Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มาเล่าให้ฟังเป็นอุทธาหรณ์.....คุณดูแลคนที่บ้านดีพอหรือยัง  

ปกติจะเข้า pantip เพื่ออ่านกระทู้ท่องเที่ยวที่ blueplanet เท่านั้น ไม่ได้เข้ามาถามตอบเท่าไร
แต่เรื่องที่จะเล่าในวันนี้เป็นปัญหาสุขภาพจิต เลยขออนุญาตมาเล่าที่นี่แล้วกันค่ะ ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าเราเป็นคนเขียนเล่าเรื่องอะไรไม่เก่ง แต่อยากมาเล่าเรื่องแชร์ประสบการณ์ ปัญหาที่ทำให้เราท้อใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ในหลายวันที่ผ่านมา เพื่อจะ ป้องกันไม่ให้ปัญหาร้ายนี้เกิดกับใครๆอีกเลย  เรื่องจะยาวนิดนึง ทนอ่านกันหน่อย หากสิ่งที่เราเล่าให้ฟัง สามารถช่วยให้ผู้อ่าน ได้สังเกตคนรอบข้าง และนำไปสู่การเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที แค่นี้เราก็จะถือว่าเราได้สร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แล้วค่ะ

เราคิดว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อโรค Bipolar disorders (โรคอารมณ์เศร้าอารมณ์แปรปรวนหรือ BP)
เราก็เคยได้ยินชื่อโรคนี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่เคยสนใจ และไม่เคยคิดว่า “โรคนี้จะเกิดขึ้นกับน้องเราเอง”

ขออนุญาตคัดลอกข้อมูลอาการของโรคบางส่วนจากบทความของ คุณมานิต ศรีสุรภานนท์  สำหรับคนที่ยังไม่ได้รู้จักโรคนี้นะคะ

“Bipolar disorders หรือ BP เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนที่ผู้ป่วยมีอารมณ์คลุ้มคลั่งครื้นเครงมากกว่าปกติหรือ อารมณ์ครื้นเครงไปจากภาวะปกติเล็กน้อย สลับกับมีภาวะอารมณ์เศร้าซึม ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมีเพียงอาการอารมณ์คลุ้มคลั่งครื้นเครงมากกว่า ปกติเท่านั้นในแต่ละครั้งที่อาการกำเริบ โดยไม่มีระยะที่มีอาการซึมเศร้าเลย แต่ยังคงให้การวินิจฉัยว่าเป็นภาวะอารมณ์เศร้าอารมณ์แปรปรวนทั้งนี้เนื่อง จากการดำเนินโรค ประวัติของโรคในครอบครัว ตลอดจนการตอบสนองต่อการรักษาไม่ต่างไปจากผู้ป่วยที่มีอาการทั้ง 2 ด้าน อีกทั้งผู้ป่วยประเภทนี้พบได้ไม่มาก (ประมาณร้อยละ 10)”

“ลักษณะอาการทางคลินิก อาการของ ผู้ป่วยอาจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่
1. อาการด้านอารมณ์ ผู้ป่วยรู้สึกมีความสุขมาก อารมณ์ดี พูดจามีอารมณ์ขัน ล้อเลียนผู้อื่น คึกคะนอง ไม่สำรวม มีการแสดงออกของอารมณ์หรือความต้องการอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่ค่อยคำนึงถึงผู้อื่นหรือกฎเกณฑ์ของสังคม หากถูกห้ามปรามหรือขัดขวางในสิ่งที่ตนต้องการจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว
2. อาการด้านพฤติกรรม ผู้ป่วยจะรู้สึกคึกคัก มีกำลังวังชา ขยันมากกว่าปกติแต่มักทำได้ไม่ค่อยดี ความต้องการนอนลดลง ชอบพูดคุยทักทายผู้อื่น แม้แต่กับคนแปลกหน้า พูดมาก พูดเร็ว ใช้จ่ายสิ้นเปลือง
3. อาการด้านความคิด ผู้ป่วยจะมีความคิดสร้างสรรค์มากมาย มีโครงการในกิจการต่างๆ ซึ่งเกินตัว เชื่อมั่นในตนเองมากร่วมกับมีการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น ในรายที่เป็นรุนแรงจะพบมีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอน โดยเนื้อหามักเกี่ยวกับเรื่องของอำนาจวิเศษ ศาสนา หรือบางครั้งอาจมีลักษณะแปลกๆ เช่นเดียวกับที่พบในโรคจิตเภท”

จะอ่านเต็มๆ ก็ search ต่อได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ มาเข้าเรื่องเลยแล้วกัน  

น้องเรา อายุ 33 ชีวิตเขาประสบความสำเร็จมาตลอด ตั้งแต่เรื่องการศึกษา (จบปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง) เรื่องการงาน ก็เป็นเจ้าของบริษัท และก็กำลังจะแต่งงาน  เป็นน้องที่ไม่เคยทำให้เราเป็นห่วงเลย ออกจะเป็นฮีโร่ด้วยซ้ำ  ช่วยเหลือพี่ๆในคราวที่เราต้องการความช่วยเหลือ  เรามองว่าน้องเราเป็นคนที่สุขภาพจิตดี วุฒิภาวะสูงใช้ได้ มีอารมณ์ขัน และมีมนุษย์สัมพันธ์ พูดมาก ชอบแหย่คนนู้น คนนี้ให้ได้ขำ  อยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นนิสัยตั้งแต่เค้าเด็กๆ จะออกทะเล้นๆ เป็นปกติ   “ดังนั้นความคิดที่ว่าน้องจะเป็นโรคจิตนั้น ไม่เคยอยู่ในความคิดของเราเลย”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เค้าทำธุรกิจส่วนตัว ก็ประสบความสำเร็จดี  ชีวิตดำเนินไปด้วยดี จนเราไม่สังหรณ์ใจกับอาการต่างๆ เหล่านี้เลย

- เค้าทำงานหนักมาก เจ้าโปรเจ็คท์ ทำงานดึกๆตลอด ไม่หลับไม่นอน ไอ้เราก็คิดว่าน้องเราขยันดี  ทำงานจนเช้า
-เค้าเริ่มบ่นว่านอนไม่หลับ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ยานอนหลับเค้าก็ไม่อยากกิน เป็นคนออกจะไฮเปอร์
-พูดมาก ก็คิดว่ามันพูดมากเป็นปกติ  
- เริ่มใช้เงินไม่ยั้งคิด อยากได้อะไรซื้อเลย เช่น ซื้อคอนโดราคาตั้งหลายล้าน  .... เราก็ยังไม่เอะใจอีก เพราะเค้าก็มีเงินเก็บหลายล้านอยู่  
- ขี้หงุดหงิด ก็คิดว่าเป็นเพราะทำงานเครียด .....ไม่เอะใจซักนิด มหันตภัย เริ่มอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว เพราะนี่คืออาการเริ่มของกลุ่มที่ 2 (ลองกลับไปอ่านอาการที่แปะไว้ด้านบนอ่ะค่ะ)  

จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมา น้องเรามีอาการ “ทางประสาท” หรือเหมือนคนบ้า พูดจาหลอน คิดว่าตัวเองเป็นอะไรไม่รู้เลยอ่ะ คือ เสียสติไปแล้ว  

พอตั้งสติได้ เรากับแฟนของน้องก็ช่วยกันพาตัวน้องเราไปพบจิตแพทย์  โดยได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งที่ช่วยเป็นธุระนัดจิตแพทย์ที่เก่งมากให้ และเป็นโชคของน้องด้วย ที่ยอมไปพบจิตแพทย์ด้วยดี  ยอมกินยา ตามที่แพทย์สั่ง

ตอนนี้กินยามาได้ 3 วัน วันนี้พูดรู้เรื่องเป็นปกติแล้ว ไม่เพ้อเจ้อ เราก็ภาวนาให้เค้าหายเป็นปกติ  
แต่ก็ยังกังวล และกลัวอาการกำเริบไม่หาย  วันที่เค้าพูดเพ้อเจ้อ รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้  ใครมีญาติเป็น Bipolar เข้ามาแชร์กันได้นะคะ ว่าดูแลกันยังงัย แล้วหายขาดหรือเปล่า ต้องกินยาต่อเนื่องนานมั๊ย

วันที่เค้าเสียสติ  เราเหวอไปเลย เพราะคิดว่าเมื่อวานมันยังดีๆอยู่ ทำไมวันนี้มันบ้าไปแล้ว ….ณ วันนี้ ที่เราได้เริ่มศึกษาอาการโรค Bipolar จึงเข้าใจกระจ่างว่า ที่จริงมันมีอาการตั้งนานแล้ว แต่เราโง่เอง ที่ไม่เอะใจเลยว่าที่มันเป็นอยู่นั่นแหละคือ Bipolar!  นึกโทษตัวเอง ว่าเราเป็นพี่ที่ไม่ดีเลย  หากเราพาเค้าไปพบจิตแพทย์ตั้งแต่ตอนที่เค้าเริ่มนอนไม่หลับใหม่ๆ ให้เค้าได้รับยาปรับสมดุลย์เรื่องการพักผ่อน และได้รับยาปรับสมดุลย์ของสารในสมองแต่เนิ่นๆ  คงไม่อาการรุนแรงอย่างนี้ และไม่ต้องมากังวลว่าน้องฉันจะหายบ้าหรือเปล่า  

หากตัวคุณ หรือคนรอบข้างคุณ มีอาการอย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้น ไปพบจิตแพทย์ เถอะ ทั้งตัวคุณและตัวเค้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กังวลกับอาการที่อาจรุนแรงอย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน

จากคุณ : Coffee Addict
เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 53 21:32:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com