วโมง ส่วนหนึ่งก็มีประเด็นเรื่องกระทู้ที่ผมได้ตั้ง ผมได้ถามเรื่องเหล่านี้ก็ได้คำตอบเหมือนและก็แตกต่างกับเพื่อนๆทุกคนที่เสนอความคิดเห็น หลังจากที่ผมได้อ่านหนังสือที่เพิ่งซื้อมาจบและได้เข้าweb pantipตอนเที่ยงคืน(เป็นเพราะผมอายุอาจเยอะแล้วเลยนอนดึกเป็นประจำ) ผมได้อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆทุกคนที่เสนอความคิดเห็นผมรู้สึกว่าค่อนข้างหนักไปนิดหนึ่ง แต่ก็เข้าใจ การตอบโต้กันด้วยหลักการและเหตุผลเป็นสิ่งที่ดีและควรทำเพื่อให้สังคมมเกิดองค์ความรู้ผู้ที่ไม่รู้จะได้รู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจเลยและไม่อยากจะให้จะเห็นคือการ look down (คำนี้ขอไม่ใช้ภาษาไทยนะครับ) คนอื่นว่าด้อยกว่า ผมอยากจะบอกว่าไม่มีอะไรที่มันง่ายหรอก แม้นกระทั้งงานทำสวน ทุกวันนี้ผมยังเรียกคนที่มาดูสวนให้ผมว่าคุณครูเลยเพราะแกคอยสอนผมทุกครั้งที่ผมว่างและมีโอกาสได้ไปดู ถ้าคิดอย่างคนมี ego แกคงสอนผมไม่ได้เพราะแกแค่ diff ก็ไม่เป็น physis ก็ไม่รู้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาสอนผม ผมอยากจะบอกว่า ผมขอยกตัวอย่าง caseนักเรียนมัธยมคนหนึ่งก็แล้วกัน สมัยที่นั้นสอบเข้าวิศว สอบ5วิชา คะแนนสอบถ้าออกมาถ้าอยากเรียนแพทย์ไม่ต้องอ่านหนังสือวิชาชีสก็ได้ข้าไปกามั่ววิชาชีวเลือก ก. อย่างเดียวก็ได้เรียนแล้ว แล้วคุณคิดว่าเขาจะไม่มีปัญญาเรียนแพทย์เลยหรือ(แต่อาจจะใช่ถ้าใจเขาไม่ให้) แล้วที่ถูกให้ออกแต่ละปีมันเกิดอะไรขึ้น หลายคนอาจะตอบว่าเมาบ้างไม่อ่านหนังสือบ้าง ผมขอตอบว่าใช่แต่คุณคิดว่าทุกคนที่ถูกให้ออกมันเป็นเช่นนั้นหมดหรือ ผมต้องการบอกว่าเรื่องเรียนไม่มีอะไรมันง่ายไปกว่ากันหรอกครับ ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้นเอง อย่างเอาผมไปเรียนคหกรรม ผมว่าผมถูกให้ออกอาจจะตั้งแต่ปีแรกก็ได้ครับ ผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยที่นอกเรื่องไป อย่างที่ผมบอกผมยกกระทู้นี้มาพูดเพราะแค่ผมอยากให้ทุกวิชาชีพมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ หน่วยงานเฉพาะก็น่าจะออกมาปกป้องประชาชนมากกว่าพวกเดียวกันเท่านั้นเอง และผมไม่อยากให้คนภายนอกมองแพทย์ในเชิงลบเพราะทุกวันนี้หลายคนก็มองในแง่ลบ แม้นกระทั้งตัวผมเองอาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่เลวร้ายที่เจอกับตัวเองกับโรงเรียนแพทย์ย่านพญาไท(ทั้งที่ตั้งใจเลือกโรงเรียนแพทย์ที่ดีที่สุด) เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมขับรถจากรังสิตตอนตี1เข้าเมือง แต่สิ่งที่ผมเจอมันเลวร้าย ทุกวันนี้ผมอโหสิกรรมให้แพทย์คนนั้นไปนานแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องพสูจน์ด้วยว่าใครผิดหรือถูก เพื่อนผมที่เป็นแพทย์ยังเคยคุยว่าถ้าเป็นเขาจะฟ้อง ผอ. รพ. เรื่องนายแพทย์ท่านนี้ไปนานแล้ว  ที่ผมเล่าเรื่องผมเพราะผมและตั้งกระทู้นี้ไม่ใช่เพราะความโกรธเพราะเหตุการณ์มันผ่านไปนานมากแล้ว เพียงแต่ผมไม่อยากให้สิ่งที่ผมเจอจะเกิดกับท่านอื่นอีก การที่ผมยกแต่ละ case ขึ้นมาพูดถ้าเราสามารถตอบได้มันก็จะเป็นผลบวกกับแพทย์และองค์กรไม่ใช่หรือ ลืมบอกไปกรณีที่แพทย์ฟ้องกลับก็มีนะครับ แต่ผมมองว่ามันไม่ใช่สาระ สาระมันอยู่ที่ว่าความรับผิดชอบ อย่าให้ผู้รับบริการต้องคิดว่า การรักษาใดๆมีความเสี่ยง ควรศึกษาแพทย์ผู้ให้บริการและสถานบริการก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง มันจะกลายเป็นสังคมที่ระแวงกันเกิน สุดท้ายผมต้องขออภัยทุกท่านด้วย ถ้าความคิดของผมผิดจากความเป็นจริง และบางคำที่อาจจะดูแรงไป ด้วยความเคารพ จากคุณ : son7 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 02:49:49

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาต จขกท. นิดนึงนะครับ ผมขอท่าน 3 ข้อ 1. ไม่เอาความรู้สึก นำหน้าเหตุผล ถูกผิด ว่าไปตามขึ้นตอน ตรรกะ และกฎหมาย 2. ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง อย่าเอาการแพทย์ระบบสังคมนิยมไปเทียบกับทุนนิยม (อเมริกา) อย่าพูดว่าแพทย์เรียนง่ายเท่ากับอย่างอื่น มันยิ่งทำให้คุณดูแย่ 3. อย่านำสิ่งเล็กไป Generalize สิ่งใหญ่ เช่น การอ้างว่าเจ้าของธุรกิจพันล้านบางคนไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นการ Lead ว่า ไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ ก็รวยเป็นพันล้านได้ ผมว่าควรมองแนวโน้ม หรือภาพรวมมากกว่า ดีกว่าไปอ้างจุดเล็กจุดน้อย เพื่อมาแย้งความจริงที่เป็นไป แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 14:13:54 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 14:13:49 จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 05:35:35

ความคิดเห็นที่ 49 look down อืม son7 ครับ ผมเห็นด้วยว่า แพทย์ก็คนทั่วไปแหละ สมองไม่ฉลาดกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานหรอก แต่ผมก็ไม่ยอมรับเด็ดขาดครับว่า พวกผมเรียนกันง่าย สิ่งที่ผมมั่นใจว่าผมเหนือกว่าทุกคณะเลย คือ ความบ้าพลังในการเรียนครับ เทียบกับน้องชายเรียนวิดวะ และน้องสาวเรียนถาปัด ในขณะที่แต่ละวันของผมมีแต่ชั่วโมงเลคเชอร์แน่นไปจนถึง 2 ทุ่ม น้องผมทั้งคู่จะมีเรียนหนักๆสัก 3 วันต่อสัปดาห์ บางวันงี้ชิวๆเอกเขนกอยู่บ้าน ปีสุดท้ายไปฝึกงาน ปาร์ตี้กะพี่ๆอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่ปีสุดท้ายของผมคือ extern อย่าหวังปาร์ตี้เลย นอนยังสิ้นหวัง โรงเรียนแพทย์ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน extern แท้ๆ นี่ยังไม่นับว่า ปริญญาตรี เราต้องใช้ตั้ง 6 ปี (มีsummerทุกปีใน 3 ปีหลัง เพราะไม่มีปิดเทอม) จะดึงผมให้หนักเท่าคณะอื่น ขอร้องครับ อย่าฮะอย่า เรื่อง intelligenceเรายอมรับว่าคณะอื่นอาจเหนือกว่า แต่เรื่อง stamina นี่พวกผมupกันเต็มหลอดครับ จากคุณ : คณะแพทย์อึดสุด!!! (natefang) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 13:22:29

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าเจตนาของจขกท.เขาก็ไม่ได้ต้องการไปบอกว่าการเรียนแพทย์มันง่ายๆนี่ครับ เท่าที่เห็น เจตนาที่เขาต้องการจะบอกตรงนั้นคือ เขาไม่อยากให้พวกคุณๆมาเถียงกันเรื่อง อันนั้นเรียนง่าย อันนี้เรียนยาก แต่อยากในเรื่องการศึกษาตรงนี้เขาอยากให้พวกคุณมองว่า มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ล่ะท่านด้วย คิดง่ายๆ ถ้าคุณบังคับให้คนขาลีบไปเรียนแพทย์กะเรียนเตะบอลเพื่อให้ติดทีมชาติไปบอลโลก  คุณว่าเขาจะว่าแบบไหนยากกว่ากันครับ ? อ้างอิงจาก son7 >"ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้นเอง" ดังนั้นที่บอกว่า"อย่าพูดว่าแพทย์เรียนง่ายเท่ากับอย่างอื่น"  ผมกลับมองว่าคำนี้ไม่มีน้ำหนักที่จะทำให้ ผมมองจขกท.แย่ลงเลยครับ แล้วผมว่า จขกท. เขาก็ไม่ได้บอกนะครับ ว่าแพทย์เรียนหนักเท่าคณะอื่น (เท่าที่อ่านมาผมไม่เห็นครับ ^^) สรุปที่ผมบอกมาทั้งหมดก่อนหน้านี้  ไม่เกี่ยวกับใจความหลักของกระทู้ครับ ขออภัยด้วยครับ ยังไม่มีใครตอบผมเลยครับ ว่า ถ้าเกิดสมมติว่า มีแพทย์(ที่ไม่ดี)ทำผิดจริงๆซักคน จนทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง แล้วคนโง่ๆที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์อย่างผมจะทำอะไรได้บ้างครับ ?? จากคุณ : Straight Edge เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 14:08:23

ความคิดเห็นที่ 51 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:36:02 จากคุณ : stealth no13 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:30:43

ความคิดเห็นที่ 52 หมอชุ่ย..  มันก็มี.. คนไข้ชุ่ย..  มันก็มี.. หมอ ไม่ได้เป็นคนดีทั้งร้อยคน..  คนไข้ ก็ไม่ได้เป็นคนดีทั้งร้อยคนเช่นกัน คนไข้ที่ออกมาฟ้องร้องหมอ.. บางทีก็มั่วเอง ชุ่ยเอง ปกปิด หมกเม็ดให้ดูเหมือนว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็มี.. ก็แค่อยากหาแพะรับบาป หรือ โยนความผิด ให้ใครซักคน จะบอกว่าคนไข้สูญเสีย.. แล้วไงคะ การสูญเสีย ทำให้มีสิทธิ์มากขึ้นในการโยนความผิดให้คนอื่นหรือไร?? หมอเองก็เช่นเดียวกัน.. การดื้อดึง หรือ อัดอีโก้ตัวเองจนสูงปรี๊ดก็เป็นสิ่งที่มันไม่ควรเกิดขึ้น สิ่งที่หมอส่วนมากขาดกันก็คือ.. การสื่อสารกับคนไข้.. หมอมักอมพะนำ มีอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะบอก.. ยกตัวอย่าง.. แม่เราประจำเดือนมาติดต่อกันเดือนกว่าๆ เห็นว่าผิดปรกติแน่แล้วก็เลยรีบไปหาหมอสูติที่ร.พ.เอกชนแห่งหนึ่ง หมอตรวจเสร็จก็พูดอยู่แต่ว่า ต้องขูดมดลูก.. โห ใครได้ยินก็ต้องสะเทือนบ้างล่ะ มันไม่ต่างจากผ่าตัดเท่าไหร่เลย แม่เราด้วยความเป็นคนช่างซัก ไปหาหมอที่ไหนก็ซักหมออย่างละเอียดล่ะว่า ทำไมป่วย เกิดจากอะไร เพื่อเก็บไว้เป็นความรู้ ก็พยายามถามว่ามันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอทำไมต้องขูดมดลูก (ถามเพราะอยากรู้จริงๆ) แต่หมอก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลย บอกแต่ว่าต้องขูดอย่างเดียวเท่านั้น แม่เราก็เลยตัดสินใจไปหาหมอสูติอีกคนที่ต่างจังหวัด ปรากฏว่า.. คุณหมออธิบายสาเหตุการเกิดอย่างละเอียด การรักษาที่ต้องทำ ผลข้างเคียงหรืออะไรต่อมิอะไร หลังจากนั้นคุณแม่ก็รับการขูดมดลูกจากหมอท่านนี้อย่างสบายใจ เรื่องบางเรื่องก็ขาดการสื่อสารกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้.. ถ้ามีเรื่องจะฝากถึงหมอ.. ก็จะบอกหมอทุกท่านว่า.. ขอความกรุณาพูดคุยกับคนไข้หน่อย คนไข้บางราย(ที่ไม่ดื้อ) เค้ามาร.พ.ก็กลัวจะแย่ บางทีคนไข้ก็อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม.. อ้อ.. แล้วก็ อย่ามาบอกว่าหมอต้องรีบตรวจคนไข้ได้ไหมอ่ะคะ ปกติร.พ.รัฐก็มีหยิบบัตรคิวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?? ยังไงคนไข้ก็ต้องรออยู่ดี แต่ถ้ารอแล้วได้คุยกับหมอนานๆ มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือคะ.. ส่วนเรื่องที่อยากฝากไปถึงคนไข้.. อย่าทำเป็นรู้ดีกว่าหมอให้มากนัก บางคนหมอก็พูดดีด้วย อธิบายด้วยก็ไม่ค่อยฟัง (คนไข้พวกนี้่น่าตบมาก..) โกหกไฟแลบ เอาดีใส่ตัวก็มี.. ส่วนใครที่เป็นคนไข้่ที่ดีอยู่แล้วก็โอเค พล่ามซะเยอะแยะ รู้สึกจะไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้แฮะ จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:43:06

ความคิดเห็นที่ 53 ช่วง อ.ประมาณ เอาประเด็นทำคลอดแล้วเด็กตายมาออกรายการ ทำให้ผมอยากจะตั้งกระทู้ถามสังคมในพันทิพย์ ว่านึกคิดอย่างไร ถึงความแย่ของแพทย์และแพทย์สภาหลายๆครั้ง ***************************************************** ก็อย่างที่บอกไปในคห.ข้างบน.. ว่าหมอขาดการสื่อสารกับคนไข้ คนท้องไม่ใช่คนพิการก็จริง.. แต่ในทางการแพทย์ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง(ที่จะตาย).. คาดว่าหมอคงไม่ค่อยบอกเรื่องเหล่านี้กับคนไข้.. คนท้องส่วนมาก(ทุกคนนั่นแหละ) ก็เลยคาดหวังกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สุดแสนจะก้าวหน้าล้ำสมัยว่า.. สมัยนี้ไม่มีใครออกลูกตายกันแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น.. พอคลอดลูกแล้วตายก็เลยโยนความผิดให้หมอไปเต็มที่ จะว่าไปถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จะฟ้องร้องอะไรก็หาข้อมูลสักหน่อย ตะบี้ตะบันฟ้องร้องจะโยนความผิดให้หมอโดยที่ไม่รู้อะไรเลยมันก็.. นะ มันไม่ใช่ ดูอย่างใครล่ะ คดีที่วินิจฉัยเด็กผิดจนคลอดออกมาพิการอ่ะ เค้าก็ยังสู้คดีจนชนะได้เลย อ่อ.. อย่าอ้างว่าไม่มีความรู้แล้วจะฟ้องหมอไม่ได้ หรืออ้างว่าแพทยสภาเข้าข้างหมอเลยค่ะ มันฟังดูขาดตรรกะอย่างแรงเลยอ่ะ จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:01:52

ความคิดเห็นที่ 54 #52 ไอ้ที่บอกว่าต้องรีบตรวจก็เพราะว่า คุณลองคิดดูนะครับ หากไม่รีบตรวจ มีหวังได้เลิกตรวจกัน 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม แค่นี้ก็โดนเขียน Comment เรื่องให้คนไข้รอนานจะแย่แล้วครับ - -" จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 07:53:12

ความคิดเห็นที่ 55 #51 Edit ลบออกทำไมล่ะครับ ผมว่าคุณก็ตอบชัดเจนแล้วนี่ครับ มีอะไรต้องกลัว จากคุณ : Straight Edge เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:24:11

ความคิดเห็นที่ 56 ระบบมันก็ต้องแฟร์กับทั้งหมอและคนไข้นะครับ จะบอกว่าสิทธิผู้ป่วย คือ หมอห้ามผิด ถ้าผิดพลาดผมจะเล่นหมอแน่ แล้วสิทธิของหมอมีอะไรบ้างครับ หมอตามรพ.รัฐ ตจว.ตรวจวันละ 100 - 200 คน หมอเค้าเรียกร้องได้มั้ยว่าขอลดจำนวนคนไข้ ระบบ ตปท.เค้าถ้าไม่ด่วนจริงรอกันเป็นเดือนอย่างที่คห.บนๆ ว่าไว้ แล้วหมอเรียกร้องได้มั้ยครับ ว่าขอเปลี่ยนระบบทั้งระบบใหม่ให้เป็นแบบ ตปท. แค่เลิก 30 บาทก็ไม่มีทางแล้วครับ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟ้องไม่ให้ทำอะไรเลย แต่ก็เห็นใจคนทำงานกันบ้าง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันบ้าง เพราะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน หมอก็คนนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 53 01:03:14 แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 23:42:03 แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 16:37:23 แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 16:30:13 จากคุณ : stealth no13 เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 16:28:59

ความคิดเห็นที่ 57   หมอส่วนใหญ่ จะมีความเชี่ยวชาญอยู่เเล้วครับ ที่พลาดส่วนใหญ่ อาจจะเกิดการผิดพลาดในบางส่วนเเต่ไม่ใช่ทั้งหมด เท่าที่รู้ส่วนใหญ่จะรู้เพียงส่วนเดียวครับ...คงไม่พลาดจนออกทะเลหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 23:16:05 จากคุณ : Sublimis (Sublimis) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 22:28:53

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่มีหรอก การป้องกันได้ร้อยเปอร์เซนต์ ในเมื่อหมอ คือ คน ไม่ใช่เทพเจ้า คนก็ต้องทำสิ่งที่ผิดพลาดเป็นธรมดา ทุกๆคนพยายามหาทางที่ป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด แต่ไม่มีใครเคยถูกมาตลอด ไม่มีใครอยากให้เกิดความผิดพลาดหรอกครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด   จะแย่ลงด้วยโรค  หรือแย่ลงด้วยการรักษาก็เท่านั้นเอง TT จากคุณ : marchantia เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 01:03:55