ความคิดเห็นที่ 1   Vit'C สามารถซึมได้ตามผิวหนังครับ และมันก็เป็น Anti-Oxidant ตัวนึง สามารถไปยับยั้งการทำงานของ Enzyme Tirocinase ตัวที่จะไปทำให้เกิด Melanin ได้ นั่นหมายความว่ามันจะไม่ทำให้เกิดการดำเพิมขึ้น (หรือขาวขึ้นนั่นเอง) ดังนั้น Vit'C ก็เป็นอีกหนึ่ง Ingredient ที่ใช้ในครีม Whitening หลายๆตัว แต่เค้าจะไม่ใช้ในรูปของ Ascobic Acid เลยนะครับเพราะ Vit'C  ปกติแล้ว สามารถเสียสภาพได้ง่ายมากทั้งจาก ความร้อน แสงแดด และสภาพความเป็นกรดเบส จึงมีการนำเอา Vit'C  มาเติมหมู่ฟังก์ชั่น ต่างๆ(ในทางเคมี) เพื่อให้มันคงสภาพ และสามารถทนทานต่อขบวนการผลิต เครื่องสำอางคับ Vit'C  ที่ใช้ก็เช่น Sodium Ascobil phosphate (SAP)   Ascorbil 2-Glucoside (AA2G) เป็นต้นค้าบ จากคุณ : R_C_A_119 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 20:44:35

ความคิดเห็นที่ 2   ขอถามอีกอย่างครับผม ถ้าเราจะเอามาผสมกับครีมบำรุงผิว มันจะทำให้คุณภาพมันเสียไปไหมครับ ถาแบบผสมแล้วปล่อยไว้หรือจะให้ผสมแล้วใช้เลย ขอบคุณมากครับคุณ RCA จากคุณ : บ้อเช้ง เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:13:02

ความคิดเห็นที่ 3   อย่างที่บอกไว้ครับว่า Vit'C ถูกนำมาใช้เป็น Ingredient ในเครื่องสำอางหลายๆชนิดที่เคลม Whitening แต่ Vit'C (Ascorbic Acid) โดยปกติ จะเสียสภาพง่ายมาก (Vit'C  โดน Oxidize Oxigen ในอากาศ,แสง, หรือสภาพกรด-เบสในอิมัลชั่น) ทำให้เค้าไม่สามารถใช้ Ascorbic Acid ผสมในเครื่องสำอางได้โดยตรง เพราะกว่าที่เราจะได้ใช้ มันไปหมดแล้ว เสียสภาพหมดแล้ว ถ้าจำกันได้ หรือเคยได้ยิน จะมีเครื่องสำอางยี่ห้อนึงเอาแง่ดีของ Vit'C  มาใช้ โดยให้น้ำยามาขวดนึง และ Vit'C ผงมานิดนึง เวลาใช้ให้ ผสมกันแล้วใช้ ได้ผลดีระดับนึง แต่ไม่ที่สุด เพราะเราทา Vit'C  ไปแล้ว โอกาสเสียสภาพก่อนซึมเข้าผิวมีมาก และไอ้ที่ผสมแล้วไม่สามารถเก็บได้อีก เพราะมันจะเสียสภาพไป ใคทางการผลิตเครื่องสำอางจึงเอา อนุพันธ์ของ Vit'C  มาใช้แทน ข้อดีคือ มัน stable ที่ความร้อน แสง และ อากาศได้ดี (ขึ้นกับอยู่ในรูปแบบไหนด้วย) แบบที่ใช้กันเยอะคือ Sodium Ascorbil Phosphate (ใส่หมูฟอสเฟต เข้าไปเพื่อทำให้ Vit'C stable ขึ้น) เวลาทาเข้าไปที่ผิวหน้าเรา จะต้องมี enzyme phosphatase มาตัดฟอสเฟตออก จากนั้น Vit'C  จึงซึมเข้าผิว  ตัวไหนที่ยังไม่โดนตัดก้ออยู่บนใบหน้า ไม่เสียสภาพไป อีกตัวนึงที่ญีป่นใช่เยอะในเครื่องสำอางคือ AA2G ครับ เอา กลูโคสมาติดกับ Ascorbic Acid เวลาจะใช้ต้องเอา enzyme Alpha  Glucosidase มาตัด กลูโคสส่วนเกินกลายเป็นสารใหความชุ่มชื่น และ Vit'C  ก็ซึมเข้าผิวหนังตามปกติ ปล เอนไซม์ทั้งสองตัว ร่างกายเราผลิตอยู่แล้วคับ พอเข้าใจมั้ยอ่ะคับ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 21:44:06 จากคุณ : R_C_A_119 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:43:34

ความคิดเห็นที่ 4   อ่านก็งงๆ และพอเข้าใจนิดหน่อย มความรู้น้อยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทฤษฎีมากนัก แต่ก็ขบคุณมากครับผม ^^ จากคุณ : บ้อเช้ง เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:59:40

ความคิดเห็นที่ 5   อิอิ  โทษทีคับ technical ไปหน่อย เอาง่ายๆคือ เอา Vit'C  มาใช่เลย ได้..แต่ประสิทธิภาพไม่ดีครับ ต้องไปใช้ Vit'C ที่มีความเสถียรมากๆเท่านั้นเองคับ ^^ จากคุณ : R_C_A_119 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 22:07:27

ความคิดเห็นที่ 6   อ้ออีกอย่างนึง ถ้าต้องการให้ vitC ยับยั้งการสร้างเมลานินได้ ต้องความเข้มข้นอย่างน้อย 10% ขึ้นไปด้วยนะ ไอ้พวกใส่มาแค่ เศษซากก็ไมได้ผลอะไรเท่าไร จากคุณ : Anqueetas เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 23:06:11

ความคิดเห็นที่ 7   ถ้าผมเปลี่ยนมาใช้เป็นพวกมะขามเปียก มะนาว เกลือ พวกนี้แทนจะยับยั้งได้ไหมครับ จากคุณ : บ้อเช้ง เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 23:29:53

ความคิดเห็นที่ 8   ถ้าผมเปลี่ยนมาใช้เป็นพวกมะขามเปียก มะนาว เกลือ พวกนี้แทนจะยับยั้งได้ไหมครับ>>> เอาคำบ้านๆมาใช้ก็คือ หน้าแหกก่อนครับ โดนกรดกัดหน้าอ่ะครับ พวกนั้นกรดสูงมาก ไม่เหมาะกับการเอามาทาหน้าครับ จากคุณ : R_C_A_119 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 00:09:39

ความคิดเห็นที่ 9   ถ้าเป็น ASCORBIC ACID นั้นมันจะมีขนาดโมเลกุลใหญ่(แม้ว่าละลายในน้ำแล้วมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม) การจะให้ ASCORBIC ACID  ซึมสู่ผิวมีหลายปัจจัย คือ ต้องยังไม่เสื่อมสภาพ, ต้องมีสภาวะเป็นกรด และมีสารนำพาเช่น pg, bg, ethoxydiglycol ฯลฯ เพื่อให้ซึมสู่ผิวและใช้ได้ประสิทธิภาพ การผสมเข้ากับครีมที่ใช้อาจทำให้สภาวะที่กล่าวไปของ ASCORBIC ACID เปลี่ยนแปลงไป และ "อาจ" ทำให้สารสำคัญบางตัวของครีมนั้นเสื่อมประสิทธิภาพลง(ถ้าสารนั้นไม่ชอบสภาวะที่เป็นกรด) นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่ใช้ASCORBIC ACID  แล้วไม่เกิดผล บางรายอาจระคายเคืองเพราะต้องใช้ในปริมาณที่สูง และในหลายๆครั้งที่มันไปทำให้สิวเล็กๆที่มีระคายเคืองจนเป็นสิวอักเสบ จากคุณ : narusu (narusu) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:58:05