 |
ความคิดเห็นที่ 4 |
|
ไปหาหมอครับ จะได้วินิจฉัยและจ่ายยาให้ตรงกับโรค ไม่งั้นปล่อยไว้จะยิ่งบานปลาย อีกอย่างเชื้อรามักเกิดจากการดูแลความสะอาดได้ไม่ดี ถ้าหนังหุ้มปลายยังยาวก็ยิ่งเพิ่มโอกาสอักเสบและหมักหมมเชื้อโรค และหากยังมีอะไรกันต่อโดยไม่ระวัง อนาคตข้างหน้าคุณจะมีโอกาสงานเข้าสูงมากทีเดียว เพราะว่าอวัยวะของผู้ชายมันสกปรกก็พอล้างได้ แต่เวลามีอะไรแล้วไปแถมให้ผู้หญิงนี่ มันตกค้างอยู่ข้างใน ระคายมาก ๆ เกิดก่อมะเร็งปากมดลูกได้ ทุกวันนี้มะเร็งปากมดลูกเจอได้เยอะมากๆ
จากงานวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด ออก JAN 2010 นี่เอง พบว่า
จากข้อมูลการศึกษาล่าสุดพบว่าการขริบหนังหุ้มปลาย
- สามารถลดอัตราการติดเชื้อ HIV ลงได้ 53 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำการขริบ
- สามารถลดการติดเชื้อ herpes simplex type2 (HSV-2) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิสลงได้ 28 34 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ
- สามารถลดอัตราการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งองคชาติได้ 32 35 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ
- สำหรับคู่นอนที่เป็นผู้หญิง ผู้ชายที่ทำการขริบแล้วสามารถลดอัตราการติดเชื้อ bacterial vaginosis ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะของผู้หญิงลงได้ 48 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ
ลดอัตราการเป็นมะเร็งองคชาติ ซึ่งข้อนี้เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้ว ว่ามะเร็งองคชาติพบได้น้อยมากในคนที่ทำการขริบ
- ลดอัตราการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะในช่วงระหว่างขวบปีแรก ซึ่งการติดเชื้อในระหว่างนี้สามารถรุนแรงได้ถึงขั้นต้องมาพักรักษาในโรงพยาบาล โดยพบว่าเด็กผูชายที่ไม่ได้ทำการขริบ มีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ 1 ต่อ 100 เมื่อเทียบกับเด็กที่ทำการขริบแล้ว จะพบอัตราการติดเชื้อนี้ได้เพียง 1 ต่อ 1000
- ป้องกันการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
- ป้องกันการตีบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า phimosis ซึ่งจะทำให้เกิดการเจ็บเวลาที่ทำการร่นหนังหุ้มปลายลงมาทำความสะอาด
- ทำให้การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น
แปลจาก Male Circumcision: New Information About Health Benefits Archives of Pediatrics & Adolescent Medicine. ; vol 164 no.1 January 2010 Vol. 164
หาขัอมูลเพิ่มเติม สมาคมกุมารแพทย์อเมริกา American Academy of Pediatrics http://www.aap.org/publiced/BR_Circumcision.htm ศุนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา Centers for Disease Control and Prevention, http://www.cdc.gov/hiv/resources/factsheets/circumcision.htm
หาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ
ดังนั้นจะเห็นว่าข้อดีหลาย ๆ อย่างนั้นดีสำหรับผู้หญิงมากเลยรวมถึงตัวเราด้วย มากกว่าน้ำหมักป้าเช็งเยอะแยะ แต่เหตุผลที่ไม่ค่อยมีคนไปทำกันก็เพราะมันเจ็บนี่แหละ แต่ถ้าคิดประโยชน์ก็คุ้ม เมืองนอกเค้าก็รู้เลยมักให้ทำกันตั้งแต่เด็ก ๆ ครับ นี่ล่าสุดทาง WHO หรือองค์การอนามัยโลกเค้าก็ประกาศให้การขริบเป็นวิธีหนึ่งในการลดการแพร่เชื้อเอดส์ด้วย
บ้านเรายังมัวมะงุมมะงาหลากับไม้ล้างป่าช้า GT200 กับน้ำเจียระไนเพชรกันอยู่เลย เฮ้อ
หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ
ลองเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องขี้เปียกก่อนครับ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&date=01-05-2007&group=4&gblog=5
ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ
ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ
จากคุณ |
:
สาลิกาโบยบิน
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มี.ค. 53 15:29:05
|
|
|
|
 |