Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยอดคุณหมอด้านกระดูกสันหลัง [ตามคำขอของคุณแม่ครับ] vote  

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้นั้นเป็นเรื่องของคุณแม่ผมเองครับ
และคงต้องบอกว่าเรื่องต่อไปนี้เป็นความชอบส่วนบุคคล และที่ได้นำมาเผยแพร่นั้น เพราะ
1. คุณแม่ขอร้องให้ช่วยโพสต์เรื่องนี้บน internet ให้ด้วย
2. ผมคิดว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วย และผู้ที่กำลังอยากจะหมอด้านกระดูกสันหลังดี ๆ สักคนนึง
3. ผมได้ขออนุญาตคุณหมอตอนถ่ายรูปแล้ว ว่าจะขอนำรูปมาโพสต์ลงในเนท (คุณหมอบอกว่า Hi-5 เหรอ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ตอบท่านไปเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่ใด)

คุณแม่ผม ท่านมีปัญหาเรื่องหมอนรองกระดูกบริเวณคอกดทับเส้นประสาท ซึ่งทำให้เกิดอาการชาบริเวณปลายนิ้วเหมือนมดไต่ มาถึงบริเวณแขน และมีอาการปวดบริเวณสะบักอยู่เสมอ ท่านชอบบ่นกับผมว่าพอเวลาเป็นแล้วมันจะหงุดหงิด รำคาญมาก ช่วงที่เริ่มเป็นแรก ๆ (น่าจะสัก 6-7 ปีก่อน) และตรวจพบว่ามีปัญหาดังกล่าวจากการ X-ray ช่วงนั้น หมอแนะนำให้ลองทำกายภาพด้วยการดึงคอ โดยเป็นการบำบัดแต่ไม่ใช่การรักษา หากจะรักษาตอนนั้นต้องผ่าตัดใหญ่ (ปัจจุบันมีการผ่าผ่านกล้อง) ซึ่งผลของการรักษานั้นหากเกิดการผิดพลาดอาจทำให้พิการได้ ทำให้คุณแม่เลือกที่จะบำบัดมาเรื่อย ๆ ซึ่งก็ช่วยได้บ้างช่วงแรก ๆ หลัง ๆ คุณแม่เห็นว่าไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรแล้วจึงหยุดบำบัดไป และอาการก็ยังทรง ๆ มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งช่วงปลายปีที่แล้ว คุณแม่ท่านมีอาการปวดบริเวณสะบักข้างที่เป็นมาก ปวดจนเป็นไข้ กินอาหารเข้าไปแล้วอาเจียรออกมา ผมจึงพาไปหาหมอที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง (A) จากคำแนะนำของคนแถวบ้าน หลังจากไปทำการ MRI และวินิจฉัยรวมกับอาการของคุณแม่ในขณะนั้น หมอแนะนำให้ผ่าสถานเดียว โดยมีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาเป็นการผ่าผ่านกล้องทำให้แผลเล็ก และพักฟื้นได้เร็วขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายประเมินอยู่ที่ สามแสนบาท สำหรับการผ่าผ่านกล้องนี้ ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าสำหรับผมถือว่าเป็นค่อนข้างสูงมากพอสมควร มาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะเลือกที่จะผ่าไปเลยหากมีเงินพอ สำหรับผมเองก็พอมีอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวย แต่เพื่อการรักษาคุณแม่ ผมคิดว่าหากคุณแม่เลือกที่จะรักษาผมก็ยินดีที่จะจ่าย แต่ทว่า คุณแม่ผมเกิดอาการหายปวดไปเอง (อาจจะเป็นเพราะฟังตัวเลขค่ารักษา) ช่วงที่ MRI และพบคุณหมออีกรอบนึงนั้นกินเวลาประมาณอาทิตย์นึง กลับมาบ้านผมก็ได้ปรึกษากับคุณแม่ว่าจะเอาอย่างไรดี เนื่องจากอาการคุณแม่ช่วงนั้นดีขึ้น คือไม่ปวดแล้ว แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ผมก็ไม่ไว้ใจ และก็ได้ลองปรึกษากับเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายท่าน ทั้ง search ข้อมูลบนเนท เรื่องข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษา จึงได้มีคุณแม่เพื่อนที่ทำงานท่านนึงแนะนำคุณหมอทายาท ผมจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยทราบว่าคุณหมอมีเวปไซต์เกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ และทราบว่าคุณหมอออกตรวจในโรงพยาบาลหลายแห่งทั้งรัฐ และเอกชน

ผมจึงได้โทรไปนัดกับคุณหมอที่รพ.เอกชน (B)แห่งหนึ่งคิวรออีกประมาณเกือบสองอาทิตย์ ตอนนั้นผมค่อนข้างวิตกเนื่องจากหมอท่านแรกบอกว่าหากปล่อยไว้นานอาจจะแขนลีบได้เนื่องจากมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงพยายามหาหมอเพื่อพาคุณแม่ไปตรวจระหว่างช่วงที่รอนี้ เพราะอย่างน้อย ๆ ก็เพื่อเป็นการยืนยันจากหมอหลาย ๆ ท่านไปในตัวว่าควรรักษาอย่างไร ผลก็คือ ได้เป็นรพ.เอกชน (C) อีกแห่งหนึ่ง โดยได้คิวอีกสองวัน ผมจึงตัดสินใจพาคุณแม่ไปหา ผลที่ได้คือคุณหมอวินิจฉัยว่าคงต้องผ่าอีกเช่นกัน โดยดูจาก MRI ที่ได้จาก รพ. (A) ประเมินค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดผ่านกล้อง สามแสนแปดหมื่น!!! ผมกับคุณแม่นั่นมองหน้ากันโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก

ถึงวันนัดกับคุณหมอทายาท ผมก็พาคุณแม่ไปตามนัด เมื่อถึงคิวที่พบคุณหมอ บอกตรง ๆ ว่าถ้าเทียบกับหมอที่รพ. (A) กับ (C) แล้ว บรรยากาศผิดกันอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอมีความเป็นกันเองกับคนไข้ มีการสอบถามประวัติอย่างละเอียด มีการให้ลองทดสอบการเดิน ซึ่งค่อนข้างละเอียดกว่าหมอสองท่านแรก และหลังจากที่ดูจากอาการบวกกับผล MRI จากรพ. (A) แล้วคุณหมอให้แนะนำว่ายังไม่ต้องผ่า จริง ๆ ผมก็ไม่ได้บอกว่าการวินิจฉัยของหมอรพ. (A) ไม่ดีแต่อย่างใด เพียงแต่อาการของคุณแม่อาจจะดีขึ้นจากช่วงที่ไปหาซึ่งรวมแล้วก็ประมาณเกือบเดือนจากวันที่ปวดหนักมาก
แต่คุณหมอให้คำแนะนำที่ผมยังจำได้คือ การผ่าตัดไม่ใช่แนวทางในการป้องกัน การผ่าตัดควรทำเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น โดยคุณหมอได้บอกว่าเรื่องประสาทวิทยานั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และหลาย ๆ กรณี ก็ยังไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งคุณหมอบอกว่าผล MRI ของคุณแม่นั้นหากดูตามทฤษฎีแล้วควรจะต้องผ่า แต่คุณหมอบอกว่าท่านเคยเจอคนไข้อีกรายที่ผลยังแย่กว่าคุณแม่ด้วย แต่ปัจจุบันสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ได้ผ่าตัดแต่อย่างใด คุณหมอได้สอนในคุณแม่บริหารคอทุกวัน, นอนหมอนที่ถูกสุขลักษณะ และให้ปลอกคออ่อนมาลองใส่ดู ซึ่งหลังจากลองใส่ คุณแม่บอกว่ารู้สึกดีขึ้นทันที เหมือนมีคนมาช่วยยกคอ ทำให้โล่งขึ้น ซึ่งคุณหมอได้นัดอีก 2 อาทิตย์เพื่อติดตามอาการ
เมื่อถึงวันนัด ผมได้พาคุณแม่ไปพบคุณหมออีกครั้ง ซึ่งระหว่างช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น อาการของคุณแม่ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับคุณแม่ได้บริหารคอ, เปลี่ยนหมอนและใส่ปลอกคออ่อน ตามที่คุณหมอสั่ง เมื่อเข้าไปพบคุณหมอ หลังจากสอบถามอาการแล้ว คุณหมอจึงแนะนำว่าให้ปฏิบัติตัวเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากการพบครั้งนี้ คุณหมอได้นัดเจออีกสองเดือน โดยผมและคุณแม่ก็ได้ไปพบคุณหมอตามนัด และครั้งนี้เองที่ได้ขอถ่ายรูปร่วมกับคุณหมอ เนื่องจากคุณแม่ปลื้มคณหมอมาก ผมด้วยเช่นกัน ความเห็นส่วนตัวของผมนั้นผมว่าคุณหมอเป็นคุณหมอที่เก่งมาก เป็นกันเองกับคนไข้ และมีจรรยาบรรณของความเป็นหมอสูงมากจริง ๆ ครับ ต้องขอขอบคุณคุณหมออีกครั้งที่ช่วยรักษาคุณแม่ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติรับ

จากคุณ : Nimmo
เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 53 16:34:47




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com