ความคิดเห็นที่ 1 - -" อยากจะพูดอะไรเยอะ แต่เปลี่ยนใจดีกว่า เอาเป็นว่า ตามสบายนะคะ อยากไปตรวจที่ไหน ...ที่ใช้บริการแล้วสบายใจ ก็ไปที่นั่น เป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยค่ะ ขอให้ไม่เป็นอะไรร้ายแรงแล้วกันนะคะ . . . จากคุณ : ยิ้มเดียว เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 20:58:37

ความคิดเห็นที่ 2 คิดว่าไม่น่าใช่นักศึกษาแพทย์ค่ะเพราะถ้าเป็น นศพ ถ้าจะตรวจคนไข้หรือสั่งยายังไงก็ต้องมีหมอคอยกำกับอยู่ดีค่ะ  ส่วนอาการที่คุณกัลวลใจอยู่นั้นถ้ายังไม่แน่ใจอยากไปตรวจซ้ำที่ รพ อื่น ก็เป็นสิทธิ์ของคุณค่ะ แต่จากที่คุณเล่าคิดว่าหมอก็ประเมิณอาการเบื้องต้นให้แล้วนะค่ะแต่โรคบางอย่างมันต้องใช้ระยะเวลาในการรักษารวมถึงการสังเกตอาการค่ะ จากคุณ : Endocrine เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 20:58:53

ความคิดเห็นที่ 3 ตามปกติแล้วถ้านักศึกษาแพทย์ จะตรวจคนไข้ ต้องมีอาจารย์เป็นผู้คอยดูแล ตรวจสอบ และคอยเซนต์ชื่อกำกับเสมอ เพราะการจะรักษาคนไข้ ผู้ที่จะทำการรักษาได้ ต้องเป็นผู้ที่มีใบประกอบโรคศิลป์ มีเลขที่กำกับ ซึ่งนักศึกษาแพทย์ยังไม่มีแน่ๆ ตามจากในบันทึกอันนี้จึงไม่น่าเป็นไปได้ ที่จะให้นักศึกษาแพทย์มาตรวจผู้ป่วยเอง อาจจะเป็นแพทย์ประจำบ้านที่เพิ่่งเปิดเรียนได้ไม่นาน หรืออาจจะเป็นอาจารย์หมอคนใหม่ที่เพิ่งเริ่มมาทำงานก็ได้ค่ะ   ส่วนเรื่องอาการของคนไข้และการวิธีรักษา ไม่ขอวิจารณ์นะคะ จากคุณ : Nui (Pukanuii) เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 21:04:16

ความคิดเห็นที่ 4 เดาว่าเป็นแพทย์อินเทิร์น (จบปีแรก) เพราะว่า ดูประสบการณ์น้อย แต่ที่แน่ๆคือจบแพทย์แล้ว ไม่งั้นไม่มีสิทธิ์เซ็นเอกสารใดๆได้ค่ะ เจ็บหน้าอก โดยที่อาการไม่ชัดเจน ปอด หัวใจ ปกติ ก็มักเป็นจากล้ามเนื้ออักเสบ ไม่ต้องไปแผนกกระดูกหรอกค่ะ แผนกนั้นเขารักษากระดูกหัก การบาดเจ็บหรือมะเร็งที่รุนแรง แค่กล้ามเนื้ออักเสบ หมออะไรก็รักษาเป็นค่ะ แต่อาจจะพลาดตรงที่ไม่ได้อธิบายให้เข้าใจมากพอ แต่น่าจะเป็นเพราะไม่มีประสบการณ์ในการคุยกับคนไข้ลักษณะนี้ (คือ เป็นอะไรก็ไม่ได้เป็นมาก แต่มีอาการ และกังวล ตรวจทุกอย่างไม่เจออะไร สิ่งที่ต้องการคือคำอธิบาย) จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 21:08:59

ความคิดเห็นที่ 5 หากว่าเขาคือ นศพ.จริงๆ การใช้ นศพ.มารักษาคน เขาไม่ได้ทำกันสุ่ม4สุ่ม5หรอกครับ เรื่องของความปลอดภัยในชีวิต ใครเขาจะมาทำเล่นๆกับชีวิตคนได้ กว่าที่อาจารย์หมอเขาจะวางใจให้ นศพ.รักษาคนได้ นศพ.เขาต้องผ่านการเรียนการสอนมาระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ให้ นศพ.ไปรักษาคนไข้ในทุกๆโรคหรอกครับ เพราะใน case ที่ป่วยหนักๆ ป่วยร้ายแรง ยังไงหมอจริงๆเขาก็ต้องดูแล เขามีเกียรติในวิชาชีพของเขาครับ เขาไม่อยากให้คนไข้มาตายในมือเขาแน่ๆ หมอทุกคนอยากรักษาให้คนป่วยหายทั้งนั้น นศพ.คนนั้น วันนี้เขาอาจเป็นแค่ นศพ. แต่วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเขามีประสบการณ์มากขึ้น เขาก็จะเป็นแพทย์ที่เก่งและรักษาชีวิตคนได้เป็นร้อยเป็นพันครับ ให้โอกาสเขาได้ทำหน้าที่ของเขาเถอะ รพ.เขาก็ต้องมีวิจารณญาณมากพอในเรื่องนี้ หมอที่ดูแล นศพ.คนนั้นเขาก็ต้องเข้มงวดกับลูกศิยษ์ของเขาครับ แต่จากที่คุณเล่ามา ผมว่าเขาคือหมอจริงๆครับ ไม่น่าจะเป็น นศพ.แน่ๆ แต่เขาอาจจะเป็นหมอมือใหม่ที่เพิ่งจบก็ได้ครับ จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 21:15:30

ความคิดเห็นที่ 6 ไอที่หมอบอกเนอะๆ  เหมือนถามน่ะ  บางทีมันเป็นสไตล์การพูดติดปากของหมอบางคนค่ะ    เพื่อนหมอของเราบางคนก็พูดแบบนี้   เคยคุยโทรศัพท์ค้างไว้ตอนคนไข้มาพอดีเลยได้ฟังมานตรวจด้วย   ได้แต่แอบนินทาในใจ   เช่น "ดูปอดก็ปกติเนอะ".........................ตรูจาไปรู้เรอะ "ผลเลือดก็ดีเนอะ".............................ถ้าเค้ารู้เค้าจามาหาแกทามมาย "เอายาไปกินก่อนเนอะ "...................จะให้อะไรก็ให้ๆไปเถอะ "ถ้าสองวันไม่ดีขึ้นค่อยมาตรวจใหม่เนอะ".............คิดดูก่อนละกัน จากคุณ : SWEET TOFFY เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 21:34:37

ความคิดเห็นที่ 7 ขอถามข้อเดียวครับว่า  เพื่อนจขกท.ไปตรวจรักษาที่ห้อง E.R.  หรือห้องฉุกเฉินใช่ไหม ? ห้องนี้ในโรงเรียนแพทย์  ด่านแรกที่ จขกท.จะเจอคือ นักศึกษาแพทย์หมอ Extern หรือหมอ Intern  แล้วแต่โรงพยาบาล และหน้าที่หลักของน้องๆเหล่านี้คือ  คัดกรองคนไข้ฉุกเฉินให้ได้รับการรักษาก่อน ส่วนคนไข้ที่ไม่ฉุกเฉินเช่น จขกท.  ก็รักษาไปตามอาการ  แล้วนัดให้ไปตรวจที่ OPD ในเวลาราชการ ถ้าคำตอบของ เพื่อนจขกท. ตอบว่า "ใช่" สิ่งที่เพื่อน จขกท.พบ  ก็เป็นเรื่องปกติครับ ห้องฉุกเฉิน  ควรจะตรวจเฉพาะ caseที่ฉุกเฉินจริงๆครับ ไม่ใช่รับตรวจไปหมด จากคุณ : ส.มโนมัย เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:17:09

ความคิดเห็นที่ 8 ถามมาแล้วค่ะ พอดีมันออนเอมอยู่ แต่ไม่ได้บอกหรอกว่ามาตั้งกระทู้ที่นี่ กลัวมันโกรธ มันเล่าว่ามันไปที่อายุรกรรมค่ะ แล้วเจอหมอคนนึงที่ไม่ใช่คนเดียวกับหมอคนที่เล่ามาอ่ะค่ะ เค้าบอกให้มันไปตรวจเลือด คลื่นหัวใจ เอ็กซเรย์ พอมันไปตรวจเสร็จกลับมาก็รอคิวแต่ไม่ได้หมอคนเดิมค่ะ มาเจอหมอคนนี้แทน สงสารมันค่ะ คบกับมันมานานเห็นมันขี้โรคเหลือเกิน เข้าใจว่าพอมาเจอแบบนี้มันก็เลยอารมณ์เสียตีโพยตีพายตามประสา ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ จากคุณ : เคะโรโระ กบต่างดาว เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:30:23

ความคิดเห็นที่ 9 เหอ ไอ่เนอะๆ นี่ ผมก็เป็น พี่หมอหลายๆ คนก็เป็น จากคุณ : - WelL - เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:40:06

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่มเติม... ช่วงเดือนนี้ ตามโรงเรียนแพทย์จะมีแพทย์ที่มาเรียนต่อเฉพาะทางเป็นรุ่นใหม่ครับ เดาเอาว่าที่เพื่อนคุณเจอคงเป็นหมอที่กำลังมาเรียนต่อเฉพาะทางทางอายุรศาสตร์ (ซึ่งต้องผ่านการทำงานใช้ทุนมาแล้ว 3 ปี... ประสบการณ์ต้องพอสมควรแล้ว) อย่างที่จุฬา เดือนนี้ก็ทำงานเป็นเดือนแรก พี่ๆ ก็กำลังปรับตัวกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 53 22:49:12 จากคุณ : - WelL - เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:47:33

ความคิดเห็นที่ 11 อ่อ ต้องบอกเพื่อนซะแล้ว สอบถามได้ไหมคะ? ว่าอาการของเพื่อนจากในบันทึกของเค้า เข้าข่ายโรคอะไรคะ? จขกท.อยากสอสระเอือกค่ะ จากคุณ : เคะโรโระ กบต่างดาว เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:50:33

ความคิดเห็นที่ 12 น่าจะเจอแพทย์ประจำบ้านอายุรกรรมนะคะ ถ้าใช่ก็จบพบ.แล้วค่ะ จากคุณ : เสาวรสเปรี้ยว เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 22:58:12

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อนคุณป่วยบ่อย มีอาการโน่นนี่หลายๆอย่าง  เป็นมานานนนแต่ก็ตรวจอะไรไม่พบเสียที  รึเปล่าคะ   ลองตรวจให้ละเอียด  ถ้าไม่พบอะไรจริงๆ อาจจะเข้าข่ายกลุ่มโรคพวก somatoform disorder หรือ psyshosomatic disorder ค่ะ คือเป็นโรคที่มีสาเหตุจากจิตใจ  ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกาย โดยเจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวว่าเกิดจากอะไร  อาจมาจากมีเรื่องอะไรซ่อนในจิตใต้สำนึก (แต่ไม่ใช่โรคจิตนะ  ที่ปวดเค้าก็จะปวดจริงไม่ได้แกล้งด้วย) พวกที่เป็นนี้จะมีอาการมากมายหลายอย่าง  หลายระบบ   (เช่น ปวดทั้งตัว  ชาทั้งตัว อ่อนเพลีย เหนื่อย หายใจไม่อิ่ม เจ็บหน้าอก ปวดท้อง ปวดศีรษะ ปวดฯลฯ)   แต่จะตรวจหาความผิดปกติไม่พบเลย  รักษากี่ที่ shopping ไปทุกรพ. ก็ไม่หาย  ผ่านไปกี่ปีก็ยังเหมือนเดิม  บางครั้งคนไข้รู้สึกเหมือนจะตายแต่กลับไม่เห็นอาการหนักจนต้องเข้ารพ.ซักที อะไรประมาณนี้ คุณจขกท.ลองดูนะคะว่าคล้ายๆเพื่อนคุณหรือเปล่า ถ้าคิดว่าเหมือน  ก็ขอให้ทำใจว่าโรคแบบนี้รักษายากมาก   หมอทั้งหลายต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเมื่อตรวจว่าไม่พบความผิดปกติทางร่างกายก็มักจะไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี   อาจต้องใช้พวกยารักษาทางจิตเวช ร่วมกับการทำจิตบำบัด   รวมทั้งคนไข้ต้องทำใจว่าอาการพวกนี้อาจจะไม่หาย แต่ก็ไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต และขอให้หาทางใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันได้ ยอมรับมันได้ก็พอ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 53 00:57:08 จากคุณ : millian เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 00:54:34

ความคิดเห็นที่ 14 อืม... คำว่าเนอะ.. เนี่ย เป็นเหมือนกันอ่ะ แต่เท่าที่อ่านมา ปกติ นศพ. ที่ยังไม่จบ จะสั่งการรักษา ลำพังไม่ได้น่ะค่ะ ต้องมี ระดับอาจารย์ หรือ แพทย์ พบ. คอยกำกับอีกครั้งนึง คือเขียนประวัติ บันทึกการรักษา สั่งยาได้ แต่ต้องมี คนเซ็นทับ ออร์เดอร์ทุกครั้งค่ะ นานาทัศนะ จากผู้มารับบริการ ไม่ขอวิจารณ์เช่นกันค่ะ >>อ่าน คห คุณพี่ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney)แล้ว ประทับใจจังค่ะ จากคุณ : abbiecool เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 01:01:51

ความคิดเห็นที่ 15 เดาเอาว่าหลายๆ ท่านที่มาตอบคงเป็นหมอนะคะ คำตอบจากหลายๆ ท่านก็ทำให้คิดได้ว่า ยังไงหมอก็เป็นหมอ  ต้องรู้มากกว่าคนไข้อยู่แล้ว  น่าจะไว้ใจหมอ แต่ถ้ามีโอกาสบอกหมอๆ ได้  ก็อยากจะให้ช่วยสื่อสารกับคนไข้ให้มากกว่านี้ บางทีหมอเข้าใจ  หมอรู้จักโรค  แต่คนไข้ไม่รู้ หมอเจอเรื่องนี้เป็นพันๆ รอบแล้ว  วันนี้รักษามาสิบๆ รายแล้ว ...เหนื่อย  ไม่เอาและ  ไม่อธิบายมากดีกว่า  ยิ่งพูดมาก  ยิ่งเหนื่อย เสียเวลาเปล่าๆ  รู้ไปก็ไม่สบายใจหรอก  เดี๋ยวทำตามที่เรารักษาก็หายแหละ แต่ว่าหมอคะ  คนไข้บางคนอาจจะพึ่งเคยมารักษาเป็นครั้งแรกก็ได้นะคะ เค้าเจ็บป่วย  ร่างกายเค้าไม่ปกติ  เค้ากลัว  เค้าอยากหาที่พึ่ง  เค้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเค้า หมอคิดดูสิคะ  เราไปหาคนแปลกหน้าเพื่อขอให้เค้ารักษาเรา  เราฝากชีวิตเราไว้กับเค้า แล้วเราจะอุ่นใจได้อย่างไรคะ  ถ้าหมอถามคำถามสั้นๆ แค่สองสามคำถาม  แล้วพูดแค่ว่า เอายาไปกินนะ ไม่โทษหมอค่ะ  หมอเหนื่อย  หมออาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบาย  แต่ที่กล่าวมาแค่อยากให้ฟังในมุมมองของคนไข้เท่านั้นเองค่ะ หมออาจจจะไม่เข้าใจความรู้สึกคนไข้หรือเข้าใจแต่เลือกที่จะจัดการด้วยวิธีของตนเอง หมอเรียนหมอมา  หมอก็พอจะทราบโรคภัยไข้เจ็บหมอก็อาจจะมีความกลัวลดลงไปได้บ้าง  เพราะหมอพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองในยามเจ็บป่วย สมมติ ลองถ้าหมอต้องเอาลูกของหมอไปฝากคนให้คนแปลกหน้าเลี้ยง  โดยไม่รู้ชะตากรรมอะไรมากมาย  รู้แค่ชื่อเสียงเรียงนามคนรับเลี้ยง เท่านั้น ความหวั่นเกรงที่เกิดขึ้นกับหมอนั้นก็เหมือนความรู้สึกของคนไข้นั่นแหละค่ะ ต่างๆ นานาที่กล่าวไป  ไม่วิจารณ์วิธีการทำงานของหมอนะคะ  แค่อยากสื่อสารในมุมมองของผู้ป่วยค่ะ จากคุณ : นายแสนแมวดำอิจฉาหมูตุ๋นหมาขาว เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 01:30:52

ความคิดเห็นที่ 16 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 08:32:35

ความคิดเห็นที่ 17   กระทู้นี้ถูกรับรองโดยคนดัง Mr.Fusion แล้ว แสดงว่าพอมีสาระรับรู้ได้ จากคุณ : ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านตามหลังคนด เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 10:08:21 A:61.19.52.106 X: TicketID:273458

ความคิดเห็นที่ 18 ในฐานะที่เคยเป็นคนไข้คนหนึ่งและรู้จักกับแพทย์หลายคน เรากลับรู้สึกประทับใจถึงความเสียสละของแพทย์นะคะ เราเคยคุยกับเพื่อนรุ่นน้องตอนเป็นนศพ.เกี่ยวกับการเรียน+การทำงาน เรารู้สึกทึ่งว่า คนเก่งอย่างเดียวไม่สามารถเรียนได้แน่นอน เพราะต้องมีความอดทนและความเสียสละมากๆ อ่านหนังสือดึก(ส่วนมากแพทย์จะติดกาแฟ) เข้าเวรดึก แต่ต้องตื่นไปเช็คชื่อที่วอร์ดทุกวัน (ประมาณ6โมงเช้า) ปิดเทอมก็ไม่ได้กลับบ้าน หยุดทีก็ไม่กี่วัน จะไปเที่ยวไหนยาวๆก็ไม่ได้ T-T เห้อ ฟังแล้วเหนื่อย... แล้วคนไข้ที่มี ก็มีรูปแบบสารพัด และจำนวนมากเหลือเกิน (ทุกวัน) เคสหนักเบาปะปนกันไป จะให้สนใจคนไข้ทุกคนเป็นพิเศษ ก็ยากค่ะ นอกจากเคสที่หนักจริงๆ แต่คนไข้และญาติหลายคนกลับไม่เข้าใจตรงนี้ บางทีคนไข้ยังอธิบายอาการป่วยไม่ชัดเจน บางโรคบางอาการต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควรด้วย แพทย์จึงต้องวินิจฉัยโรคตามอาการค่ะ วินิจฉัยผิดก็เสี่ยงเหลือเกิน โดนฟ้องมาก็หลายท่านแล้ว นานาจิตตัง น่ะค่ะ ยังไงเราก็เป็นคนหนึ่ง ที่ประทับใจและให้กำลังใจการทำงานของแพทย์ทุกคนนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : บีเว่อร์แก้มป่อง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 11:28:54

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเป็นนักศึกษาแพทย์นั้น .. จะต้องมีแพทย์มากำกับอีกครั้งหนึ่ง .. รวมทั้งในการวิเคราะห์โรคด้วย ..  มีทุกทีค่ะ รามาธิบดี ศิริราช .. ฯลฯ ยังไงก็ให้ใจเย็น ๆ นะค่ะ ... อาจจะคุณหมอที่ขี่ตระหนกไปหน่อย .. หมอฝึกหัดในวันนี่ คือหมอที่(อาจจะ)ดีในวันข้างหน้าค่ะ .. ยังไงก็เอาใจช่วยให้ได้ตรวจกับคุณหมอ และหาสาเหตุของโรคเจอเร็ว ๆ นะค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิงโบราณล้านปี เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 13:14:43

ความคิดเห็นที่ 20 รพ.ก็มีมาตรฐานอยู่แล้ว  ไม่งั้นคงไม่ให้หมอออกมาทำการรักษาคนไข้แน่ๆ เห็นใจ จขกท.ครับ  อาจจะมีอาการมากตามที่บอก ความคาดหวังจากหมอก็เลยสูง  บวกกับที่เขียนบรรยายไว้ 3 หน้ากระดาษ แต่หมออ่านไม่กี่วิ ในทางกลับกัน หากคุณหมอเสียเวลากับกระดาษสัก 3-4 นาที   อาจไม่อ่านก็ได้ แล้วมาคุยกับคนไข้มากกว่านี้   คนไข้คงไม่เสียความรู้สึกแน่ๆ  แม้จะตรวจรักษาไม่ต่างกันเลยก็ตาม อย่าเพิ่งท้อครับ  หมอที่ตรวจรักษาแบบที่คุณพอใจยังมีอีกมากครับ คงได้พบกันบ้างแหละ เว้นแต่ไป รพ.เอกชน ที่ค่ารักษาแพงๆแบบมหาโหด  อาจได้คุยนานหน่อย จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:22:29

ความคิดเห็นที่ 21   ผมและครอบครัวเป็นคนไข้ประจำของโรงพยาบาลแห่งนี้ แพทย์ที่ตรวจรักษาก็ล้วนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค, เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ย และแพทย์บางท่านมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ในการตรวจรักษาอาการของโรคบางชนิดก็ไม่แสดงให้เห็นชัดเจน ดังนั้น จึงต้องไปตรวจในแผนกอื่น ๆ ที่แพทย์เห็นว่าเกี่ยวข้อง ผมขอแนะนำให้ จขกท. ตรวจคลีนิคพิเศษ โดยเสียค่าตรวจ 300 บาท ไม่รวมค่ายา คนไข้น้อย จากคุณ : sinana@live.co.uk เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 17:48:17 A:203.121.137.130 X: TicketID:272361

ความคิดเห็นที่ 22 เราเป็นคนอธิบายอะไรไม่เก่ง มีอะไรอยากจะบอกในหัวมากมาย แต่อธิบายไม่ถูกเลย ว่าจะไปลงคอร์สทักษะการพูดสักหน่อย จากคุณ : พิณณ์อวี เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 18:58:37

ความคิดเห็นที่ 23   #20 ผมว่าน่าจะมีผลกับการตรวจรักษา เพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยบางคนเสียโอกาสในการรับการรักษากับแพทย์ครับ จากคุณ : ปรายภพ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 19:42:51

ความคิดเห็นที่ 24 #23 เสียโอกาสในการรักษากับแพทย์นี่หมายความว่ายังไงหรือครับ ? จากคุณ : ext.ผักชี เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 22:56:25

ความคิดเห็นที่ 25 คุณพ่อเคยไปใช้บริการ รพ.ราชวิถี แพทย์เอาใจใส่ดีมากๆ สอบถามอย่างละเอียดและให้เวลาคุยกับคนไข้ มีการส่งต่อไปตรวจแผนกอื่นเมื่อสงสัยในอาการของโรค  แพทย์หลายๆ คนมีการวิเคราะห์วินิจฉัยโรคร่วมกันแสดงถึงความเอาใจใส่ ถึงแม้จะเสียเวลาตรวจไปถึง 3 เดือน กว่าจะทราบผลสรุป (กังวลตลอดค่ะเพราะตรวจแล้วตรวจอีก)  แต่ก็ชื่นใจ และขอบคุณคุณหมอกับขั้นตอนการตรวจที่มีคุณภาพค่ะ จากคุณ : ขวัญใจซูโม่ เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 00:10:38

ความคิดเห็นที่ 26 เพือนเป็นนักศึกษาแพทย์ที่นี่ค่ะ...จากการสอบถามเพื่อนเช่นกัน มันก็บอกว่า อาการเจ็บหน้าอกเป้นได้หลายอย่าง จำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม หากมีอาการไม่ชัดเจน การเจ็บหน้าอกไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงปอดกับหัวใจเท่านั้นค่ะ และมันบอกอีกอย่างว่า เพียงแค่สั่ง"โวลทาเรนทาแก้ปวดเมื่อย"ให้คนไข้ ยังต้องรอพี่แพทย์ประจำบ้านมาเซ็นให้เลย(มันรอถึงครึ่งวัน)ดังนั้น คนที่คุณเจอก็คงเป็นแพทย์ที่จบแล้วค่ะ เพราะพยาบาลจะรับออเดอร์จากนนศพ.แม้แต่น้อย ปล.และเพื่อนฝากบอกว่า คนไข้บางท่าน ญาติคนไข้บางท่าน ที่อาจไม่พอใจการรักษาหรือเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้หมอใหญ่มา ไม่มาดูและอย่างรวดเร็ว มันฝากบอกว่า..ไม่ได้ปฏิเสธการรักษานะคะ แต่คนไข้เยอะมากๆ อาจทำให้การดูแลไม่รวดเร็วไม่ทั่วถึง ก็อยากจะให้ญาติเข้าใจ ด้วยค่ะ.. ถ้าเป็นเช่นนั้นในความคิดเรา ที่ต้องการการดูและตลอดเวลาและรวดเร็ว อยากให้ลองพิจารณาโรงพยาบาลเอกชนดีกว่าค่ะ...(ที่เราคิดนะ) จากคุณ : doctain เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 06:54:13

ความคิดเห็นที่ 27 การที่เค้าใช้นักศึกษาแพทย์ เค้าไม่ได้ใช้นักศึกษาที่เพิ่งเข้าไปในมหาวิทยาลัยนะค่ะ แต่เค้าใช้นักศึกษาที่มีความรู้มากพอที่จะเป็นหมอในอนาคตได้ (ปี 6) ซึ่งบุคคลเหล่านั้นก็จะเป็นหมอในอนาคตอันใกล้นี้แล้วค่ะ  แต่การที่เค้าตรวจนั้น คนไข้ก็ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิอีกรอบนึงค่ะ ให้โอกาส เค้าไปฝึกมือกันหน่อยเถอะค่ะ ดีกว่า เค้าไปเป็นหมอแต่ไม่เคยออกไปตรวจคนไข้จริงๆ เรียนแต่ทฤษฏีอย่างเดียว ถ้าคุณอยากเลี่ยงการตรวจโดยนักศึกษาแพทย์ คุณคงต้องไปรักษาโรงพยาบาลที่ไม่ใช่โรงเรียนแพทย์ -รพ ราชวิธี(จะมีโครงการผลิตแพทย์ร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิต) - รพ รามา (คณะแพทย์ศาสตร์มหิดล) -รพ ศิริราช (คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) -รพ วชิรพยาบาล -รพ พระมงกุฎเกล้า -รพ หัวเฉียว -รพ จุฬา และอีกมากมาย คุณลองคิดย้อนกลับไปตอนช่วงที่คุณเรียนมหาวิทยาลัย ปี 3 ปี 4 ช่วงนั้นคุณก็ต้องฝึกงานเหมือนกันไม่ใช่เหรอค่ะ แล้วตอนนั้นคุณก็คงต้องมีคนกำกับดูแลงานคุณ เพื่อให้งานถูกต้องเหมือนกันล่ะค่ะ จากคุณ : tinker_nymph เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 15:01:02

ความคิดเห็นที่ 28 คิดว่าแพทย์ไม่มีเวลาอธิบายเพราะว่ามีคนไข้หมดสติรออยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ จากคุณ : ฝ้ายผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 19:42:27

ความคิดเห็นที่ 29 คห 27 ครับ รพ หัวเฉียว มีนักศึกษาแพทย์ ด้วยเหรอครับ?? สงสัยเป็น หมอฝังเข็ม อิอิ ตอบในประเด็นอื่นบ้างครับ คือว่า ถ้ามีใครเอาอะไรมาให้ผมอ่าน ผมก็คงไม่อ่านครับ อาจจะมองดูผ่านๆ ที่เหลือ ถามเอาครับ คนไข้ อยากบอกอะไร ก็บอกมา ยกเว้น ไม่สามารถพูดได้ครับ ส่วนการดูฟิล์ม ผมก็จะดูเฉพาะส่วนที่มีอาการครับ ดูมากแล้ว งง (ถ้าเป็น รังสีแพทย์ จะดูละเอียด) แล้ว กลุ่มของโรค ส่วนมาก ถูกแยกจากอายุ และ ความเสี่ยงต่างๆ ครับ ซึ่งจะทำให้ การตรวจวินิจฉัย ทำได้เร็วครับ (ขึ้นกับประสบการณ์ด้วย) ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : อรุณรุ่งที่ต่างแดน เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 20:00:42

ความคิดเห็นที่ 30 ไปผ่าตัด หมอมาดูแผลทุกเช้า ก็ชอบลงท้ายด้วย "เนอะ" ตลอด ในใจยังคิดว่า หมอปรึกษาหนูหรอ เช่น อีกสองวัน drain ก็น่าจะน้อยลงเนอะ.....มัน คือ อะ ราย คะ ??? งง แต่ก้เข้าใจว่าเหมือนคำต่อท้ายที่ๆม่มีความหมายอะไร แต่หมอบางคนก็ไม่อธิบายอะไรจรงๆแหละ เบื่อ จากคุณ : the_pams เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 21:13:24

ความคิดเห็นที่ 31   โรคประสาทครับ ผมว่านะ จากคุณ : atk138 เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 00:20:50

ความคิดเห็นที่ 32 คำว่า เนอะ เนี่ย คือไม่ใช่คำถามจากหมอค่ะ มันเป็นเพียงคำลงท้ายที่อาจจะทำให้ดูสุภาพขึ้นเช่น หมอจะให้ยาไปกินนะ  อาจจะฟังดูห้วนไป แต่ หมอให้ยาไปกินเนอะ  ฟังแล้วรื่นหูกว่าซึ่งคนไข้อาจจะงง คำถามป่าวเนี่ย  แต่ถ้าจะให้ดี  น่าจะพูดว่า หมอให้ยาไปกินนะคะ/ครับ แต่หมอบางคนติดพูดเนอะ ไปซะแล้ว ส่วนเรา คนเหนือ บางทีพูดกะคนไข้  ติดคำว่า  เน่อ  ยายย่ะจะอี้เน่อ แล้วจะดีขึ้นเน่อ ^___^ จากคุณ : miki (mikiojung0_0) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 14:53:52

ความคิดเห็นที่ 33   ไปหาที่อื่นหลายที่ เพื่อ ฟัง other openion เราไม่ควรเชื่อหมอเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ควร ดูถูกหมอ  การหาหลายที่เพื่อความชัดเจน และถ้าสอดคล้องเหมือนกัน ก็เลือกที่ค่ารักษาที่รับได้และ การได้หมอที่แนะนำอธิบายให้คนไข้ฟังอย่างชัดเจน ก็จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นปฎิบัติตัวได้ดีขึ้น หมอมีคนไข้เยอะ หมอเจอเหตุการณ์ทุกวัน แต่เราเพิ่งเจอcase ที่ผิดปกติกับตัวเองเราก็จะรู้สึกแย่และวิตก แต่หมอเจอทุกวันปกติ  ลองหาหลายๆที่มาเปรียบเทียบดูก็จะได้มั่นใจ บางทีหาสัก 3-4ที รับรองชัดเจนนะ อาจจะคิดถึงหมอคนแรกก็ได้ อย่าคิดมาก ยิ่งเครียดเพราะนั้นอาจเป็นสาเหตุของการ ปวดใจและเจ็บหน้าอกได้   ต้องให้โอกาสหมอใหม่ ถ้าเราไม่เป็นคนไข้ของหมอใหม่และจะมีหมอเก่งๆได้อย่างไร  แต่หมอกว่าจะจบได้ไม่ง่ายเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว ถ้าเราไม่มั่นใจก็เปลี่ยน แต่ต้องให้โอกาสหมอใหม่ด้วย เราเชื่อว่าบางคนหมอใหม่ ไฟแรงกว่าหมอเก่านะ และน่ารักกว่าด้วย เพราะตั้งใจมาก ระวังมากด้วยล่ะ   ใจเย็นนะๆ จากคุณ : มีน้ำใจ (มีน้ำใจ) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 00:16:35

ความคิดเห็นที่ 34   ผมเห็นใจทั้ง คุณหมอ และ คนไข้ ทุกๆท่านครับ ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้นทางที่ดีแล้วควรจะเข้าใจซึ่งกันและกัน หมอ และ คนไข้ ต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกันย่อมจะมีอารมณ์ เหมือนกันทั้งหมดครับ จากคุณ : คนกรุงเทพพพ เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 15:25:47 A:58.9.220.205 X: TicketID:275776

ความคิดเห็นที่ 35   ขอให้ทุกๆท่าน มีความ รัก ความสงสาร กันมากครับ จากคุณ : คนกรุงเทพพพ เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 15:32:54 A:58.9.220.205 X: TicketID:275776