ความคิดเห็นที่ 1 มะเร็ง ปากมดลูกคือ มะเร็งที่เกิด จากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา หรือ เชื้อเอชพีวี (HPV) บริเวณอวัยวะเพศ และมักพบในช่วงอายุ 30-60 ปี จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:20:34

ความคิดเห็นที่ 2 แทบ จะเป็นมะเร็งชนิดเดียวเลยมั้ง ที่สามารถป้องกัน และสามารถตรวจหาได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:21:24

ความคิดเห็นที่ 3 แถม ยังรักษาให้หายได้ด้วย แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่ง จากรายงานสำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติพบว่า "สตรีไทยเสียชีวิตจาก มะเร็งปากมดลูก วันละเกือบ 9 รายต่อวัน จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:21:52

ความคิดเห็นที่ 4 .... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:23:57

ความคิดเห็นที่ 5 ผู้หญิงทุกคนจะสาว ไม่สาว ซิง ไม่ซิง ก็มีสิทธิ์เสี่ยงพอๆกัน หมด เพราะมันก็มีอยู่หลายปัจจัย 1. ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ (รอดแล้วเพราะไม่เคย --แน่ใจหรอ แล้วจะไม่แต่งงานว่kงั้น) คือแบบว่ามันติดเชื้อผ่านทาง ผู้ชายด้วยได้อ่าคะ 2. มีคู่นอนหลายคน(อันนี้มันของแน่หนะ) 3. มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (ชัวร์เกินบรรยาย) 4. มีโรคเรื้อรังที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เช่น เอดส์ (ไม่ ต้องมีคำอธิบายใดๆ) 5. เคยมีความผิดปกติของปากมดลูก (ต้องระวังกันนะคะ ไม่ว่าจะเคยเป็นซีท ถุงน้ำ หรืออะไรก็แล้ว จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:25:30

ความคิดเห็นที่ 6 อาการส่วนใหญ่ ก็คือ .... ไม่มีอาการอ่าค้าบบ คนส่วนใหญ่เลยไม่รู้ แต่ก็จะพอมีบ้างนะ เช่น อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมาผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่น ปริมาณมาก สีผิดปกติหรืออาจมีเลือดปน แต่ถ้าประจำเดือนมาผิดปกติเนี่ย ก็คือว่า เป็นระดับ 2 ขึ้นไปแล้ว จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:26:18

ความคิดเห็นที่ 7 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:35:24

ความคิดเห็นที่ 8 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:38:05

ความคิดเห็นที่ 9 การป้องกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากๆเลย อยากจะบอกก็แค่ - หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร - ไม่สูบบุหรี่ - ใช้ถุงเพื่อหลีกเลี่ยง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็ป้องกันไม่ได้ 100% นะ  แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่แหละ - รีบพบแพทย์หากมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะประจำเดือน หรือตกขาว - ควรรับการตรวจ "แป๊ปเสมียร์" อย่างน้อยปีละครั้ง - การเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:38:43

ความคิดเห็นที่ 10 จริงแล้วโรคนี้เป็น โรคที่ป้องกันได้ และไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ที่เกิดเนื่องจากความละเลย เป็นส่วนใหญ่นะ เพราะว่าเรามักมัวแต่อาย มันก็เลยเป็นโรคที่คร่า ผู้หญิงสวยๆ ฟังแล้ว มุมิมุมิ หงุดหงิดเจงๆ เดี๋ยวนี้มีวัคซีน และตรวจแป๊ปเสมียร์ ซึ่งดีกว่าแต่ก่อนมาก ยังไงก็ดูแลตัวเองกันด้วยนะจ๊ะ สาวๆ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:41:03

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆยังมีเนื้อหาอีกนะคะ แต่กลัวว่าจะยาวเกินไป วันนี้ขอแค่นี้ก่อน คงเป็นประโยชน์ กับผู้สัญจร ไปมาได้นะคร้าาาาา จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:42:18

ความคิดเห็นที่ 12 น่ากลัวเนอะ ผมจะเป็นมั้ยครับ มะเร็งปากมดลูกเนี่ย เหอๆ จากคุณ : ฮั่นตงอ๋อง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:54:15

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้ชายก็มีสิทธิ์เป็นคะ ถ้าไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นอยู่ ซึ่งในกรณีผุ้ชายเนี่ย จะไม่แสดงอาการคะ แต่จะกลายเป็นตัวพาหนะ นำไปสู่ภรรยาได้แทน จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 11:04:06

ความคิดเห็นที่ 14   จากคุณ : ครูแกง (skhonchom) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 11:12:09

ความคิดเห็นที่ 16 #15 เข้าทางเลยนะเจ๊แมว จากคุณ : ฮั่นตงอ๋อง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 12:25:44

ความคิดเห็นที่ 18 แบบนี้ต้องโหวตตตตตตตต จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 13:10:09

ความคิดเห็นที่ 19 โหวตให้เลยครับผม จากคุณ : prasit_tee (prasit_tee) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 13:28:59

ความคิดเห็นที่ 20 THANKS จากคุณ : Bamboo (noopin) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 14:55:05

ความคิดเห็นที่ 21   ว้าวๆๆๆ คุณ จขกท วาดรูปได้น่ารักจังค่ะ แถมเนื้อหาที่นำมา post ก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากค่ะ แล้วก็ทันเหตุการณ์กับปัจจุบันด้วย   ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก และตนเองก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทผลิตยาใดๆด้วยค่ะ ความเป็นจริงแล้วมีไวรัสหลายสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก แต่ตัวที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่มากที่สุดก็คือ สายพันธุ์ 16 กับ 18 ค่ะ ประมาณ 80 %  ซึ่งตอนนี้มีวัคซีนแล้วค่ะ ชื่อ Cervarix ส่วนวัคซีนอีกชนิด ชื่อ Gardasil สามารถป้องกันได้ทั้งมะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ เพราะมีทั้งสายพันธุ์ 6,11,16,18 ค่ะ แบบ 2 in 1 เลยค่ะ ดังนั้นแล้ว นอกเหนือจะเป็นวัคซีนที่มีประโยชน์ต่อผู้หญิงแล้ว ผู้ชายก็สามารถฉีดได้ด้วยค่ะ เพราะว่าสามารถป้องกันหูดที่อวัยวะเพศได้เช่นกัน ซึ่งองค์การอาหารและยาของอเมริกาก็อนุมัติข้อบ่งใช้นี้แล้วค่ะ สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Cervarix และ Gardasil ก็ตรงสายพันธุ์ของไวรัสนี้แหละค่ะ และนอกจากนี้ช่วงอายุของผู้ที่จะฉีดก็แตกต่างกันด้วยในการให้ผลการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ   ซึ่งพบว่า Gardasil แนะนำให้ฉีดในช่วงอายุ 9 – 26 ปี ส่วน Cervarix ก็ช่วงอายุ 10 – 45 ปี ความเสี่ยงของการติดเชื้อส่วนใหญ่ก็มาจากเพศสัมพันธ์ค่ะ ถ้าเปลี่ยนคู่นอนหลายคนก็เสี่ยงมากขึ้น ระยะฟักตัว หรือการกลายพันธ์ของเซลล์ที่ได้รับเชื้อก็สามารถซ่อนอยู่ได้นานเป็น 10 ปี ภายหลังการรับเชื้อแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร ดังนั้นใครที่ยัง virgin อยู่ก็สบายใจได้ไปหน่อยหนึ่งค่ะ แต่ถ้าใครไม่ virgin แล้ว แต่ต้องการจะไปฉีดวัคซีน จากที่ทราบมาก็เหมือนว่าประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์ของการติดเชื้อดังกล่าวก็อาจจะลดลงค่ะ สำหรับตนเองตอนนี้ยังไม่ได้ฉีดเลยค่ะ และก็ยังไม่ได้รับปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่ด้วยค่ะ  แต่กะว่าถ้าว่างๆจากอะไรหลายๆอย่างแล้วก็คงจะไปฉีดเช่นกัน  ตอนนี้ก็ลองดูๆว่ามีอาการข้างเคียงที่รายงานรุนแรงออกมาหรือไม่ค่ะ งั้นถ้าใครสนใจก็ลองดู ชื่อวัคซีนที่ให้ไปแล้วกันค่ะ อ่านให้ละเอียดอีกทีก่อนการตัดสินใจทั้งให้กับตนเอง หรือ ให้กับบุคคลอันเป็นที่รักค่ะ   ปล. ชอบฟัง 102.5 fm เหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ กทม เลยอดฟังแล้ว  และก็อยากจะ vote กระทู้นี้ให้ด้วยค่ะ  แต่พอดีเป็นแบบ mobile register เลยไม่สามารถ vote ได้ค่ะ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 16:09:15

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมาก เลยคร่าที่โหวตให้ ดีใจ นานๆส้มจะตั้งกระทู้ที ได้โหวตด้วย ดีใจมากๆๆ ยังไง อย่าลืมดูกระทู้ ต่อๆไปนะคะ จริงๆส้มยังมีอีก แต่ว่า อัพวันนี้คงไม่ไหว ขอแปะโป้งไว้เป็นวันหน้า จ้า แต่ยังคงเป็นเรื่องเดิมนะคะ มะเร็งปากมดลูก ช่วงนี้มันกำลังอิน คิคิ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 18:49:00

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ จขกท. ด้วยครับ เพิ่มเติม ถ้าคุณผู้ชาย ได้รับเชื้อ มาอาจจะทำให้เป็น หูดที่อวัยวะ เพศได้ ในกรณี ที่ ช รัก ช ก็สามารถ เป็น มะเร็ง ที่ทวารหนัก ได้ นะครับ !!!!! คุณ athena_b  ฟังผ่าน web เลย ^^ จากคุณ : น้องหนูเกิดมาเหวี่ยง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 18:54:53

ความคิดเห็นที่ 24   ขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองนะคะ เพราะเพิ่งผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออกไป เมื่อเดือน ม.ค. ค่ะ        เริ่มแรกช่วงเดือน ส.ค.52 ประจำเดือนเราหมดไปแล้วประมาณ 5 วัน อยู่ๆ ตอนเที่ยงก็มีเลือดออกมาเยอะจนต้องใส่ผ้าอนามัย แต่พอตกเย็นก็ไม่มีค่ะ รุ่งเช้าเราก็ไปหาหมอสูติทันที เล่าอาการให้ฟัง แล้วหมอก็ทำการตรวจภายใน (เป็นครั้งแรกที่ตรวจภายในด้วยนะคะ หมอผู้ชายอีกตะหาก) รอฟังผลอาทิตย์หน้า ระหว่างนี้ก็มีเลือดออกกระปิดกระปอย       แล้วก็มาฟังผล หมอบอกว่าไม่พบอะไร เราก็เลยเล่าอาการให้ฟังต่อว่ายังมีเลือดออกกระปิดกระปอยนะ หมอก็เลยตรวจแบบแป๊ปเสมียร์ แต่ทำไม่ได้เนื่องจากมีเลือดออกอยู่ ยิ่งหมอใส่เครื่องมือเข้าไปเลือดยิ่งออก เป็นอันว่าล้มเหลว ก็เลยนัดใหม่ รอให้ประจำเดือนรอบหน้าหมดก่อน       พอประจำเดือนหมดปุ๊บ เราก็โทรแจ้งพยาบาลให้นัดหมอเลย โชคดีที่วันตรวจไม่มีเลือดออก แล้วก็ได้แป๊ปเสมียร์สักที อาทิตย์หน้าฟังผล       ฟังผล ปรากฎว่าไม่มีอะไรอีกแล้ว แต่ก็เหมือนเดิมบอกหมอว่ายังมีเลือดออกกระปิดกระปอยอยู่นะ คราวนี้หมอนัดตัดชิ้นเนื้อเลยค่ะ       ตื่นเต้นมาก นัดตัดชิ้นเนื้อเดือน ธ.ค. ค่ะ อยากบอกว่าไม่เจ็บเหมือนที่คิดนะคะ       ฟังผลชิ้นเนื้อวันที่ 4 ม.ค.53 ค่ะ ไปฟังคนเดียวด้วย หมอบอกว่าเรากำลังจะเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นขั้นที่ 2 ค่ะ และกำลังจะกระโดดจากขั้นที่ 3 ไปเป็นมะเร็งขั้นแรกเลย เพราะเรามีไวรัส HPV ต้องผ่าตัดเอาเซลล์ที่ผิดปกติออกไป (เป็นรูปกรวยน่ะค่ะ) บริเวณที่ผ่าออกไปก็จะหาย 100% แต่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคตบริเวณอื่น จากคุณ : merit_bee เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 23:24:04

ความคิดเห็นที่ 25   (ต่อค่ะ)          แอดมิดวันที่ 20 ผ่าตัดวันที่ 21 ม.ค. ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ผ่าตัด เรากลัวและตื่นเต้นมากๆ เราขอหมอดมแก็สยาสลบค่ะ เพราะเราปวดหลัง ไม่อยากบล็อกหลังด้วย อยู่ ร.พ. ต่ออีก 1 วัน 1 คืนค่ะ ดูอาการ          นัดฟังผลการผ่าตัดวันที่ 2 ก.พ. หมอบอกให้พาเพื่อนมาฟังผลด้วย          เราพาสามีมาค่ะ แต่ให้รอข้างนอก เราเข้ามาฟังเองคนเดียว หมอบอกว่าบริเวณที่ผ่านั้นหายดีแล้ว โอกาสจะกลับมาเป็นที่เดิมแทบไม่มีเลย แต่ก็อย่างที่บอกข้างต้นว่า อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคตบริเวณอื่น และไวรัส HPV ก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป ไม่มียากินใดๆ ให้มันหายไปจากร่างกายเราได้ มันจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของเรา ก็ให้ดำเนินชีวิตไปตามปกติค่ะ         ดีใจมากๆ ณ ขณะนั้น แต่ทุกวันนี้เราก็ต้องดูแลตัวเอง กินอาหารที่ไม่ก่อมะเร็งค่ะ         อยากบอกเพื่อนๆ ว่า ถ้ามีอาการผิดปกติบริเวณนั้น ให้รีบพบหมอนะคะ อย่าอายหมอค่ะ เพื่อที่จะได้ทราบตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ จากคุณ : merit_bee เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 23:35:47

ความคิดเห็นที่ 26 รบกวนถามประดับความรู้ค่ะ ที่บอกว่าติดจากทางฝ่ายชาย...ถ้านิสัยชอบมีสัมพันธ์มากคู่...ก็จะเป็นพาหะ แล้วติดต่ออย่างไรค่ะ 1. ถ้าทางผิวหนัง แม้จะชำระล้างออกไป ก็ไม่ออกหรือค่ะ 2. ถ้าติดต่อเหมือนไวรัส ที่ต้องเข้าแทรกซึมทางร่างกายก็เข้าทางอวัยวะช่วงล่างหรือค่ะ ส่วนเรื่อง วัคซีน -Gardasil แนะนำให้ฉีดในช่วงอายุ 9 – 26 ปี = แล้วสามารถคุมตัวไหนได้บ้างค่ะ แล้วต้องฉีดอีกตัวไหมค่ะ - Cervarix ก็ช่วงอายุ 10 – 45 ปี = แล้วถ้าเกิน 26 ก็ฉีดตัวข้างบนไม่ได้ ฉีดได้เฉพาะตัวนี้ แล้วสามารถคุมตัวไหนได้บ้างค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : skyrocket เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 10:38:22

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีคะ คุณ skyrocket มาตอบคำถามอ่านะคะ จะบอกว่าเป็นแบบที่ 2 คะ คือติดต่อเหมือนไวรัส ที่จะแทรกซึมเข้าร่างกายทางอวัยวะคะ ไม่จำเป็นต้องสอดใส่ ขอติดเรทนิดดดส์นึงนะคะ คือ แค่มีการสัมผัสน้ำ ก็ติดได้คะ เวลา ญ มีอารมณ์ ก็จะมีสารหล่อลื่นใช่ไหมคะ ถ้า ญ คนนั้นเป็นอยู่ และฝ่ายช่ายไปสัมผัสโดน แค่นั้น ก็ติดเชื้อมาแล้วคะ ไม่จำเป็นต้องสอดใส่ และเชื้อก็ฝังอยู่ในตัวผู้ชายอ่ะคะ แต่ที่ว่า ชายไม่ค่อยเป็นเนี่ย อาจเพราะด้วยสีรระ ที่แตกต่างกันของ ญ และ ช ด้วยคะ ส่วนเรื่องของวัคซีน อันนี้ส้มเอง ก็ยังหาข้อมูลมาได้ยังไม่ลึกมากอ่ะนะคะ รู้เพียงแค่ว่า gardasil เนี่ยจะครอบคลุมตัวที่เป็นหูดด้วยอีก 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัวซึ่ง จริงๆแล้ว 2 ตัวที่ทำให้เกิดหูดนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งคะ แต่ตัว cervarix  จะคลุมแค่ 2 ตัวหลักหัวๆเลย ที่ทำให้เกิดมะเร็งคะซึ่งตัวหลังเนี่ย มันเป็นเมน คิดว่าน่าจะครอบคลุมที่จะทำให้เกิดหูดด้วยเหมือนกัน ซึ่งจากที่ส้มเคยฟังเพื่อนเล่าอ่ะ เค้าว่าตัว cervarix เนี่ยจะทำหน้าที่ได้นานกว่า gardasi อ่าคะ คือประมาณ 7 ปี ซึ่งจริงๆคิดว่า น่าจะลองปรึกษาแพทย์ ดูดีกว่าคะ อาจจะได้คำตอบที่ชัดกว่าของส้ม หรือถ้าไง เดี๋ยวส้มจะลองไปหาข้อมูล มาบอกต่อก็ได้จ้า แต่ขอเวลานิดนึงนะคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 53 16:46:34

ความคิดเห็นที่ 28 มาแชร์ข้อมูลเท่าที่รู้เกี่ยวกับวัคซีนนะคะ ็็HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกที่จริงมีหลายสายพันธุ์  แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจาก 2 สายพันธุ์  คือ 16 กับ 18 ซึ่งวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อ  สามารถป้องกันได้  แต่ถ้าโชคร้ายเกิดจากสายพันธุ์อื่น  วัคซีนก็ช่วยอะไรไม่ได้้   ที่สำคัญ  แม้มะเร็งปากมดลูกจะเกิดจากเชื้อ HPV เป็นสาเหตุหลัก  แต่ก็ยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆทีได้อีกด้วย      จึงไม่สามารถรับประกันได้ว่า  ฉีดวัคซีนแล้วจะไม่เป็นมะเร็งปากมดลูก   เพียงแต่จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากสาเหตุหลักๆที่พบมากได้   ดังนั้น  แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว   ก็ยังควรไปตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีในคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว  ส่วนคนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็เริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 (รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้จะเขยิบเข้ามาเป็น 30 แล้วหรือเปล่านะ  ไม่แน่ใจ) ทีนี้วัคซีนบริษัทไหนดีกว่ากัน   อันนี้ฟันธงไม่ได้   เพราะแต่ละบริษัทต่างชูข้อดีของตัวเอง 1.  วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์   อย่างที่บอกแล้วว่าสายพันธุ์ที่เกี่ยวกับการเกิดมะเร็งปากมดลูกที่วัคซีนในตอนนี้สามารถป้องกันได้มีเพียง 2 สายพันธุ์   ดังนั้น  อีก 2 สายพันธุ์ไม่ได้เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกแต่อย่างใด  แต่ 2 สายพันธุ์นี้จะช่วยป้องกันการเกิดโรคหูดหงอนไก่  ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  แต่ที่จริงแล้ว  หากเป็นโรคหูดหงอนไก่  ก็สามารถรักษาให้หายได้โดยการตัดออก   ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต   ถามว่า 2 สายพันธุ์ที่เค้าแถมมาสำหรับป้องกันหูดหงอนไก่นี้จำเป็นไหม   ถ้าเป็นเราเราคิดว่าก็ไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่   แต่มีไว้ก็ดีนะ 2.  วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์   วัคซีนนี้ออกจะดูเหมือนไม่ค่อยน่าสนใจ  เพราะว่าป้องกันหูดหงอนไก่ไม่ได้   แต่ข้อดีก็คือ   บริษัทเค้าบอกว่าในวัคซีนได้ผสมสารตัวหนึง  ซึ่งช่วยให้วัคซีนมีประสิทธภาพในการป้องกันโรคได้ยาวนานกว่า   ซึ่งได้ทำการวิจัยแล้วในคนช่วงอายุที่กว้างกว่าวัคซีนอีกชนิดหนึ่ง   พบว่าได้ผลดี อย่างที่คุณ athena_b ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า Gardasil แนะนำให้ฉีดในช่วงอายุ 9 – 26 ปี ส่วน Cervarix ก็ช่วงอายุ 10 – 45 ปี ขอขยายความนิดนึงว่า  วัคซีนยังได้ผลในคนนอกช่วงอายุนี้  เพียงแต่ไม่รู้ว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน   เพราะเค้าทำวิจัยในช่วงอายุเท่าที่ระบุไว้เท่านั้น  ดังนั้นที่แนะนำให้ฉีดในช่วงนี้เพราะคนในช่วงอายุที่ระบุไว้มีผลการวิจัยว่าฉีดวัคซีนแล้วจะได้ผลดี  แต่คนที่อายุเกิน  ก็ไม่ใช่ว่าฉีดแล้วจะไม่มีประโยชน์   เพียงแต่ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนมากแค่ไหนเท่านั้นเอง   ในการฉีดวัคซีนให้ได้ผลดีที่สุด  ควรฉีดเมื่อยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์   แต่หากมีไปแล้ว  ก็ยังคงสามารถฉีดได้  โดยประสิทธิภาพจะลดลง  แต่ก็ยังคงได้ผลอยู่    รู้สึกบริษัท 2 สายพันธุ์จะเคยมีวิจัยว่า  ฉีดในคนที่เริ่มเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะแรกๆ  ก็ยังช่วยชะลอการดำเนินไปของโรคได้ด้วย ในเรื่องระยะเวลาในการป้องกันหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว   ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ชัดเจนว่าอยู่ได้นานขนาดไหน   แต่เท่าที่บริษัทวัคซีนเค้าได้ทำวิจัย  คือ  เอาคนที่เคยฉีดไปแล้วมาตรวจดูว่ายังมีภูมิคุ้มกันอยู่ไหม   ก็รู้สึกว่าแบบ 2 สายพันธุ์นี่จะ 7 ปี   แบบ 4 สายพันธุ์รู้สึกจะ 5 ปีมั้ง  แต่เราไม่ได้ตามข่าวนานแล้ว  ขี้เกียจหาข้อมูลด้วย (ขี้เกียจได้อีกนะ)  ใครทราบรบกวนช่วยแชร์หน่อยนะคะ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 53 13:59:44 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 53 13:57:54 จากคุณ : SWEET TOFFY เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 13:50:33

ความคิดเห็นที่ 29   ตอนแรกกะว่าจะแวะมาเฉยๆ มานั่งเล่น  แต่เห็นว่าเหมือนจะมีผู้คนสนใจในหัวข้อนี้กันเยอะค่ะ เลยขอเขียนเพิ่มจากความคิดเห็นที่ 21 แล้วกันค่ะ ขอเกริ่นนิดหนึ่งค่ะ สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่ตนเองเคยทำเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วค่ะ เพราะว่าได้มีบริษัทยาทั้ง 2 บริษัทมาเสนอยาเข้าที่โรงพยาบาลค่ะ  สุดท้ายคณะกรรมการที่พิจารณายาเข้าและความเห็นส่วนตัวของตนเองด้วยก็ เห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะมีการนำวัคซีนทั้งสองบริษัทนี้ มาจำหน่ายในโรงพยาบาลค่ะ ขอย้ำนะคะว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ จะเชียร์ บริษัทใดเป็นพิเศษ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้อ่านและทราบมาค่ะ  สำหรับตัว original article ไม่ได้อยู่ในมือแล้วค่ะ พองานเสร็จก็ส่งคืนไปหมดค่ะ งั้นเริ่มเลยค่ะ เพียงแค่หวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านเท่านั้น ส่วนการพิจารณาและการตัดสินใจอย่างไร ก็แล้วแต่บุคคลค่ะ และก็จะเป็นการดีอย่างยิ่ง ถ้าจะปรึกษากับแพทย์อีกครั้งค่ะ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 19:41:12

ความคิดเห็นที่ 30   ชื่อการค้า/บริษัท  :Gardasil /MSD ชื่อยา/ความแรง : HPV Vaccine (type 6, 11, 16, 18) 0.5 ml ข้อบ่งชี้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ในประเทศไทยหรือ USA - มีข้อบ่งใช้ในการป้องกันภาวะที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus สายพันธุ์ 16 และ 18 ดังนี้ 1)  มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งปากช่องคลอด, มะเร็งช่องคลอด 2)  มะเร็งปากมดลูก ระยะก่อนเป็นมะเร็งลุกลามชนิด Adenocarcinoma (Adenocarcinoma in situ : AIS) 3) ภาวะปากมดลูกมีเซลล์ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง (Cervical intraepithelial neoplasia : CIN) ระดับ 2 และ 3 4) ภาวะปากช่องคลอดมีเซลล์ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง (Vulvar intraepithelial neoplasia : VIN) ระดับ 2 และ 3 5) ภาวะช่องคลอดมีเซลล์ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง (Vaginal intraepithelial neoplasia : VaIN) ระดับ 2 และ 3 - มีข้อบ่งใช้ในการป้องกันภาวะหรือโรคที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18 ดังนี้ 1) ภาวะปากมดลูกมีเซลล์ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง (Cervical intraepithelial neoplasia : CIN) ระดับ 1 2) หูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ (Condyloma acuminate) 3) ภาวะปากช่องคลอดมีเซลล์ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง (Vulvar intraepithelial neoplasia : VIN) ระดับ 1 และภาวะช่องคลอดมีเซลล์ผิดปกติก่อนเป็นมะเร็ง (Vaginal intraepithelial neoplasia : VaIN) ระดับ 1 4) การติดเชื้อ Human Papillomavirus แนะนำให้ใช้ Gardasil ได้ในเด็กและวัยรุ่นอายุระหว่าง 9 – 17 ปี สตรีอายุระหว่าง 18 – 26 ปี ขนาดยา Gardasil ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 0.5 ml เป็นจำนวน 3 ครั้ง ดังนี้ ครั้งแรก :ในวันตัดสินใจฉีดวัคซีน ครั้งที่สอง :2 เดือน นับจากฉีดครั้งแรก ครั้งที่สาม :6 เดือน นับจากฉีดครั้งแรก โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดวัคซีนในเดือนที่ 0, 2 และ 6 เมื่อได้รับวัคซีนต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสดังกล่าวสูงสุดได้ ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากติดตามผลครบ 5 ปี พบว่าระดับภูมิจะค่อยๆ ลดลง เรื่อยๆ ตัว Adjuvant คือ Merck’s Aluminium Salt จะชะลอการปล่อย antigen เสริม APCs ในการจับกับ antigen จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 19:46:05

ความคิดเห็นที่ 31   ชื่อการค้า/บริษัท :Cervarix / GlaxoSmith Kline Biologicals s.a. , Rixensart, Belgium ชื่อยา/ความแรง : Human papillomavirus (rDNA) (type 16, 18) บนสารเสริม ASO4 / 0.5 ml ข้อบ่งชี้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยหรือ USA Cervarix เป็นวัคซีนสำหรับใช้ป้องกันรอยโรคภายในเยื่อบุผิวปากมดลูกที่มีความรุนแรง (high – grade cervical intraepithelial neoplasia : CIN ระดับ 2 และ 3) และมะเร็งปากมดลุกที่มีสาเหตุมาจาก Human papillomavirus (HPV) สายพันธุ์ 16 และ 18 ข้อบ่งใช้ของ Cervarix ได้มาจากผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อให้ในหญิงอายุ 15 ถึง 26 ปี และการศึกษาศักยภาพของภูมิคุ้มกัน (immunogenicity) ของวัคซีนเมื่อให้ในเด็กหญิงและหญิงอายุ 10 – 25 ปี สำหรับหญิงอายุ 26 ปีขึ้นไป : ขณะนี้มีข้อมูลในด้านความปลอดภัยและ immunogenicity bridging ในหญิงช่วงอายุ 26 – 55 ปี เท่านั้น ตารางการฉีดวัคซีนขั้นต้น (primary vaccination course) ประกอบด้วย 3 dose ฉีดในเดือนที่ 0, 1, 6 มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ HPV ชนิด 16 และ 18 และประสิทธิภาพในการป้องกันยังคงยั่งยืนนานถึง 5.5 ปี เป็นอย่างน้อย ขณะนี้ยังไม่มีการกล่าวถึงความ จำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เป็นวัคซีนที่ประกอบด้วยสารเสริมเร่งการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เป็นนวัตกรรมใหม่คือ ASO4 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ระดับภูมิคุ้มกันหลังการฉีดวัคซีนได้สูงกว่าและนานกว่าวัคซีนที่ ใช้ Al (OH)3 และนอกจากนี้ยังมี memory B cell ที่สูงกว่าด้วย คือ สูงมากเมื่อเทียบกับระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ (มากกว่า 11 เท่า) ที่ 5.5 ปี เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ที่มีการศึกษาระยะที่ 3 ในสตรีไทยจำนวน 1,852 ราย โดยทำการศึกษาใน 3 ศูนย์ศึกษา คือ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (852 ราย) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (328 ราย) และมีการรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นในวารสาร Lancet Vol 369 June 30, 2007 เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยและ Immnogenicity Bridging ในเด็กอายุตั้งแต่ 10 – 14 ปี ผลการศึกษาพบว่าระดับแอนติบอดีของอาสาสมัครกลุ่มอายุ 10 – 14 ปี สูงกว่ากลุ่มอายุ 15 – 25 ปี ประมาณ 2 เท่า และพบอาการไม่พึงประสงค์น้อยกว่ากลุ่มอายุ 15 – 25 ปี เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยและ Immnogenicity Bridging ในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 26 – 55 ปี ผลการศึกษา (Immunobridge Study) พบว่าเมื่อ เวลาผ่านไป 24 เดือน อาสาสมัครทุกรายที่ได้รับ Cervarix ยังคงมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ HPV 16 และ 18 หรือ seropositive เท่ากับร้อยละ 100 และ ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นสูงกว่า ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองจากการติดเชื้อตามธรรมชาติอย่างน้อย 8 เท่า มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการติดเชื้อข้ามสายพันธ์ (cross protection) โดยพบว่าสามารถป้องกัน incident infection ของเชื้อ HPV 45 และ HPV 31 ได้สูงถึงร้อยละ 88 และ ร้อยละ 54 ตามลำดับ และจากการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 3 พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HPV 45, HPV 31 และ HPV 52 แบบเรื้อรังที่ 6 เดือนอยู่อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้มากขึ้น จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 19:51:49

ความคิดเห็นที่ 32   โดยสรุปค่ะ ขออภัยที่ใช้ศัพท์การแพทย์ด้วยเพราะว่า มีวัตถุปะสงค์สำหรับใครที่สนใจ ก็ลองใช้ key word search กันได้ค่ะ และก็จะได้อ่านงานวิจัยด้วยค่ะ โดยสรุปค่ะ สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Gardasil และ Cervarix 1. อายุของผู้ฉีด โดย Cervarix สามารถใช้ในช่วงอายุที่กว้างกว่าค่ะ และประเทศ ออสเตเรียก็เป็นประเทศแรกที่ approved ให้ผู้หญิงอายุ 10 -45 ปี ฉีดได้ค่ะ ส่วน Gardasil ก็ 9 – 26 ปีค่ะ 2. Gardasil นอกจากจะสามารถฉีดในผู้หญิงได้แล้ว ก็ฉีดในผู้ชายได้ด้วยค่ะ ด้วยเหตุผล US FDA ได้ approved ข้อบ่งใช้สำหรับวัคซีน Gardasil เพื่อป้องกันหูดที่อวัยวะเพศ (condyloma acuminata) ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อ papillomavirus (HPV) type 6 และ 11 ในเด็กผู้ชายและผู้ใหญ่เพศชาย อายุตั้งแต่ 9 ปี จนถึง 26 ปี 3. ประสิทธิภาพในการป้องกันภายหลังจากการฉีด vaccine เท่าที่ทราบตอนนี้ ก็ Gardasil 5 ปี Cervarix 5.5 ปีค่ะ แต่เห็นว่าความคิดเห็นบางท่านในระทู้นี้แจ้งว่า เป็น 7 ปี แล้ว สิ่งนี้ก็เป็นความรู้ใหม่ค่ะ ก็ต้องขอบคุณไว้ด้วยค่ะ ที่แจ้งให้ทราบ สำหรับในเรื่องระยะเวลา ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม เคยได้ถามบริษัทยาว่าจะมีการฉีด แบบ Booster หรือการฉีดกระตุ้น หรือไม่ ทางบริษัทยาก็ยังไม่ได้ให้คำตอบค่ะ คงต้องรอกันไปก่อน 4. สารกระตุ้นที่อยู่ใน vaccine หรือที่เรียกกันว่า Adjuvant Gardasil คือ Aluminium Salt Cervarix คือ ASO4 ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม Cervarix จึงมีระยะเวลาในการกระตุ้นให้ระดับภูมิคุ้มกันหลังการฉีดวัคซีนได้สูงกว่าและนานกว่าค่ะ 5. ระยะเวลาในการฉีด ตามเดือน คือ Gardasil ฉีดวัคซีนในเดือนที่ 0, 2 และ 6 Cervarix เดือนที่ 0, 1, 6 ค่ะ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 19:56:13

ความคิดเห็นที่ 33   ตอบคุณ  skyrocket ค่ะ และขอขยายความนิดหน่อยค่ะ จากคุณ จำชื่อไม่ได้ ตามที่คุณ จำชื่อไม่ได้ อธิบายมาถูกต้องเลยค่ะ  เชื้อนี้ติดได้เพียงแค่การสัมผัสเท่านั้นค่ะ ดูน่ากลัว เพราะไม่ต้อง intercourse ก็สามารถติดได้ค่ะ  ตามที่ทราบมา ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะติดไวรัสอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าร่างการจะสามารถต่อสู้และกำจัดเชื้อไวรัสนี้ไปได้เองค่ะ แต่จะมีบางคนที่โชคร้าย ไวรัสนี้เข้าโจมตีเซลล์จึงทำให้เซลล์กลายพันธ์เป็นมะเร็งได้ค่ะ สำหรับวัคซีน ก็ควรจะเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นค่ะ  สมมุติถ้าสนใจจะฉีด ไม่ควรฉีดทั้ง สองตัวค่ะ athena_b เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 20:06:18

ความคิดเห็นที่ 34   สุดท้ายแล้วค่ะ ขอบคุณข้อมูลต่างๆจากคุณ SWEET TOFFY ที่ช่วยขยายความได้ชัดเจนมากค่ะ และก็เรื่องระยะเวลาเป็น 7 ปีด้วยค่ะ ส่วนอันนี้นอกเรื่องค่ะ ตอบคุณ น้องหนูเกิดมาเหวี่ยง คือที่หอพักไม่มี Internet ค่ะ ดังนั้นจึงใช้วิธีการเชื่อมต่อระหว่าง PDA กับ Laptop ค่ะ จึงทำให้ความเร็วช้ามากๆค่ะ สำหรับ EDGE/GPRS ไม่ใช่ 3G ค่ะ ก็เลยไม่สามารถฟัง 102.5 FM ผ่าน website ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะที่แนะนำ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 20:09:12

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะคะ โหวตเรียบร้อย >_O / จากคุณ : nupangjee เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 21:44:49

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณนะค่ะ เป็นประโยชน์มากๆๆเลยค่ะ จากคุณ : nuchnanuch เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 53 23:09:05

ความคิดเห็นที่ 37 เราก็เคยเป็นค่ะ แต่เราน่าจะเป็นระดับ 1 ของคุณ merit_bee นะคะ เป็นตอนปี 2006 ค่ะ กรณีคล้ายกันมาก คือ เลือดออกจะตรวจไม่ได้ ต้องรอให้เป็นปจด.แล้วเลือดไม่ออก แล้วรีบตรวจเลย เราตรวจแบบ Thin prep (ตัดชิ้นเนื้อ) ซึ่งได้ผลดีกว่า Papsmear ค่ะ ก็รู้ผลได้อย่างแม่นยำ ว่าเราเป็นน่ะนะ การรักษาของเรา คือ การจี้เย็นค่ะ ไม่ถึงกับตัดออกเป็นกรวย แล้วหลังจากการจี้เย็น แผล หรือ HPV ที่อยู่ที่ปากมดลูกก็จะหลุดออกมาเอง จากนั้นก็ให้ไปตรวจซ้ำทุก 6 เดือน แล้วถ้าไม่เจอก็ให้ตรวจทุกปีค่ะ จากคุณ : pompoko เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 03:12:39

ความคิดเห็นที่ 38 การศึกษาล่าสุดยืนยันการขลิบสามารถลดการเกิดโรคร้ายได้ WASHINGTON (Reuters) ผลการศึกษาล่าสุด 3 ฉบับที่ถูกตีพิมพ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้เพิ่มหลักฐานยืนยันว่าการขลิบ สามารถป้องกันผู้ชายจากการเสียชีวิตด้วยโรค AIDS และการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก รายงานจากนิตยสารโรคติดเชื้อมีการพูดถึงเกี่ยวการขลิบทั้งในเด็กผู้ชายและในผู้ใหญ่ ว่าควรจะมีการขลิบเพื่อป้องกันสุขภาพของผู้ชายเอง และบางทียังสามารถส่งผลดีต่อคู่สมรสในอนาคตอีกด้วย DR. Bertran Auvert จากมหาวิทยาลัย Versailles ในประเทศฝรั่งเศส และทีมงานนักวิจัยในแอฟริกาใต้ ได้ทำการทดสอบในผู้ชายมากกว่า 1200 คนที่เข้ามาที่คลินิกของเขาในแอฟริกาใต้ เขาพบว่าประมาณน้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่ขลิบแล้ว และ 22 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ยังไม่ได้ขลิบมีการติดเชื้อ HPV virus ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ ในรายงานกล่าวว่า “สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ต่ำกว่าคนที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบ “ ในรายงานฉบับที่สองได้ทำการศึกษาในประเทศอเมริกา โดย Carrie Nielson และทีมงานจาก Oregon Health & Science University กล่าวว่า พวกเขาพบว่าควรมีข้อบ่งชี้ในการขลิบปลายอวัยวะเพศในการปกป้องผู้ชาย จากการศึกษา พบข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศแล้วมีโอกาสติดเชื้อ HPV virus แค่ประมาณครึ่งหนึ่งของคนที่ไม่ได้ทำการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้มากที่สุดในโลก เฉพาะในประเทศอเมริกาพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 20 ล้านคน และมีผู้หญิงอีกประมาณ 300000 คนทั่วโลกที่เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในแต่ละปี ที่มา http://news.yahoo.com/s/nm/20081217/sc_nm/us_circumcision_infections_1 จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 53 16:55:56

ความคิดเห็นที่ 39 เย้ๆๆ มีคนมาช่วย ขยายความเยอะแยะเลย ได้ความรู้อีกเพียบ จากคุณ : ส้ม จำชื่อไม่ได้ (จำชื่อไม่ได้) เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 12:08:18

ความคิดเห็นที่ 40   เราฉีดของ Cervarix ค่ะ หมอเค้าแนะำนำตัวนี้ค่ะ เพราะเป็นตัวเสริมสารกระตุ้นภูมิพิเศษ ทำให้ป้องกันสายพันธุ์อื่นนอกเหนือจากที่มีในวัคซีนได้ด้วย ที่สำคัญถูกกว่าและป้องกันมะเร็งได้มากกว่าอ่ะคะ่ จากคุณ : nooni เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 15:05:11 A:183.89.196.16 X: TicketID:254555

ความคิดเห็นที่ 41   ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้เยอะเลย มันน่ากลัวตรงไม่แสดงอาการนี่แหละ -*- อ่านๆดูแล้ว ดูเหมือนตอนนี้การตรวจแป๊บสเมียร์+ฉีดวัคซีน จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันนะคะ จากคุณ : lunakizz เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 01:04:52

ความคิดเห็นที่ 42   เราก็เ็ห็นเพื่อนที่เป็นหมอแนะนำของ Cervarix เหมือนกันเห็นเค้าบอกว่า Cervarix สามารถป้องกันสายพันธุ์ 31 และ 45 ซึ่งสองสายพันธุ์นี้เค้าบอกว่าเป็นสาเหตุการเป็นมะเร็งปากมดลูกลำดับที่ 3 และ 4 หล่ะ จากคุณ : ปลาดาบ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 03:47:22 A:125.25.106.171 X: TicketID:254398

ความคิดเห็นที่ 43   เท่าที่ได้ศึกษาจากเพื่อนๆ เป็นความรู้เพิ่มเติมมากๆเลยค่ะ ตัดสินใจแล้วว่าจะไปตรวจอาทิตย์หน้าและคงเลือกฉีด Cervarix ค่ะ เพราะเท่าที่ได้อ่านจากหลายคน อันนี้ได้ประโยชน์มากกว่า จากคุณ : นามิ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 15:19:34 A:183.89.211.70 X: TicketID:254555

ความคิดเห็นที่ 44   ไปสอบถามที่โรงพยาบาลแถวบ้านมาแล้ว ไปสอบถามราคาวัคซีนมะเร็งปากมดลูก Cervarix 3 เข็มราคา 6800 บาท ป้องกันได้มากกว่า 5 ปี อาจอยู่นานถึง 7 ปี ส่วนอีกอันชื่ออะไรหว่าจำไม่ได้อะ 7800 สามเข็มเหมือนกันแต่ป้องกันได้น้อยกว่าเพราะไม่ได้ป้องกัน สายพันธุ์ที่ 31 และ 45 ซึ่งเ็ป็นสาเหตุการเป็นมะเร็งปากมดลูกอันดับที่ 3 และ 4 จากคุณ : คริส เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 23:36:57 A:125.25.131.212 X: TicketID:254859

ความคิดเห็นที่ 46   คุณหมอก็แนะนำอย่างที่คุณ athena_b บอกเลยค่ะ ว่าอยากป้องกันอะไร ก็ฉีดอันนั้น โรคหูดหงอนไก่รักษาให้หายได้ ทีนี้เค้าก็อธิบายว่า ตัว Gardasil ป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ ตามที่หลายๆคนบอก + หูดหงอนไก่ ส่วน Cervarix ป้องกันได้ 2 สายพันธุ์ก็จริง(16,18) แต่ก็ป้องกันสายพันธุ์ใกล้เคียงที่เป็นสาเหตุอันดับ 3,4 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกด้วย เราก็คิดเออ จริงนะ เราต้องการเน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี่นา ตัวยามันก็น่าจะมีประิสิทธิภาพมากกว่าที่จะคุมหลายๆโรคในตัวเดียว จริงๆก็เห็นได้ชัดจากระยะเวลาการป้องกัน Cervarix จะนานกว่า Gardasil คิดสะระตะแล้ว เราก็เลยเลือกฉีด Cervarix ค่ะ แต่ยังฉีดไม่ครบเลย เหลืออีกเข็มนึง ตอนฉีดปวดจี๊ดๆเหมือนกันค่ะ เข้ามาอ่านแล้วก็สบายใจ นึกว่าเราผิดปกติ ปวดอยู่คนเดียว ^^ จากคุณ : ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวาน เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 02:35:34 A:124.120.129.104 X: TicketID:248025

ความคิดเห็นที่ 47 สอบถามคุณ athena_b ค่ะ หรือท่านอื่นๆ ที่พอทราบก็ยินดีค่ะ พอดีฉีดวัคซีน Cervarix โดยฝากพี่พยาบาลที่ทำงานเป็นคนซื้อให้ (เค๊าซื้อได้ในราคาพิเศษคะ) และพี่เค๊าก็เป็นคนฉีดให้ แต่พี่พยาบาลดันนับเดือนให้ผิด ในการฉีดเข็มที่ 3 ทำให้มันเลยการฉีดเข็มที่ 3 มา 1 เดือน ที่ถูกต้องควรเป็น (ของตัวเองนะค่ะ) ฉีดเข็มแรก 29 ต.ค 52 เข็มที่ 2 - 29 พ.ย. 52 เข็มที่ 3 - 29 เม.ย. 53 แต่ของเรากลายเป็นฉีดเข็มที่ 3 - 29 พ.ค. 53 (แต่วันนี้ 27 พ.ค. หลังจากได้อ่านใบปลิวใหม่ เห็นว่าต้องฉีด 3 เข็มภายใน 6 เดือน เลยมานับใหม่ อ้าว พี่เค๊านับให้เราผิดนี่ เลยเพิ่งไปฉีดมาเมื่อกี๊ สดๆ ซิงๆ เลยค่ะ) อยากทราบว่า เลยมาเกือบเดือน จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีน ลดลงมั๊ยค่ะ หรือ ต้องเริ่มฉีดใหม่เลย กังวลมาก เพราะวัคซีนก็ราคาแพงอยู่ ขอบคุณนะค่ะ จากคุณ : wavido_1976 เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 10:31:05

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ wavido_1976 ไม่มีผลกับประสิทธิภาพคะ เลยมาหนึ่งเดือนไม่เป็นไรคะ จริงๆแล้วฉีดเข็มที่ 3 ควรฉีดไม่เกินภายใน 2 ปีจ้า เพราะฉะนั้นเลยมาแค่เดือนเดียวไม่เป็นไรคะ เพราะเข็มสุดท้ายเหมือนการฉีดกระตุ้นมากกว่า จ้า จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 16:36:11

ความคิดเห็นที่ 50   ไปเจอเว็บนี้มาค่ะ เห็นมีเหล่า get divas มาร่วมด้วยช่วยกันบอกต่อถึงความน่ากลัวของ มะเร็งปากมดลูกค่ะ http://www.womenprotectwomen.com จากคุณ : ไวรัส เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 16:51:37 A:125.25.97.12 X: TicketID:254859

ความคิดเห็นที่ 51   ไปฉีดมาตั้งแต่ต้นปีแล้วค่ะ เพราะพี่เป็นพยาบาลอยู่เค้าแนะนำให้ไปฉีด ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะป้องกันได้ นึกว่ามะเร็งจะมาจากคนในครอบครัว แต่ที่ไหนได้ เจ้าไวรัสนี่เอง เลยจัดแจงฉีดซะ พี่ก็แนะนำให้ฉีด Cervarix เพราะว่าป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ดีกว่า (ตอนแรกกะจะฉีดมันซะสองอย่างพร้อมกัน ฮ่าๆ ) แนะนำให้สาวๆทุกคนไปฉีดตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ ^^ จากคุณ : มะนาวดองเปรี๊ยวเปรี้ยว เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 53 00:27:34 A:222.123.117.232 X: TicketID:258005

ความคิดเห็นที่ 52   เมื่อกี๊เข้าไปดูใน http://www.womenprotectwomen.com สัญญาค่ะว่าจะบอกต่อเรื่องมะเร็งปากมดลูก เป็นภัยที่มาโดยไม่รู้ตัวเลยนะ อาจจะเห็นเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้ามันติดเชื้อได้แบบนี้ แค่มีเพศสัมพันธ์ก็เป็นได้อ่ะ แต่ถ้าติดเชื้อขึ้นมาก็คงยุ่งแน่ๆ อันตรายมากๆ ขอเชิญชวนให้ทุกคนบอกต่อผู้หญิงทุกคนนะ มะเร็งปากมดลูกอันตรายแต่ป้องกันได้ ยิ่งเริ่มฉีดวัคซีนเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ จากคุณ : มะนาวดองเปรี๊ยวเปรี้ยว เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 53 00:43:17 A:222.123.117.232 X: TicketID:258005

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณ "คุณจำชื่อไม่ได้" มากๆ ค่ะ จากคุณ : wavido_1976 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 53 08:52:26

ความคิดเห็นที่ 54   เห็นเข้ามาตอบกันเยอะแสดงว่าผู้หญิงไทยเราก็คงไม่ประมาทกับโรคนี้แน่ๆเลยเราว่านะ ส่วนอันนี้เราไปเจอมา เห็นว่าเป็นเหมือนกับคำถามคำตอบเกี่ยวกับพวกมะเร็งปากมดลูกเราว่าน่าสนใจมากเลยเลยเอามาแบ่งปั่นกัน http://health.kapook.com/view12840.html จากคุณ : ทะเลเปรี้ยว เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 01:52:14 A:125.25.144.229 X: TicketID:254398

ความคิดเห็นที่ 55 กระทู้แตกประเด็น ขอสวยแบบให้ความรู้ มะเร็งปากมดลูก ภาคต่อ ค้า WPW จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 10:26:19

ความคิดเห็นที่ 57   ดีจังค่ะที่นำข้อมูลดีๆแบบนี้มาบอกต่อ ผู้หญิงแบบเราจะได้ไหวตัวไปฉีดวัคซีนได้ทัน เราก็คิดว่าวัคซีนของ cervarix ป้องกันตรงจุดกว่า 56);   เราก็เคยไปเม้นเรื่องมะเร็งปากมดลูกใน bloggang ของพี่ๆ ใน get divas ด้วยค่ะ ดีจังนะค่ะ ที่ผู้หญิงหันมาตื่นตัวกับเรื่องโรคมะเร็งและสุขภาพกันมากขึ้น จากคุณ : มินนี่ (porimi) เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 23:59:12

ความคิดเห็นที่ 57   ดีจังค่ะที่นำข้อมูลดีๆแบบนี้มาบอกต่อ ผู้หญิงแบบเราจะได้ไหวตัวไปฉีดวัคซีนได้ทัน เราก็คิดว่าวัคซีนของ cervarix ป้องกันตรงจุดกว่านะ (คิดจะฉีดของ cervarix อยู่ค่ะ) เน้นป้องกันที่มะเร็ง ป้องกัน HPV สายพันธุ์หลักและข้างเคียง ถึงจะไม่ได้ช่วยกันหูด แต่หูดไม่น่ากลัวเท่ามะเร็งอ่ะ จากคุณ : แก้มบุ๋ม เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 01:56:19 A:112.142.81.243 X: TicketID:258005

ความคิดเห็นที่ 58   ที่เน้นๆ ก็ต้องฉีดวัคซีนนั่นแหละ แต่มันก็มีอยู่หลายตัวที่ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ที่ที่เราลองศึกษาเพิ่มเติมเห็นว่าผลการวิจัยเค้าวัดมาแล้วนะว่า Cervarix มีประสิทธิภาพการป้องกันมากกว่าตัวอื่นนะค่ะ ป้องกันได้มากกว่า 80% สภาพร่างกายและการใช้ชีวิตอ่ะค่ะ ถ้าใครยิ่งสูบบุหรี่ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ก็สูงมากนะ ยิ่งสมัยนี้ผู้หญิงก็หันมาสูบบุหรี่กันมากขึ้น น่าเป็นห่วงค่ะ จากคุณ : ธารใส เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 23:41:25 A:183.89.188.51 X: TicketID:273701

ความคิดเห็นที่ 59   เห็นด้วยกับคุณ ธารใส ค่ะ ว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงสูบบุหรี่เยอะขึ้น เป็นการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงขึ้นไปอีก อยากให้ฉีดกันนะคะเพราะกันได้ก็กันไว้ก่อนดีกว่า cervarix ถือว่าป้องกันได้ค่อนข้างจะชัวร์ แต่ก็ต้องตรวจแพพสเมียร์อยู่นะ ควบคู่กันไป แล้วก็เวลาเจอเพื่อนๆก็ต้องช่วยกันบอกต่อด้วยค่ะ เพราะบางคนไม่ทราบถึงอันตราย และการป้องกัน จากคุณ : เดนิม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 05:59:18 A:112.142.88.66 X: TicketID:260873