ความคิดเห็นที่ 1 สามยกในหนึ่งชั่วโมงนี่มันก็ตกยกละ 20 นาทีเองอ่ะ เป็นเพราะเสร็จเร็วไปป่ะคะ ถึงโดนแฟนหาว่าเสื่อม จากคุณ : yingcs เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 06:22:36

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ทราบสามีคุณอายุเท่าขนาดใหนแล้วคะ อ่านที่คุณตอบทู้ข้างล่างน่ะ เราเองขำก๊ากกกก อยากทราบจริงๆค่ะ มีด้วยเหรอคะ ผู้ชายแบบนี้ 2 ครั้ง/ ปี สงสัยทำพร้อมกับ ทำนาปัง นะคะเนี่ย.. จากคุณ : ยายภูธร เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 06:34:03

ความคิดเห็นที่ 3 ขอระบายมั่งนะ... สามีเสื่อม แต่ใจยังสู้ ภรรยาเลยเซ็ง... วันมหาสงกรานต์ คิดถึงบ้านจัง อยากเป่าเค็กอ่ะ... จากคุณ : ยายหนูAK เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 06:34:53

ความคิดเห็นที่ 4 คคห.แรกคงเข้าใจว่าเป็นเรา อ่่ะมาเพิ่มลิงค์กระทู้ล่างให้ละกัน ยายหนูเดี๋ยวนี้ผอมเลยนะคะ  เราเคยเจอกันที่เวบครัวไกลบ้านเคยเปนแฟนกระทู้อยู่สมัยคุณบุกเบิกร้านเป็นของตัวเองกับคุณเบนน่ะค่ะ ยายภูธร ขำก๊ากเลยเหรอ กลับไปอ่านกระทูููู้โน้่นต่อสิว่าสามีเค้าเถียงเรากลับมาว่าไง เรางี้หัวเราะจนน้ำตาเอ่อ   สามีจขกท.อายุเท่ากันเลย 35  เค้าเกิดปลายเดือนนี้   รู้จักกันตอนอายุ 27   แต่งกันตอนอายุ 29 เค้าก็เป็นอย่างนี้แล้วปีแรกที่แต่งกันยังเสียใจนึกว่าเค้าเป็นเกย์เลย มีอะไรกันแค่ 5 หนไม่เกิน 7 หน ทำเอาหมวยเสียเซลฟ์ไปเลย แอบร้องไห้ซะตาตี่ อายุ 30 คราวนี้ความแตกครอบครัวสามีรู้  พากันเดินแถวออกมารับรองลูกไม่ใช่เกย์ พี่ไม่ใช่เกย์ หลานไม่ใช่เกย์  เอ้าสามียอมทนฟังเสียงรบเร้าเราไม่ไหวไปพบหมอเพื่อนสนิทของพ่อเค้า  แล้วหมอก็ให้ไวอากร้ามา  มันไม่ได้ผลเพราะไอติมแข็งจริงแต่ใจมันไม่สู้ไม่คึกคัก  นั่งนอนพักจนมันเฉาไป  อาหมวยเหงาหงอดไปเลย  ปีนั้นเราอยากมีลูกเป็นเพื่อน แล้วก็ท้องติดลูกเพราะไปหาหมอๆจัดโปรแกรมทำลูก 5 วัน ทำไป2 วันสามียุติ เผอิญติดลูก ปีนั้นก็มีอะไรกันไม่ต่ำกว่าห้าไม่มากกว่าเจ็ดครั้ง อายุ 31  พอคลอดลูกปีนั้นไม่มีอะไรกันเลยทั้งปี  เหนื่อยเลี้ยงลูกไม่อยากอะไรละเรา    พอมีลูกก็นอนคนละห้องเรานอนกับลูก อายุ 32  มีอะไรกัน 4 ครั้ง เราเป็นฝ่ายรุกเป็นสิบๆ ไปศึกษาจากเวบละ  หาพร๊อบเครื่องแต่งกายเสริม  รองเท้าส้นสูง หาถุงน่องที่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่มีสายสเปนเดอร์เป็นคลิบหนีบสี่เส้นมาใส่  หากลยุทธ์ร้อยแปดงัดมาใช้  สามีนอนเหมือนต้นไม้ตายเลยอ่ะ น่าเบื่อมากไม่มีลีลาอะไรให้เราควบอย่างเดียวเซ็งสุด  เอ้าปีนั้นสำเร็จสามหน อีกหนเค้าเริ่มเอง อายุ 33  ก็ 4 หนเริ่มเองนับไม่ถ้วนถูกปฏิเสธหน้ายับเยินมาตลอด  เค้าเริ่มเองหนเดียว อายุ 34  เหลือ 2 หนักเข้าไปอีก  คราวนี้พ่อสามีบอกเห็นใจแนะให้ไปมองหาคนรู้ใจสักคนไว้เป็นเพื่อนใจไว้พูดคุยไว้ทดแทนหน้าที่ที่ลูกชายเค้าให้ไม่ได้  โดยให้เราอยู่อย่างนี้ต่อไป เฮ้อเครียดไปครึ่งค่อนปี ตกใจกับคำแนะนำของพ่อสามีมาก อายุปีนี้ 35  ทั้งคู่  เราก็ยังรอคอยสามีหวังอย่างลมๆ แล้งๆ อยู่ว่าจะได้เป็นคู่ปกติกับชาวบ้านเค้าบ้าง  แต่เค้าไม่ยอมไปหาหมอน่ะ  ก็อย่างที่เล่าในกระทู้คนอื่นไง  เค้าบอกว่าเค้าปกติ เหงาหงอยก็ช่วยตัวเองแต่โหยหาของจริงของแท้น่ะ  สามีไม่เห็นใจบ้างเลย ดูสิเราไม่เคยนอกใจเลย แต่เราจะอยู่อย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน  อยู่จนความสาวสดใสหายไปแล้วอยู่อย่างห่อเหี่ยวๆ แห้งไปจนแก่เหรอเนี่ย  สงสารตัวเองจริงจริ๊งเค้าไม่เห็นใจเราเลยให้ตายเถอะชีวิตไร้สีสัน ไร้ความตื่นเต้น พิมพ์ผิดแก้เยอะจัง แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 53 10:25:43 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 53 11:23:45 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 53 11:30:04 จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 10:05:13

ความคิดเห็นที่ 5 อุ๊ยยย คุณน้องจ๊ะจ๋า ..พี่ล่ะเห็นใจคุณน้องมากเลยนะคะ แต่ก็เอาเหอะ  ไม่เป็นไรนะคะ มือเราก็มีนี่นา เย้ยยยยยย  พูดไรออกไป เขิลลลลลล จากคุณ : ยายภูธร เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 11:37:32

ความคิดเห็นที่ 6   พ่อสามีใจดีมากค่ะ จากคุณ : สวยรากหญ้า เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 12:36:17

ความคิดเห็นที่ 7   แย่จังเลย... จากคุณ : ชาวนาแก่ๆ78 เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 14:52:03

ความคิดเห็นที่ 8 อึ้งค่ะ ...... ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้มีจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดคุยกันไม่ได้ ใครบอกว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องหลักของชีวิตคู่ ไม่จริงค่ะ เรื่องนี้หล่ะที่ทำให้คนสองคนผูกพันกันมากขึ้น แต่บางคนเค้าก็อยู่กันได้จนแก่จนเฒ่า .... ต่างคนก็ต่างมุมองค่ะ จากคุณ : ~KyoKo~ เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 15:00:16

ความคิดเห็นที่ 9   แหม จากคุณ : .... เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 16:22:36 A:58.9.247.175 X: TicketID:210498

ความคิดเห็นที่ 10 ลองเข้าไปรับคำแนะนำที่ www.clinicrak.com จากคุณ : หมอ (คลินิกรัก) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 16:42:16

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นค่ะ T_T สามีอายุแค่29เองนะก็เป็นแล้ว... จากคุณ : อาซาริจอมแก่น เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 21:57:30

ความคิดเห็นที่ 12 เราคุยกับสามีเรื่องปัญหาของคุณจขกท.  สามีแนะว่าให้เราลองมาเขียนแนะนำจขกท. แบบนี้นะคะ เรามองประเด็นของสามีคุณจ๊ะจ๋าเป็นสามแบบ 1. เขามีปัญหาเรื่องทางเพศ คือไม่สมบูรณ์  ไม่มีความต้องการทางเพศ 2. เป็นเกย์  แต่ยังไม่รู้ตัว 3. มีหญิงอื่น เราอยากจะตัดข้อสุดท้ายไปก่อน    สามีเราบอกว่า จริงๆแล้วชีวิตคู่ไม่ได้มีแต่เรื่องบนเตียงเสมอไป มันเป็นแค่ส่วนประกอบ  มันต้องดูว่าแล้วชีวิตคู่ส่วนอื่นๆ ของคุณจขกท.เป็นยังไง  สมบูรณ์หรือเปล่า  ความรัก ความเอาใจใส่ สวีท มีหรือเปล่า ประเด็นเรื่องที่พ่อสามีมาบอกให้คุณจขกท.หาเพื่อนคู่ใจอีกคน นี่มีนัยยะบางอย่างนะคะ สามีเราวิเคราะห์ว่า  พ่อสามีคุณพยายามจะบอกอะไรบางอย่าง  แต่บอกไม่หมด  และให้คุณไปคิดเอาเอง   มีหรือที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกชายจะยอมให้ลูกสะใภ้มีผู้ชายอีกคน  มันแปลกอยู่นา...? หรือคุณต้องลองใจสามีคุณโดยการ แกล้งหากิ๊กมาตีสนิทสนม ดูว่า คุณสามีมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรบ้าง  แต่อย่ามากเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้ง แต่สามีเราบอกว่า เท่าที่เขาฟังเรื่องนี้นะ เขาบอกว่ามีแนวโน้มเป็นเกย์ เกิน 50% ไปแล้วอ่ะ   ยกเว้นจะมีนิสัยที่ไม่ชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศ  เหมาะที่จะศึกษาธรรมะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 22:43:37

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่คิดว่าชายแท้ๆจะเป็นแบบนี้นะครับ จำนวนครั้งต่อปี  มันผิดปกติมากๆ   ผู้ชายเลข 4 เลข 5  ขึ้นต้นยังมากกว่านี้เลย ผมว่าจะเหมือน  ริกกี้   มาร์ติน  นะ ที่มีภรรยาและลูกแล้ว   เพิ่งมาประกาศตัวเองเป็นเกย์ ตอบคำถาม  จขกท. ผู้หญิง  เสื่อมก่อนผู้ชาย  และมากกว่าผู้ชาย อาจเป็นด้วยผู้หญิงต้องเลี้ยงลูก  ทำงานในบ้าน   นอกบ้าน   กลับมาก็เหนื่อย ไม่มีอารมณ์แล้ว จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 53 23:49:06

ความคิดเห็นที่ 14 ฟังแล้วขำ แต่เศร้า ต้องดูว่าเกิดจากอะไรครับ ลองหาอย่างอื่นเสริม เช่น แอลกอฮอล์หน่อยมั๊ย ดูหนังหน่อยดีหรือไม่ ตรงๆนะครับ หรือว่าคุณไม่น่ารัก คือ สะอาดหรือเปล่า ปากกลิ่นเป็นยังไง ทรวดทรงองเอว รักแร้ ฝ่าเท้า ข้อศอก ผิวพรรณ เป็นยังไง เค้าไม่ชอบแบบคุณหรือเปล่า แล้วตอนที่มีอะไรกัน เป็นยังไงครับ ดีหรือเปล่า คือปกติหรือเปล่า เสร็จสมอารมณ์หมาย มีเล้าโลมหรือเปล่า ผมว่าน่าจะลองมาแล้วทุกทางใช่หรือเปล่าครับ เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนน้ำหอม เปลี่ยนเครื่องอาบน้ำ เปลี่ยนทรงผม มีอีกอย่างที่ น่าวิเคราะห์ คือ ตั้งแต่แรกที่คบกันมาน่ะครับ เค้าเห็นว่าคุณไม่น่ารัก หรือเปล่า เลยไม่น่าพิศมัย เค้ารักคุณที่ความดี หรือเปล่า ถึงได้ยอมแต่งงานด้วย ลองคิดดูนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 53 02:59:46 จากคุณ : อืมม เขียนเมื่อ : วันเนา 53 02:58:33

ความคิดเห็นที่ 15 แฟน จขกท ทำงานอะไร เครียดหรือเปล่า เป็นคนธรรมะธัมโมหรือเปล่า จขกท รูปร่างหน้าตาเป็นไง จากคุณ : nickvp เขียนเมื่อ : วันเนา 53 05:21:21

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องไปหารูปสมัยยังไม่แต่งงานกันมา สำหรับผู้หญิงนะร้อยทั้งร้อยต้องขาดความมั่นใจอยู่แล้ว หากแต่งงานกันไปแล้วพบว่าสามีไม่จับต้อง กอด ดม จะแค่เล็กน้อยเวลาแต่งกายออกนอกบ้านไปทานอาหารมีอะไรพิเศษก็ชมสักนิด  ให้กำลังใจซะหน่อย  โอบบ้าง  จับมือบ้าง ขึ้นเตียงคือมานอนหลับ  นอนคลุมโปงตลอดปิดทั้งตัว ขอนอนในอ้อมแขนยังนึกว่าปีนภูเขาหิมาลัย  แล้วจะเสียเซลฟ์ขนาดไหนนนนน มันก็จะสะสมๆๆๆๆ  มากจนกระทั่งจขกท.ต้องถามตัวเองว่าเราน่าเกลียด ไม่สวย   ขนยาวรุงรังตรงนั้นหรือเปล่า  มีกลิ่นหรือเปล่า  ขนรักแร้ก็ไม่เคยลืมโกนนี่  กลิ่นเต่าก็ไม่มี  น้ำหอมก็ฉีด  เดินช๊อปสรรหาขวดไหนที่กลิ่นชวนพิศวาส  เป็นอะไรที่มากมายที่ต้องทำเพื่อให้ตอนเย็นเดินไปขึ้นเตียงแล้วต้องเตะตา  แต่ในเค้าตาหามีแววไม่  ประกายเจิศจ้าที่อยู่ในตัวเราจะเหลืออยู่ได้เหรอ คุณจะไม่รู้สึกหรือถึงการส่งสารบางอย่างหากผู้หญิงต้องอุตสาหะขนาดนี้ในช่วงปี และสองปีแรกที่แต่งงานกัน   ทั้งที่ยามปกติไม่ต้องบากบั่นขนาดนี้ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตตอนเราโสดก็มาจีบทั้งไทยเทศ  ทำให้ต้องกลับมาเวทนาตัวว่าตอนนั้นสวยเลือกได้  หล่อแบบนายแบบยังไม่สนได้  หล่อมีการศึกษาแต่พูดจาเลอะเทอะเราก็คัดออกได้  แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นสาบานได้พิจารณาตัวตลอด  คนอย่างเราที่มีคนมาขอแต่งงานจนนับนิ้วไม่ได้ต้องมาเจอแบบนี้  มาถึงวันที่แต่งแล้วเจอคู่ที่ไร้ชีวิตชีวา  ชีวิตมันไม่มีสีสรรเลย  แต่ละวันมามันเบื่อหน่ายชีวิตคู่  ตั้งความหวังก็จะผิดหวัง  ตั้งสูงผิดหวังสูง  พอตั้งต่ำก็ผิดหวังอยู่ดี  อยู่แบบไม่กล้าคิดถึงอนาคต  อยู่แบบมองวันต่อวันมองไกลๆ แค่อาทิตย์เดียว จากคืนที่แต่งงานจนวันนี้ความรู้สึกที่อยากจะไปให้พ้นยังไม่เคยหายไปเลย   เรื่องเพศสำคัญแค่ไหน  ก็ถ้าสิบขวบอวัยวะก็ใช้ไปตามหน้าที่  พอวัยสาวร่างกายมันก็เรียกร้องเองให้มองเพศตรงข้าม  ห้ามธรรมชาติได้หรือก็นั่นมันเป็นความปกติที่ใครเค้าเรียกกัน  พอถึงวัยเจริญพันธุ์ชื่อมันก็บอกแล้วไว้สืบพันธุ์  ถ้าอยู่ในวัยเข้าวัยทองไปสู่วัยชรา  เวลานั้นมามาถึงจขกท.ไม่มาพิมพ์กระทู้มองตัวเองมุมนี้แล้ว  แล้ววัยสะพรั่งวัยหนุ่มสาวของเราอยู่ไหนช่วงเวลาน้ำผึ้งหวานแบบน้ำผึ้งพระจันทร์ไม่มี   เพราะฉะนั้นช่วงข้าวใหม่ปลามันแบบที่ควรมีประสบการณ์แบบคนทั่วไปที่เพิ่งอยู่ร่วมกันต้องเคยผ่าน  จขกท. ไม่รับประสบการณ์ร่วมกันกับสามีเลย  คนเราอยู่กันไม่มีเคลียคลอเลยหรือดูสิงสาราสัตว์มันน่าอิจฉากว่าตัวเราไหมนกยืนเกาะกิ่งไม้ยังเอียงคอเอี้ยวตัวไซร้หากัน แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 53 13:50:02 จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเนา 53 15:10:35

ความคิดเห็นที่ 17 อุ๊ยยย คุณน้องจ๊ะจ๋า ..พี่ล่ะเห็นใจคุณน้องมากเลยนะคะ แต่ก็เอาเหอะ  ไม่เป็นไรนะคะ มือเราก็มีนี่นา เย้ยยยยยย  พูดไรออกไป เขิลลลลลล จากคุณ : ยายภูธร ตอบคุณยายภูธร----- ก็ต้องอย่างนั้นล่ะคะ  อุปกรณ์อะไรก็หามาใช้บ้าง  ผักผลไม้ก็เคยลองตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นแบบโลดโผนเปลี่ยนรสชาติบ้างตามลำพัง  คนเป็นๆก็เคยเฉียดเกือบลองแต่ทำใจไม่ได้มันรู้สึกตัวเองกำลังจะข้ามเส้นบางอย่างที่ตัวเองพยายามรักษาไว้คำเดียวเลย "ครอบครัว"  เลยขอตัวกลับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2008 อยากข้ามเส้นมากๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นคงมองดูตัวเองในกระจกไม่ได้  คงเคารพตัวเองไม่ได้อีกต่อไปนาทีนั้นรู้สึกยังรักตัวเองอยู่  และลังเลใจว่าที่กำลังให้หนุ่มรีพับบลิคโดมินิกันจับก้นอยู่นั้นถูกต้องไหม  ชั่งใจระหว่างเหตุผลกับความรู้สึกทั้งลบทั้งบวกในใจแต่ก็ผ่านมันมาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ที่ลองเพราะสงสัยในตัวเองว่าเราต้องการอะไร  สรุปคำตอบในคืนนั้น  เราไม่ได้ต้องการเซ็กซ์แต่เราต้องการการใส่ใจ เอื้ออาทรกันและกัน ในรูปแบบของความรักไม่ใช่วันไนท์แสตนด์ แล้วแยกทาง เรื่องนี้ก็น่าสนใจเพราะผู้ชายไม่รู้หรอกว่าเมื่อผู้หญิงถูกกดดันอยู่ในความสงสัยสามีแล้วไม่ได้คำตอบ  สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้แม้เราจะไม่อยากให้เกิดบางคนมีปัญหากับสามีแล้วอาจลองๆ แล้วกู่ไม่กลับละ  ยิ่งถ้ามีความรักกับชายอื่นนะครอบครัวจบ  จขกท.เวลานั้นยังอยากให้โอกาสตัวเองได้รับความปกติจากสามี  ให้โอกาสสามีพัฒนาตัวหรือเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และให้โอกาสลูกได้อยู่พร้อมหน้ากับพ่อแม้ที่แท้จริง   จะถามตัวเองตลอดว่าเราพยายามเต็มที่หรือยัง  ยังทำเพิ่มได้อีกไหม  ทำตรงไหนได้อีกแล้วแก้จากตัวเองตลอดเพราะไปปากเปียกปากแฉะกับเขาไม่ได้  เราไม่ชอบสไตล์ขู่เข็ญกันเหมือนแม่สั่งลูกกับสามี  จขกท.อยากให้เขาเห็นใจเห็นที่หัวใจที่เราพยายามจะเสียสละอย่างที่สุดก่อน  พอตอบตัวเองว่าลองๆ ทำอะไรก็ได้อีกสักทีแล้วค่อยยอมแพ้แล้วกัน  มันก็เป็นความเหนื่อยไม่รู้จบจริงๆ  ต้องปีนเขาลูกที่สูงกว่าเสมอ แก้ไขพิมพ์ตกหล่น แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 53 03:11:29 จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเนา 53 16:06:31

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ จ๊ะจ๋า ก็ยังไม่ตอบอยู่ดีแหละค่ะ  ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับสามี ราบรื่นดีหรือเปล่า  สวีท  ไปไหนมาไหน จับมือ โอบไหล่ คุยเล่นหัว หยอกเย้ากระเซ้าแหย่กัน ทำนองเหมือนให้คนทั้งโลกาอิจฉาเล่น  มีเช่นนั้นหรือเปล่า..ยกเว้นเรื่องบนเตียง จากคห.ข้างบน สองคห.ติดกัน  แสดงว่า คุณต้องการระบาย ในนั้นมันมีความโมโหอยู่ด้วย   เอ้า..ระบายโทสะ ออกมาก่อนก็ได้ แล้วค่อยตอบค่ะ จริงๆ อยากแนะนำให้ไปปรึกษาปัญหาชีวิตคู่กับคุณหมอที่เชี่ยวชาญนะคะ  ไปกันทั้งคู่เลย  ถ้าดูในหนังฝรั่งบ่อยๆ  ก็คือไปปรึกษาจิตแพทย์นั่นแหละ และก็เข้าคอร์สรีแฮปกันไปทั้งคู่เลย  แบบพวกไทเกอร์วูดส์ อย่างนั้นแหละค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : วันเนา 53 17:22:47

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 8     อึ้งค่ะ ...... ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้มีจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดคุยกันไม่ได้ ใครบอกว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องหลักของชีวิตคู่ ไม่จริงค่ะ เรื่องนี้หล่ะที่ทำให้คนสองคนผูกพันกันมากขึ้น แต่บางคนเค้าก็อยู่กันได้จนแก่จนเฒ่า .... ต่างคนก็ต่างมุมองค่ะ จากคุณ : ~KyoKo~ ------------------------------------------------------------------ ตอบคุณ ~KyoKo~  ก็อย่างที่เปิดใจไปข้างบน  เรื่องแบบนี้มีอีกเยอะมีกันทุกชาติเพราะความต้องการที่เสมอกันนั้นหายาก  เอาแค่เข้าขาคลิกกันได้สักช่วงอย่างน้อยก็มีอะไรให้จดจำระลึกถึงก่อนที่โรยราก็ยังดี สังเกตุจขกท.ไม่ได้ใช้คำว่า "เมคเลิฟ" เลย  เพราะไม่มีเลิฟเลยไม่มีอะไรให้เมค   อดีตแฟนคนสุดท้ายของจขกท. เคยย้อนถามจขกท.มาสมัยที่คบกันว่า "อย่าถามว่ารักแค่ไหน  แต่ให้มองดูตัวเองว่าให้เค้ารักแค่ได้แค่ไหน"   จขกท.รักสามีไม่ลงแม้จะพยายามรักแค่ไหนก็ตาม  เพราะการกระทำที่ผ่านมาทำให้รักไม่ลง  มีแต่ลดลงจากพื้นจนหายไปเหมือนมองลงเหวแล้วมองหาสเกลไม่เจอว่าลึกแค่ไหน   ความรักการใส่กันและกันยิ่งอยู่นานปีน่าจะยิ่งผูกพัน  แต่ของจขกท.ไม่ได้ความผูกพันและเหมือนถูกผูกให้แน่นขึ้นด้วยเชือกของกาลเวลา  ให้ความรู้สึกสูญเสียเวลาส่วนดีๆของชีวิตไปมันตรงกันข้ามกันเลย   จขกท.ก็อยู่จนแก่เฒ่าได้หากมันมีปัจจัยอื่นมา "ทดแทน"  บางคนเซ็กซ์พิการแต่เค้ายินดีจะดูแลกันและกัน  มีกิจกรรมร่วมกัน กีฬา สังสรรค์เพื่อนฝูงของกันและกัน  พูดคุยกันเหมือนเพื่อนในตอนที่หัวเราะบ้าบอกับเรื่องไร้สาระ  ตอนที่ร้องไห้ก็ช่วยแบ่งเบารับฟัง  หรือตอนที่ต้องการกำลังใจก็มีพลังมาเสริมจะเป็นคำพูดหรือเพียงกอดแบบอุ่นใจเงียบๆก็ได้  สำคัญจะอยู่กันจนแก่เฒ่าได้ต้องแสดงออกถึงการดูแลเป็นแขนซ้ายขวาแทนกันได้ยามอีกคนล้มลง  ความเจ็บป่วยห้ามกันไม่ได้ป่วยหนักป่วยธรรมดาต้องดูแลเฝ้าบริการทำหน้าทีแทนกันบ้าง  แต่จขกท. นอนหนาวเดินโซเซหกล้มไปนั่งทรงตัวอ่านฉลากยากินเอง  พาตัวเองไปหาหมอเองทั้งที่ไม่รู้จักทาง  นอนป่วยตามลำพังพวกนี้ธรรมดาเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้แกล้งคิดว่าสามีไปทำงานต่างประเทศไกลเสียจนเราต้องดิ้นรนตามลำพังหลอกตัวเองแบบนั้นได้อยู่  ที่ร้ายสุดไม่มีวันลืมเลย  2  ครั้งใหญ่ๆ ที่ต้องผิดหวังสะเทือนใจยาวนานเพราะมีเรื่องลูกมาเกี่ยว   หนักๆครั้งแรกปี 2006  ที่ตัวเองท้องแต่ไม่รู้ว่าท้อง  เป็นอาการคลื่นไส้แพ้ท้อง  เวียนหัวโลกหมุน  กินอะไรไม่ได้แม้แต่น้ำ  ตอนนั้นไปพักผ่อนเกาะพงันทะเลทางใต้กับรีสอร์ทที่คุ้นเคยมากๆของจขกท.  สามีดื่มอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มหน้าหาด  เอ้าเราไม่รบกวนเค้าเผื่อผู้ชายเค้าอยากอิสระ  ก็ไปนั่งโต๊ะสั่งน้ำอัดลมแล้วเดินไปบอกสามีว่าเรานั่งโต๊ะตรงนั้นนะทำแค่นั้นถ้าอยากนั่งไปนั่งด้วยกันก็ได้ตอนนั้นเที่ยงคืน  นั่งไปหนึ่งชม.กว่าไม่ไหวเพลียเดินหาดูทั่วไปไม่เห็น  งันกลับรีสอร์ทดีกว่าอ้าวไม่มีกุญแจตอนออกๆได้  แต่เข้าไม่ได้กุญแจอยู่กับสามีเคาะเรียกก็ไม่เปิดเอ๊ะหรือดื่มจัดเมาหลับสนิท พยายามส่องทะลุกระจกผ่านความมืดเห็นเตียงว่างๆ เหมือนของบางอย่างหายไป  ตกใจมากคิดว่าถูกโขมยขึ้นแน่นอนกระเป๋าที่วางไว้มันหายไปด้วย  ปกติรีสอร์ทเล็กๆ กลางคืนออฟฟิตปิดเหลือแต่รปภ.  แต่ก็ต้องวนดูเผื่อเจอใคร  รปภ.ไม่มีอำนาจถือกุญแจสำรอง  ตามใครไม่ได้ไปนั่งรอจนตัดสินใจปีนหน้าต่างดีกว่า  แต่มันสูงมีใต้ถุนแขนเอื้อมยังไม่ถึงขอบหน้าต่างเลย  เห็นมีฝรั่งที่เคยทักอยู่บังกะโลไกลออกไป  เล่าให้เค้าฟังเค้าบอกเค้าปีนให้เค้าเป็นผู้ชายเดี๋ยวเราตกลงมา  เลยไม่ต้องให้เค้าอุ้มส่งขึ้นหน้าต่าง   ตะลึงของหายเป็นกระเป๋าเลยแต่เป็นกระเป๋าของสามี  ฝรั่งนั่งเป็นเพื่อนยันเช้า  วนเวียนคอยถามเราถึง 4 วันจนตกบ่ายมือถือสามีถึงเปิด  เราฝากข้อความเป็นสิบโทรเป็นร้อย  ไม่อยากเชื่อว่าเพิ่งเปิดมือถือ  หายไปเลยไม่มีบอกกล่าว  วอนขอร้องให้กลับมาเกาะมันเปลี่ยว อ้างไปอ้างมาว่าอยู่เกาะเดียวกันเดี๋ยวไปหา  ถามไปไหนก็ไม่บอกรอไปอีกข้ามคืนไม่มาหรอก  อาหารไม่ตกท้องเลยดื่มน้ำก็อาเจียรหมด  คิดว่าตัวเองเครียดคิดมากจนลงกระเพาะ  แต่ก็ไม่แน่ใจก็โทรจนเค้าเปิดมือถือได้กราบขอร้องอย่าทำแบบนี้เราต้องการกลับกรุงเทพจะไปรพ. อาการป่วยอะไรไม่รู้  อาจท้องก็ได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน  บอกให้เรารอเดี๋ยวจะขึ้นเรือไปหาตอนเย็นพ่อแม่จขกท.รึอกสั่นเป็นห่วงลูกบอกให้กลับมาเลยไม่ต้องไปรอเค้าแล้ว  ป๊าโทรครั้งละเป็นชม.ไม่วางเลยป๊าไม่เคยทำตัวเป็นวัยรุ่นคุยมือทีสองสามชม.แบบนี้แต่เค้าจะไม่วางจนกว่าแบตจะหมด  กลับกลอกจนเลยเวลาเรือเฟอรี่รอบสุดท้ายไปหกชั่วโมงก็ยังไม่มารู้แล้วเค้าโกหก  วันรุ่งขึ้นรับปากป๊ากับม๊าจะกลับกรุงเทพไม่รอแล้วจะไปรพ.เอง  ระหว่างจขกท.อยู่เฟอรี่จากเกาะพงันไปสุราษบังเอิญโทรติดตั้งใจแล้วว่าถ้าติดครั้งนี้จะบอกเค้าว่ากลับไปหย่ากันเถอะ  แล้วถ้าป่วยก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวกันแต่ถ้าอาการป่วยนี้คือตั้งครรภ์เดี๋ยวเราเลี้ยงลูกเอง   เค้าก็โมโหโทโสไม่ได้นี่ลูกเค้ามีสิทธิ์รู้ว่าถ้าหากมีลูก  แต่ตอนนี้ยังไม่กลับอยากพักผ่อนต่อ  จขกท. วางหูด้วยความปวดใจสุดๆ  ข้ามเกาะได้ก็อยู่ฝั่งจังหวัดสุราษ  โทรมาเมาด้วยบอกว่าให้รอหน่อยเดี๋ยวไปหาให้ไปเจอกันที่เกาะสมุย  ไม่อยากจะเชื่อเลยบอกตัวเองว่าถ้าเอาความเจ็บป่วยของเรามาล้อเล่นอีกครั้งเดียวเราจะตัดใจห่างทำใจทันที  คืนนั้นนอนร้องไห้ใจมันถล่มทลายไม่ได้หลับเลยทั้งคืน เช้ามาต้องซื้อตั๋วเรือเฟอรี่จากสุราษไปสมุยเพราะเมื่อคืนทิ้งตัวรถทัวร์ไปฟรีๆแล้ว  ไปถึงเกาะสมุยสามีโทรตอนใกล้เวลานัดว่ามาเจอไม่ได้  จขกท. บอกสั้นๆ ว่าไม่เป็นไรพักผ่อนไปเถอะตามที่ใจเธออยากสวัสดี    จขกท.หัวเราะเสียงลอดไรฟันออกและยิ้มออกมาเลยเพราะเวทนาที่สภาพเรากลายเป็นผู้หญิงโง่ซะแล้วเหมือนเรื่องน้ำเน่านี่ไม่น่าจะเกิดกับเราได้  มีการศึกษาเสียเปล่าโง่ทางโลก   วางหูแล้วขึ้นรถไปสนามบินซื้อตั๋วบินกลับกรุงเทพตัดสินใจไม่เชื่ออีกต่อไปและจะไม่เป็นฝ่ายตามโทรอีกเหตุการณ์นี้โทรศัพท์ตามสามีเหมือนคนจะเสียสติตลอดเกือบอาทิตย์  ไม่เคยมีชีวิตแบบนี้ไม่เอาไม่ใช่ตัวเราที่เคยมีความมั่นใจ ความสง่า  ความเก่ง  คนนับถือใครมาเห็นสภาพนั้นต้องไม่เชื่อ   ถึงกรุงเทพดิ่งไปหาป๊าม๊าทันที  ไปกอดป๊าม๊าบอกว่าเสียใจที่สุดไม่เข้าใจว่าเค้าทำแบบนี้ได้ไง  หน้าตาบุคคลิกเค้าไม่น่าจะเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ เรายังไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลย  แล้วเล่าไปใครจะเชื่อ    ถามป๊าม๊าทั้งน้ำตาอาบน้ำด้วยเสียงสั่น....ว่า...."อายไหม....ถ้าลูกสาวเพิ่งแต่งงานปีเดียวก็จะหย่าแล้ว"   ป๊าบอกให้ตั้งใจฟังสิ่งที่ป๊าจะพูด.... "ป๊าไม่อาย  ไม่มีอะไรต้องอายถ้าอดทนถึงที่สุดแล้วพยายามดีที่สุดแล้วมันไม่ไหวจะตัดสินใจยังไงก็ได้  แต่ให้จำใส่ใจไว้ว่าอ้อมแขนนี้เปิดรับเสมอ  ป๊าเลี้ยงลูกได้"   เฮ้อ...จขกท.ทวนคำที่ป๊าพูดแล้วพิมพ์ออกมา   มันเหมือนกับได้ยินป๊าพูดอีกครั้งมันทำให้น้ำตาไหลใจหวิวๆ  เป็นคำพูดของป๊าเมื่อปี 2005 ราววันที่ 17 มิถุนายน จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเนา 53 19:47:45

ความคิดเห็นที่ 20 กำลังพิมพ์อยู่ค่ะคุณ kaoim  ปลีกเวลาไปทำอาหารเที่ยงและเลี้ยงลูกค่ะ  ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุยด้วยค่ะ  ที่อ่านคคห.มาทั้งหมดมาสะดุดที่คคห.ของคุณที่สุดถึงกับทำให้ตกใจ หัวใจเต้นแรง  และรู้ว่าเดี๋ยวได้คุยลึกกว่าที่คาดไว้เสียแล้วเพราะคุณมาเจาะใจเข้าให้ในสิ่งที่ จขกท. ตั้งใจว่าจะไม่พิมพ์ออกมา เพราะคุณkaoim  ไม่เพียงใส่ใจรายละเอียดคุณกับสามียังวิเคราะห์ได้ถูกต้องทั้ง 3 ข้อ และข้อที่ 3 ก็ห่างไกลมากจนเรียกได้ว่าตัดออกไปได้เลยเพียงแต่มันมีมากข้อกว่านั้นจขกท.เองก็เพิ่งได้คำตอบข้อที่ 4 เมื่อตอนต้นปีที่แล้ว  ซึ่งเป็นข้อที่ชัดเจนที่สุดเดาได้นะคะให้เดากันก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหมือนภาพจิ๊กซอว์ทีละชิ้นๆ ของเหตุการณ์ต่างๆที่สามีสร้างปัญหาแต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าคืออะไรกันแน่  เพราะเค้ามีกำแพงหนามาก ไม่เปิดใจไม่เคยเปิดใจพูดอะไรออกมาเราเสียอีกเปิดอก ใช้ความพยายามทั้งหมด จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเนา 53 20:03:54

ความคิดเห็นที่ 21 ฟังแล้วเศร้านะ เรื่องนี้ ไม่ว่าอะไรจะเป็นอะไร ก็ขอให้ผ่านมันไปได้นะครับ จากคุณ : อืมม เขียนเมื่อ : วันเนา 53 21:37:46

ความคิดเห็นที่ 22 เราอยู่เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ..   ยิ่งอ่านก็ยิ่งตกใจค่ะ  แรกๆ ไม่ได้คิดเหมือนกันว่า เรื่องมันจะใหญ่โตขนาดนี้  เราถือว่าเรื่องนี้ใหญ่โตนะคะ  เพราะมันมองได้ว่า  ความรักพื้นฐานของการที่จะมาเป็นชีวิตคู่นั้น มันหายไปไหน  ดูๆ คล้ายกับถูกบังคับให้แต่งอย่างนั้น ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าทำให้คุณจขกท.ต้องสะเทือนใจ และต้องเล่าออกมา  แต่เราอยากให้เล่าระบายความในใจนะคะ  ถึงแม้ทางนี้จะช่วยได้แค่ให้กำลังใจ  ก็ยังดีค่ะ  เวลาที่เราไม่มีที่พึ่ง จะพูดคุยกับใครที่ไหน  ก็คุยมันทางนี้แหละ   ไม่มีใครเห็นหน้าว่าเราคือใคร  somebody  nobody จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : วันเนา 53 22:15:38

ความคิดเห็นที่ 23 กลับมาอ่านทบทวนดูอีกที รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ผมว่าแก้ไขเถอะครับ หาทางแก้ให้ได้ จะด้วยวิธีไหนก็ตาม ชีวิตคุณยังเหลืออีกเยอะ ผมขอให้คุณหลุดพ้นจากบ่วงพวกนี้เร็วๆนะครับ จากใจ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 53 01:29:31 จากคุณ : อืมม เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 01:23:49

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาคุยกันนะคะ  และสำหรับกำลังใจที่มีให้ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รับผ่านตัวหนังสือทางเนตแบบนี้ซาบซึ้งมากๆ ค่ะ  ตอนที่มีปัญหาเลิกเขียนไดอารี่ไปเลยเพราะไม่อยากจดจำเรื่องราว ย้อนอ่านก็เจ็บสมุดมีแต่คราบน้ำตา  อยากให้ความจำหายไปด้วยซ้ำค่ะ  เพิ่งกลับมาเขียนไดอารี่อีกก็เมื่อไม่นานมานี้เขียนเฉพาะเรื่องบวกเท่านั้น  เคยเข้ามาจะตั้งกระทู้เขียนเรื่องนี้หลายหนอยากได้กำลังใจมากๆ แต่ขนาดเป็นชื่อล๊อคอินยังไม่กล้าใช้เลยค่ะ  จนมาเมื่อปีที่แล้วก็เขียนกระทู้สั้นๆ เรื่องสามีกระดาษแบบถอดล๊อคอิน  ถ้าไม่เพราะกระทู้ข้างล่างจขกท.คงไม่ตั้งกระทู้นี้  ก็ผิดความตั้งใจไปที่ตั้งใจเขียนแค่ผิวๆ ขอบคุณหมอจากคลินิกรักมากค่ะ  เวบไซด์นี้จขกท.อ่านตลอดตอนตั้งครรภ์ไว้ดูแลตัวเองและลูกค่ะ  และเคยเขียนประสบการณ์คลอดไว้ที่นั่นครั้งหนึ่งด้วยค่ะ คุณอาซาริหากสามียังมีจุดดีอย่างอื่นก็อย่าเสียใจไปเลย  กรณีจขกท.มีเหตุหลายอย่างที่เกิดจากสามีน่ะค่ะ ขอบคุณคุณsamr ตอบช้าหน่อยนะคะต้องพิมพ์พอดีข้อความหาย และขอบคุณอืมมที่เห็นใจจขกท.ก็ไม่เคยหยุดหาหนทางออกเลยค่ะ  รู้สึกเหมือนมีเพื่อนนั่งฟังเรื่องไม่สบายใจของเราเลยรู้สึกดีขึ้น  สมัยนั้นพิมพ์ยังไม่กล้าเซฟเลยค่ะไม่อยากให้มีจารึกไว้  เพราะงั้นตอนนี้นั่งเปิดโน้ตเล็กๆ น้อยที่เคยเขียนไล่ช่วงเวลาเหตุการณ์ พิมพ์ตอบคุณkaoimข้อ 1 ไปเสร็จข้อความหายก่อนส่ง  คราวนี้จะพิมพ์ในเวิร์ดก่อนค่ะ ฝากขอบคุณสามีคุณด้วยค่ะที่ให้คำแนะนำ  กำลังใจ และสำหรับคำว่า somebody nobody ถึงจะเป็นแค่ล๊อคอินก็เขียนยากมากเพราะเหมือนขุดเอาเรื่องที่อยากลืมขึ้นมาอีกครั้ง ตอบคุณkaoim ข้อ 1.  เขามีปัญหาเรื่องเพศจริงๆ  แต่ด้วยเหตุอะไรนั้นไม่ทราบแน่ชัดเพราะเค้าไม่เคยค้นหาความผิดปกติของตัวเองแล้วบอกจขกท.   มีเรื่องที่เค้าเคยเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง  เค้าบอกว่าสมัยเด็กไม่ชอบเวลาเห็นพ่อแม่จูบแลกลิ้นกัน  เค้ารู้สึกว่ามันน่ารังเกียจสกปรก  หรือจะเป็นการจุ๊บเหมือนจุ๊บปากเด็กเค้าก็ไม่ชอบให้ใครมาจุ๊บ  ส่วนที่จขกท.เห็นผิดปกติด้วยตัวเองก็คงเป็นเวลาดูหนังถ้ามีเลิฟซีนจูบปากแลกลิ้นแบบสามีจูบภรรยาที่รักกันได้เป็นครอบครัวกัน  เค้าจะลุกหนีไปเลย  ยิ่งถ้ามีต่อซีนไปถึงเล้าโลมปิดทีวีเปลี่ยนช่องไปเลย  ทั้งที่เป็นแฟมมิลี่มูฟวี่  ใช่ว่านั่งดูหนังเอ็กซ์กันซะหน่อย  แปลกมาก...   เค้าเลยไม่ชอบจูบแลกลิ้นเลยแค่แหย่ลิ้นเข้าไปก็จะรู้สึกเลย  แต่ก่อนสมัยจีบกันก็นึกว่าเค้าสุภาพบุรุษ  ไม่มีมือไม้ถึงตัว  แต่งกันถึงได้เห็นอะไรประหลาดขึ้นทีละอย่างๆ  เอาเบสิคเลยเรื่องการสัมผัส เค้าไม่ชอบเลย ต่างกับจขกท.จะชอบมาก  เดินก็จับมือกัน  นั่งพิงกัน  ลูบหน้าลูบแก้ม  โอบ  หอมแก้ม  กอดกัน  กับเพื่อผู้หญิงจขกท.ก็ทำเป็นปกติ  โดยเฉพาะใครที่เป็นแฟนนี่จะมากๆๆ  เรียกว่าท่าเดินต้องคล้องแขนจับมือตลอดชอบอบอุ่น  แล้วเวลาผู้ชายให้คล้องแขนจับมือก็ดูสุภาพบุรษมากด้วย   จขกท. ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแรกแย้มพรหมจารีย์สำหรับสามี  มีประสบการณ์ทางเพศกับอดีตชายคนรักมา 3 คน สมัยนั้นเป็นคนถือตัวระวังตัวมาก   สนิทเฉพาะกับชายที่เป็นแฟน  นับนิ้วย้อนไปมาแล้วก็เมื่อ 9 ปีที่แล้วสมัยที่ยังไม่รู้จักสามี ก็ก่อนอายุ 27  เพราะงั้นถ้าถามว่าเอาอะไรมาวัดว่าสามีปกติหรือไม่ปกติ  ก็เอาประสบกาม(การณ์)จากอดีตแฟนมาวัด  แต่แค่นั้นก็ยังไม่มีน้ำหนักพอ  ก็หาอ่านเอาตามเวบรวมทั้งข้อมูลจากหมอในเวบและจากหมอที่เคยไปปรึกษาครั้งหนึ่ง อดีตแฟนลูกครึ่งจีนทั้ง 3 (ไว้ค่อยเล่าเสริมพิมพ์ไว้แล้วแต่เรทมากเพราะมันเป็นส่วนที่ทำให้รู้ว่าจขกท.มีประสบการณ์กับเค้าทั้งสามพอสมควรขอทบทวนดูอีกทีก่อนว่าน่าเกลียดไหมหากเอามาลง) คนแรกเป็นแฟนที่เรียน ม.กรุงเทพด้วยกัน  รักครั้งแรก  แก่กว่าจขกท.หนึ่งปี พอคบแฟนคนที่2 เป็นหมอครอบครัวดีพ่อแม่เป็นหมอกันทั้งบ้าน  หมอเป็นคนได้พรหมจารีย์จขกท.ไป  หมอสุภาพใจดีเข้าถึงผู้ใหญ่ครอบครัวเราสนิทกันทุกวันนี้ก็เป็นเพื่อนกันอยู่ถึงจะต่างแต่งงานไปแล้ว  แก่กว่าจขกท. 3ปี  มีเหตุให้จขกท.ต้องขอเลิก หนึ่งสาเหตุคือหมอชอบลักหลับออรัลจนเราตื่นไม่ต้องหลับต้องนอน พอเลิกกันก็ถ่านไฟเก่าคุกับอดีตแฟนคนแรก  ที่เลยเพิ่งรู้ว่าเค้าเซ็กซ์เก่งไม่ธรรมดาแล้วจขกท.ก็ขอเลิกเพราะเค้าไม่โตซะที คนที่ 3 แก่กว่าจขกท.สิบกว่าปี และเค้าแก่กว่าแม่จขกท.ปีหนึ่ง  เป็นนักธุรกิจเป็นผู้ใหญ่  เป็นคนที่จขกท.ให้รักแท้ไป รสนิยมทางเพศยอดเยี่ยมอาจเป็นเพราะอายุไม่น้อยประสบการณ์มากเลยรู้จักผู้หญิงละเอียดยิบ  จขกท.ได้เรียนรู้และพัฒนาเรื่องเพศศึกษาจากเค้าเยอะเพราะมีความสุขตลอดเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับชายคนนี้  คนนี้ทำให้จขกท.ต้องหักอกตัวเองเพื่อบอกเลิกเค้า  และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้จขกท.ต้องหนีตัวเองจากสังคมเมืองไทยไปต่างปท.   เป็นสาเหตุหนึ่งที่จขกท.ผลักตัวเองไปแต่งงานกับสามี จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 05:40:52

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อ 2. เป็นเกย์  แต่ยังไม่รู้ตัว ตอบคุณkaoim   ข้อนี้จขกท.ไม่เคยตัดมันออกไปเลย  ว่าจะตัดๆ แต่เค้ามีส่วนอารมณ์หญิงอยู่มาก  หลายๆครั้งมากกว่าเราเสียด้วยซ้ำ  จขกท.เองยังเจนเทิ่ลแมนกว่า  ยังเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่  อดทน  ใจกว้างกว่าคือไอ้คำว่ากว่าๆๆ ของเราเนี่ยพอไปเทียบกับผู้ชายธรรมดาก็คืออดทนในรูปแบบของผู้หญิงน่ะค่ะ  แต่พออยู่กับสามีเรารู้สึกเราต้องกลายเป็นแมนปกป้องเค้าอยู่บ่อยๆ  วิธีการจับแก้วดีดนิ้วก้อยนี่ไม่อยากนับเพราะมันธรรมดาไป  หรือการขอมีอะไรทางก้นอันนั้นรับไม่ได้อยู่ช่วงคิดว่าเค้าเป็นเกย์  เรื่องนี้นี่เรากำลังทะเลาะๆ กันอยู่พ่อสามีเดินมาได้ยินเข้าๆมาไกล่เกลี่ย จขกท.หน้าชาไปหมดเพราะเป็นเรื่องบนเตียง  แกพูดกับจขกท.ต่อหน้าลูกชายเค้าว่ามีอะไรทางนั้นเป็นเรื่องธรรมดา  ไม่จำเป็นต้องเป็นเกย์หรอก  เป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็นอยากลองเท่านั้นเอง  มาพูดเรื่องบนเตียงแล้วยังรับรองความไม่เป็นเกย์ของลูกชายอีกอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินเลยเวลานั้น เคยชวนสามีไปร้านเซ็กซ์ทอยช๊อป  ไปซื้อดีโด้สั่นได้มาใช้สักอัน  สามีพยายามลองประตูหลังของจขกท.ทั้งของจริงของเทียมแต่มันไม่เข้า  เจ็บ  แสบ  ทรมาน ทำไงก็ไม่เข้าขนาดฝืนให้เค้าเล่นประตูหลังแล้วนะ  แล้วจขกท.ก็ไปว่ายน้ำไปสปาที่ล๊อบบี้ด้านล่าง  กลับขึ้นมาเห็นดีโด้เทียมของจขกท.เหมือนเปื้อนๆ ครีมเหมือนถูกใช้งาน  ปากปหลอดครีมหล่อลื่นก็เปื้อนๆ ผิดปกติ  เลยถามเค้าว่า  “เอาของเล่นของฉันไปเล่นกับตัวเองเหรอ”  แซวไปงั้นเองด้วยความสงสัย  แซวไปแบบไม่คิดอะไรเลย  แต่คำตอบสิทำเอาจขกท.ต้องเดินไปแอบอึ้งไม่ให้เค้าเห็น  เพราะเค้าบอกว่าตอนจขกท.ลงไปสปา เค้าเลยลองเอาดิโด้มาลองประตูตัวเองบ้าง  ลองเท่าไหร่ก็ลองไม่เข้าเจ็บ  จขกท.ได้แต่ตอบกลับไปตามความรู้สึกจริงว่า “รู้ว่าเจ็บมากเลยใช่ไหม  เวลาบอกแล้วก็ยังฝืนให้ฉันทำต่อ  แล้วทีหลังก็อย่าพยายามมายัดเยียดมีอะไรประตูหลังของฉันอีก”    คิดยังไงกันกับเรื่องนี้  สำหรับจขกท.ใช้เวลานานมากที่จะเปลี่ยนทัศนคติตัวเองว่าการมีประตูหลังคือ หนึ่งในสไตล์ฝรั่งหรือเป็นแค่หนึ่งในความอยากรู้อยากเห็นที่บางทีอาจมีใครอยากลองรสชาติใหม่ แต่แล้วชนวนที่ทำให้ตัดไม่ลงก็มาอีกรอบ  เมื่อปีที่แล้วเพื่อนเกย์ที่เป็นลูกน้องในร้านมือถือของน้องสาวสามีเสียชีวิตเพราะเอาพลาสติกคลุมหัวตัวเองแล้วเอาเชือกมัดคอไว้เพื่อขังแก๊สที่ปล่อยออกจากถังปิกนิก  เป็นวิธีฆ่าตัวตายของเธอ  เธอเป็นเกย์ควีน มีสามีเป็นชายเหมือนกัน  เสียใจเพราะแฟนขอเลิกและย้ายของออกจากบ้านที่ผ่อนซื้อร่วมกัน    น้องสาวสามีและแฟนเป็นเจ้าของร้านทำงานร่วมกันหลายปีเค้าจะร้องไห้เสียใจก็ไม่แปลก  แต่เห็นสามีไปแอบอัดบุหรี่  ดื่มเหล้า  เศร้าเหลือเกิน  เลยอดสงสัยไม่ได้เพราะเห็นไม่ได้สนิทอะไรกันนี่   จขกท.เสียอีกที่สนิทกับคุณเกย์คิงเพราะเค้าชอบจูงหมามาออกกำลังกายเดินเล่น  ส่วนจขกท.ชอบพาลูกเดินเล่นแถวบ้านเลยได้ฟังเค้าเปรยถึงแฟนเค้าที่ไม่ชอบออกกำลังกายเดินเล่นร่วมกัน  เราก็คุยกันบ่อยหัวอกเดียวกัน  แล้วชอบถามศัพท์อังกฤษแลกกันบ่อยๆ    จนวันหนึ่งเลยถามเค้าว่า “ทำไมเสียใจนักเธอไม่สนิทกับเค้าไม่ใช่เหรอ”  สามีบอกว่าไม่สนิท  แต่คนที่เสียชีวิตเคยมาจีบ  และเคยมาพูดจาแทะโลมเอามือมาโอบกอดเค้า  ขอเป็นแฟนขอมีอะไรด้วย  แต่เค้าไม่ชอบผู้ชายไม่ได้สนใจเกย์ก็เลิกๆ ห่างๆกันไป  แล้วอดีตแฟนผู้หญิงของสามีก็ไม่ถูกกับเกย์คนที่เสียชีวิตเค้าชอบเถียงกันบ่อยๆเวลาเจอกัน”    อืมม....ฟังแล้วแปลกดีเลยกลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ ปีที่มีสินามิปีนั้น  เคยเกิดเหตุการณ์หนึ่งทำนองนี้  ตอนนั้นนั่งทานอาหารอยู่ที่ใบหยกร้านอาหารชั้นบน  ไปกันสองคน  คุยกับสามีเรื่องอาหารในจานที่ทานกันอยู่เดี๋ยวๆ ตาสามีก็มองโฟกัสผ่านหูจขกท.ไป  ทำแบบนี้หลายหนจนสงสัยในสายตาเค้ากำลังสนใจอะไรอยู่  เลยมองตามสายตาทางที่เค้าโฟกัสไป  ก็เห็นหนุ่มสองคนนั่งหัวเราะต่อกระซิกกันเหมือนเป็นผู้ชายที่แต่งชายที่มีบุคลิกหญิงน่ะคะ ไม่รู้จะเรียกศัพท์ว่าอะไร(ขอประทานโทษนะคะไม่ได้เจตนาลบหลู่ดูหมิ่น)  ก็ถามเค้า  “อ๋อ..นึกว่าสนใจอะไรเห็นคุยด้วยเดี๋ยวๆ ตาก็มองไปทางนั้นมีอะไรน่าสนใจเหรอ”   เค้าบอกว่า “เปล่าก็เห็นเค้าจ้องมองมาก็เลยมองเค้าว่าเค้ามองทำไม”  ตอนนั้นนึกว่าแปลกเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นกับตา  รู้สึกในใจว่าคนไม่เป็นเกย์จะสื่อสารส่งแมสเสจให้กันทางตาได้ไงก็เลยบอกเค้าแบบที่ใจคิดไป จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 06:26:46

ความคิดเห็นที่ 26 ข้อ 3 มีหญิงอื่น ตอบ------ก็ไม่เชิงค่ะ สมัยเป็นแฟนกัน ที่รู้จักกันเค้าชอบดื่มตอนกลางคืนไปกับเพื่อนไปกับใครก็ไม่รู้   จขกท.ไม่ไปด้วยไม่ใช่สังคมของจขกท.เพราะนอนหัวค่ำตื่นแต่เช้าและดื่มไม่เป็น   เค้ากลับมาก็เมาหึ่งมา  เมาแล้วก็หลับไม่ได้มีอะไรกัน  เค้าไม่ใช่สเป๊คและไม่ผ่านมาตรฐานหลายอย่างแต่ก็คบเป็นแฟนด้วยเพื่อเอาไว้กันคนอื่น    จนมีอยู่ครั้งตอนไปเที่ยวขึ้นเขากันเค้าทิ้งเราให้เดินคนเดียวแล้วเค้าหายไปเลยกับกระเป๋าอาหารเครื่องดื่มเสื้อหนาวก็อยู่ในนั้น   จขกท.เหนื่อยก็นั่งพักนอนพักบนก้อนหินจนตื่นมาเพราะหนาวก็ไม่เห็นเค้า  ป่าเราก็ไม่รู้ทางป่าที่เมืองนอกก็ลองเดินๆตามสัญลักษณ์ที่ติดต้นไม้แบบมั่วๆดู  ไปกันสี่คน  แบ่งเป็นสองคู่บั๊ดดี้เดิน  เพื่อนเค้าก็โกรธใครๆก็โกรธที่เค้าทำไม่ถูก  ผู้หญิงเหนื่อยไม่รอเราก็เห็นความเห็นแก่ตัวเอาตัวรอด  ก็บอกว่าจะบอกเลิกแล้วพ่อสามีมาละมาขอโทษแทนลูกชายที่ลูกชายไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่ดูแลเราเวลาไปเที่ยวกัน  ขอโทษแล้วเค้าจะอบรมลูกจะคุยกับลูก  เห็นการขอโทษจากใจจริงพ่อยืนมือประสานด้านหน้าก้มหัวน้อมขอโทษ  ผู้ใหญ่ทำขนาดนี้แล้วเพื่อขอให้ๆอภัยให้โอกาสปรับตัวกันและกัน  พอบินไปเที่ยวประเทศต่างๆ ก็ไม่เห็นมีเรื่องหญิงเข้ามาเกี่ยวข้องจนเค้าขอไปสมุย  เราก็จะขอไปเยี่ยมม๊าก่อน  เค้าก็งอนไม่พูดไม่จา  เราเลยต้องให้ไปสมุยก่อนโดยตามตกลงคือ ให้เค้าเลือกตามอิสระว่าจะพักที่ไหนแต่แค่  3  คืนแล้วย้ายไปพักที่สงบๆ แบบที่จขกท.ชอบ   เอ้าตกลงกันเรียบร้อยเค้าดี๊ด๊ามาก เค้าชอบสมุยมากเป็นความประทับใจของเค้าส่วนตัว  จขกท.ตรงกันข้ามไม่ประทับใจสมุยบ่อยครั้งและเพราะมีแต่ผับบาร์มีแต่ผู้ชายขี้เมาและคนขายบริการเยอะ ไม่สงบ   ผ่านไป 3 คืน 4 คืน 5 คืน  คนโกหกอีกละไม่ยอมย้ายดื่มตั้งแต่บ่ายยันเช้า  ตกดึกออกไปกลับมาเช้าเมาหลับทุกวัน  คืนที่ 6 มีการคล้องลูกกุญแจตัวยูที่ประตูบ้านชั้นสอง  จขกท.ก็ลงไม่ได้เป็นบ้านเรือนไทยถ้าล๊อคแบบนี้ลงบันไดไม่ได้ไฟไหม้ขึ้นมาก็กระโดดลงพื้นชั้นหนึ่งขาหักพอดี  รู้สึกมันเกินไปละแล้วก็เมากลับเช้าเราก็โกรธมาก  แต่ก็พูดราบเรียบเสมอยังผู้ดีอยู่ตอนนั้นยังพูดเสียงดังเวลาทะเลาะกันไม่เป็น  เค้าก็นิ่งเฉยไม่มีคำพูด  เราก็ขอย้ายที่พักออกไปหาที่พักเองที่หาดอื่นที่เงียบๆ  เรียกแฟนนะตอนนั้นยังไม่แต่งกัน  แฟนก็ไม่ตามมาเราก็เลยเช็คอินจะขับรถไปบอกเค้าว่าได้ห้องพักเงียบๆดีๆแล้ว  แต่เห็นเค้าคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งนั่งดื่มด้วยกันแล้วคุยเรื่องถึงจขกท.  ว่าเบื่อเค้าอยากอยู่เรือนไทยที่นี่ไม่อยากย้ายและจะไม่ย้าย  และบอกว่าไม่อยากให้จขกท.มา  ได้ยินอย่างนั้นพอดีจขกท.เดินกลับเลยแยกรีสอร์ทนอนเลย  คืนนั้นโทรหาม๊าหาเพื่อนคุยแต่จะไม่เล่าเดี๋ยวม๊าเป็นห่วง  ปรากฏม๊าฟังเสียงจับความทุกข์ลูกผ่านโทรศัพท์ได้เท่านั้น  จขกท.ก็โฮแตกเลยเล่าให้ม๊าฟังและบอกขอล้มเลิกแผนการแต่งงานทิ้งทั้งหมด  แล้วจะบินกลับไปรับเอาหมาที่เลี้ยงไว้ที่บ้านเมืองนอกกลับมาอยู่เมืองไทย   ม๊าร้อนใจไปสนามบินเลยทันทีจะมาสมุยแต่ม๊าซื้อตั๋วผิดเป็นกระบี่ เสียเงินเปล่าและหมดเที่ยวบนพอดีในวันนั้น  ม๊าก็กลับบ้านไปนอนหนึ่ง คืนเช้ามืดดิ่งไปดอนเมืองบินรอบแรกของเช้าวันนั้นมาหาจขกท.  แล้วม๊าก็เช่ามอเตอร์ไซด์ให้จขกท.กอดนั่งซ้อนหลังไปบ้านเรือนไทยที่แฟนพักอยู่ด้วยกัน  คนใช้มาเปิดประตูบ้านให้ม๊าขอให้คนใช้เห็นแก่ผู้ใหญ่อย่างม๊าให้เล่าความจริงเมื่อคืนมาให้หมด  พอดีเจ้าของบ้านไม่อยู่จขกท.มาพักบ้านเรือนไทยหลังนี้เพราะเพื่อนที่รู้จักกันที่กรุงเทพเป็นญาติกับเจ้าของเรือนไทยนี้  ความเกรงใจทำให้คนใช้เล่าหมดว่าเมื่อคืนพาผู้หญิงจากบาร์มานั่งดื่มจนดึกดื่นแล้วก็พาเข้าไปนอนในห้อง  เพิ่งจะขับรถออกไปส่งเมื่อรุ่งเช้าแล้วแฟนก็เพิ่งกลับเข้ามานอนอีกรอบ ม๊าไปเคาะประตูห้องเรือนไทยเคาะเท่าไหร่ๆ ก็ไม่มาเปิด  คนใช้จึงต้องไปเอากุญแจมาตามคำสั่งแล้วเปิดเข้าไป แฟนตกใจมากที่เห็นม๊ายืนอยู่กลางห้อง  ถามเค้าว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมทำให้ม๊าเสียใจ  เค้าบอกไม่มีอะไรเลยเมื่อคืนนั่งดื่มอยู่ที่ระเบียงไม่ได้ไปไหน   โทษเจ้าของกระทู้ว่าไม่อยากอยู่ที่เรือนไทยเค้าชอบที่นี่ไม่อยากย้ายก็แค่นั้นเอง  ไม่ได้มีใครมานอนด้วยแค่มีเพื่อนมานั่งดื่มด้วย  พอม๊าบอกว่ารู้จากคนใช้แล้ว  เค้าก็ไหลไปว่ามีพาเข้ามานั่งหน้าทีวี   ผู้หญิงนั่งดูทีวีที่เก้าอี้   ส่วนเค้าง่วงก็นอนบนเตียงไม่ได้นอนด้วยกันที่เตียงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย จขกท.ฟังคำโกหกไม่ไหวเดินเข้าห้องน้ำจะไปเก็บของเพราะยืนยันจะเลิกกับม๊าและกับแฟนไปแล้วและจะมาเก็บกระเป๋าพาสปอรตเพื่อบินกลับต่างปท.ไปบอกผู้ใหญ่ฝั่งแฟนพร้อมรับหมากลับไทย  ระหว่างที่เก็บก็เจอถุงยางบนอ่างถูกใช้แล้วแต่ไม่มีคราบอสุจิ  เลยถือออกไปให้เค้าดูสิ่งที่อยู่ในมือ  ม๊าเห็นก็น้ำตาร่วงปาดน้ำตาทันที  ม๊าบอกไม่ต้องอธิบายแล้วหลักฐานอยู่ในมือจขกท. เป็นผู้ชายทำผิดต้องกล้ายอมรับแบบผู้ชาย  ใครๆก็ต้องเคยผิดพลาดในชีวิต  แต่โกหกม๊าๆเสียใจที่เชื่อใจจะยกลูกสาวให้  แฟนถลาเข้าไปพับเพียบก้มกราบเท้ากอดเท้าม๊าขอให้ๆ อภัยที่ทำผิดแต่ยืนยันว่า  ถุงยางนั้นเค้าแค่เอามาลองสวมแล้วใช้มือช่วยตัวเองจะได้ไม่เปื้อน  จขกท.ได้แต่ส่ายหัวกับเรื่องเหลวไหลที่สุดที่เคยได้ยินมา  บอกเค้าให้พอเถอะยุติกันจบเถอะเรายังไม่แต่งยุติงานได้แล้วเดินออกไปพักใจข้างนอกให้สมองว่างๆ ไว้ต่อพรุ่งนี้ขอไ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 53 14:10:56 จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 07:35:50

ความคิดเห็นที่ 27 สามีตามให้มาอ่านค่ะ ... เท่าที่อ่านเรื่องมา...ขอเดาอีกนะคะว่า สภาพทางสังคมของคุณจขกท.และคุณสามี ค่อนข้างมีหน้ามีตา  มีฐานะดีพอสมควร สามีเราบอกว่า  ในกรณีเช่นนี้ การอยู่ร่วมกันก็จะไม่มีความสุขหรอก มีแต่ความทุกข์โถมทับไปวันๆ   คุณจขกท.ต้องกล้าที่จะตัดสินใจว่า  สถานภาพทางการเงิน พอเพียงต่อการเป็น single mom ไหม   เราไม่ได้ยุให้เกิดการแตกหักนะคะ  แต่ในกรณีของคุณ เราว่ามันเยียวยาลำบาก    เรามองว่าเขาเป็นเพศอีกประเภทนึงที่ไม่ใช่ชายแท้ทั้งแท่งน่ะค่ะ  คนๆ นี้ถ้าได้ลองจุดชนวนบางอย่าง อีกไม่นานก็คงจะเผยตัวตน  ถ้าไม่เกย์ก็เป็นเสือไบ  และเรามองได้ว่าผู้ชายคนนี้ อารมณ์แรง  ดีไม่ดีคุณจขกท.อาจจะถูกทำร้าย เจ็บใจไม่พอ ยังต้องอาจจะมาเจ็บกายได้   ประเด็นที่มีผู้หญิงอื่น (ตอนที่ยังไม่แต่งงาน)  อาจจะเป็นแค่ลองของ เพื่อพิสูจน์ตนเองว่าเป็นแมน แต่ที่เล่ามาว่า แอบเศร้าเสียใจเมื่อผู้ชายที่เป็นเกย์ตาย หรือแอบมองผู้ชายจู๋จี๋กันนี่  มันน่าคิดค่ะ  ว่า..เขาต้องมีแอบๆ อยู่ในตัวแน่  ... เราวิเคราะห์จากสามีเราอ่ะค่ะ..ถ้าเห็นคู่ชาย-ชาย นั่งทานข้าวด้วยกัน เดินจูงมือกัน  เขาจะหันมาหัวเราะกับเราทุกที  เราสองคนไม่ได้รังเกียจนะคะ  แต่เราเข้าใจโลกมากกว่า มันเป็นของธรรมดา  (เราสองคนเคยบวชชี บวชพระกันมาแล้วค่ะ) ปัญหาสามีภรรยา   เรื่องบนเตียง มันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ ว่าเธอไม่เก่ง ฉันไม่ดี เธอไม่มีความสามารถ หรือฉันให้เธอไม่ได้  เขาให้ได้แค่ทำลูกให้ เรื่องอื่นๆ ไม่ให้ความสุขเลย   แต่เรื่องสำคัญมันอยู่ตรงความรัก ความดูแล และกำลังใจที่มอบให้แก่กัน และกล้าที่จะต่อสู้ แก้ปัญหาเรื่องเล็กๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ ด้วยกัน ตรงนั้นตะหากที่เรียกว่าครอบครัว    เพราะบทเรื่องของบนเตียงแล้วพออายุมากๆขึ้น เราก็ว่ามันจะน้อยลง  จนเหลือแต่เธอกับฉันที่เป็นเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ เพื่อนชีวิต  เราจึงมักเห็นคุณตาคุณยาย คุณปู่คุณย่า ที่อยู่ด้วยกันแบบกระหนุงกระหนิง  อันนั้นน่ารักกว่าใช่ไหมคะ เราหวังว่าจขกท. คงจะพิจารณา ถ้าหากมันไม่รู้จะทำยังไง  ขอให้ปรึกษาพ่อแม่   สามีเราบอกว่า คุณจขกท. ไม่ต้องเสียเวลาไปควานหาอะไรในตัวเขาเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นอะไร เพื่อที่จะยอมรับในตัวเขา  แต่ในทางกลับกันคุณจขกท.ต่างหากที่ต้องค้นหาตัวเองว่า เราจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรที่จะไม่ต้องทำให้ตัวเองเป็นทุกข์มากไปกว่านี้  เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ก็เป็นคำตอบได้อยู่แล้ว สามีเราบอกว่าตอนนี้คุณแค่รักษาหน้าตา สถานภาพทางสังคมของคุณและสามี รวมถึงตระกูล และความอดทนที่มีถึงทุกวันนี้ก็เพื่อลูก  และความอดทนตรงนี้มันก้ไม่ได้มีประโยขน์ทั้งสองฝ่าย  แต่สามีคุณใช้ความอดทนของคุณเป็นเครื่องปกป้องหน้าตาทางสังคม  แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะรักษาตัวเอง  พอแล้วที่จะต้องมาแบกรับในสิ่งที่คุณไม่สมควรได้รับค่ะ สร้างกำลังใจให้ตัวเอง คิดเสียว่าเคยทำกับเขาในชาติก่อน  และคิดในทางที่ดีคือ ใช้หนี้ให้เขาหมดแล้ว ก็คือละจากสามีคุณไป เดี๋ยวมีอะไรเราจะมาช่วยแนะนำให้อีกนะคะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 10:24:32

ความคิดเห็นที่ 28 โอ้ ปัญหาลึกมากเลยค่ะ ยังไม่เห็นเคยเล่าเลยค่ะ ว่ามีความสุขด้วยกันตอนไหนบ้าง หมายถึงความสุขตอนที่คบกัน พูดคุยกัน มีบ้างไหมคะ หรือแต่งงานกันเพราะความเหมาะสม จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 12:44:17

ความคิดเห็นที่ 29 สงสารจับใจ ผิดที่ฝืนมาตลอด การยอมรับความจริง บางครั้ง มันง่ายกว่าที่คิดนะครับ จากคุณ : อืมม เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 13:01:29

ความคิดเห็นที่ 30 ได้อ่านข้อความของคุณkaoim  มันจับใจมาก ทุกๆ คำที่คุณพิมพ์เหมือนกับว่าคุณดึงออกมาจากสมองและหัวใจจขกท. ต้องอ่านอยู่หลายรอบไม่อยากเชื่อว่าคุณจะรู้สิ่งที่จขกท.คิดและกำลังจะทำ อ่านไปก็พยักหน้าไปทุกๆ บรรทัด   จขกท.ก็จะพิมพ์ความรู้สึก ณ.นาทีปัจจุบันแบบนี้เลยแต่ยังไม่ได้เรียบเรียงดึงออกมา เพราะเขียนกระทู้ทำให้ขุดเอาเหตุการณ์เก่าขึ้นมาจากที่เก็บมันไว้ในส่วนลึกสุดตั้งใจจะไม่เปิดมันออก  แต่พอมันถูกเปิดขึ้นมาก็เหมือนได้ดูภาพเก่าๆ วีดีโอเก่าๆ ความรู้สึกในช่วงเวลาต่างๆมันก็มาด้วยเหตุการณ์คำพูดต่างๆ ก็ไหลพรูกรูกันออกมาจนเมื่อคืนพาตัวเองไปนอนแล้วยังต้องถามตัวเองว่า  นี่มันเกิดมานานแล้วหรือมันเพิ่งเกิดเมื่อวานเมื่อกี้กันแน่  ความรู้สึกตัวเองแยกแยะไม่ออกเลยนอนอยู่ในความมืดพยายามนึกถึงความจริงของปัจจุบันมันไม่ดิ่งเหวขนาดนั้น  เพ่งความรู้สึกผ่านไปอีกห้องนอนที่สามีนอนอยู่แล้วกลับมามองร่างตัวเองที่บนที่นอนตั้งหลายครั้ง  มันแย่ขนาดนั้นเลยค่ะ  ลำพังใครมาสะกิดเจาะใจก็จะไม่เป็นไรพอกลบเกลื่อนได้  บิดเบือนพาตัวเองไปทำอะไรอย่างอื่นให้ลืมคิด  ทั้งที่ดูเหมือนเล่าแล้วจะรู้สึกดีขึ้นที่มีเพื่อนๆ เข้าใจหัวอกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป  แต่ทำไมใจมันถล่มทลายแบบนี้ แล้วเมื่อครู่ย่าของสามีมาหาถามว่ามีรถเข็นเด็กของลูกอยู่ 2 คันจอดอยู่ที่มุมบ้านย่าสองเดือนไม่ได้ใช้เลยจะเอาไงดี  เพราะลูก 4  ขวบแล้วคงไม่ต้องใช้แล้ว  จขกท.เลยบอกงั้นจขกท.จะเอาไปขัดด้วยมือเช็ดให้เงาทั้งสองคันแล้วแพ๊คเก็บเก็บของรวมๆกับเตียงเด็กและของใช้เด็กเล็กไว้ที่ห้องเก็บของรวมกับของเก่าที่เก็บไว้อยู่แล้วซึ่งมีหลายอย่างมาก  ย่าบอก  "ดีเก็บไว้สำหรับลูกคนที่สองเดี๋ยวลูกคนโตย้ายจากอนุบาลเข้าโรงเรียนเค้าจะได้ช่วยเลี้ยงอีก ย่ามีเวลาเยอะมีแรงอยู่"   โธ่ย่า  แทงใจช้ำๆของหนู  สีหน้าจขกท.ปิดไม่อยู่เลยยิ้มฝืดน้อยๆ ก้มหัวต่ำลงด้วยความละอายในความจริงแล้วลุกจากเก้าอี้ทำไปเช็ดอ่างล้างจาน พยายามหายใจลึกช้าๆให้ราบเรียบ    แต่เหมือนหวิวๆชอบกลเป็นระลอกเหมือนเราเปิดประตูอดีตไว้แล้วยังปิดไม่ลง    ตัดสินใจเดินจะไปบอกย่าว่าอย่าพูดอย่างนี้อีกเลย  หลานย่ามีปัญหาเรื่องนั้นมันทำงานไม่ได้แล้ว  แต่นั่นไม่ใหญ่ไปกว่าปัญหาที่หัวและที่ใจเค้าที่มันแย่หนัก   พร้อมกับเอานิ้วชี้ชี้ไปที่หัวและหัวใจ เอ่ยชื่อสามีๆ ก็เดินมาที่ครัวพอดี  ก็ยิ้มกลบเกลื่อนกัน  บอกสามีว่าเพิ่งพูดชื่อเธอไปเธอก็เดินมา  ย่าเลยพูดซ้ำเรื่องลูกคนที่สองอีกครั้งกับสามี  โอยได้ฟังสองรอบแทบแย่  ย่าจะพูดต่อพอดีสามีหันหลังให้พวกเรา  จขกท.เลยเอามือจุ๊ๆที่ปากว่าให้หยุดอย่าเพิ่งพูดอีก  พอเค้าไปเราก็เดินไปล๊อคประตูบ้านเพื่อให้แน่ใจที่สุดว่าเรื่องที่พูดจะไม่มีใครได้ยินอีกนอกจากเราสองคน  จขกท.สนิทกับย่าสามีมากค่ะเหมือนเป็นเพื่อนหญิงเป็นแม่เป็นทุกอย่าง  ตั้งแต่แต่งงานมาใช้นามสกุลเค้าถ้ามีย่าที่ที่ยึดเหนี่ยวในครอบครัวนี้  ย่าเป็นคนหนึ่งในครอบครัวที่ทำหน้าที่แทนสามี  เป็นเหมือนส่วนของสามีที่คุยเรื่องไม่เป็นเรื่องไปถึงเรื่องเศร้าปนทุกข์แชร์กันไปกันมาได้  หัวเราะด้วยกันบ่อยๆถึงบางทีเราจะแชร์เรื่องเศร้าที่บั่นทอนจิตใจกันอยู่เราก็ให้กำลังใจกันด้วยการกอดหอมแก้ม และบอกว่าจขกท.รักย่า  และย่าก็รักจขกท. บอกความสำคัญของกันและกัน   เพราะงั้นย่าของสามีเป็นบุคคลสำคัญในชีวิตของจขกท.เหมือนเป็นแม่ที่ไม่ได้ให้กำเนิดท่านดูแลเราไปถึงลูกชายเราเป็นแขนซ้ายขวาให้เราเสมอๆ  จขกท.ก็ดูแลท่านยามท่านเจ็บป่วยต้องได้ทานอาหารผู้ป่วยฝีมือเราไม่ขาด  ทำส่วนในที่ท่านทำเองไม่ได้ตัดเล็บเท้าให้  ขัดเล็บทาเล็บให้ท่านเปรี้ยวสดใส  สนิทจนเพื่อนๆย่าเลยพลอยเป็นเพื่อนจขกท.ไปด้วย   แต่หลายหนต้องเตือนตัวเองไว้ไม่ให้ลืมตัวว่าท่านเป็นย่าของสามีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน  ยังไงเสียก็เลือดข้นกว่าน้ำต่อให้รักจขกท.แค่ไหนหรือหลานทำไม่ดีแค่ไหนก็ตัดหลานไม่ลงอยู่แล้ว  และที่สำคัญคือรักย่าก็ต้องเกรงใจย่า  ย่าแก่แล้วถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็เก็บเรื่องทุกข์ไว้ให้แน่นๆ ก่อนจนกว่าความรู้สึกจะจางแสนจางค่อยเล่าแบ่งปัน ดังนั้นจขกท.จึงต้องล๊อคประตูคุยกันด้วยเรื่องลับสุดยอดของครอบครัว  บอกย่าว่า  "ย่าเหมือนเพื่อนบอกย่าว่าอย่าพูดเรื่องลูกคนที่สองอะไรนั่นอีกเลย  มันเป็นไปไม่ได้เพราะ....(เอาละเสียงเริ่มตะกุกตะกัก)  เพราะ...ว่าของเค้าใช้การไม่ได้...ค่ะ   คือหมายถึงมันตายน่ะค่ะ"   ต่างคนต่างเงียบไปพักนึง "คือ ย่าคะ คือว่าจำเมื่อสองสามสป.ก่อนได้ไหม  ที่ย่าถามว่าหนูเป็นอะไรตอนเช้าที่ห้องรับแขกแล้วหนูตอบย่าด้วยน้ำเสียงไม่ดีไม่สุภาพกลับไปว่า....ขอร้องอย่าถามไม่อยากเล่าไม่มีอะไรจะพูด  แล้วก้มหน้าก้มตาหันหน้าหนีเดินหนีย่าไปเลยน่ะค่ะขอโทษเรื่องวันนั้นด้วย หนูไม่อยู่ในช่วงที่จะพูดอะไรออกมาได้ในตอนนั้น  คือเหตุมันเกิดเมื่อตอนกลางคืน  แล้วหนูไปเมามาเพราะเสียใจมากค่ะ" "อืมม...ย่ารู้แล้วว่าเธอเมา  สามีเธอบอก"  ย่าทำหน้าเสียใจด้วยกับจขกท.  เพราะเป็นที่รู้กันทั่วว่าจขกท.ไม่ดื่มแอลกอฮอล "เรื่องที่จะพูดกันมันเป็นเรื่องที่สามีหนูไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้  เค้าบอกไว้ แต่หนูว่าตอนนี้พอคุยกับย่าได้แต่ตอนนั้นมันทุกข์มากๆ ก็ไม่อยากพูดอะไรถึงพูดไปจะเป็นคำรึเปล่ามันหลายความรู้คงได้แต่ร้องไห้" "เรื่องสมรรถภาพทางเพศไม่ปกติอันนี้ย่าก็รู้อยู่  คือย่าก็มีเรื่องจะพูดด้วยนะ  ย่าจะไม่ปิดบังหรือโกหกเลยนะ  ย้อนไปวันนั้นที่เธอตอบย่า  ย่าก็มานั่งคิดนอนคิดว่ามีปัญหาอะไรกัน  พอดีวันนั้นมีโอกาสนั่งรถไปกับสามีเธอ  เค้าก็เล่าให้ย่าฟังนะ  เค้าบอกว่าเธอเมาเธอป่วยแล้ว   โกรธที่เค้าไม่เซ็กซ์ด้วย" ป่วย??  เก็บความสงสัยไว้ก่อน.....จขกท.ป่วยอะไร? “ย่าโกรธเค้าแล้วต่อว่าเค้าไปเยอะมาก  ย่าบอกเค้าว่าให้ไปพบหมอ หมอ! หมอ! หมอ! ในโฆษณามีผู้ชายเป็นหมื่นที่มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพเสื่อม  ย่าบอกเค้าแบบนั้น  แต่เค้าก็เราเรื่องที่เกิดขึ้นให้ย่าฟังในรถนะ  ว่าเค้าไม่มีอารมณ์ด้วยแล้วเธอก็โกรธเค้า” “ย่าคะเรื่องต้นเหตุของคืนที่หนูต้องเมาเพราะอะไร  ฐานะที่ย่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันผ่านวัยของหนูมาแล้วย่าเป็นผู้ใหญ่มากแล้วเอ้าหนูจะเล่าให้ฟัง  วันนั้นพ่อแม่(ของสามี)ไม่อยู่ไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดย่าจะได้ใช่ไหม  สามีหนูเลยไปนั่งที่บ้านพ่อแม่ทั้งวัน  ตอนบ่ายหนูไปหาบอกเค้าว่าหนูจะช่วยเค้า.....  ช่วยเค้าเรื่องอย่างว่าเค้าจะได้เหมือนคนปกติ  แต่ไม่สำเร็จตรงนั้นมันตาย...ตายไปแล้ว....เค้าบอกว่าคราวหน้าถ้าหนูแต่งตัวแบบที่เค้าชอบมันอาจเวิร์ค  คืนนั้นส่งลูกนอนเสร็จ  ก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะแต่งตัวแล้วขึ้นไปหาเค้า  หรือจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้  เราก็คิดว่าเอาน่ะแข็งใจทำแบบนี้อีกสักครั้งจะเป็นไร  อีกใจก็พูดว่าอย่าเลยอย่าไปเดี๋ยวก็เสียใจอีกถ้าเค้าปฏิเสธหรือไม่สำเร็จ  ในใจก็เถียงให้เหตุผลกันไปกันมา  อีกฝั่งบอกก็มันเป็นหน้าที่ภรรยาเหมือนกัน  ถ้าเราวางเฉยไม่ทำอะไรเลยก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตใหม่ที่ปกติเหมือนครอบครัวอื่นเค้า  อีกฝั่งก็เถียงขึ้นมาทันทีแล้วรับได้เหรอกับความผิดหวังซ้ำๆซากๆ ที่เกิดน่ะ  แต่สุขท้ายก็ตัดสินใจทำก็บอกกับตัวเองว่าถ้าเราปล่อยปัญหานี้ทิ้งไปเราก็จะแพ้  แต่ถ้าสำเร็จสักนิดปัญหาของสามีเรื่องนี้ก็จะหมดไปก็จะส่งผลดีกับตัวหนูด้วย  ส่งไปถึงลูก  ไปถึงครอบครัวย่า  และครอบครัวฝ่ายหนูที่พวกเราอยู่เหมือนคนอื่นได้ซะที” “ใช่ ย่าเข้าใจมันถูกต้องเลยมันเป็นหน้าที่ผู้หญิงด้วย ปล่อยทิ้งไม่ได้” “ค่ะ  หนูอายนะคะแล้วก็เหนื่อยด้วยที่ต้องฝืนทำอะไรแบบนั้น  แต่ผู้หญิงก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นบ้าง” “ใช่ ย่าก็ผ่านมา”  พร้อมพยักหน้ารับ “หนูต้องใช้ความพยายามขนาดไหนที่จะคิดจะทำ  รวบรวมความกล้าทั้งที่กลัวแต่งตัวเซ็กซี่ไม่ใส่ชั้นใน  สวมส้นสูงถุงน่องเดินขึ้นไปหาเค้าข้างบน....(น้ำตาจขกท.ก็เริ่มเอ่อ...เสียงก็สั่นพูดไม่ออกหาทิชชู่มาปาดน้ำตาสั่งน้ำมูก) เค้านอนตะแคงดูทีวีอยู่บนโซฟา  หนูเดินไปแง้มชายกระโปรงให้เค้าดูบอกเค้าว่าหนูแต่งตัวอย่างที่เค้าต้องการมาแล้ว  เค้านอนนิ่งเฉยๆ ผายมือไปที่โซฟาอีกตัวเชื้อเชิญให้เรานั่งสิดูทีวีด้วยกัน  หนูไม่กล้าแม้แต่จะนั่ง  ส่งสัญญาณขนาดนี้แล้วทำนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง  หนูบอกเค้าว่าที่แต่งตัวมาไม่ได้จะมานั่งดูทีวี  แล้วจะให้ฉันไปนั่งดูทีวีที่อีกโซฟาคนเดียวงั้นหรือ....(ก็น้ำตาไหลๆหยดแหมะบนโต๊ะ)”   ย่าก็เงียบเราก็สะอื้นเช็ดน้ำตา สีหน้าย่าก็แย่ลงแย่ลง   “ย่าคะ  เค้าลุกขึ้นมาแล้วมานั่งอีกโซฟาเอามือโอบไหล่หนูไว้หลวมๆแบบนี้ ” จขกท.ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินอ้อมไปข้างเก้าอี้ย่าเอาแขนขึ้นมาโอบไหล่ย่าไว้หลวมๆ “โอบหลวมๆ แบบนี้เอาสองนิ้วเคาะๆที่ผิวต้นแขนหนูเบาๆ  บอกว่ามันเหมือนคนที่ไม่รู้จักมาปลอบตอนสุนัขเราตาย หรือญาติเราเสีย  มันไม่ใช่การปลอบใจที่แท้จริงที่มาจากใจของเค้า  ย่าคะไอ้นั่นใช้การไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ  มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ใช้แทนกันได้  ย่าเข้าใจที่หนูพูดใช่ไหมคะ” “ใช่มีตั้งหลายอย่างที่ใช้แทนได้  ปลอบโยนแบบนี้.....”  ย่าก็ส่ายหัวถอนหายใจแรงๆ “หนูไม่รู้จะทำตัวยังไงได้แต่นั่งตัวแข็งคอแข็งไปทั้งตัว  ถามเค้าว่าอยากให้หนูเดินลงกลับบ้านไปไหม  เค้าบอกไม่เป็นไรไม่ต้องหรอกนั่งนี่แหละดูทีวีด้วยกัน  แขนก็โอบหลวมๆไว้แบบนั้นแล้วตั้งอกตั้งใจดูทีวี  ก็บอกเค้าว่า  ฉันรู้สึกน่าอับอาย  รู้โง่ที่สุดที่ทำอะไรโง่ๆอย่างนี้     รู้ไหมว่ากว่าฉันจะคิดกว่าจะแต่งตัวแบบนี้แล้วเดินมาหาต้องรวบรวมกล้าความพยายามแค่ไหน  กลัวนะกลัวตื่นเต้นตลอดเวลาทั้งที่รู้ว่าอาจจะต้องเสียใจอีกแต่ก็ต้องทำเพื่ออะไรยังไม่เข้าใจอีกหรือ  เพื่อให้เธอเป็นสามีปกติเพื่อให้เราอยู่ร่วมกันอย่างปกติธรรมดา   ตอนที่แต่งตัวฉันบอกกับตัวเองว่าทำเพื่อช่วยรักษาอาการของเธอ  ทั้งเป็นคนปกติที่พยายามจะแก้ไขส่วนบกพร่องของชีวิตแต่งงาน  แล้วเธอทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนอ่านสัญญาณที่พยายามสื่อไม่ออก  ทั้งที่มันเป็นปัญหาของเธอฉันก็ยังช่วยเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่ทอดทิ้งเธอมาตลอด  นี่คือวิธีการตอบแทนของเธอหรือ??  นี่คือการปลอบใจหรือ??  ตอนนั้นหนูก็ร้อนข้างในจนหายใจไม่ออก  เอื้อมไปหยิบแมกกาซีนมาพัดให้ตัวเองแต่ไม่ไหวไม่มีแรง  ก็ส่งหนังสือไปให้เค้าพัดแทน  แต่เหงื่อออกมากออกมาทั้งตัวมันเหมือนคนวิตกกังวล ช๊อค เพราะงั้นคืนนั้นสามีทำลายสิ่งหนึ่งในตัวหนู  มันคือคำว่า ศักดิ์ศรี  .....ศักดิ์ศรีที่คนทั่วไปทุกคนมีมันก็ถูกทำลายไปด้วย”   “ใช่คำว่าศักดิ์ศรีใช่ๆ ศักดิ์ศรีของผู้หญิง  ฮื่มมมม.....แย่จริงๆ  มีอะไรที่ย่าช่วยได้บ้างเนี่ย  ย่าจะช่วยอะไรได้บ้างเนี่ยยย”   ย่าตัดพ้อตัวเอง “ย่าจะสวดมนต์ให้นะย่าสวดให้ตลอดเลยขอให้พวกเธอเป็นครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขย่าสวดให้เสมอหนูสวดมนต์ก็ดีนะ” “หนูไม่ได้แค่สวดภาวนาอธิฐานจิต  แต่ตลอดเวลาหนูปฎิบัติ....คิดหาวิธีหาหนทางปฏิบัติมาตลอด  มีอะไรที่หนูควรทำแต่ยังไม่ได้ทำอีกไหม....หนูเหนื่อยค่ะที่ต้องเป็นคนนำคนผลักดันส่วนเค้ายืนเฉยๆ  ปีที่แล้วที่ต้องพาเค้าไปรัก”    ย่าก็ปลอบไม่ต้องร้องนะเดี๋ยวเค้ากลับมาเห็นตาแดง  จขกท.ก็พยักหน้าตอบ “มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ที่คุยกันในรถเค้าบอกย่าว่าเค้าจะไปหาหมอ” “ค่ะเค้าก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน”  ย่าไม่รู้หรอกคำนี้ได้ยินมาจากเค้ากี่ปีแล้ว  มันเป็นคำหยุดไว้เพื่อซื้อเวลาต่อไป จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 22:27:04

ความคิดเห็นที่ 31 จขกท.บอกย่าว่า "จริงๆแล้วจะไม่มีเซ็กซ์เลยก็อยู่ด้วยกันได้  ถ้าอยู่กันแบบเพื่อนที่ร่วมทุกร่วมสุข  พูดคุยกันดูแลกัน  หนูอยากแก่แล้วเป็นเหมือนคู่ของย่าที่ดูและกันยามเจ็บยามป่วย  ไม่ใช่มีอะไรก็คุยกันไม่ได้  ไม่ดูแลกันแล้วเวลาเจ็บป่วยจะเหลือใคร  หนูไม่อยากโดดเดี่ยวแต่งงานมาอยู่ครอบครัวนี้ก็ต้องทิ้งทุกอย่างที่หนูเป็นสังคม  หน้าที่ อาชีพ การงาน ครอบครัว  แล้วจะให้เข้มแข็งทุกวันคงเป็นไปไม่ได้  ต้องมีวันที่เราอ่อนแอบ้างอย่างวันนี้   แล้วถ้าคืนนั้นสามีหนูขอโทษอย่างจริงใจ  ขอโทษอย่างที่สุดให้เรารู้สึกได้ว่าเค้าขอโทษออกมาจากใจ  จะพูดเสียใจในข้อบกพร่องของเค้าก็ได้  หรือจะขอบคุณที่เราพยายาม  แค่บอกว่าเค้ามองเห็นคุณค่าของการกระทำที่เราทำมันก็จะรู้สึกดีขึ้นได้  หนูก็เหมือนย่ามีรักไว้แบ่งปันเยอะแยะเป็นทั้งผู้ให้ผู้รับ  แล้วต้องมาอยู่กับคนที่เย็นเยือก  ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกมันก็ปวดใจ พอคุยกับย่าเสร็จก็ไปล้างหน้ามาพิมพ์เรื่องนี้นิดหน่อย  แล้วลุกตัดใจไปทำอาหารเที่ยงเพื่อพักสมอง  เราคงขุดตัวเองจมไปกับเหตุการณ์มากเกินไป  ต้องหาอะไรทำดึงดูดความสนใจตัวเองไปเรื่องอื่นก็ทำอาหารหั่นนั่นนี่ไป  แล้วก็ใส่ช้อนส้อมลงไปในหม้ออาหารด้วย    รู้เลยจิตใจตัวเองวันนี้มันตึงเครียด อาหารทำเสร็จแล้วอีก 15 นาทีเที่ยงทุกคนก็จะมาทานอาหารกัน   สามีเดินวนไปวนมาผ่านครัวเลยชวนเค้าคุย “วันนี้คุยกับย่าๆ พูดว่าฉันป่วย  หมายถึงอะไร  ย่ารู้ว่าฉันเมาคืนนั้นเธอเล่าให้ย่าฟังเหรอ”   “เมาอะไร  เธอเมาเมื่อไหร่  ไม่รู้สิ” ตาซ้ายขวาสามีกรอกกลับไปกลับมาอย่างเร็ว  ลนลานมือไม้ปัดมั่วไปหมด  แล้วปรี่ไปที่ประตูจะออกจากครัวทันที  จขกท.รู้เลยอาการคนตกใจตั้งตัวไม่ติด และโกหกของสามี “เธอก็รู้ดี  ทำเป็นจำไม่ได้คนไม่ดื่มชาติหนึ่งจะเมาอย่างฉัน....ครั้งสุดท้ายฉันเมาเมื่อไหร่” “ไม่รู้สิจำไม่ได้” “วันนั้นไง  วันที่ฉันไปหาเธอแล้วเธอไม่มีอะไรด้วยน่ะ จำได้ยัง  เธอพูดอะไรกับย่า  เธอกล้าเล่าให้ย่าฟังจริงน่ะเหรอ  ไหนบอกไม่อยากให้ใครในบ้านรู้  หรือเธอเล่าเฉพาะส่วนที่ฉันเมา บอกย่าว่าฉันทุบอกเธอหรือเปล่า  บอกเรื่องคอนดอมไหม  หรือบอกเพียงแค่ปลายหางเพื่อดิสเครดิตให้คนอื่นดูแย่ แต่ไม่เล่าสาเหตุต้นเรื่องเล่า"   "เปล่านี่  จำไม่ได้แล้วเล่าอะไรไป" "ไม่สำคัญหรอก  ฉันทายได้นิสัยเธอทำไมฉันจะไม่รู้จักทำผิดไม่กล้ารับเสมอ  ถ้าจะพูดส่วนผล  ไม่กล้าเล่าเหตุหรอก  เธอจะกล้าเล่าให้ย่าฟังเหรอว่าตัวเองนอนดูทีวี  ว่าเธอทำยังไงกับฉันตอนฉันขึ้นไปหาเธอ  เธอก็พูดแบบคนขี้ขลาดไม่กล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเองมาตลอดล่ะ"   จริงๆเหตุการณ์คืนนั้นมันมากว่าที่เล่าให้ย่าฟังเพราะมีเวลาน้อยต้องทำอาหารเที่ยง แต่เดี๋ยวเราก็คุยกันอีก  เพราะย่าควรรู้เหตุที่เกิดส่งผลอะไรกับจขกท.ซึ่งมันอาจพ่วงกับอนาคตด้วย  ตามเหตุการณ์ของคืนนั้นจขกท.จบด้วยการถามสามีว่า   "ต้องการกดดันผลักไสให้จขกท.ไปมีชายอื่นงั้นหรือถึงได้เป็นแบบนี้ตลอดเวลา  เธอตอบแทนคนที่อยู่เคียงข้างเคียงบ่าเคียงไหล่  คนที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลือเธอพาเธอไปรักษาอาการแอลกอฮอลลิค  ทั้งที่ตอนนั้นพ่อแม่คนในครอบครัวเธอเพื่อนเธอไม่มีใครสนใจเธอเลย  ฉันยังไม่ทิ้งเธอฉุดลากดึงเธอขึ้นมา  ถ้าไม่อยากมีครอบครัวไม่อยากเป็นครอบครัวปกติได้....ได้เลยเธอพลักฉันไปหาคนอื่นเองนะอย่าเสียใจนะ  ฉันอยากดื่มอยากเมาวันนี้  ฉันจะออกไปดื่มข้างนอกและถ้าเจอผู้ชายคนไหนอยากได้ฉันๆ จะขึ้นเตียงด้วย  ถ้ามาสองคนฉันจะขึ้นเตียงกับทั้งสองคนเลยต้องการแบบนี้ใช่ไหม" แล้วจขกท.ก็ประชดชีวิต . . . . . . . . . จะเรียกแท๊กซี่มาใช้บริการเผื่อขากลับมาก็โทรเรียกไม่เป็นไม่เคยใช้บริการแท๊กซี่ไม่รู้มันเบอร์อะไร  เลยต้องขับรถไปเอง  คนไม่เคยดื่มไม่รู้ว่าร้านดื่มเค้าดื่มที่ไหนกัน  ขับรถไปโทรหาเพื่อนหญิงรุ่นพี่คนหนึ่ง  เค้ากำลังเดินทางไปสวิส  จขกท.ก็คุยกับเค้าพร่ำเรื่องที่เกิดขึ้นครึ่งค่อนชม. ให้เพื่อฟังเสียงโหยหวลที่ตัวเองเป็นคนโง่เสียจริงที่อยากรักษาครอบครัวต้องแลกกับความรู้สึกและชีวิตขนาดนี้    นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โทรร้องโฮหาพี่คนนี้  ตอนไปปท.กรีกไปฮอลิเดย์กับสามีก็โฮแตกเพราะไปเที่ยวต่างปท.กับสามีทีไรเหมือนกับตัวเองอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางโลกหมุนทั้งใบ  มองคนแก่ที่เค้าเดินจูงมือกันน่าอิจฉา  มองคนที่มาเป็นครอบครัวก็เจ็บปวด  มองคู่รักรึก็เหมือนเราไม่เคยมี  ทำให้คราวนั้นตั้งกระทู้สามีกระดาษขึ้นมาเพราะอึดอัดที่ต้องนอนเตียงเดียวกันในโรงแรม  จขกท.ต้องนอนระวังไม่ให้ร่างกายไปโดนเค้า  ต้องนอนเว้นระยะ  นั่งร้องไห้ที่ทะเลแล้วโทรหาพี่คนนี้เป็นคนเดียวที่ปล่อยโฮให้ฟังแบบไม่มีกั๊กทางโทรศัพท์ทั้งสองครั้ง   พี่ก็เป็นห่วงแต่ก็บอกว่าดื่มสักแก้วแล้วกลับบ้านนะ  ก็ขับรถวนๆๆๆ  จนจะกลับบ้านก็เจอร้านขายเครื่องดื่ม  ก็สั่งสิงค์โปรสลิงค์มาแก้ว  นั่งไปชม.ครึ่งคุยกับพี่ไปเรี่อยๆ  เพราะทำตัวไม่ถูกมานั่งคนเดียว  หมดแก้วขับกลับบ้าน  ไปนั่งพิมพ์ความรู้สึกหน้าคอม  จนรู้สึกว่าอยากอาเจียนและอยากถ่ายปวดท้องเหมือนอาหารเป็นพิษ   ก็ว่าจะกดเซฟลงเครื่องแล้วไปห้องน้ำ......................อ้าวไฟดับมืดไปเล แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 53 00:26:18 แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 53 00:35:55 จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 53 23:19:24

ความคิดเห็นที่ 32 เอ่อ..จากที่อ่านคห.บน มีความคิดนึงแว่บเข้ามาในหัว อย่าโกรธนะคะ แต่เป็นไปได้ไหมว่าคนที่อยากใส่ชุดนี้คือตัวสามีของคุณเอง ดิฉันว่าเขาอาจจะเป็นบุคคลประเภท Cross dress ชอบแต่งชุดข้ามเพศก็ได้ค่ะ จากคุณ : Lylac (Lylac) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 01:23:04

ความคิดเห็นที่ 33 ที่สามีทั้งหลายมีเซ๊ก น้อย อันนี้ขอตอบจากความคิดของผู้ชายครับ อาจจะเป็นเพราะ หุ่น หรือ กลิ่นหรือบลาๆๆ บางทีผู้หญิงชอบมองข้าม สิ่งเหล่านี้ ถ้าหุ่นคุณดีๆ ผิวดีๆ กลิ่นดีๆ ทำทรงผม ใหม่บ่อยๆหน่อย หรือพูดง่ายๆ ถ้าคุณผู้หญิงทำตัวให้ดูดีตลอดเวลา นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่คุณมองข้าม จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 10:33:42

ความคิดเห็นที่ 34 เก้าตามอ่านอยู่นะคะ  กำลังจะประติประต่อเรื่องราวและวิเคราะห์อยู่ว่าสามีคุณจขกท.เป็นอะไร    แต่พอได้อ่านคห.คุณไลแลค Lylac  ก็น่าจะใช่นะคะ   การที่ดูเว็บโป๊  ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เพื่อปลดปล่อยเสมอไป   ไม่เช่นนั้นเขาคงดูหนังโป๊ สยิวกิ้ว และชวนคุณเล่นบทตามหนังไปแล้ว เข้าใจความรู้สึกของคุณจขกท.นะคะ  คุณย่าของสามีคงจะเป็นคนๆ เดียวที่สามารถคุยกับคุณได้ทุกๆ เรื่อง  แต่เราว่า คุณควรจะปรึกษากับพ่อแม่ของคุณจขกท.ด้วยนะคะ ปัญหาความผิดปกติ บกพร่อง ทางเพศของคุณสามีคงจะค่อนข้างหนักเอาการอยู่ จะบอกว่าเสื่อม ก็ไม่น่าจะขนาดนั้น  แต่มันมีอารมณ์ของการไม่เอาใจใส่ภรรยา  ไม่สนใจเรียกว่างั้นก็ได้  อันนี้มันไม่ใช่วิสัยของคนที่จะมาร่วมชีวิตคู่กันนะคะ ถ้าหากว่า สามีมีปัญหาทางเพศเสื่อมจริงๆ  ก็ใช่ว่า อารมณ์ ความรัก ความเมตตาจะเสื่อมไปด้วย จริงไหมคะ แต่อาการของเขา มันเข้าข่ายไปทาง ไม่ได้ยินดี แยแส ความรู้สึกของคุณจขกท.สักเท่าไหร่   เรืองทางเพศน่ะเสื่อมแน่ค่ะ  มันลุกลามไปจนถึงความรู้สึกของความรับผิดชอบในฐานะเป็นลูกผู้ชายก็เสื่อมไปด้วย   คงไม่ต้องฟันธงหรอกค่ะว่าเค้าเบี่ยงเบนพฤติกรรมแน่นอน แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 53 10:53:18 จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 10:51:25

ความคิดเห็นที่ 35 ขออนุญาตถามอีกข้อนะคะ   หากว่าคุณเคยดูละครเรื่อง น้ำตาลไหม้   คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนนางเอกไหม?  ที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนึง  ซึ่งต่อมาเขาก็คือคนที่เบี่ยงเบนทางจิตเพท     ในละครเราเห็นโจ่งชัดอยู่หรอกค่ะ  ว่าตัวละครใครเป็นเกย์ ใครเป็นแมน   แต่ในชีวิตจริงๆ  บางคนมันยากที่จะดูออก   เพื่อนเก้าบางคน  ถ้าไม่เห็นกับตาว่า อยู่ข้างนอก เธอเคล้าคลอเคียงแอบอยู่กับชายอีกคน   ปกติแล้วจะดูไม่ออกเลยค่ะว่าเธอเป็นแอบ เรื่องการแต่งตัว หุ่น กลิ่น การเอาใจใส่ตัวเองของคุณจขกท.  เราว่า ตัดประเด็นนี้ไปได้เลยค่ะ   เพราะเราอ่านดูที่คุณเล่าๆ มา  คุณไม่น่าจะใช่คนที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ไม่เป็นที่น่าสนใจของสามี   เพราะผู้ชายเขามีพฤติกรรมแบบนนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว สิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว  มันเรียกร้องอะไรคืนมาไม่ได้หรอกค่ะ... อย่าไปทวงหาอดีต  ให้คำนึงถึงปัจจุบัน  และอย่าฝันหาอนาคตในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 11:02:29

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 13     ไม่คิดว่าชายแท้ๆจะเป็นแบบนี้นะครับ จำนวนครั้งต่อปี  มันผิดปกติมากๆ   ผู้ชายเลข 4 เลข 5  ขึ้นต้นยังมากกว่านี้เลย ผมว่าจะเหมือน  ริกกี้   มาร์ติน  นะ ที่มีภรรยาและลูกแล้ว   เพิ่งมาประกาศตัวเองเป็นเกย์ ตอบคำถาม  จขกท. ผู้หญิง  เสื่อมก่อนผู้ชาย  และมากกว่าผู้ชาย อาจเป็นด้วยผู้หญิงต้องเลี้ยงลูก  ทำงานในบ้าน   นอกบ้าน   กลับมาก็เหนื่อย ไม่มีอารมณ์แล้ว จากคุณ : samr   ----------------------------------------------------- คุณ samr   จริงๆถ้าสามีจะประกาศว่าเป็นอะไรจะยินดีมากค่ะ   จำนวนครั้งต่อปีผิดปกติมากค่ะ  ตั้งแต่แต่งงานกันมาเลย  ก็พูดคุยให้กำลังใจ  หลายความรู้สึกต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้ให้เรียนรู้ชีวิตหลายอย่าง  กลายเป็นคนที่ไม่เป็นทั้งคนที่ใจกว้าง  ที่ว่ากว้างที่สุดแล้วเออใจเรายังลงลึกได้อีก  อภัยว่าสูงสุดที่เราจะให้ได้แล้วยังต้องให้อีกเพราะมีชีวิตลูกเป็นเดิมพันตรงกลาง  สมัยก่อนแย่มากเราอ่อนต่อโลกว่าพอทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นๆๆ  ตัวเราก็จะเปลี่ยนเป็นอีกคนเป็นคนใจกระด้าง  เย็นชาขึ้น  ไร้ความรู้สึกมากขึ้น  จนแม่คุยกันทางโทรศัพท์ยังถามว่าทำไมแต่งงานได้สามสี่ปีเราเหมือนคนเย็นชา  ก็ต้องเยือกเย็น  ก็ต้องแสร้งไม่ทุกข์ทำบ่อยๆ ความอิโนเซนท์ความอ่อนไหวอ่อนโยนก็จะหายไป  ต้องอดกลั้นอดทนและเก็บกลืนบ่อยเข้าก็กลายเป็นคนไม่พูด  พอไม่พูดกับใครบ่อยๆรับแค่เรื่องเนคกาทีฟจากสามีเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอดย้อนมาดูตัวเองอีกทีก็กลายเป็นคนยิ้มไม่เป็น เรื่องยิ้มไม่เป็นนี่ถึงกับต้องนึกกันเลยว่ายิ้มแบบที่มีความสุขที่เคยมีสมัยยังไม่รู้จักเค้า  ยิ้มและหัวเราะแบบที่จากหัวใจขึ้นมาที่ตาและมุมปาก  ไม่ใช่ฉีกยิ้มให้คนมันเป็นยังไงน๊ะ  .....ถามตัวเองแบบนั้นเลยเพราะอย่างนั้นเรื่องประทับใจมันไม่มีหรอกค่ะถ้ามีก็ต้องหลงเหลือวันวานยังหวานให้หลับตาเหม่อเพ้อยิ้มได้บ้าง จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 13:30:26

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 28     โอ้ ปัญหาลึกมากเลยค่ะ ยังไม่เห็นเคยเล่าเลยค่ะ ว่ามีความสุขด้วยกันตอนไหนบ้าง หมายถึงความสุขตอนที่คบกัน พูดคุยกัน มีบ้างไหมคะ หรือแต่งงานกันเพราะความเหมาะสม จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน   -------------------------------- ปัญหาลึกค่ะ  ลึกแบบที่แต่ละปียังคงมีเรื่องในจขกท.ช๊อคใหญ่ได้เสมอ ความสุขตอนคบกันไม่มีค่ะ  เค้ามีหรือไม่ไม่รู้แต่จขกท.ไม่มีค่ะ พูดค่ะดิฉันเปิดอกคุยทุกอณู  ซึ่งก็เป็นธรรมชาติผู้หญิงอยู่แล้ว  และความอดทนอดกลั้นในการรอเวลาที่เหมาะจึงจะคุยในแต่ละเรื่องด้วยตรงนั้นยากมาก  เพราะบางทีอยากโพลงออกไป  อยากจะทำแบบในหนังมันไม่ได้ที่กรีดร้องบีบคอเค้าไม่ได้เพราะเราต้องทนอยู่กับเค้าที่ดื่มเหล้ามากมาตลอด จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 13:35:54

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 14     ฟังแล้วขำ แต่เศร้า ต้องดูว่าเกิดจากอะไรครับ ลองหาอย่างอื่นเสริม เช่น แอลกอฮอล์หน่อยมั๊ย ดูหนังหน่อยดีหรือไม่ ตรงๆนะครับ หรือว่าคุณไม่น่ารัก คือ สะอาดหรือเปล่า ปากกลิ่นเป็นยังไง ทรวดทรงองเอว รักแร้ ฝ่าเท้า ข้อศอก ผิวพรรณ เป็นยังไง เค้าไม่ชอบแบบคุณหรือเปล่า แล้วตอนที่มีอะไรกัน เป็นยังไงครับ ดีหรือเปล่า คือปกติหรือเปล่า เสร็จสมอารมณ์หมาย มีเล้าโลมหรือเปล่า ผมว่าน่าจะลองมาแล้วทุกทางใช่หรือเปล่าครับ เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนน้ำหอม เปลี่ยนเครื่องอาบน้ำ เปลี่ยนทรงผม มีอีกอย่างที่ น่าวิเคราะห์ คือ ตั้งแต่แรกที่คบกันมาน่ะครับ เค้าเห็นว่าคุณไม่น่ารัก หรือเปล่า เลยไม่น่าพิศมัย เค้ารักคุณที่ความดี หรือเปล่า ถึงได้ยอมแต่งงานด้วย ลองคิดดูนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 53 02:59:46 จากคุณ : อืมม   ------------------------------------- ตอบคุณอืมม สมัยก่อนก็อยากรู้ว่าเกิดจากอะไร  พยายามพินิจวิเคราะห์ย้อนไปถึงวัยเด็กของเรา  เรารู้ตัวตนของเค้าตอนแต่งงานแค่นั้นแต่วัยเด็ก  วัยรุ่นเราไม่รู้  พออยู่ไปหลายปีเข้าก็เข้าใจอุปนิสัยคนในบ้านแต่ละคน  รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่ถูกบอกเล่าจากคนในครอบครัว ญาติ หรือเพื่อน(ปัจจุบันเค้าตัดสังคมเหลือเพื่อชายอยู่คนเดียว  คนที่ดิฉันโทรปรึกษาลักษณะนิสัยในอดีตสมัยวัยรุ่นและเล่าเรื่องสามีติดเหล้าและขอให้เค้าคบกันเป็นเพื่อนต่อไปให้เค้าเหลือใครสักคน  ซึ่งตอนนี้เค้าก็นัดเจอกันเดือนละหนึ่งครั้งออกไปดื่มทานอาหารเย็นกันสองคนโดยไม่มีภรรยาหรือเพื่อนไปกับพวกเค้า  แต่เพื่อนคนนี้คนในกลุ่มก็ไม่ค่อยคบเหมือนกันจขกท.ถามเพื่อนคนอื่นๆของสามีด้วยน่ะคะ  แต่เค้ามีหน้าที่การงานที่ดีเป็นหัวหน้าคนเป็นผู้จัดการบริษัทเฟอร์นิเจอร์แบรนด์หรูชั้นนำ  เคยคิดว่าคนนี้เป็นคู่เกย์เหมือนกันเพราะเค้าคม เนี๊ยบผมจรดเท้าทุกตารางเซนต์  แต่เมื่อสองปีก่อนก็แต่งงานไป) แอลกอฮอลล์เป็นปัญหาใหญ่สุดในชีวิตเค้าเท่าที่จขกท.มองเห็น  และเป็นคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดและเห็นพฤติกรรมประหลาดบ่อยๆ   ตอนโสดเป็นแฟนกันจขกท.บินไปหาที่ต่างปท. ครั้งแรกเพื่อไปรู้จักแนะนำตัวกับครอบครัวสามี  ไปถึงก็ต้องขับรถเองแล้วเหตุเพราะเค้าถูกตร.จับยึดไปขับขี่ข้อหาเมาแล้วขับครั้งที่สอง  ซึ่งครั้งนี้ทำเอารถบีเอ็มพ่อขับไปดื่มแล้วจอดรถตัวเองไว้ที่บ้าน  รถพ่อก็พังรถชาวบ้านที่จอดหน้าบ้านเฉยๆ พังไปอีกสองคัน  ตำรวจกักตัวพ่อก็ต้องไปรับพากลับเค้าก็โทรทางศัพท์มาบอกตอนอยู่สถานีตำรวจว่าตำรวจกักตัวจขกท.กลับลำไม่ทันซื้อตั๋วเครื่องบินอยู่ในมือแพลนต้องไปเรียบร้อย  งานนั้นแฟนก็เป็นข่าวลงนสพ.  เปิดฉากต้อนรับว่าที่ในอนาคตด้วยการนั่งข้างคนขับมีสาวเป็นคนขับรถเทคแคร์ตลอดวีซ่าหนนั้น สมัยที่แต่งงานปีแรกๆที่เมาแล้วตัวเหม็นขึ้นเตียง  ไม่อาบน้ำ  ไม่แปรงฟัน  แบบกึ่งสติ  ขาดสติ  มีครบ เห็นเค้าคลานสี่เท้าไม่ใช่คนหมดสภาพแบบนั้นก็แค่ขี้เมาปกติ   แต่เค้าทำให้จขกท.ต้องกลายเป็นหญิงปกป้องผู้ชายบ่อยครั้งๆ ที่เค้าเมาแล้วปากเสีย  ปกติเค้าเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่เวลาพูดแทนที่จะมีเรื่องดีๆออกมากลับเป็นเรื่องเนกกาทีฟ  หูก็เนกกาทีฟฟังอะไรเพี้ยนหาเรื่องตีความไปคนละอย่างกันเลยประจำ  พอเมาปากไม่ดีพูดจาไร้สาระเลอะเทอะบ่อยเข้าเราก็เดินหนีในบ้านเราเดินหนีได้   แต่พอเวลาไปพักเวลาไปเที่ยวไปดื่มนอกบ้านเราไม่ไปด้วยให้อดทนนั่งอยู่ในร้านที่มีแต่ผู้ชาย  มีแต่คนตีสนุกเกอร์  สูบบุหรี่  มีเราเป็นผู้หญิงคนเดียว  รู้สึกตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางอึดอัดมากๆจนทนไม่ไหวเสียสุขภาพหัวเหม็นเสื้อผ้าเหม็นไม่ว่าตื่นมาคอเจ็บไอแค๊กๆๆ  ตาโหลโบ๋เป็นแพนด้า  จขกท.ก็โบกมือลาไปเถอะไปตามสบายมันไม่ใช่ที่ของฉันจริงๆ  ดึกมากตีอะไรต่อมิอะไรเราสติจะขาดเอาด้วยทั้งเบลอทั้งง่วงฝืนสุดๆ  แล้วช่วงนั้นเองที่จขกท.เริ่มแสดงออกทางอารมณ์ในปีที่ 2 ของการแต่งงาน  เริ่มเป็นคนโมโหร้ายขึ้นพูดราบเรียบๆ อยู่ดีๆ น้ำเสียงก็จะหนักขึ้นๆ คิ้วนี่ขมวดแบบโกรธสุดขีด  แล้วจะเห็นว่าตัวเองสุดขีดบ่อยๆ  เพราะเก็บกดปลดปล่อยไม่ได้มารวมแล้วก็คือ 4 ปีนะปีที่บวกตั้งแต่ปีรู้จักกันด้วย  แล้วปรี๊ดไม่ได้น่ะ  เสียงดังก็ไม่ได้น่ะต้องรักษาสภาพกุลสตรีไว้  ออกงานต้องยิ้มคล้องแขนจูงมือ  ให้สามีโอบและจุ่มพิศสักทีที่ปากโชว์กลางโต๊ะอาหารว่ารักกันดี  ทำงานก็อึดอัดให้ลูกน้องพนักงานหรือคนที่ทำงานในบริษัทเห็นรอยร้าวฉานไม่ได้ซึ่งมันก็ทำไม่ได้อยู่แล้วโดยธรรมชาติน่ะนะคะ   มาปีที่ 2 ของการแต่งงานนี่เรื่องเยอะๆ ขึ้นอีรุงตุงนังเพราะมีบุคคลที่ 3 คือพ่อของสามี  โดยสามีจะทำแบบนี้ทุกครั้งที่จขกท.ขอร้องให้นั่งคุยกันเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ  ขึ้นต้นแบบนี้เค้าจะยืนผ่างขึ้นมาเลย  บอกว่าไม่ว่างยุ่งไม่มีเวลา  เอาหาตอนที่ว่างๆ เค้าจะได้เลี่ยงไม่ได้เค้าก็ไม่คุย  เป็นคนที่ยอมคุยเพื่อปรึกษาหารือปัญหา  ชีวิตคู่เรื่องนี้ขาดไม่ได้หรอก  คนต่างกันมาอยู่กันต้องปรับบางอย่างบางอย่างต้องเปลี่ยน  เดี๋ยวพูดไปผู้ชายบางคนเข้ามาบอกแต่งงานแล้วชอบบังคับให้เปลี่ยนตัวตน   แต่พฤติกรรมเมาเหล้าสร้างปัญหาตลอด  เป็นปัญหาที่คนนอกและคนในครอบครัวมองไม่เห็น  สามีจะแสดงเต็มที่เต็มพิกัดเวลาอยู่กับเราเหมือนกับเราต้องไปชดใช้กรรมชาติที่แล้วซะอย่างนั้น   พ่อก็จะลงมาจากบ้านส่วนของเค้าโดยมีสามีเดินไปเชื้อเชิญมา  ทุกครั้งพ่อจะนั่งคุยกับจขกท.ที่เก้าอี้คนละตัวนั่งกันอย่างยาวนานคุยกันอย่างจริงจังทั้งที่ไม่เกี่ยวกับพ่อเลยสองคนยันตีหนึ่ง ตีสอง ตีสาม  สามีไม่เคยไม่ทำแบบที่พ่อทำนั่งตรงที่เก้าอี้ที่พ่อนั่งแล้วพูดคุยปรับความเข้าใจกัน  แต่สามีจะยืนอยู่ที่วงกบประตูของห้องห่างที่สุดสักพักแล้วก็ขอตัวหรือแว๊บหายไป   แรกๆ เข้าตาจนผู้ใหญ่มาก็นอบน้อมจำต้องเล่าพ่อจะแก้ได้ไง  ตัวคนที่ต้องแก้ไขที่ยืนอยู่หายไปแล้ว  ช่วงนั้นแม้อึดอัดแต่มันเป็นสถานการณ์ใหม่เข้ามายังทำตัวไม่ถูก  โทรปรึกษาป๊าม๊า...ม๊าจะออกแนวยั๊วะบ่นต่อว่าไว้ก่อนเหตุผลทีหลังม๊าต้องระบายความรู้สึกและม๊าจะรู้สึกแย่โทษตัวเอง   ส่วนป๊าถ้าได้คุยกันทุกคำต้องเก็บกลับมาตรองแล้วบันทึกไว้ในหัวทั้งชีวิตเลย   ป๊าบอก  “ชีวิตแต่งงานมีบุคคลที่ 3  เมื่อไหร่ปัญหายุ่งยากขึ้นมาทันที  ถ้าให้ดีตัดนอกออกไปแล้วแก้ปัญหาภายในครอบครัวเป็นเรื่องสามี ภรรยาสองคนใครจะรู้ปัญหานั้นดีที่สุด  ตัวป๊าเองก็คือบุคคลที่ 3 เหมือนกัน  ลูกต้องหนักแน่นเข้าไว้เพราะลูกเป็นสะใภ้ที่แต่งเข้าครอบครัวใหญ่คนยิ่งมากปัญหายิ่งเยอะ จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 15:18:28

ความคิดเห็นที่ 39 เดี๋ยวกลับมาคุยกับคุณkaoim นะคะ ขอไปฟิตเนสแก้เครียดหน่อยค่ะ จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 15:19:54

ความคิดเห็นที่ 40 สามีเราบอกว่า คุณอยู่แบบหน้าชื่นอกตรม  ทำไปทุกอย่างก็เพื่อรักษาหน้าตาทางสังคม  ส่วนเราเอง เราเห็นไปไนทางว่า  ทางครอบครัวสามีคุณก็ไม่กล้าเสี่ยงจะให้สังคมรู้ถึงรอยร้าวในครอบครัว  ทางโน้นเขาก็คงอยากจะรักษาหน้าตาเหมือนกัน  ท่าทางเขาคงเป็นตระกูลใหญ่จริงๆ แหละค่ะ ถ้าเป็นฝรั่งนะคะ  ป่านนี้คุณภรรยาคงยื่นฟ้องหย่าสามีเรียบร้อยแล้ว แต่นี่เราว่าคุณก็คงไม่ทำหรอก  ด้วยเหตุผลชื่อเสียงนั่นแหละค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 53 16:01:52 จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 15:45:33

ความคิดเห็นที่ 41 อันนี้เป็นความเห็นของสามีนะคะ  ให้เราพิมพ์ให้ เพราะเขาพิมพ์ไม่เก่งค่ะ ----------------------------------------------------------- โลกคือมายา ทุกคนต่างรับบทบาทหน้าที่ คนไหนเล่นได้ตามบทบาท ก็ไม่มีปัญหาอะไร คนไหนเล่นไม่สมบทบาท มันก็มีปัญหา   มายาชีวิตของคุณจ๊ะจ๋า มีปัญหาเพราะว่าผู้เล่น เล่นไม่ได้ตามบทที่ได้รับมา ผมไม่ค่อยถนัดที่จะตอบคำถามแบบยาวๆ เท่าไหร่  ได้อ่านเรื่องของคุณ  ก็บอกว่า เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว   ไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้นะครับ  ถ้าจะถามว่าควรมีวิธีหรืออุบายอย่างไรที่จะใช้ในชีวิต   เราก็พอที่จะแนะนำได้ว่า ควรจะเลือกเส้นทางไหนดี ในสมัยที่ผมบวชเป็นพระอยู่ในวัดป่า ก็เคยมีญาติโยมไม่น้อยที่มาระบาย มาขอแนวทาง  ก็ได้ให้ธรรมะคำสอนไปประยุกต์ใช้   จริง ๆ แล้วปัญหาในชีวิตของทุกคนไม่แตกต่างกันมาก หนักเบาอยู่ที่สถานภาพของแต่ละคน ทุกคนเกิดมามีกรรม  คือการกระทำ  อาศัยการกระทำดีทำชั่วแล้วเกิดมา  มีกรรมเป็นแดนเกิด  มีกรรมเป็นผู้ติดตาม และมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  ถ้าเราทำกรรมดีมา เราก้ได้พึ่งพาอาศัยกรรมดี กลับกันในทางชั่วก็เป็นอย่างนั้น  (กรรมหมายถึงการกระทำ) ในกรณีของคุณมีการกระทำที่ผูกพันกันมา จึงต้องมาชดใช้กรรมนั้นร่วมกัน เหมือนว่าเราต้องมาใช้หนี้ให้หมด   ในเวลานี้คุณเหมือนอยู่ในสถานะที่จะหมดหนี้แล้ว อยู่ที่คุณจะตัดสินใจว่าจะใช้หนี้ให้หมด  หรือจะผูกพันคือสร้างกรรมใหม่ร่วมกันต่อไป  (ซึ่งก็ต้องตามใช้หนี้กรรมกันต่อไปไม่จบสิ้น) จะเป็นไท หรือจะสร้างกรรมร่วมกันต่อ ก็ให้พิจารณาด้วยตนเองให้ถ่องแท้ แล้วตัดสินใจซะ อยากฝากสิ่งสำคัญที่เราชาวพุทธไม่ควรละเลย  ฟังมาแต่โบราณว่า  บุญทำให้เราเกิด  เกิดมาแล้วต้องทำบุญ  มีทุนก็ต้องสร้างกำไรต่อไป  ด้วยการหมั่นทำทานและรักษาศีล ภาวนา ผมจะเน้นและสอนญาติโยมเป็นประจำอย่างขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะทุกข์มากน้อยแค่ไหน  ให้ทำทาน เข้าวัด รักษาศีล ภาวนา ญาติโยมที่เขานำไปปฏิบัติได้ กลับมาหาอีกทีก็มีหน้าตาเบิกบานแจ่มใส ดีขึ้นแทบทุกคน   คุณจขกท.ลองหาโอกาสไปทำบุญที่ต่างจังหวัดดู  หาเวลาสักช่วงนึง เปิดหน้าต่างอีกบานของชีวิต บุญรักษานะครับ ------------------------------------------------------------------- เราเสริมให้จากความเห็นของสามีนะคะ...เห็นด้วยค่ะ  ทางที่จะเยียวยาจิตใจของคุณจขกท.ได้ในตอนนี้ และถาวรนะคะ  คือ ธรรมโอสถ ค่ะ ลองเปิดใจหาธรรมะเป็นที่พึ่ง อย่างไรก็ได้ ฟังธรรม ลองหาโอกาสไปทำบุญวันอาทิตย์ หรือวันไหนก็ได้ที่คุณสะดวก  ชีวิตคุณจะดีขึ้นแน่นอน  เราขอรับรอง เพราะเราทำมาแล้ว จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 16:29:01

ความคิดเห็นที่ 42 ชวนคุณจ๊ะจ๋า และพี่ๆน้องๆ ไปลองชิมผัดไทยกันค่ะ   http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D9134176/D9134176.html จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 18:29:12

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 32     เอ่อ..จากที่อ่านคห.บน มีความคิดนึงแว่บเข้ามาในหัว อย่าโกรธนะคะ แต่เป็นไปได้ไหมว่าคนที่อยากใส่ชุดนี้คือตัวสามีของคุณเอง ดิฉันว่าเขาอาจจะเป็นบุคคลประเภท Cross dress ชอบแต่งชุดข้ามเพศก็ได้ค่ะ จากคุณ : Lylac (Lylac) ------------------------- ไม่โกรธหรอกค่ะ  แต่เรื่องแต่งชุดข้ามเพศนี่......ไม่รู้เหมือนกันไม่เคยมองมุมนี้มาก่อน จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 19:42:05

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นที่ 33     ที่สามีทั้งหลายมีเซ๊ก น้อย อันนี้ขอตอบจากความคิดของผู้ชายครับ อาจจะเป็นเพราะ หุ่น หรือ กลิ่นหรือบลาๆๆ บางทีผู้หญิงชอบมองข้าม สิ่งเหล่านี้ ถ้าหุ่นคุณดีๆ ผิวดีๆ กลิ่นดีๆ ทำทรงผม ใหม่บ่อยๆหน่อย หรือพูดง่ายๆ ถ้าคุณผู้หญิงทำตัวให้ดูดีตลอดเวลา นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่คุณมองข้าม จากคุณ : red-racket   ------------------------- ไม่ใช่กับกรณีของดิฉันค่ะ  ถึงหลังคลอดลูกจะโทรมเป็นซอมบี้เหมือนคนมีร่างแต่ไร้วิญญาณเพราะต้องเลี้ยงลูก   แต่รับรองไม่แย่เท่ากับที่ตัวเค้าเป็น จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 19:50:56

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 34     เก้าตามอ่านอยู่นะคะ  กำลังจะประติประต่อเรื่องราวและวิเคราะห์อยู่ว่าสามีคุณจขกท.เป็นอะไร    แต่พอได้อ่านคห.คุณไลแลค Lylac  ก็น่าจะใช่นะคะ   การที่ดูเว็บโป๊  ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เพื่อปลดปล่อยเสมอไป   ไม่เช่นนั้นเขาคงดูหนังโป๊ สยิวกิ้ว และชวนคุณเล่นบทตามหนังไปแล้ว เข้าใจความรู้สึกของคุณจขกท.นะคะ  คุณย่าของสามีคงจะเป็นคนๆ เดียวที่สามารถคุยกับคุณได้ทุกๆ เรื่อง  แต่เราว่า คุณควรจะปรึกษากับพ่อแม่ของคุณจขกท.ด้วยนะคะ ปัญหาความผิดปกติ บกพร่อง ทางเพศของคุณสามีคงจะค่อนข้างหนักเอาการอยู่ จะบอกว่าเสื่อม ก็ไม่น่าจะขนาดนั้น  แต่มันมีอารมณ์ของการไม่เอาใจใส่ภรรยา  ไม่สนใจเรียกว่างั้นก็ได้  อันนี้มันไม่ใช่วิสัยของคนที่จะมาร่วมชีวิตคู่กันนะคะ ถ้าหากว่า สามีมีปัญหาทางเพศเสื่อมจริงๆ  ก็ใช่ว่า อารมณ์ ความรัก ความเมตตาจะเสื่อมไปด้วย จริงไหมคะ แต่อาการของเขา มันเข้าข่ายไปทาง ไม่ได้ยินดี แยแส ความรู้สึกของคุณจขกท.สักเท่าไหร่   เรืองทางเพศน่ะเสื่อมแน่ค่ะ  มันลุกลามไปจนถึงความรู้สึกของความรับผิดชอบในฐานะเป็นลูกผู้ชายก็เสื่อมไปด้วย   คงไม่ต้องฟันธงหรอกค่ะว่าเค้าเบี่ยงเบนพฤติกรรมแน่นอน แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 53 10:53:18 จากคุณ : kaoim   ----------------------- เห็นตรงกับคุณในทุกสิ่งที่ว่ามา  เพราะจขกท.ก็คิดอย่างนั้นค่ะ  จะมีบทรักด้วยกันได้ยังไงในเมื่อเค้าไม่ชอบการสัมผัส  ทั้งทางกายและใจ  ผิดกับย่าจขกท.จะรู้สึกเหมือนบุญของเราที่ได้เจอกันหาแบบย่าไม่ได้ง่ายๆ  ญาติกันก็ไม่ใช่  คู่ของย่าเป็นคู่ตัวอย่างที่คู่ชีวิตต้องเอาเป็นแบบอย่าง...จึงเป็นมาสเตอร์ในใจสำหรับการครองคู่ที่เราควรเป็น  เสียดายสามีไม่มีหัวใจยิ่งใหญ่แบบท่าน จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 20:00:11

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 35     ขออนุญาตถามอีกข้อนะคะ   หากว่าคุณเคยดูละครเรื่อง น้ำตาลไหม้   คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนนางเอกไหม?  ที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนึง  ซึ่งต่อมาเขาก็คือคนที่เบี่ยงเบนทางจิตเพท     ในละครเราเห็นโจ่งชัดอยู่หรอกค่ะ  ว่าตัวละครใครเป็นเกย์ ใครเป็นแมน   แต่ในชีวิตจริงๆ  บางคนมันยากที่จะดูออก   เพื่อนเก้าบางคน  ถ้าไม่เห็นกับตาว่า อยู่ข้างนอก เธอเคล้าคลอเคียงแอบอยู่กับชายอีกคน   ปกติแล้วจะดูไม่ออกเลยค่ะว่าเธอเป็นแอบ เรื่องการแต่งตัว หุ่น กลิ่น การเอาใจใส่ตัวเองของคุณจขกท.  เราว่า ตัดประเด็นนี้ไปได้เลยค่ะ   เพราะเราอ่านดูที่คุณเล่าๆ มา  คุณไม่น่าจะใช่คนที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ไม่เป็นที่น่าสนใจของสามี   เพราะผู้ชายเขามีพฤติกรรมแบบนนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว สิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว  มันเรียกร้องอะไรคืนมาไม่ได้หรอกค่ะ... อย่าไปทวงหาอดีต  ให้คำนึงถึงปัจจุบัน  และอย่าฝันหาอนาคตในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จากคุณ : kaoim ----------------------------- แฟนใครเซ็กซ์เสื่อมตัวจริง ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ค่ะ    ไว้จะไปหาดูค่ะ จริงแล้วเลิกมองอดีตไปแล้วถึงกับปิดประตูแล้วขุดหลุมฝังความทรงจำเลยด้วยซ้ำค่ะ อนาคตก็ไม่กล้าฝันหรือวาดวางอะไร  มีแต่อนาคตของลูกที่แพลนไว้  ของตัวเองไม่กล้าไม่นานแล้วค่ะ ธรรมมะเยียวยาและสอนให้มองปัจจุบันสิ่งที่จขกท.ทำก็คือ  อยู่กับปัจจุบัน  พยายามทำปัจจุบันวันต่อวันค่ะ ทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว  ยกเว้นที่สองเดือนมานี้มีเรื่องให้ติดใจอีก จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 20:52:40

ความคิดเห็นที่ 47 ไล่อ่านเรื่องของ จขกท.เนื่องจากตามมาจากลิงค์ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9121570/L9121570.html อ่านแล้วก็รู้สึกเห็นใจ จขกท.มากค่ะ แล้วก็สะท้อนใจถึงตัวเอง กลัวจะเจอกับตัวเองเข้าให้ ตอนนี้ยังเลขสองปลายๆ อยู่ค่ะ โสดอีกตะหาก แต่ผู้ชายสมัยนี้ก็มองยากจังเลย ขอถามหน่อยไว้เป็นประสบการณ์นะคะ - ทำไม จขกท. ถึงได้ตัดสินใจแต่งงานกับสามีได้ละค่ะ - ในกรณีอย่างนี้ การอยู่ก่อนแต่ง จะช่วยได้มั๊ยค่ะ อย่างน้อยก็ได้รู้ไปเลยว่าเค้าเป็นอย่างไร นิสัยใจคอ หรือว่ารสนิยมในเรื่องอย่างว่า ขอบคุณมากค่ะ และขอให้ จขกท. จัดการปัญหาชีวิตได้ลงตัว จากคุณ : grapekmitl เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 53 22:37:51

ความคิดเห็นที่ 48   ตามมาอ่านค่ะ จากกระทู้ของเรา แฟนขี้เมา ไม่เข้าใจการบ้าน ที่คุณไปตอบไว้ ปัญหาของคุณหนักกว่าเราหลายเท่า ปัญหาของเรามันเพิ่งเริ่ม เราถึงอยากรีบแก้ปัญหาซะตอนนี้ ไม่อยากให้มันเรื้อรัง เราไปเสิร์ชหาข้อมูล อาการติดเหล้าของแฟน แล้ว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ปัญหาแบบนี้ เราเป็นผู้หญิงพูดยากค่ะ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ คงไม่ระบายออกมา เราอยากแก้ปัญหาดูก่อน ถ้าไม่ไหวหรือจนปัญญาจริงๆ สุดท้ายเราก็คงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ยังไงก็เป็นกำลังให้คุณจ๊ะจ๋าด้วยนะคะ ^_^ จากคุณ : การดื่มสุรา ทำให้ภรรยาลดลง เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 53 14:58:35 A:114.128.26.205 X: TicketID:265202