ความคิดเห็นที่ 1   พอดีนั่งอ่าน กระทู้ของเพื่อนๆ คุณ ~Arthemis~ ถามเรื่องของ โยโย่ ครับ ซึ่งมีเพื่อนๆมาตอบและอธิบาย ให้ทราบแล้ว วันนี้ก็เลยอยากมาเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ สำหรับให้เพื่อนๆได้เป็นแนวทางกัน เราอาจมีเทคนิคในการลดน้ำหนักและวิธี ที่ใช้ในแต่ละคนอาจใช้วิธีแตกต่างกัน ซึ่งบางคนอาจใช้วิธีลด ควบคุมอาหารไม่เหมือนกัน สำหรับแนวทางที่ดีในการลดน้ำหนัก คือ การควบคุม อาหาร และ การออกกำลังกายควบคูกันไป เพื่อนๆ หลาย ๆ คน อาจใช้วิธีการอด หรือ คุม อาหาร แต่เพียงอย่างเดียว บางคน มีการคุมอาหาร และ มีการออกกำลังกาย ประเภท คาร์ดิโอมากๆ เพื่อให้น้ำหนักลดลง ซึ่ง บางครั้ง หากเราใช้วิธีการเผาผลาญ พลังงานด้วยวิธีคาร์ดิโอ เป็นระยะเวลานานๆ ร่างกายก็ต้องเสียน้ำ และ ปริมาณกล้ามเนื้อก็จะลดลงเรื่อยๆครับ ปริมาณกล้ามเนื้อ จะเป็นปัจจัยสำคัญมาก สำหรับการเพิ่ม ระดับ เผาผลาญ หากช่วงลดน้ำหนัก เพื่อน ๆ สามารถลดน้ำหนัก ลงมาได้มาก และ ปริมาณกล้ามเนื้อก็ลดลงมากๆ ก็จะทำให้ระดับการเผาผลาญของเราต่ำ ซึ่งก็แน่นอนเลยว่า พอเราหยุดการควบคุม อาหาร และ กลับไปกินอาหารอย่างเดิม เราก็ต้องอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีครับ ทั้งนี้ ถ้าในแต่ละวันเราไม่มีกิจกรรมอะไรที่ต้องออกแรงมากมาย และ ระดับ การเผาผลาญเราที่ต่ำมากๆ บวกกับ เปอร์เซ็นด์ กล้ามเนื้อที่น้อยมาก สิ่งที่เราทาน หากไม่ได้ใช้ก็จะเป็นส่วนเหลือ เก็บไว้ในรูปแบบไขมันต่อไป ดังนั้นวิธีการลดน้ำหนัก แบบ ควบคุมอาหาร และ ออกกำลังกาย แบบ สองอย่าง คือ คาร์ดิโอ และ ที่ต้องไม่ลืม คือใส่ เวทเทรนนิ่ง เพื่อรักษา เปอร์เซ็นด์กล้ามเนื้อไว้ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ แต่หากถ้าจะวัดกันที่ตัวเลขน้ำหนัก ก็อาจจะไม่เห็นผลชัดเจน สะใจ ครับ ดังนั้น การวัดเพื่อเปรียบเทียบ สำหรับการลดน้ำหนัก ไม่ควรที่จะดูที่ตัวเลขน้ำหนักล้วนๆนะครับ เราจะต้องใช้ ข้อมูล ด้านอื่น เช่น สัดส่วน และ ปริมาณของไขมันในร่างกายมาเป็นตัวเปรียบเทียบด้วยครับ และ ก็อย่า พยามชั่งน้ำหนัก แบบ ทุกๆ วัน ว่าวันนี้ลดแค่ใหน ครับ เอาเป็นเดือนละครั้งก็พอครับ สิ่งที่เราทำไม่สามารถเห็นผลได้อย่างทันที แต่ก็มีข้อแย้งครับ สำหรับคนที่อยากได้รูปร่างแบบ ผอมเพรียวๆ บางคนไม่อยากได้รูปร่างแบบมีกล้ามเนื้อ อยากจะได้หุ่นแบบนางแบบ หรือ ผู้ชายเลือกที่จะหล่อแบบเกาหลี ไม่ใช่แบบ ฮอลิวู้ด ^^ และ ใช้วิธีคาร์ดิโอ เป็นระยะ เวลานานๆ ก็จะต้องดูแลตัวเองสำหรับการป้องกันโยโย่ให้มากกว่าคนอื่นๆครับ จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:30:49

ความคิดเห็นที่ 2 ปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดค่าาาาาาา ^_^ สู้ๆค่ะ คุณ Mr. Trainer อิอิ จากคุณ : สาวประเภทสวย เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:32:33

ความคิดเห็นที่ 3   ยก บทความที่เคยเขียนไว้ครับ อันนี้เป็น บทความที่เพื่อนๆ ผ่านการลดน้ำหนักมาจนครบโปรแกรม ของแต่ละคนแล้ว ซึ่งมีประโยชน์มาก "ทำอย่างไรเราจะรักษาหุ่นและรูปร่างหรือน้ำหนักอย่างนี้ได้ตลอดไป" ตอนนี้คุณพอใจในน้ำหนักตัวเองแล้วแต่ผมหวังว่าคุณคงจะไม่ทอดทิ้งตัวเองโดยการปล่อยปะละเลยให้กับมาอ้วนใหม่อีก เมื่อคุณครบโปรแกรมแล้วคุณอาจจะไม่ต้องกินตามโปรแกรมเดิมเป๊ะๆแต่คุณควรคงแนวทางที่สำคัญไว้ โดยเฉพาะ กฎทอง 8 ข้อของการลดน้ำหนัก ถ้าคุณรักษากฏข้อนี้ได้ผมกล้ารับรองเลยว่าคุณจะไม่กลับมาอ้วนอีกเด็ดขาด 1.Time รักษาเวลา คุณต้องรับประทานอาหารให้ตรงเวลา โดยต้องรับประทานอาหารมื้อเช้านะครับ ห้ามงด ก่อนเวลา 09.00 น. มื้อเที่ยง ก่อนเวลา 15.00 น. และที่สำคัญไม่รับประทานอาหารมื้อเย็นหลัง 19.00 น. 2.Water ดื่มน้ำ ให้ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ให้ดื่มทันทีเมื่อตื่น 1 แก้ว ช่วยระบบขับถ่าย และ 1 แก้ว ก่อนนอน 3.Controll Calorie ควบคุมปริมาณแคลอรี่ รับประทานอย่างพอเพียง งดตามใจปาก ควบคุมค่าแคลอรี่ 4.Raise Metaborism รับประทาน อาหารที่ช่วยเพิ่มระดับเมตาบอริสซม ของคุณ เพื่อเป็นการกระตุ้นและเผาผลาญพลังงานอีกทางหนึ่ง 5.No Sweet and Fried งดอาหารที่มีน้ำตาลทุกๆรูปแบบ ขนม ไอศครีม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และ งดทานอาหาร fast food และของทอดมันๆ ให้พยามหลีกเลี่ยง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ของหวานและของทอดเป็นอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่สูง 6.Exercise ออกกำลังกาย สิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับการลดน้ำหนักคือคุณต้องเผาผลาญไขมันโดยการออกำลังกาย ทั้งแบบ cardio และ แบบ weight training ค้นหาการออกกำลังกาย 7.Rest นอนหลับให้พอเพียง คุณจะต้องรักษาระดับการนอนให้เหมาะสม เพื่อรักษาระดับเมตาบอริสซมของคุณ นอกจากนี้การนอนยังช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีมีหน้าตาที่แจ่มใส 8.Keep Moving ก้าวต่อไป การลดน้ำหนักต้องอาศัยเวลา ความทุ่มเท และคุณต้องก้าวต่อไป การลดน้ำหนักไม่สามารถเห็นผลได้ภายในเวลาแค่วันสองวันคุณจะต้องอดทนและไม่ท้อถอย และ พยามทำต่อไป จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:36:22

ความคิดเห็นที่ 4   พยามปรับเปลี่ยนอุปนิสัยการกินของคุณที่สำคัญกว่า หากคุณทำตามโปรแกรมแล้วคุณพอใจแล้วนึกว่า "เอาล่ะฉันพอแล้ว" หลังจากครบโปรแกรมแล้วคุณกลับไปใช้ชีวิตการกินแบบเดิมคือ 1.กินของหวานและมันที่อยากกินมานาน 2.กินจนกว่าท้องจะแน่น 3.กินในทุกเวลาที่อยากกิน 4.ดื่มเครื่องดื่มทุกอย่างที่อยากดื่ม เชื่อแน่ว่าในไม่ช้าคุณก็คงจะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมครับหรืออาจมากกว่าเดิมด้วยครับ ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไร จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:37:01

ความคิดเห็นที่ 5   คำตอบคือ การเลือกสรรการกินและการจัดเวลาให้การกินของคุณครับ คุณสามารถที่จะกินอะไรอร่อยๆอย่างที่คุณชอบได้ อาจไปกินบุเฟห์ หมูกะทะได้ แต่ คุณสามารถเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูงๆได้ คุณสามารถที่จะทานของหวานๆหรือขนมเค็กแสนอร่อยต่างๆได้ถ้าคุณมีลิมิตว่า อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง หรือ คุณสามารถกินอาหารเย็นมื้อหนักๆกับเพื่อนได้ถ้ารู้ว่าเย็นนี้มีนัดคุณก็สามารถกระจายพลังงานแคลอรี่ในแต่ละมื้อได้ ถ้าคุณทำตามที่ผมบอก คือ การเลือกสรร คุณจะมีรูปร่างและน้ำหนักที่ดีอยู่ตลอดครับ โดยในการรับประทานอาหารในแต่ละวันขอให้คุณคงแนวคิดต่อไปนี้ไว้ครับ จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:37:44

ความคิดเห็นที่ 6   1.ห้ามงดอาหารแต่ละมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช่า 2.รับประทานผักและพยามให้มีผลไม้ในทุกๆมื้อเพื่อสารอาหารที่ครบ 3.หลีกเลี่ยงการรับประทานแป้งหรือน้ำตาลในมื้อเย็น 4.ผักและผลไม้ 5 สี ทานให้ครบและหลากหลาย 5.หลีกเลี่ยงของ มัด ทอด โดยเปลี่ยนเป็น นึ่ง หรือ ต้ม 6.หลีกเลี่ยงการทานเนื้อที่มีไขมันมาก อย่าง เนื้อวัว ให้ลองทาน ปลาแทนที่ให้คุณค่ามากมาย 7.รับประทานผลไม้และอาหารจากธรรมชาติมากว่าหรือทดแทนขนมและของหวานหรือของแปรรูป 8ป้องกันการแก่กว่าวัยด้วยการรับประทานอาหารแบบ Anti-Aging จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:38:58

ความคิดเห็นที่ 7   ขอทิ้งท้าย ไว้เป็น วลีอมตะ สำหรับการลดน้ำหนักเลยครับ "ชีวิตเราจะเป็นอย่างที่เรากิน และ ความสวยเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ และสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการลดน้ำหนกคือการเอาชนะใจตัวเองครับ" จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 12:40:37

ความคิดเห็นที่ 8 คุณม้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา มาพูดอย่างนี้ได้ไง พรุ่งนี้แค่49...อิอิ ไม่อยากแก่เล๊ยยย และพรุ่งนี้คงต้องฉลองวันเกิดกันเพียงสองคนเหมือนเดิม...เฮ้อ >>>ความสวยเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ และสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการลดน้ำหนกคือการเอาชนะใจตัวเองครับ<<< จ้า จ้า จ้า.....กำลังพยายามอยู่คร่าาาา... แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 53 13:30:02 จากคุณ : ยายหนูAK เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 13:29:21

ความคิดเห็นที่ 9 คุณครูม้าครับ กฏทอง8 ข้อนั้น ผมทำได้หมด ยกเว้นข้อ 6กับ7 อ่ะครับ 555+ ส่วนเรื่องเนื้อวัว ผมล่ะเพิ่งซัดสเต๊กเนื้อวัวมาอ่ะ เห็นว่าแคลฯที่ระบุไ้ว้มันต่ำ ก็เลยหาซื้อมากิน ก็พยายามเลือกเอาชิ้นที่มีแต่เนื้อล้วนๆ อ่ะครับ ส่วนปลาก็ทานนะครับ โดยมากเมนูปลา จะมาในตอนเช้า เที่ยงก็จะเป็นเนื้อวัว แต่ทุกมื้อตอนนี้ต้องมีผักตลอดเลยครับ สดมั่ง นึ่งมั่ง อีกข้อนึงครับครูม้า คือว่า ผม ไม่ทานขนมหวานทุกชนิดเลย น้ำขวดก็ไม่ทาน แถมแป้งก็ไม่ได้ทาน กาแฟยังไม่ใส่น้ำตาลเลย ซัก2วันมานี้ เริ่มรู้สึกแปลกๆ ครับ หวิวๆ ไงชอบกล วันนี้เลยคิดว่า ลองกินกาแฟใส่้น้ำตาล แก้วละ 1 ช้อนชาดูครับ ทานได้ 2 มื้อแล้ว ก็รู้สึกว่า ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มากครับ แต่รู้สึกได้ว่าดีขึ้นครับ ครูม้าว่ามันเกี่ยวกันมั้ยน้อที่ผมอดน้ำตาลมากเกินไป ผลไม้ก็กินน้อยมากพักนี้ นมเนเจอร์อัพก็ยังเลือกแบบไม่หวานอีก สงสัย อ่ะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Journalise เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 14:51:03

ความคิดเห็นที่ 10 ก็อปมาจากบล็อกของคุณหมอวัลลภ คน ส่วนใหญ่มัก จะเชื่อว่า การยกน้ำหนักหรือเล่นเวทแบบหนักๆ จะ ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น ความเชื่อนี้ทำให้ผู้หญิง และคนอีกหลายๆ คนที่อยากจะมีหุ่นดี (slim = หุ่นบางๆ ไม่อ้วน) และกระชับ (toned = มีแรงตึง กระชับ ไม่หย่อนยาน) หลีกเลี่ยง หันไปยกน้ำนหักเบาๆ และยกหลายๆ ครั้งแทน การศึกษา ที่ ผ่านมาพบว่า การทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นผลรวมจากการยกน้ำหนัก (ที่หนักมาก พอ), กินอาหารที่มีโปรตีน-แคลอรีสูงพอ (ส่วนใหญ่เกิน 2,000 แคลอรี/วัน), นอนมากพอ-ไม่นอนดึก, และฮอร์โมนเพศชายที่สูงพอ ผู้หญิงเกือบทั้งหมดมี ระดับฮอร์โมนเพศชายค่อนข้างต่ำ ทำให้การเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อเป็นไปได้ ยาก การยกน้ำหนัก ที่ หนักขึ้น และยกจำนวนครั้งน้อยลง หรือส่วนใหญ่ คือ ยกได้ไม่เกิน 10 ครั้ง ก็หมดแรงพอดี (repetition maximum) และค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละน้อย ให้ผลดีในด้านการทำให้กล้ามเนื้อกระชับ (to tone up) และทำให้หุ่นผอมเพรียวลง (slim down) มากกว่าการยกน้ำหนักเบาๆ หลายๆ ครั้ง การศึกษาหนึ่งทำในปี 2002 หรือ พ.ศ. 2545 ให้อาสาสมัครผู้หญิงยกน้ำหนักที่มีน้ำหนัก (weights) และจำนวนครั้ง (repetitions / rep.) ต่่างกัน การศึกษานี้ ทดลอง ให้ยก 85% ของแรงยกสูงสุด 8 ครั้ง, เทียบกับ 45% ของแรงยกสูงสุด 15 ครั้ง ผลการศึกษาพบว่า การยกน้ำหนักที่หนักมากหน่อย น้อยๆ ครั้ง ช่วยเพิ่มการเผาผลาญกำลังงาน หลังการออกกำลังได้มากกว่า การศึกษา อีกรายงาน หนึ่งทำในปี 2552 ติดตามกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 122 คนไป 6 ปีพบว่า การยก น้ำหนัก เล่นเวท หรือออกกำลังต้านแรงแบบหนักหน่อย คือ 70-80% ของแรงยก สูงสุด 8 reps (ครั้ง/เซ็ต) ช่วยเสริมโปรแกรมลดความอ้วนได้มากที่สุด (ดีกว่ายกน้ำหนักเบาๆ หลายๆ ครั้ง) การศึกษาอีกรายงานหนึ่ง ติดตามกลุ่มตัวอยางไป 2 ปีพบว่า ผู้หญิงที่ออกกำลังต้านแรง เช่น ยกน้ำหนัก เล่นเวท ดึงสปริง ฯลฯ แบบใช้แรงต้านสูง (น้ำหนักมากหน่อย) และค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักหรือแรงต้านไปเรื่อยๆ 2 ครั้ง/สัปดาห์ ลดน้ำหนักได้ดี แถมยังลดไขมันในช่องท้อง หรือภาวะอ้วนลงพุงได้ดีอีกต่างหาก ถึงตรงนี้... ขอ ให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์ ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. > 12 เมษายน 2553. ที่มา  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=health2u&month=12-04-2010&group=8&gblog=43 จากคุณ : ยายหนูAK เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 15:25:29

ความคิดเห็นที่ 11   ^^ พี่ยายหนูจะ 39 หรือ 49 ครับ งั้นพรุ่งนี้ต้องฉลองใหญ่แล้วครับ ส่วนคุณ Journalise ครับ ข้อ 6 คือ การออกกำลังกายครับ และ ข้อ 7 คือ การนอนหลับ การออกกำลังกายเหมือนกับการอาบน้ำ ชวยให้ร่างกายสะอาด แข็งแรงและดูดีครับ ส่วน การนอนของเราเหมือนกับการชาร์ตแบตให้ตัวเราครับ และการรับประทานอาหารต้องทานให้ครบ และในมื้อเช้า ต้อง ครบ และ ต้องมีแป้งด้วยครับ ถึง แม้ว่าเราจะอยู่ในช่วงไดเอต เพราะ แป้ง หรือ น้ำตาล เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนร่างกายครับ ถ้าเรากลัวอ้วนมาก ให้ทาน พวก แป้ง ที่เป็น low gi ครับ ดีกว่า ไม่อยากให้งดครับ เพราะมันจะ ติดลบไปในมื้อ ต่อๆ ไป วัน ต่อๆไป จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 16:49:07

ความคิดเห็นที่ 12   ตาลายยยยยยยยยยยยย . . เดี๋ยวผอมแล้วจะกลับมาอ่านใหม่นะคะคุณครูม้า ((อิ อิ)) จากคุณ : !!~BuaBooCha~!! เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 18:27:41

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครูม้ามากเลยค่าสำหรับคำแนะนำดีๆเสมอมา จากคุณ : คุณแม่น้องเซ็น เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 20:11:14

ความคิดเห็นที่ 14   ^^ หุหุ มีคนตาลาย ด้วย อย่างนี้ต้องเรียก พี่ จุ๋มแล้วนะ อิอิ จากคุณ : mrtrainer2008 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 20:36:55

ความคิดเห็นที่ 15 ขอถามหน่อยคะว่า โยคะ หรือแอโรบิคถือเป็นเวทเทรนนิ่ง หรือเปล่าคะ จากคุณ : vedette เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 53 21:34:57

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นบทความที่ดีมาก และจริงทุกอย่างที่เขียนมา ตอนนี้เราประสบปัญหาเรื่องขนมหวาน กลุ้มใจตัวเอง เราเบื่อผลไม้ เพราะตอนลด นน.กินมากมาย ไม่ได้กินขนมหวานเลย พอลดได้ถึงปัจจุบัน กลับกลายว่าอยากกินแต่ขนม โดยเฉพาะไอศกรีม เรากินทุกอาทิตย์ (ตอนลดไม่แตะเลย) เริ่มจากที่เคยเลือกแต่แบบซอร์เบต์ ก็เปลี่ยนเป็นนมเนยเต็มพิกัดค่ะ ชอคโกแล็ตก็พยายามห้ามใจเลือกแบบดาร์กอยู่ (ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง) อยากหยุดขนมหวานไม่รู้จะทำยังไง นอกจากคงต้องใจแข็ง หรือจะอกหักอีกทีดี จะได้เป็นแรงกระตุ้นให้ลดถึงเป้าสุดท้าย? ขอโทษที่บ่นยาว แต่กลุ้มจริงๆค่ะ จากคุณ : mangogo เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 01:25:44

ความคิดเห็นที่ 17   คุณครูม้า . . แหง่ะ . . เมื่อวานคุณ journalise ก็เรียกพี่ไปคนนึงแล้ว . . วันนี้คุณครูม้า มาเรียกข้าพเจ้าพี่อีก....โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : !!~BuaBooCha~!! เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 07:29:45

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณ คุณmrtrainer2008  มากๆๆเลยค่ะ อุตส่าห์ช่วยให้ความรู้ ชัดเจน แจ่มแจ้งมากๆๆ เสียดายไม่มีgift ให้อ่ะคะ  หมดแล้ววว  TT เพิ่งเริ่มทำweight training ไป ครั้งแรก  สิบนาที  ก้อล้าแล้วค่ะ เรี่ยวแรงไม่มี   แต่พออ่านกระทู้นี้ แล้วมีกำลังใจ เดี๋ยวลองเริ่มใหม่อีกสักตั้ง สู้ๆๆๆ ว่าแต่มีกฏอีกหลายข้อเลย ที่ต้องเปลี่ยน  แต่เรื่องไม่ชั่งน้ำหนักนี่ ^^'' มันจะลงแดงนะคะเนี่ย ตอนนี้เราชั่งน้ำหนักวันละสิบเที่ยว ชิ้งฉ่องหนนึง ก้อเอาและ ดูหน่อยซิ  ลดไปเท่าไหร่  (เข้าขั้นโรคจิตนะเนี่ย) แล้วพอน้ำหนักลด ก้อจะยิ่งเห่อ วิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆๆ ตอนนี้เดินเข่าทรุดๆล้าๆ เป็นแรพโย่อยู่ในบ้าน   วันๆนึง ทานสลัดมื้อเดียว ปวดท้องก้อทานยาเคลือบกะเพาะเอา แต่ถ้ากินมากกว่านี้-- cardio น้อยกว่านี้ --หรือลองให้หลุดซักมื้อ น้ำหนักมันก้อกลับมาขึ้นอ่ะค่ะ เพราะตอนนี้นอนกลิ้ง อ่านหนังสืออยู่บ้าน ไม่ได้ใช้พลังงานอะไรเลย   ~~  ผิดพลาดขนาดนี้ จะแก้ไขทันมั้ยน้อ   Ps. ลดมา6 kg แล้ว ทำไมสัดส่วนมันยังเท่าเดิมล่ะคะเนี่ย จากคุณ : ~Arthemis~ เขียนเมื่อ : วันเนา 53 22:17:40